หมอหลวงที่หยุดเืกำเดาที่ไหลขององค์รัชทายาทไปเมื่อครู่ ตอนนี้เขาก็กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือองค์หญิงฉู่จุนหนิงอีกครั้ง เขารู้สึกว่าครั้งนี้องค์รัชทายาทไม่ได้พาเขามาช่วยเหลือผู้คน แค่เพียงอยากจะเล่นกับร่างกายแก่ๆ ของเขาเท่านั้น
“ผู้หญิงคนนี้อยู่กับท่านได้อย่างไรกัน” ฉู่จื่ออวี้มองไปยังฉู่จุนหนิงที่หมดสติ พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เมื่อเขามองไปที่เซียวเจวี๋ยก็เข้าใจได้ในทันที และส่งเสียงหึออกมา “นางช่างตามรังควานไม่รู้จบจริงๆ! พี่เซียว ท่านไม่เป็อะไรใช่ไหม?”
เซียวเจวี๋ยยิ้ม “มีองค์หญิงปกป้องกระหม่อมอยู่ กระหม่อมย่อมปลอดภัยดีอยู่แล้ว”
ชิงอีที่อยู่ข้างๆ สีหน้าไม่แยแส
ฉู่จื่ออวี้ที่อยากจะถามว่าเหตุใดนางถึงปกป้องท่านได้?
ทันใดนั้น เมื่อนึกถึงสันจมูกของตนเองที่เกือบจะหัก เขาก็ปิดปากอย่างโกรธเคือง
ทุกคนข้างๆ ต่างแอบหัวเราะ คนชั่วร้ายยังไงก็ต้องโดนคนชั่วร้ายบดขยี้ ก็เหมือนกับองค์หญิงใหญ่ที่สามารถจัดการกับองค์หญิงจุนหนิงท่านนี้ได้!
ฉู่จุนหนิงที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับจะอ้าปากเพื่อดุด่าคน ทว่า ปากของนางยังคงปิดอยู่ ฉู่จื่ออวี้เห็นว่ารูปลักษณ์ของนางผิดไปเล็กน้อย ดังนั้นจึงเรียกคนให้มาแก้มัดให้นาง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็รู้สึกเสียใจ
เมื่อฉู่จุนหนิงอ้าปากก็กรีดร้องขึ้นมาทันใด ร้องไห้และกรีดร้องโดยกล่าวหาชิงอีทารุณตนเองอย่างโหดร้ายตลอดทาง
“อวี้เอ๋อร์ เ้าต้องช่วยกูกูของเ้านะ! นางกล้าที่จะวางยาพิษข้าจริงๆ ทั้งๆ ที่ข้าเป็ผู้าุโของนางแท้ๆ!”
“เป็พิษชนิดใด?” ฉู่จออวี้ขมวดคิ้วและสีหน้าจริงจังขึ้นทันที เมื่อได้ยินการแสดงออกนี้
เขาคิดจริงๆ ว่าชิงอีสามารถทำเื่เช่นนี้ได้ หญิงสาวผู้นี้หลังจากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง นางก็ทำเื่บ้าๆ บอๆ ไปไม่น้อย! เมื่อเห็นว่าฉู่จุนหนิงอารมณ์เสียเพราะถูกนางวางยาก็ถือเื่ปกติ
หากไม่มีใครรู้ก็ไม่เป็ไร อย่างไรก็มีหมอหลวงอยู่ที่นี่
หากยายแก่นี่ตายไปแล้ว กลับไปก็คงยากที่จะรับมือ
แสงเย็นวาบในดวงตาขอฉู่จื่ออวี้ เขากำลังคิดหาวิธีที่จะฆ่าใครสักคนอย่างไรดี และทันใดนั้นหน้าผากก็โดนกดลงมา เขาเปล่งเสียงด้วยความเ็ป ทว่า กลับเห็นชิงอีจ้องมองตัวเองด้วยรอยยิ้มราวกับว่าอ่านความคิดก่อนหน้านี้ของเขาได้
ฉู่จื่ออวี้กระตุกมุมปาก เหลือบมองไปก็เห็นหมอหลวงกำลังตรวจสอบชีพจรของฉู่จุนหนิงที่คิดจะขัดขืน ทว่า ชิงอีใส่บางอย่างลงไปในปาก เขาจึงเคี้ยวมันอย่างไม่รู้ตัว อืม หอมมากๆ
“เ้าเอาอะไรให้ข้ากิน” เขาถามเสียงเรียบ
ชิงอีเลิกคิ้วและยิ้ม จากนั้นก็พูดไปว่า “ก็วางยาพิษเ้าไง”
วางยาพิษ? มันไม่ใช่แค่ถั่วหรอกหรือ?
ฉู่จื่ออวี้เข้าใจได้ในทันที ที่แท้ก็เป็ฉู่จุนหนิงที่โง่ไปเอง คิดว่าตนเองถูกทำให้เป็ง่อยไปตลอดทาง?
สองพี่น้องชำเลืองมองกันและกัน และเห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งที่เรียกว่าความเ้าเล่ห์แวบวาบในดวงตาของพวกเขา
“องค์รัชทายาท กระหม่อมได้ตรวจชีพจรขององค์หญิงใหญ่แล้ว นางไม่...” หมอหลวงยืนขึ้นและถูกขัดจังหวะ โดยฉู่จื่ออวี้ เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ารู้แล้วว่า องค์หญิงใหญ่กำลังจะไม่รอดแล้ว มีเพียงความตายเท่านั้น เรารีบกลับวังแล้วเรียกกลุ่มหมอหลวงมาปรึกษาหารือกันเถอะ”
หมอหลวง : ...
กระหม่อมทูลเช่นนั้นเมื่อไรกัน? เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงใหญ่ทรงไม่ได้โดนวางยาพิษ!
ฉู่จุนหนิงกลัวเป็อย่างมากจนใบหน้าหน้าซีดเซียว พร้อมกับเสียงคร่ำครวญร้องไห้ “ฉู่ชิงอี! เ้ายังไม่รีบเอายาแก้พิษออกมาให้ข้าอีกหรือไร!”
“ยาแก้พิษคืออะไร? ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร” ชิงอีเคี้ยวถั่วไปพร้อมกับใบหน้าที่แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เื่ของนาง “ข้าบอกองค์หญิงใหญ่ไปแล้ว หรือท่านไม่กินข้าว สมองก็เลยไม่โต ไม่รู้จะพูดอะไรไร้สาระอะไรนักหนา? ท่านอย่ากินสุ่มสี่สุ่มห้าสิ ท่านไม่ใช่หมูที่เพิ่งออกมาจากกรงเสียหน่อย ที่พอเห็นอาหารก็กินหมด แล้วมาโทษว่าข้าวางยา สวดขอให้พระเ้าปกป้อง ทว่า เป็ท่านต่างหากที่กำลังพยายามฆ่าข้า!”
หมอหลวงที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า มากเกินไปจริงๆ เห็นได้ชัดว่าไม่มีพิษ แล้วยังบอกว่าองค์หญิงเป็คนวางยาอีก แบบนี้จะไปเป็ผู้าุโได้อย่างไรกัน!
ฉู่จุนหนิงตัวสั่นด้วยความโกรธ แม้กระทั่งพูดก็พูดไม่ออก
องครักษ์ที่อยู่บริเวณรอบๆ ก้มหน้าลงเงียบๆ องค์หญิงใหญ่ช่าง...ไร้ยางอายจริงๆ!
สำหรับความสามารถโกหกโดยชั่วพริบตาของนาง พวกเขาพูดได้เพียงว่าสุดยอด!
รอยยิ้มในดวงตาของเซียวเจวี๋ยหายวับไป และแสงสว่างวาบขึ้นมาในตา ชิงอีที่บังเอิญเหลือบไปเห็นก็ตกตะลึง เมื่อครู่หนุ่มน้อยนั่นยิ้มงั้นหรือ?
เมื่อมองดีๆ แล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นยังคงหยิ่งผยองและไม่แยแส
อืม เมื่อครู่คงตาฝาดไปเองกระมัง!
“ค่ำแล้ว รีบกลับวังกันเถอะ” ฉู่ชิวอวี่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง
เมื่อหัวหน้าองครักษ์ออกคำสั่ง ฉู่ชิงอีก็เดินกลับไปที่รถม้าอย่างเฉื่อยชาเพื่อเข้านอน ทันทีที่เท้าก้าวเข้าไปก็มีมือหนึ่งมาจับเอาไว้
“เ้าขึ้นมาทำอะไร?” ชิงอีที่รอให้ฉู่จื่ออวี้ปล่อยและคิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้กำลังมาขวางทาง จึงคิดว่าต้องเตะเขาลงไปอีกครั้งหรือไม่
ผลสุดท้ายก็ปล่อยให้เด็กน้อยขึ้นมา และนอนบนตักของนาง ปากก็พูดพึมพำว่า “เหนื่อยมาตลอดทางแล้ว ให้ข้าพักผ่อนเถอะ”
ชิงอีขมวดคิ้ว มองดูท่าทางง่วงนอนของเขา และในที่สุดตาก็ค่อยๆ ปิดลง
“แค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ”
หนุ่มน้อยส่งเสียงครวญครางราวกับกำลังฝันอยู่ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ผล็อยหลับไป
ดูเหมือนจะเหนื่อยจริงๆ
เมื่อเข้าใกล้เมืองหลวง ฉู่จื่ออวี้ก็ตื่นขึ้นมา ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรก็ถูกชิงอีไล่ลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว องค์รัชทายาทที่ถูกตีก็โกรธ ทว่าไม่กล้าที่จะพูดออกไป ภายใต้ความสนใจขององครักษ์ที่หัวเราะเยาะ เขาจึงปีนขึ้นไปบนหลังม้าอย่างโกรธเคือง
ให้ตายเถอะ ฉู่ชิงอีผู้นี้ ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!
“พี่เซียว ท่านควรถอนหมั้นได้แล้ว! หญิงสาวผู้นี้แต่งไปก็จะเป็หายนะเอา!” ฉู่จื่ออวี้จ้องที่รถม้าและพูดด้วยความเกลียดชัง “น่าจะปล่อยนางให้อยู่ในวัดตงหวา แล้วก็กินอาหารมังสวิรัติไปชั่วชีวิต”
เซียวเจวี๋ยมองเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ ‘พี่น้อง’ คู่นี้มีนิสัยปากไม่ตรงกับใจเหมือนกันไม่มีผิด
“อืม ดูเหมือนว่าข้าคงต้องพิจารณาให้รอบคอบแล้ว”
สีหน้าของฉู่จื่ออวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่งเสียงกระแอมออกมาและพูดอย่างรวดเร็วว่า “พี่ใหญ่เซียว...หากท่านพูดว่าจะเปลี่ยนท่านก็จะเปลี่ยนเลย เช่นนี้ก็แสดงว่า....นางคงไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิงสินะ”
เมื่อเห็นว่าเขารู้สึกอึดอัดใจเกินไป เซียวเจวี๋ยก็หยุดหยอกล้อเขา
ฉู่จื่ออวี้รีบเปิดหัวข้ออย่างรวดเร็ว และถามไถ่เกี่ยวกับเื่ราวของวัดตงหวา
เซียวเจวี๋ยพูดคุยกับเขาสั้นๆ เกี่ยวกับเื่ราวทั้งหมด ซึ่งมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รับรู้ได้ถึงความระทึกขวัญ สีหน้าของฉู่จื่ออวี้ก็เปลี่ยนไป “วัดตงหวาเป็ที่เคารพบูชาของราชวงศ์มาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็ฐานที่มั่นของเหล่าคนชั่ว เื่นี้ต้องจัดการอย่างเคร่งครัด! ทว่า ได้สืบหรือไม่ว่าใครเป็คนยุยงให้ฆ่าเสด็จพ่อ?”
“ประเด็นนี้ องค์หญิงใหญ่รู้ดีที่สุด” เซียวเจวี๋ยยิ้ม
ฉู่จื่ออวี้มองเขาด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเซียวเจวี๋ยพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในใจของเขาสงสัยว่า เหตุใดพี่หญิงของตนเองถึงได้ศึกษาเกี่ยวกับวิชาคาถาของซวนเหมิน?
เื่นี้ก็ต้องถามอย่างรอบคอบเช่นกัน มิฉะนั้นเมื่อกลับถึงวังหลวง อาจจะถูกคนนำไปเป็จุดอ่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนเ่าั้ล่ะ?” ฉู่จื่ออวี้ชี้ไปที่เกวียนที่คลุมด้วยผ้าสีขาวด้านหลังโดยมีขาหลายข้างโผล่ออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็ศพ
ดวงตาของเซียวเจวี๋ยสั่นไหวเล็กน้อยๆ “ก็แค่นักฆ่า”
ฉู่จื่ออวี้กระชับบังเหียนโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเขาก็ดูไม่ดีขึ้นมาทันใด “ต้องเป็สมุนที่ไทเฮาแก่นั่นส่งไปแน่ๆ!”
“ก็ไม่แน่นอนหรอก” เซียวเจวี๋ยยิ้มจางๆ “ทว่า หากเป็ไทเฮา ก็คงไม่ให้บุตรสาวของตนเองเข้ามาพัวพัน ทำให้องค์หญิงใหญ่สิ้นพระชนม์อย่างเงียบๆ ในวัดตงหวาจะไม่ดีกว่าหรอกหรือ?”
“ถ้าอย่างนั้น ก็มีแค่ครอบครัวนั้นแล้วล่ะ...” ชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของฉู่จื่ออวี้เ็าอย่างมาก “ดีมาก ดีจริงๆ! หลังจากกลับไปที่วังหลวงแล้ว ข้าต้องคิดบัญชีกับพวกเขาอย่างแน่นอน!”
“ต้องค่อยๆ คิดบัญชีกันไป อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเคาะูเาะเืพยัคฆ์[1] ...”
เมื่อฉู่จื่ออวี้มองรอยยิ้มที่มีเลศนัยบนใบหน้าของเขา ก็ตัวสั่นเทาอย่างอธิบายไม่ได้
มักจะรู้สึกได้ถึง...
ระดับความร้ายกาจของพี่เซียวพอๆ กับพี่หญิงผู้บ้าคลั่งของเขา
*****************************
[1] เคาะูเาะเืพยัคฆ์ หมายถึง การกีดกันคู่ต่อสู้ หรือบังคับคู่ต่อสู้ที่ซ่อนเร้นให้เปิดโปงเป้าหมาย ข่มขวัญให้ฝ่ายตรงข้ามยินยอมสวามิภักดิ์
