“หนิงต้าหราน ต่อหน้าน้องหก ข้าจะให้เกียรติโดยการเรียกท่านว่าท่านแม่ แต่ตอนนี้นางไม่อยู่แล้ว ข้าขอเอ่ยชื่อท่านตรงๆ เลยแล้วกัน ข้าจะพูดความจริงกับเ้านะ ไม่มีทางเสียหรอกที่ข้าจะยอมให้ท่านพาพวกเรากลับไป แล้วปล่อยให้โขกสับตามใจชอบ ั้แ่วันที่พวกเราออกมาจากสกุลเฉิน ข้าก็ไม่ใช่คนในครอบครัวท่านอีกแล้ว”
หนิงต้าหรานคิดไม่ถึงว่าเฉินเนี้ยนหรานจะเรียกชื่อตนตรงๆ นี่ก็เท่ากับว่านางได้ทำให้มารดาคนนี้กลายเป็คนแปลกหน้าไปเสียแล้ว เมื่อรู้ถึงจุดนี้หนิงต้าหรานก็โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
“เฉินเนี้ยนหราน เ้าไม่เห็นว่าข้าเป็มารดาหรือ!” นางพุ่งเข้ามาตบเฉินเนี้ยนหรานฉาดหนึ่ง
“เพียะ...” เสียงกระทบเนื้อดังลั่น ทำเอาทุกคนยืนตะลึงค้าง ต้าหลางที่คอยดูอยู่รอบนอกตลอดทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว โวยวายไปก็จะเข้าไปตบหนิงต้าหรานไป “เฉินเนี้ยนหรานคนโง่ ทำไมเ้าถึงไม่หลบเล่า ทำไมไม่หลบ...”
ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายไปหมด แต่เฉินเนี้ยนหรานกลับยกมือขึ้นมาดึงต้าหลางให้ไปอยู่ด้านข้าง
“พอแล้ว นางคลอดข้าออกมา ดังนั้นข้าจึงถูกนางตบ ั้แ่นี้ต่อไป ข้ากับนางไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน หนิงต้าหราน พวกเราไม่ใช่แม่ลูกกันอีกแล้ว”
หนิงต้าหรานมองใบหน้าบวมแดงของนาง พูดอะไรไม่ออก อึกอักอยู่นานถึงได้ร้องเหอะออกมาเสียงเบา “ลูกสี่ แม่ แม่จะทำเช่นไรดี ใบหน้างดงามเยี่ยงนี้ถูกแม่ตบจนเสียโฉมแล้ว จะทำเช่นไรดี?” พูดไปก็ยกมือขึ้นไปลูบใบหน้าบวมแดงของนาง
เฉินเนี้ยนหรานยิ้มเย็นแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว ปรับน้ำเสียงให้สงบแล้วมองนาง “ท่านแม่ ข้าจะเรียกท่านว่าแม่เป็ครั้งสุดท้าย ท่านไปเถิด คิดเสียว่าท่านไม่เคยให้กำเนิดพวกเราออกมา ท่านเองก็เป็หญิงจากครอบครัวยากจน พวกเราไม่ได้โกรธท่าน เพราะนั่นคือท่านและข้าโชคไม่ดี ถึงได้เกิดมาในครอบครัวคนจน”
พอพูดถึงเื่ครอบครัวจน น้ำตาของหนิงต้าหรานก็ทะลักออกมา “ลูกสี่ แม่จนมากจริงๆ เ้าไปกับแม่เถิด พวกเราแม่ลูกมีหรือจะโกรธกันได้นาน กลับไปที่เรือนของพวกเราเถิด ไปข้ามผ่านวันเวลาที่แสนลำบากด้วยกัน”
เฉินเนี้ยนหรานส่ายหน้า ถอยหลังไปไกลกว่าเดิม “ไม่ ท่านผิดแล้ว ข้าไม่มีทางไปลำบากกับท่าน ข้าไม่มีความจำเป็อะไรที่จะต้องทำเช่นนั้น ท่านคลอดพวกเราออกมา แต่ไม่เคยเลี้ยงดู พวกเราไม่โกรธ เพราะว่าท่านไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ในวันนี้ข้าขอแค่ให้ท่านปล่อยพวกเราไป ให้พวกเรามีหนทางมีชีวิต ถือเสียว่าสั่งสมบุญแล้วกัน หนิงต้าหราน หากต้องฉีกหน้ากันจริงๆ คงไม่เป็ผลดีกับใคร ท่านไปเสียเถิด นี่คือห้าตำลึงสุดท้ายที่ข้าจะให้ พวกท่านก็ประหยัดหน่อยแล้วกัน วางแผนในการใช้ให้ดีก็คงจะทำให้มีชีวิตที่ดีสักพักหนึ่ง อย่าเอาแต่หวังว่าคนอื่นจะสามารถช่วยพวกท่านได้ คนที่สามารถช่วยท่านได้ก็คือตัวท่านเองเท่านั้น อย่าคาดหวังว่าจะได้ตำลึงจากข้าอีก ข้าไม่ได้มีความสามารถมากมายที่จะมารับมือ ยิ่งไม่มีทางเกี่ยวพันอะไรกับท่านอีก”
“ั้แ่ตอนที่ท่านเอาข้าไปขาย ข้าก็ไม่มีความรู้สึกอะไรเหลือแล้ว น้องสาวทั้งสองคนยังเด็ก ท่านคงไม่อยากให้พวกนางเดินเส้นทางเดียวกับข้าใช่หรือไม่ เห็นแก่ที่ท่านเป็เพียงสตรีผู้หนึ่งและเห็นแก่ความเป็แม่ ปล่อยพวกนางสองคนไปเถิด เอาห้าตำลึงนี่ไป ั้แ่นี้ไปก็ปล่อยพวกเราไปเสีย”
ปล่อยพวกเราไป ให้หนทางการมีชีวิตแก่กันและกัน
หนิงต้าหรานมองเงินห้าตำลึงนิ่ง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตนมาอาละวาดรอบหนึ่ง กลับได้เงินห้าตำลึง แต่ตอนที่ััถึงสายตาเ็ปของเฉินเนี้ยนหราน ในใจของนางก็สั่น มากเสียด้วย แล้วก็มีความรู้สึกผิด...ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
“ท่านแม่” เฉินเนี้ยนจู่ดึงนางอยู่ด้านข้าง ความหมายคือให้นางรับเงินไป
เมื่อเห็นสายตาโหยหาของลูกชาย ความรู้สึกผิดเล็กๆ ที่นางมีต่อเฉินเนี้ยนหรานก็หายวับไปไม่เหลือ นางอยากจะเลี้ยงลูกชายที่อยู่ด้วยกันจนแก่ ไม่ใช่เลี้ยงลูกสาวที่เป็สินค้าได้เงินชดเชย เลี้ยงโตแล้ว สุดท้ายก็ต้องแต่งงานส่งนางออกไป
หนิงต้าหรานสูดหายใจเข้าแล้วยกมือขึ้นไปรับเงิน แต่สุดท้ายนางก็กัดฟัน
“ให้ข้าอีกสิบตำลึง ั้แ่นี้ต่อไปพวกเ้าสามคนไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับข้าอีก”
นางมองตำลึงก้อนโตนั้นอย่างละโมบ แค่คิดว่าหากได้ตำลึงมากกว่านี้ ต่อไปชีวิตของนางจะดีขึ้น และลูกสาวสามคนนี้ นางก็ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรจากพวกนางอีก
อยากจะตัดขาดกันใช่หรือไม่ ได้ ก็ตัดขาดมันครั้งนี้ อย่างไรเลี้ยงลูกที่อยู่ด้วยยามแก่ กับเลี้ยงลูกสาวที่ได้เงินชดเชย นางคลอดพวกนางออกมาก็ถือว่ามีศีลธรรมมากแล้ว แค่เรียกร้องเอาเงินค่าตอบแทนนิดหน่อยก็เป็เื่ที่สมควรแล้ว
กวนซูเยวียนโกรธแล้วจริงๆ นางหยิบไม้ขึ้นมาพุ่งเข้าไปหวังจะตีสตรีหน้าไม่อายคนนี้
“ท่านป้า ท่านให้นางเอาเงินไปเถิด คนเช่นนี้ เสียสิบห้าตำลึงซื้อการตัดความสัมพันธ์ก็ดี ต่อไปจะได้ไม่ต้องมาหาเื่กันอีก แต่ว่า ให้เงินสิบห้าตำลึงกับท่านมันก็ได้อยู่หรอก แต่ต้องเซ็นหนังสือสัญญาตัดความสัมพันธ์แม่ลูกกัน”
เฉินเนี้ยนหรานหมุนตัวถือปากกากับกระดาษยัดใส่มือต้าหลาง “ข้าพูด เ้าเขียนหนังสือยืนยันการตัดความสัมพันธ์ของพวกเรา”
หนิงต้าหรานที่ยืนอยู่ด้านข้างก็หน้าซีดเผือด เห็นท่าทางหนักแน่นของเฉินเนี้ยนหราน นางก็รู้สึกเสียใจในภายหลัง กลับเป็เฉินเนี้ยนจู่ที่ได้ยินว่าจะได้เงินสิบห้าตำลึง มีหรือจะไม่ตื่นเต้น
สุดท้ายเงินนี้ก็เหมือนตกมาอยู่ในมือของเขา คิดเช่นนี้ เฉินเนี้ยนจู่ก็รีบดึงหนิงต้าหราน “ท่านแม่ตัดขาดก็ตัดเถิด ท่านพี่คนนี้ไม่้าพวกเรา ไม่ใช่พวกเราไม่้าพวกนางนี่”
เฉินเนี้ยนหรานส่ายหน้า นึกเสียใจแทนเ้าของร่างเดิม แต่ว่าตัวนางไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยจริงๆ เดิมทีนางไม่อยากให้เงินนี้ แต่ว่า อยู่ในยุคที่มักจะคิดเื่กตัญญู ก่อนที่หนิงซื่อจะทำเื่ไม่ดีกับตัวนาง นางต้องมีเส้นทางลูกกตัญญูที่แสนยิ่งใหญ่ไว้ก่อน คราวนี้จะไปที่ใดนางก็มีเหตุผลที่จะแย้งได้
คนเราน่ะ เมื่อมีเหตุผลที่ใช้อ้างได้แล้ว นางก็สามารถพูดถึงเื่พวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
เขียนความ้าของตนลงไปพร้อมหมายเหตุ การตัดขาดความสัมพันธ์ว่าเพราะเฉินเนี้ยนหรานได้จ่ายเงินสิบห้าตำลึงให้ พยานรวมถึงเ้าของเื่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยอมรับเงื่อนไขแล้ว เฉินเนี้ยนหรานก็หมุนตัวไปขอยืมเฉินจื่อิสิบตำลึง รวมเป็สิบห้าตำลึงโยนไปตรงหน้าของหนิงต้าหราน
“หนิงต้าหราน ั้แ่นี้ไปเ้าไม่ใช่มารดาของข้า น้องห้า และน้องหกอีกแล้ว ต่อไปพวกเ้ามีเื่อะไรก็ไม่ต้องมาหาข้าอีก ข้าเลี้ยงพวกเ้าไม่ไหว และก็ดูแลไม่ไหวแล้ว ตอนนี้พวกเ้าไปเถิด อาศัยใน่ที่ข้ายังไม่โกรธ อาศัย่ที่น้องสาวทั้งสองไม่ได้อยู่ที่นี่...”
“ท่านพี่ พวกเราอยู่ที่นี่ตลอด” ในตอนนั้นเอง ที่น้องห้ากับน้องหกเดินออกมาจากมุมไกลๆ
น้องหกร้องไห้จ้า ถลึงตามองหนิงต้าหรานด้วยความเกลียดแค้น “ั้แ่นี้ไป น้องหกไม่มีมารดาแล้ว ท่านพี่สี่ ท่านก็คือมารดาของข้า ฮือ...”
ถึงแม้เด็กน้อยจะไม่เข้าใจเหตุผล แต่นางก็รู้ เพราะเงินสิบห้าตำลึง ท่านแม่ ขายพวกนางทิ้ง...
โอบกอดน้องหกที่ร้องไห้เสียใจ ในใจของเฉินเนี้ยนหรานก็เ็ป รู้สึกอัดอั้นมาก
หนิงต้าหรานถือเงินสิบห้าตำลึง ก็รู้สึกว่าชาตินี้นางไม่เคยเห็นเงินที่เยอะขนาดนี้มาก่อน
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยก็ยิ้มหน้าบานราวกับดอกไม้
แต่ว่าเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของน้องห้า นางก็ตัวหด อ้าปากอยากจะพูดปกป้องตัวเอง แต่น้องห้ากลับหันหน้าไปทางอื่น ไม่ได้สนใจนางอีก
น้องหกกลับพูดใส่นาง “เ้าไปซะ ไปซะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเ้าอีก เ้ามันคนเลว เ้าคือสตรีที่เลวที่สุดในโลก...”
เฉินจื่อิทนมองต่อไปไม่ได้อีก ถลึงตาใส่หนิงต้าหราน “ยังไม่ไปอีก ยังอยากจะอยู่กินข้าวด้วยหรืออย่างไร?”
มีหรือที่หนิงต้าหรานกับเฉินเนี้ยนจู่จะกล้ารั้งอยู่อีก ทั้งสองยิ้มเบิกบานถือเงินจากไป
รอจนพวกนางหายไปแล้ว กวนซูเยวียนถึงได้มาลูบหัวเฉินเนี้ยนหรานอย่างเอ็นดู “เ้านี่นะ เอาเงินมากมายขนาดนั้นให้นางได้อย่างไร? ไม่ใช่ข้าอยากจะพูดจาว่าร้ายนางหรอก แต่นางละโมบนัก หากไม่มีเงินแล้ว จะต้องมายุ่มย่ามกับเ้าอีกแน่”
เฉินเนี้ยนหรานโบกหนังสือสัญญาในมือ “ท่านป้า ข้าไม่กลัวหรอกเ้าค่ะ มีหนังสือสัญญาอยู่ในมือ เงินสิบห้าตำลึงข้ายอมให้นาง”
กวนซูเยวียนมองหนังสือสัญญาในมือของนาง คิดไปแล้วก็จริง หากหนิงต้าหรานกับเฉินจื่อทงยกเื่ความเป็ครอบครัวมาหาเื่อยู่ตลอด หากพวกนางไปศาลจริงก็คงขาดทุน ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในยุคสมัยนี้ความกตัญญูเป็สิ่งที่สำคัญที่สุด หากอีกฝ่ายผิดมาก ไร้เหตุผลแบบสุดๆ แต่ขอแค่เป็ผู้ใหญ่ บางครั้งเป็ผู้น้อยก็เสียเปรียบเช่นนี้
นางถอนหายใจยาว เห็นด้วยกับสิ่งที่เฉินเนี้ยนหรานพูด “เป็เ้าที่มองการณ์ไกล ให้นางทำหนังสือสัญญาไว้ เฮ้อ บนโลกใบนี้เหตุใดถึงได้มีคนเช่นนี้กันนะ กระดาษสัญญาแผ่นหนึ่งกับเงินสิบห้าตำลึง ก็สามารถทำเื่พวกนี้ได้แล้ว? หากเป็ข้านะ จะอย่างไรก็ไม่มีทาง ช่างเถิด ไม่พูดถึงนางแล้ว น้องห้า เ้าพาน้องหกพาม้าไปกินหญ้า อย่าทำให้นางเสียใจอีกเลย ไม่มีหนิงต้าหรานแล้ว ก็ยังมีพี่สาวกับป้าอยู่ไม่ใช่หรือ ไม่ว่าจะอย่างไร ต่อไปยามที่พวกเ้าแต่งงาน ป้าไม่มีทางที่จะไม่เตรียมอะไรให้พวกเ้าหรอก เหอะ ถึงตอนนั้น ข้าจะต้องทำให้พวกเ้าสามพี่น้องได้แต่งงานอย่างดีให้ได้”
ประโยคนี้ เฉินเนี้ยนหรานถือว่ากวนซูเยวียนพูดไปอย่างนั้น แต่พอถึงตอนที่พวกนางพี่น้องแต่งงาน นางถึงได้รู้ว่า คำพูดที่ดูเหมือนพูดไปอย่างนั้นของกวนซูเยวียน กลับกลายเป็คำพูดดั่งสัญญาที่นางยึดถือไว้.....
ถึงแม้จะเสียเงินไปก้อนหนึ่ง แต่ว่าั้แ่นี้ต่อไปมีหนังสือสัญญาอยู่ในมือ นางก็ไม่ต้องกังวลใจว่าหนิงต้าหรานกับเฉินจื่อทงจะมาหาเื่พวกนางพี่น้องอีก เฉินเนี้ยนหรานถอนหายใจออกมา แล้วเริ่มลงมือทำขนมไหว้พระจันทร์อีกครั้งอย่างสุดชีวิต
และวันต่อมาหลังจากที่หนิงต้าหรานจากไป จือเว่ยไจ๋ที่อยู่ในอำเภอก็มีข่าวดี
ขนมไหว้พระจันทร์ที่เอาไปทดลองขายนั้นขายได้ดีมาก ให้รีบทำมาให้เยอะหน่อย ที่ร้านมีมาเท่าไรก็ขายหมดเท่านั้น
และก็อย่างที่บอก สินค้าขายไม่พอ พวกนางก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าขนมไหว้พระจันทร์จะขายไม่ออก
“ตอนนี้ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว พวกเราสามารถสบายใจได้แล้ว ไอ๊หยา ก่อนหน้านี้ข้ากังวลจริงๆ กลัวว่าจะทำขนมไหว้พระจันทร์ได้ไม่ดี” กวนซูเยวียนตบอกตัวเอง ท่องอมิตาพุทธไม่หยุด
เฉินจื่อิที่อยู่ด้านข้างถึงแม้จะไม่ได้ออกเสียง แต่ก็ทำท่าทางเหมือนยกูเาออกจากอกอย่างชัดเจน
เฉินเนี้ยนหรานกลับมั่นใจมาก ห่อไส้ขนมในมืออย่างสบายๆ “วางใจเถิด ข้าออกโรงเสียอย่าง รู้หรือยัง ข้าลงมือทำอะไรแล้ว ยังไม่มีอะไรไม่สำเร็จ ฮ่าๆ รอเถิด ต่อไปพวกเรายังต้องทำเื่ใหญ่กันอีก ต้าหลาง ข้ารอเ้าออกไปค้าขายด้านนอก ถึงตอนนั้นพวกเรารวมเมืองกับชนบทเข้าด้วยกัน ทำธุรกิจใหญ่โต ที่ดีที่สุดก็คือเอาธุรกิจไปให้ถึงเมืองหลวง ถึงตอนนั้น พวกเราก็จะได้ไปเดินในเมืองหลวงกันอย่างผ่าเผย”
“ทำธุรกิจเข้าไปในเมืองหลวง!” เฉินจื่อิตะลึงอยู่ตรงนั้น