เมื่อมีเป้าหมายชัดเจน หมี่หลันเยว่และเพื่อนๆ ก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที พวกเขาไม่ใช่คนประเภทที่เจออุปสรรคแล้วถอยหลังเสียเมื่อไหร่ ที่ผ่านมาแค่อิดออดเพราะยังไม่อยากเปิดร้านใหม่ให้รีบร้อน แถมยังกลัวจะเสียการเรียน จึงไม่ได้คิดถึงเื่นี้อย่างจริงจัง
แต่หลิวเสี่ยวหว่านซึ่งไม่มีแรงกดดันเื่เรียน กลับมองทะลุปรุโปร่งกว่าใคร แถมในใจเธอยังเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่าหมี่หลันเยว่และผองเพื่อนนั้นเก่งกาจเกินใคร หากตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำไม่สำเร็จ ความเชื่อมั่นนี้เองที่เป็แรงกระตุ้นและกำลังใจสำคัญให้หมี่หลันเยว่และเพื่อนๆ อย่างมาก
"พี่เสี่ยวหว่าน ถ้าวันนี้ไม่มีพี่ พวกฉันคงเหี่ยวเฉากันไปหมดแล้วมั้ง แค่เปิดร้านเนี่ย เราจะกลัวอะไรนักหนา พายุใหญ่คลื่นลมแรงกว่านี้พวกเรายังผ่านมาได้ แล้วแค่ร้านสาขาเล็กๆ แค่นี้ มันคุ้มแล้วเหรอที่เราจะขี้ขลาดตาขาวกันขนาดนี้ พี่ๆ ว่าจริงไหมคะ?"
คำพูดปลุกใจบวกเร่งเร้าของหมี่หลันเยว่ ส่งผลให้หนุ่มๆ ฮึกเหิมเต็มพิกัด ไม่มีใครลังเลอีกต่อไป ตกลงกันแล้วก็ต้องทำให้ได้ ไม่มีคำว่าถอย
หลิวเสี่ยวหว่านตบมือกับหนุ่มๆ ให้กำลังใจพวกเขา
"่นี้พวกเธอไปเดินเล่นสำรวจทำเลกันให้ทั่ว ไม่ต้องห่วงร้านหรือโรงงานหรอก ปล่อยใจให้สบาย แล้วไปเที่ยวปักกิ่งให้ทั่ว ทำความคุ้นเคยกับตรอกซอกซอย จะเป็ประโยชน์กับการใช้ชีวิตในอนาคตนะ"
"ถึงจะยังหาทำเลเหมาะๆ ไม่ได้ตอนนี้ก็ไม่เป็ไร เปิดเทอมแล้วค่อยใช้เวลาวันหยุด มาเดินสำรวจปักกิ่งต่อก็ได้ พี่กับพี่เจิ้งก็พอมีเวลาออกไปเดินเล่นเหมือนกัน ได้ยินว่าพี่เจิ้งก็กำลังหาทำเลสำหรับสำนักงานของเขาพอดี ถือโอกาสช่วยกันดูไปเลย"
หมี่หลันเยว่ไม่เคยได้ยินเจิ้งซวี่เหยาพูดถึงเื่จะเริ่มหาที่ตั้งสำนักงานเลย
"อ้าว อาจารย์เจิ้งจะเริ่มหาที่ตั้งสำนักงานแล้วเหรอคะ ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเลยเนี่ย พอดีเลย พวกเราก็จะออกไปหาทำเลร้านพอดี ถือโอกาสช่วยอาจารย์เจิ้งดูด้วยเลยดีกว่า แต่ต้องถามก่อนว่าอาจารย์อยากได้แบบไหน มีข้อกำหนดอะไรหรือเปล่า?"
พอได้ยินหลิวเสี่ยวหว่านบอกว่าเจิ้งซวี่เหยาจะเริ่มงานแล้ว หมี่หลันเยว่ก็ใส่ใจเป็พิเศษ เพราะเขาเคยช่วยเหลือเธอไว้มากมายเหลือเกิน ถ้าครั้งนี้เธอสามารถช่วยเขาได้บ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย พอคิดได้ดังนั้น เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หมี่หลันเยว่ก็รีบตรงไปยังบ้านสี่ประสานของสกุลเจิ้ง
"อ้าว หลันเยว่มาแล้วเหรอ กำลังจะให้เหยาเหยาไปตามเธอมาพอดีเลย ป้ามีเื่จะคุยด้วยหน่อย"
หมี่หลันเยว่เพิ่งก้าวเท้าเข้าไปในลานบ้านสกุลเจิ้ง แม่เจิ้งก็ดึงเธอเข้าไปในบ้านทันที แม่เจิ้งตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องทำให้ความปรารถนาของลูกชายเป็จริงให้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ความปรารถนาของลูกชายในตอนนี้ กลายเป็ความปรารถนาของแม่เจิ้งเองด้วย เธอชื่นชมหมี่หลันเยว่เหลือเกิน ฉลาดหลักแหลม ขยันขันแข็ง น่ารัก ว่านอนสอนง่าย แถมยังเคารพเชื่อฟัง เอาใจใส่ผู้ใหญ่ ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลยสักอย่าง เธอไม่อยากพลาดเด็กผู้หญิงคนนี้ไป
หลังจากที่ลูกชายเปรยเื่นี้ให้ฟัง แม่เจิ้งก็ยิ่งรู้สึกว่าหลันเยว่นั้นดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเธอจึงพูดอ้อมๆ กับสามีและพ่อสามี แสดงความ้าที่จะรับหลันเยว่เป็ลูกบุญธรรม ไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองหนุ่มใหญ่ไม่คัดค้าน กลับเห็นดีเห็นงามด้วยเสียอีก ดูเหมือนว่าหมี่หลันเยว่จะได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัวทั้งหมดแล้ว
"คุณป้า มีอะไรเหรอคะ บอกมาได้เลย ถ้าหนูทำได้ หนูไม่ปฏิเสธแน่นอนค่ะ"
พอได้ยินแม่เจิ้งบอกว่ามีเื่จะปรึกษาหารือด้วย หมี่หลันเยว่ก็ไม่มีทางปฏิเสธได้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น แค่เป็การตอบแทนบุญคุณ ก็ไม่ควรปฏิเสธแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คนในสกุลเจิ้งดีกับเธอมากขนาดนี้
"หลันเยว่ เธอมาปักกิ่งได้พักใหญ่แล้วนะ มาอยู่ที่บ้านป้าได้พักหนึ่งแล้วด้วย เธอบอกป้าหน่อยสิ เธอพอใจกับบ้านป้าไหม?"
คำถามนี้ช่างตรงไปตรงมา ด้วยน้ำใจไมตรีที่อบอุ่นขนาดนี้ หมี่หลันเยว่จะมีอะไรไม่พอใจได้
"คุณป้าคะ พวกคุณเป็คนดีมากๆ พวกหนูมาถึงปักกิ่ง ไม่รู้จักใครเลยสักคน ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากสกุลคุณป้าทั้งนั้น ไม่ใช่แค่มีข้าวกินมีที่ซุกหัวนอนนะคะ ยังช่วยพวกหนูเปิดร้าน สร้างโรงงานในปักกิ่งด้วย ถ้าพวกหนูยังไม่พอใจอีก ก็คงเป็คนใจดำเกินไปแล้วค่ะ"
หมี่หลันเยว่พูดติดตลกกับแม่เจิ้ง ทำให้แม่เจิ้งหัวเราะอย่างมีความสุข แต่ในไม่ช้าเธอก็ทำหน้าจริงจัง
"อืม พอใจก็ดี พอใจก็ดีแล้ว งั้นป้าจะขอปรึกษาเื่หนึ่งกับเธอ เธอห้ามปฏิเสธนะ ป้าตั้งใจจริง หวังว่าเธอก็จะรับคำขอของป้าด้วยความจริงใจเหมือนกัน"
เห็นท่าทีจริงจังของแม่เจิ้ง ทำให้หมี่หลันเยว่ใเล็กน้อย
"คุณป้าว่ามาเลยค่ะ หนูฟังอยู่ ถ้าหนูทำได้"
เพราะแม่เจิ้งพูดจาจริงจังเกินไป หมี่หลันเยว่จึงไม่กล้าตอบตกลงทันที ทำได้แค่รับปากว่าจะทำให้แม่เจิ้งสมหวังในกรณีที่เธอสามารถทำได้เท่านั้น
"แน่นอนว่าเธอทำได้อยู่แล้ว ป้าจะทำให้เธอต้องลำบากไปทำไมกัน"
แม่เจิ้งขยับไปนั่งข้างๆ หมี่หลันเยว่ เอื้อมมือไปลูบผมหมี่หลันเยว่เบาๆ เส้นผมนุ่มลื่น ทำให้ใจแม่เจิ้งอ่อนยวบไปถึงข้างใน เธอชื่นชอบเด็กคนนี้เหลือเกิน
จับมือหมี่หลันเยว่ไว้แน่น แม่เจิ้งถามด้วยท่าทีจริงจัง
"หลันเยว่ ป้าชอบเธอมาก อยากรับเธอเป็ลูกบุญธรรม คุณลุงเจิ้งกับคุณปู่เจิ้งก็เห็นชอบด้วยแล้ว เหยาเหยาไม่ต้องพูดถึง คงไม่มีทางคัดค้านแน่นอน ดังนั้นตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว จะรับปากป้าได้ไหม?"
คำถามของแม่เจิ้ง ทำให้หมี่หลันเยว่ถึงกับอึ้งไป เธอดีตรงไหนกัน ถึงทำให้แม่เจิ้งตัดสินใจแบบนี้ได้ ต้องรู้ว่าการรับเป็ลูกบุญธรรม ก็เท่ากับว่าเธอเป็คนในสกุลเจิ้งคนหนึ่งแล้ว สกุลเจิ้งก็จะเป็ที่พึ่งพิงของเธอไปตลอดกาล แต่ผลประโยชน์มหาศาลแบบนี้ เธอควรจะรับไว้หรือไม่?
เห็นหลันเยว่ทำหน้าเหม่อลอย แม่เจิ้งก็ตบหลังมือหมี่หลันเยว่เบาๆ
"หลันเยว่ ป้ารู้ว่าเธออาจจะรับไม่ได้ในทันที ป้าจะไม่บังคับ แต่ขอให้เธอพิจารณาข้อเสนอของป้าอย่างถี่ถ้วน พวกเราทุกคนในครอบครัวชอบเธอ หวังว่าเธอจะมาเป็ส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา"
หลังจากที่สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ หมี่หลันเยว่ก็เริ่มคิดอย่างรวดเร็ว ข้อเสนอของแม่เจิ้ง มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย แต่ถ้าเธอตอบรับ มันจะดูฉวยโอกาสเกินไปหรือไม่ แต่เธอก็ชอบคนในครอบครัวนี้มาก ข้อเสนอนี้ก็ดึงดูดใจหมี่หลันเยว่อย่างมากเช่นกัน
"คุณป้าคะ หนูเองก็ชอบคุณป้า คุณลุง และคุณปู่นะคะ แต่ตอนนี้หนูรบกวนทุกคนมากเกินไปแล้ว ถ้าหนูรับคุณป้าเป็แม่บุญธรรม คุณป้าคงต้องเบื่อหนูตายแน่ๆ ค่ะ ต่อไปหนูอาจจะต้องเปิดร้านและโรงงานอีกมากมาย ตอนนั้นเื่ยุ่งๆ คงเยอะแยะไปหมด ถึงหนูจะไม่พูดอะไร คุณป้าก็คงต้องพลอยเป็ห่วงไปด้วย..."
พอได้ยินหมี่หลันเยว่พูดแบบนี้ แม่เจิ้งก็เข้าใจแล้วว่าหลันเยว่ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของเธอ เพียงแต่กลัวว่าครอบครัวของเธอจะต้องเดือดร้อนมากเกินไป ดังนั้นแม่เจิ้งจึงรีบพูดขัดขึ้น
"หลันเยว่ ป้ากลัวเธอจะลำบากเหรอ ถึงเธอจะไม่รับป้าเป็แม่บุญธรรม แต่ถ้าเธอมีเื่อะไร ป้าจะนิ่งดูดายเหรอ?"
นี่คือเื่จริง ่ที่ผ่านมา ไม่ว่าเธอจะเจอกับความยากลำบากอะไร สกุลเจิ้งก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยอัตโนมัติ และไม่มีท่าทีฝืนใจแม้แต่น้อย แถมยังไม่ได้้าผลตอบแทนอะไรจากเธอเลยสักนิด นี่มันเกินเลยความสัมพันธ์ระหว่างครูกับศิษย์ เกินเลยระยะห่างของการพักอาศัยไปแล้ว
"คุณป้าคะ หนูมาจากบ้านนอก ไม่เคยเห็นโลกกว้าง คุณป้าอยากรับหนูเป็ลูกบุญธรรม นั่นเป็บุญของหลันเยว่แล้ว หนูแค่กลัวว่าหนูจะทำตัวไม่ดีพอ ทำให้สกุลเจิ้งต้องเสียหน้า คุณป้าคะ ถึงจะไม่ได้รับเป็ลูกบุญธรรม หนูจะดูแลคุณป้าเหมือนกับที่ลูกสาวคนหนึ่งดูแลแม่ค่ะ"
หมี่หลันเยว่ยังคงรู้สึกไม่สบายใจกับการรับเอาลูกบุญธรรมที่มีภูมิหลังใหญ่โตขนาดนี้ เื่ราวต่างๆ ช่างชัดเจนเหลือเกิน แค่เธอก้มหัวรับ ก็เท่ากับว่าสถานะของเธอก้าวะโขึ้นไปอีกขั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าเธออยากสนิทสนมกับคนในสกุลเจิ้ง แต่สถานะและฐานะของสกุลเจิ้ง ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกว่าเธอมีเจตนาไม่บริสุทธิ์
หมี่หลันเยว่ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังได้เปรียบอย่างมาก จึงรู้สึกลังเลอย่างมาก ข้อเสนอนี้คงไม่มีผลอะไรถ้าเธอไม่ได้พูดถึงมัน แต่ตอนนี้แม่เจิ้งได้ยกมันขึ้นมาแล้ว เธอก็อยากที่จะเป็คนในครอบครัวเจิ้งอย่างแท้จริง ความปรารถนานี้ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน เธอมีความสุขกับการได้รับการเอาอกเอาใจจากแม่เจิ้งและอาจารย์เจิ้ง รวมถึงคุณปู่เจิ้งและคุณอาเจิ้งด้วย
ดังนั้น หมี่หลันเยว่จึงรู้สึกขัดแย้งอย่างมาก เธอคิดว่าถ้าสกุลเจิ้งเป็แค่ครอบครัวธรรมดาๆ เหมือนครอบครัวของเธอคงจะดีกว่านี้ เธอจะได้รับแม่เจิ้งเป็แม่บุญธรรม แล้วดูแลท่าน เอาใจใส่ท่าน น่าเสียดายที่ความโดดเด่นของสกุลเจิ้งนั้นชัดเจนเกินไป นี่จึงกลายเป็อุปสรรคที่ขวางกั้นหมี่หลันเยว่ในการตอบตกลง
ในฐานะบุคคลชั้นนำในวงสังคม แม่เจิ้งจึงเป็คนที่เชี่ยวชาญในการเข้าสังคมอย่างแท้จริง แม้ว่าตอนนี้เธอจะเกษียณอายุก่อนกำหนด ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานแล้ว แต่เื่การดูคนดูเื่ราวต่างๆ เธอเชี่ยวชาญเป็อย่างยิ่ง หมี่หลันเยว่จะฉลาดแค่ไหน ในสายตาของเธอก็ยังเป็แค่เด็กสาวอายุสิบห้าปี ความคิดเล็กๆ น้อยๆ นั้นชัดเจนเกินไป
"หลันเยว่ ป้ารู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ พวกเราสองคนไม่ต้องพูดจาอ้อมค้อมอะไรทั้งนั้น เธอไม่ต้องสนใจภูมิหลังของบ้านป้า ป้าก็จะไม่สนใจความสามารถของเธอ พวกเราสองจะพูดแค่เื่ถูกคอกันถูกชะตากันเท่านั้น เื่เงื่อนไขภายนอกเ่าั้ พวกเราไม่ให้ความสำคัญ"
"สิ่งที่ป้าชอบคือตัวเธอที่เป็แบบนี้ แล้วเธอมีความคิดเห็นยังไงกับป้าล่ะ?"
แม่เจิ้งมองหมี่หลันเยว่อย่างคาดหวัง เธอเห็นได้ว่าเด็กสาวไม่อยากฉวยโอกาสจากฐานะของสกุลเจิ้ง
แต่ก็เพราะแบบนั้น แม่เจิ้งยิ่งชอบเด็กสาวคนนี้มากขึ้น แค่ความยืนหยัดนี้ ก็ทำให้เด็กคนนี้เป็คนสำคัญได้ในอนาคต เปลี่ยนเป็คนอื่น คงรีบก้มหัวคารวะรับญาติไปแล้ว ภูมิหลังของครอบครัวเธอแบบนี้ ใครๆ ก็แย่งกันเข้ามาแทรกแซง ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวที่อยากจะเกี่ยวพันกับเหยาเหยา แค่คนที่ต่อแถวก็คงยาวหลาย่ถนนแล้ว เสียดายที่เหยาเหยาไม่ถูกใจใครเองเท่านั้น
"คุณป้าคะ ถ้าคุณป้าพูดแบบนี้แล้ว หนูคงต้องขออนุญาตไม่เกรงใจแล้วนะคะ คุณป้ารู้อยู่แล้วว่าหนูชอบคุณป้า ถ้าคุณป้าไม่รังเกียจว่าหนูมาจากบ้านนอก หนูจะพยักหน้ายอมรับแล้วนะคะ"
พอได้ยินหมี่หลันเยว่พูดแบบนี้ แม่เจิ้งก็แสร้งทำท่าจะตีเธอ
"ใครเขาพูดกันแบบนี้กัน เธอคิดว่าป้าจะรังเกียจเธอเหรอ ถ้าป้ารังเกียจแล้วป้าจะเอ่ยปากรึไง?"
หมี่หลันเยว่รีบออดอ้อนกอดเอวแม่เจิ้ง
"คุณแม่"
"อืม"
แม่เจิ้งได้ยินคำเรียกนี้ น้ำตาแทบไหล
แม้ว่าเธอจะมีลูกสาวสองคนแล้ว แต่หมี่หลันเยว่กลับกระตุ้นอารมณ์ความเป็แม่ของเธอได้ง่ายกว่า เด็กสาวที่ดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอม กลับมีความอดทนที่ไม่ยอมแพ้ นี่คือสิ่งที่เธอชอบและชื่นชมมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็สงสารลูกชายของเธอ เื่นี้ทำให้ความคิดของลูกชายเป็อันต้องจบสิ้น เด็กทั้งสองคนนี้ ถูกกำหนดให้เป็พี่น้องกันเท่านั้น
