ในคราแรกหากไม่ใช่เพราะข่าวระหว่างเขากับซ่งอีอีแพร่ออกไป การแต่งงานนี้ก็คงไม่มาตกอยู่ที่เป่ยเซวียนเฉิง
ถึงแม้จะเป็แผนจากความจงใจของเป่ยเหลียนโม่ แต่เหยาเชียนเชียนย่อมไม่พูดเช่นนั้นอย่างแน่นอนและจะไม่มีผู้ใดรู้เื่นี้ ซ่งอีอีเองก็รู้สึกว่าการที่เป่ยเซวียนเฉิงตอบรับการแต่งงานครั้งนี้อย่างจำใจนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเหยาเชียนเชียนอย่างสลัดไม่หลุด
“ถึงแม้เขาจะแต่งงานกับข้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่เดิมทีเขาก็ไม่จำเป็ต้องแต่งงานกับผู้อื่น เขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องถูกหัวเราะเยาะอย่างลับๆ เหมือนเช่นเวลานี้ หรือแม้แต่อาจจะไม่ต้องโดนสตรีที่รักและทะนุถนอมที่สุดดูถูก”
เหยาเชียนเชียนพินิจมองสีหน้าของซ่งอีอีด้วยหางตา เห็นได้ว่านางกำลังฉุนเฉียว ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยเส้นเืฝอย ราวกับนางกำลังพยายามควบคุมมันอย่างสุดความสามารถ
“ภายในใจของผู้ใดเล่าจะไม่คะนึงหารักเก่าเลยสักนิด ในคราแรกซ่งเช่อเฟยทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ ทั้งใส่ร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า และเมื่อวันอภิเษกก็ยังให้องค์ชายสามคอยจับตาดูข้าระหว่างเข้าร่วมพิธี หากมีสิ่งใดที่รับไม่ได้ก็สมควรแล้ว”
ซ่งอีอีมองมาด้วยสายตาเ็า ในลำคอราวกับกลืนทรายหนักราวสิบชั่งเข้าไป มันแหบแห้งจากการถูกแผดเผาด้วยความโกรธ
“ข้าไม่ได้เชิญเ้ามาร่วมพิธี เื่ในยามนั้นไม่ว่าเ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ข้าก็ถูกผู้อื่นใส่ร้ายเช่นเดียวกัน ข้ารักท่านอ๋องมากเพียงนั้น จะไปมีสัมพันธ์สวาทกับผู้อื่นได้อย่างไร!”
เหยาเชียนเชียนยิ้มพลางส่ายหน้า “เื่นี้ข้ารู้ไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด ซ่งเช่อเฟยไปอธิบายให้องค์ชายสามฟังเสียดีกว่า เขาต่างหากที่เป็คนใส่ใจมากที่สุด หากไม่ใช่เป็เพราะเื่ในครั้งนั้นก็คงไม่ทำให้เกิดงานอภิเษกนี้ขึ้น”
ซ่งอีอีพลันเบิกตากว้าง นางเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เหยาเชียนเชียนกำลังจะพูดกับนางแล้ว แม้ว่ามันอาจจะเล็กน้อย แต่เมื่อนางครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วจะรู้สึกหวาดหวั่นก็เป็เื่ที่สมเหตุสมผล
ด้วยเพราะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับนาง เป่ยเซวียนเฉิงจึงจำใจต้องสู่ขอนางเป็เช่อเฟย เป็ดังเช่นที่เหยาเชียนเชียนกล่าว เขาน่าจะแค้นเคืองนางไม่น้อย
ความแค้นนี้ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ทุกคืนวันอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อถึงวันอภิเษก เขาจึงกระทำการบางอย่างที่ชักจูงให้ทุกคนสงสัยในตัวนาง เพียงเพื่อล้างแค้นให้กับตัวเอง!
“แต่...แต่ว่าทั้งๆ ที่เขาให้ความสำคัญกับเ้าถึงเพียงนั้น เขาจะกล้าเอาชีวิตของเ้ามาเสี่ยงกับการวางแผนทำร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร” ซ่งอีอีทรุดตัวลงบนเก้าอี้ด้วยรู้สึกวิงเวียนศีรษะ
“เขาไม่กลัวว่าแผนการจะเกิดความผิดพลาด เขาไม่กลัวว่าเ้าจะจมน้ำตายไปจริงๆ เลยหรือ?”
เหยาเชียนเชียนพ่นลมหายใจยาวเหยียด จากนั้นก็เงียบไปสักพักราวกับว่านางรู้สึกเ็ปใจเป็อย่างยิ่ง
“แต่เวลานี้ข้าก็ยังอยู่ดีต่อหน้าเ้าไม่ใช่หรือ? นอกจากเขาแล้ว ข้าก็นึกถึงผู้อื่นไม่ออกแล้วจริงๆ แม้ว่าใจข้าจะไม่อยากเชื่อ แต่คนที่สามารถสั่งงานทุกคนในตำหนักได้ตามอำเภอใจ ทั้งยังมีเหตุผลเพียงพอที่จะทำเื่เช่นนี้ นอกจากองค์ชายสามแล้วจะยังมีผู้ใดอีกเล่า?”
เหยาเชียนเชียนย้อนถามว่า “ในวังหลวงแห่งนี้ยังมีผู้ใดมีความจำเป็ที่จะต้องวางแผนทำร้ายเ้าอีกหรือ?”
ซ่งอีอีเงยหน้าขึ้นและจ้องมองเหยาเชียนเชียนด้วยดวงตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยเส้นเื ก่อนจะกล่าวอย่างอึมครึมว่า “ยังมีเ้าอย่างไรเล่า หากโเี้พอ พระชายาชิงผิงอ๋องสามารถวางแผนเองและใช้แผนนั้นมาแก้แค้นข้าก็เหมาะเจาะที่สุดแล้ว”
แค่ก เหยาเชียนเชียนคิ้วกระตุก พอกล่าวเช่นนี้นางก็ดูน่าสงสัยจริงๆ
“หากข้าอยากแก้แค้น เหตุใดต้องเลือกวิธีที่อันตรายเช่นนี้ อย่างน้อยข้าก็คงไม่ไปอยู่ที่ริมทะเลสาบที่เปลี่ยวเงียบเช่นนั้น ถ้าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นข้าจริงๆ ข้าไม่จมอยู่ใต้ทะเลสาบไปแล้วหรือ ขอพูดความจริงสักประโยค มันช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย”
เหยาเชียนเชียนหัวเราะเย้ยหยันและเตือนซ่งอีอีว่าแม้คราแรกซ่งอีอีจะกล่าวหาว่าตนส่งคนไปลอบสังหารนาง แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่ากลัวและมีอันตรายใดๆ และนางก็ไม่ได้รับาเ็ เพียงแค่ตื่นใเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เจ็บไม่คันและหายดีได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน
นั่นก็ใช่ ซ่งอีอีหลุบตาลงเล็กน้อย หากทำไปเพื่อสตรีที่ทั้งน่าชังและน่าสะอิดสะเอียนคนหนึ่งก็ไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงชีวิตตัวเองเลยจริงๆ ดูท่าว่าความคิดที่เหยาเชียนเชียนมีต่อนางก็คงจะเป็เช่นเดียวกันกับของนาง
“เมื่อยามที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ในเวลานั้นข้ายังคงสลบอยู่ แต่ทุกคนก็ตัดสินกันไปแล้วว่าคนร้ายได้รับคำสั่งมาจากซ่งเช่อเฟย นั่นแสดงว่าวิธีนี้ได้ผลจริงๆ และเสด็จพ่อก็ห้ามท่านอ๋องไม่ให้สอบสวนต่ออย่างลับๆ เ้าคิดว่าเป็เพราะเหตุใดเล่า?"
ฮ่องเต้้าปกป้องบุตรชายของพระองค์!
ซ่งอีอีสูดเอาไอเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง มิน่าเล่า สุดท้ายเื่นี้ถึงได้จบลงไปอย่างค้างคา โดยการผลักให้สาวใช้ที่ติดตามนางมาตอนแต่งงานให้ไปตายตามอำเภอใจ ฮ่องเต้ทรงทราบเื่นี้ดี เขารู้ว่านางถูกใส่ร้าย แต่เพื่อองค์ชายสามดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ชิงผิงอ๋องสืบสวนต่อไปอีก
ดียิ่ง ความสัมพันธ์พ่อลูกช่างลึกซึ้งโดยแท้ ซ่งอีอีกัดฟันกรอด ไม่ว่าอย่างไรแต่สุดท้ายกลับทําให้นางต้องแบกรับชื่อเสียงที่ไม่ดีเอาไว้ทั้งหมด ฮ่องเต้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
เหยาเชียนเชียนยืนขึ้นและเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าซ่งอีอี ก่อนจะค่อยๆ ยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้
“เ้าจะทำอะไร เ้าคงไม่ได้รู้สึกสมเพชข้าเพียงเพราะเื่นี้หรอกกระมัง?”
ซ่งอีอีปัดผ้าเช็ดหน้าจนตกพร้อมกับเหยียดยิ้มเย็น แม้ว่านางจะถูกสามีวางแผนทำร้าย แต่นางก็ไม่อาจเผยความเ็ปแม้เพียงน้อยนิดออกมาต่อหน้าเหยาเชียนเชียนได้ นั่นเพื่อไม่ให้สตรีผู้นี้ถือโอกาสโอ้อวดกลับอย่างได้ใจ
เหยาเชียนเชียนหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ถูกปัดตกขึ้นมาโดยไม่แสดงท่าทีโกรธเคืองใดๆ นางทอดสายตามองไปทั่วตำหนัก แม้จะงดงามมากเพียงใด แต่หากต้องอยู่ที่นี่ทั้งวันทั้งคืนจริงๆ ดูท่าว่านางก็ไม่อาจนอนหลับสนิทได้
“ไม่ว่าเ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะถือโอกาสเยาะเย้ยเ้า ยามนี้ได้เห็นสถานการณ์ของเ้าแล้ว ข้าเพียงรู้สึกว่าคนที่ข้ารักในยามแรกนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ข้าจึงรู้สึกหดหู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
เหยาเชียนเชียนจัดอาภรณ์ให้เรียบร้อยและมองไปยังซ่งอีอีที่อยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นนางจึงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า
“ยามที่ข้ารู้เื่นี้ยังได้ยินอีกเื่หนึ่งมาด้วย องค์ชายสามเลี้ยงดูสตรีผู้หนึ่งไว้อย่างดีที่เรือนเล็กแถบชานเมือง หลังจากที่ข้าได้รู้จักกับเขา สตรีนางนั้นก็ถูกเลี้ยงไว้ที่เรือนเล็กแล้ว ช่างน่าขันยิ่งนัก”
ซ่งอีอีเงยหน้าขึ้นและมองไปยังแผ่นหลังของเหยาเชียนเชียน มุมปากเหยียดยิ้มเย้ยหยัน ผู้คนทั่วทั้งนครหลวงต่างพูดกันว่าในยามนั้นองค์ชายสามและเหยาเชียนเชียนรักกันและเหมาะสมกันมากเพียงใด พอมายามนี้เหยาเชียนเชียนกลับต้องมาค้นพบเื่นี้ด้วยตัวเอง
เมื่อพบกับนางครั้งแรก องค์ชายสามได้เลี้ยงดูสตรีนางหนึ่งไว้ที่เรือนเล็ก ทั้งยังเลี้ยงดูอย่างดีมาจนถึงยามนี้โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ เห็นได้ชัดว่าความรักที่น่าซาบซึ้งใจในคราแรกนั้นคงมีเพียงนางที่รู้สึกอยู่ผู้เดียวกระมัง
“เป็เพราะข้ามองคนไม่ขาดเอง แต่ข้าไม่ได้มาเพื่อเปิดเผยความเ็ปของข้าเพื่อให้เ้ามีความสุข แต่ข้ามาเพื่อให้ซ่งเช่อเฟยรักษาตัวเองต่างหากเล่า” เหยาเชียนเชียนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ยามนี้ข้าไม่เกี่ยวข้องอันใดกับองค์ชายสามอีกต่อไปแล้ว สำหรับข้า สตรีนางนั้นเป็เพียงบ่าวคนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับข้า แต่ซ่งเช่อเฟยต่างหากที่ต้องพิจารณาคนเหล่านี้อย่างระมัดระวัง อย่าปล่อยให้ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็มีน้องสาวเข้าวังมาเพิ่มอีกคน เช่นนั้นองค์ชายสามจะยิ่งไม่มีเวลามาดูแลเ้ายิ่งกว่าเก่า”
เหยาเชียนเชียนมองอีกฝ่ายอย่างสื่อความหมายลึกซึ้ง แววตาเบิกบานมองลึกลงไปถึงในใจของซ่งอีอี ทําให้นางเหมือนกับถูกตบหน้าต่อธารกำนัล ใบหน้าของนางไร้สีเื ยิ่งรู้สึกละอายที่จะรั้งเรียกอีกฝ่ายไว้
ยามนี้เหยาเชียนเชียนเป็พระชายาของชิงผิงอ๋อง ย่อมไม่จำเป็ต้องสนใจสตรีเ่าั้อีกแล้ว หากโกรธเคืองก็ยังมีชิงผิงอ๋องคอยปลอบโยน แต่กับตัวของนางเล่า?
นางถูกสามีวางแผนทำร้าย และที่สามีปฏิบัติต่อกันเช่นนี้ก็มีเหตุมาจากสตรีที่นางชิงชังที่สุด เช่นนั้นจะไม่ให้นางเกลียดและคับแค้นใจได้อย่างไร
ยามนี้ปัญหาเหล่านี้ล้วนตกมาถึงนาง สตรีในเรือนเล็กอันใดกัน และคาดไม่ถึงว่าเขาจะเลี้ยงอย่างหลบซ่อนมาเป็เวลานานแล้ว ไม่รู้ว่าเหยาเชียนเชียนรู้ข่าวนี้มาจากที่ใด แต่หากข่าวแพร่ออกไปให้ผู้อื่นรับรู้เพิ่มอีก เช่นนั้นเกียรติของเช่อเฟยเช่นนางจะเป็อย่างไร!
“แม้ว่าองค์ชายสามจะชิงชังข้า แต่เนื่องด้วยเกียรติของราชวงศ์ เขายังคงต้องเคารพข้าต่อหน้าคนนอก หากปล่อยให้สตรีอื่นร้องเพลงและเต้นรำอยู่ข้างกายเขา แม้แต่ความใส่ใจสุดท้ายเพียงเล็กน้อยของเขาข้าก็อาจจะสูญเสียมันไป”
ซ่งอีอีนั่งอยู่ในตำหนักเพียงลำพังเป็เวลานาน จากนั้นข้าหลวงก็มาแจ้งว่าองค์ชายสามจะรั้งอยู่เสวยสำรับเที่ยงกับฮ่องเต้ ดูเหมือนว่าเขาจะพูดคุยเกี่ยวกับฝีมือการเล่นหมากล้อมกับฮ่องเต้ และจะกลับมาไม่ได้สักระยะหนึ่ง
“พอดีเลย” ซ่งอีอีลูบมวยผมและขอให้บ่าวไพร่ช่วยนางผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ “เปิ่นเช่อเฟยจะออกไปนอกวัง พวกเ้าอย่าทำให้ผู้อื่นแตกตื่น เตรียมตัวเงียบๆ ก็พอ”
เรือนเล็กขององค์ชายสามนั้นสืบหาไม่ยาก ทว่าสิ่งที่ยากคือการที่เขาปกป้องสตรีผู้นั้นไว้อย่างระมัดระวังเหลือเกิน นอกจากเหยาเชียนเชียนผู้นั้นแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะยังมีสตรีอีกนางที่มีสถานะเช่นนั้นอยู่ในใจของเขา ดังนั้นนางจะเก็บสตรีผู้นี้เอาไว้ไม่ได้!
“ต้องเป็คนเ้าเล่ห์เป็แน่ เปิ่นเช่อเฟยจะช่วยองค์ชายสามกำจัดนางจิ้งจอกพวกนั้นเอง จะได้ช่วยให้องค์ชายสามรักษาพระวรกายด้วย”
เหยาเชียนเชียนออกมาจากวังหลวง เมื่อนั่งบนรถม้าแล้วถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา
แววตาของซ่งอีอีผู้นั้นยังคงน่ากลัวเหลือเกิน มันทำให้นางอดนึกถึงเหตุการณ์ที่นางถูกผลักตกบันไดในยามนั้นไม่ได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงท่าทางที่ดุร้ายเช่นนั้น นางก็ยังคงรู้สึกหวาดหวั่นอย่างห้ามไม่ได้
“คราวนี้ก็น่าจะทำให้นางกังวลไปได้สักระยะ” เหยาเชียนเชียนกลับมาที่จวนอ๋องอย่างมีความสุข เมื่อรู้ว่าเป่ยเหลียนโม่กำลังรอนางอยู่ก็อดรู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้นไม่ได้ นางรีบพุ่งตัวกลับไปยังเรือนของตัวเองราวกับเป็ดตัวน้อยที่มีลมใต้เท้า
“ท่านอ๋อง” นางวิ่งเหยาะๆ เข้ามา “หม่อมฉันกลับมาแล้วเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่รินชาให้นางจอกหนึ่งอย่างเป็ธรรมชาติ เมื่อเห็นท่าทางผ่อนคลายของนางก็คิดว่าเื่ราวคงเป็ไปอย่างราบรื่น
“หม่อมฉันไปพบซ่งอีอีมาแล้ว แสดงท่าทางโศกเศร้าด้วยความเป็ทุกข์ ทําให้นางเชื่อว่าสตรีผู้นั้นมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อองค์ชายสาม จากนั้นก็เตือนนางว่าฐานะเช่อเฟยของนางในยามนี้เดิมทีก็ไม่มั่นคงอยู่แล้ว ดูท่าว่าอีกไม่นานนักเราคงจะได้ยินข่าวแล้วเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า “ทำได้ดีมาก เื่เช่นนี้ไม่จำเป็ต้องทำให้มือตัวเองสกปรก ปล่อยให้พวกเขาไปจัดการกันเองก็พอ”
เป็ครั้งแรกที่เหยาเชียนเชียนทำเื่เช่นนี้ นอกเหนือจากความตื่นเต้นแล้วก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย นางประคองจอกน้ำชาไว้และโน้มตัวเข้าไปข้างกายเขา
“ท่านอ๋อง พระองค์คิดว่าองค์ชายสามจะรู้หรือไม่ว่าหม่อมฉันเป็คนบอกนาง และจงใจเสี้ยมให้พวกเขาสองสามีภรรยาขัดแย้งกัน เขาจะดูออกหรือไม่ว่าที่จริงแล้วหม่อมฉันกำลังสร้างสถานการณ์?”
เป่ยเหลียนโม่หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “เขาต้องดูออกอย่างแน่นอน เื่นี้ไม่อาจปิดบังเขาได้”
เหยาเชียนเชียนชะงักการเคลื่อนไหว หา?
“แต่แล้วอย่างไรเล่า” เป่ยเหลียนโม่หยิกใบหน้าของนางเบาๆ อย่างอดไม่ได้
“เดิมทีเื่นี้เขาก็ไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว หรือเขาจะบอกผู้อื่นอย่างเปิดเผยบริสุทธิ์ว่าเขาเลี้ยงอนุไว้ข้างนอก ทั้งยังเลี้ยงมาหลายปีแล้วอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นความลุ่มหลงที่มีต่อเ้าล้วนเป็เพียงลมปากเท่านั้น”
หากคำพูดเหล่านี้ถูกแพร่ออกไป เกรงว่าชื่อเสียงของเป่ยเซวียนเฉิงในด้านที่มีรักลึกซึ้งมานานหลายปีก็คงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น เขายังแสร้งทำเป็ลุ่มหลงและหลอกลวงเหยาเชียนเชียน ทั้งยังหลอกทุกคนมานานถึงเพียงนี้ ไม่ว่าผู้ใดได้ฟังก็ต้องอยากถ่มน้ำลาย ดังนั้นเขาไม่กล้ากระพือข่าวอย่างแน่นอน
แม้ว่าซ่งอีอีจะปะาชีวิตสตรีนางนั้น แต่เป่ยเซวียนเฉิงก็ไม่กล้ากล่าวอันใดเช่นกัน และหากเื่ไปถึงฮ่องเต้ ย่อมไม่เป็ผลดีต่อเขาแน่นอน
“ที่ท่านอ๋องกล่าวมาก็มีเหตุผล เื่นี้เขากระทำการอย่างไม่มีเหตุผลก่อน เราไม่จำเป็ต้องกลัวเขาเลย”
เหยาเชียนเชียนพยักหน้าและเหลือบมองนิ้วเรียวยาวของเป่ยเหลียนโม่ นางถึงได้รู้สึกว่าน่าละอายยิ่งนัก การกระทำเมื่อครู่ดูเหมือนว่าจะใกล้ชิดเขาเกินไป
“ท่านอ๋องไม่อยู่ด้วย หม่อมฉันไปพบซ่งอีอีคนเดียวจึงรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนัก” นางก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงต้องกล่าวเช่นนี้ แต่ยามนี้นางทนไม่ไหวแล้ว
“ยามที่มีท่านอ๋องอยู่ด้วย ไม่ว่าจะทำอะไรหม่อมฉันล้วนรู้สึกสบายใจและมั่นใจ ที่หม่อมฉันเป็เช่นนี้มันไร้ประโยชน์มากใช่หรือไม่เพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่ลอบถอนหายใจ เพราะนางเป็เช่นนี้ต่างหากถึงได้ทำให้เขามีความสุขมากเหลือเกิน
