มีแม่นางน้อยผู้หนึ่ง หลงตัวเองเป็ที่สุด และมักเยินยอตนเองอยู่เป็ประจำ นางถือคันฉ่องเฝ้าถามมันทั้งวัน คันฉ่องเอ๋ย จงบอกข้าเถิดใครงามเลิศที่สุดในปฐี หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็อีกเสียงหนึ่ง โอ้ ยอดดวงใจ... ก็เ้าเยี่ยงไรเล่า
หากถามฉีอันว่าคนผู้นี้คือใคร เขาจะตอบว่า เป็เฉียวเฉียว เป็เฉียวเฉียว เป็เฉียวเฉียว
และยามนี้ เฉียวเฉียวก็กำลังพร่ำเพ้อชมโฉมของตัวเองเดินวนไปรอบห้อง
ฉีอันกวักมือเรียก "รีบมาดู ข้าเติมตรงนี้ลงไปเป็อย่างไรบ้าง?"
เฉียวเยว่เข้าไปดูใกล้ๆ "ดีมาก ดีมากๆ"
นางหยิบพู่กันมารับ่ต่อ ภาพวาดนี้สองพี่น้องร่วมกันวาด แม้จะได้ผลงานออกมาเพียงไม่กี่ภาพหลังจากที่วาดมาหลายวัน แต่พวกเขายังคงกระตือรือร้นกับการสร้างสรรค์ผลงานใหม่นี้
ไท่ไท่สามเข้ามาในห้องเห็นเ้าตัวเล็กสองคนเริ่มขีดเขียนกันอีกแล้ว ก็ร้องไอ้หยาแล้วพูดว่า "ข้าให้พวกเ้าเปลี่ยนชุดแล้วอยู่นิ่งๆ มิใช่หรือ มาวาดรูปกันเยี่ยงนี้เดี๋ยวชุดใหม่เปรอะเปื้อนจะทำอย่างไร"
น่ากลุ้มใจจริงๆ บ้านอื่นล้วนแต่วิตกว่าบุตรไม่ยอมอ่านเขียนเรียนหนังสือ แต่บ้านเขากลับต้องวิตกว่าบุตรหลงใหลการอ่านตำรา เขียนอักษร และวาดภาพจนเกินไป
เฉียวเยว่วางพู่กัน "พวกเรากำลังจะออกไปเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ"
นางจูงมือฉีอัน "ไปกันเถอะ"
ไท่ไท่สามดึงเสื้อให้กับพวกเขา แล้วพูดว่า "ไปเถอะ ครานี้อย่าทำเสื้อผ้าเลอะอีกเล่า เข้าใจหรือไม่?"
"เ้าค่ะ" เฉียวเยว่ตอบเสียงดังมาก แต่กลับหัวเราะคิกๆ
ไท่ไท่สามรู้สึกว่าถ้าตนเองเชื่อบุตรสาวคงถูกนางตุ๋นจนเปื่อยแน่นอน เ้าตัวเล็กคนนี้ไม่เชื่อฟังเป็ที่หนึ่ง เสื้อผ้าชุดใหม่ที่สวมใส่ไปเมื่อเช้าเพียงพริบตาเดียวก็ทำเลอะแล้ว จนต้องกลับมาเปลี่ยน
"วันนี้เป็วันเกิดท่านย่าของเ้า อย่าเหลวไหลเป็อันขาด หากพวกท่านป้ารองของเ้าพูดอันใด จงทำหูทวนลมไปเสีย ให้สิ้นเื่กันไป" ไท่ไท่สามถือโอกาสกำชับ
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "เ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องเป็ห่วง ข้าทำสิ่งใดรู้กาลเทศะที่สุด"
เคราะห์ดีที่ไท่ไท่สามไม่สะดุดล้ม แค่กๆๆ เ้าตัวน้อยของนางคนนี้ช่างมั่นใจในตนเองเสียเหลือเกิน
เมื่อกลับมาถึงเรือนหลักใหม่อีกครั้ง ทางนี้กำลังเตรียมจัดโต๊ะงานเลี้ยงกันครึกครื้น เฉียวเยว่ชอบกินเป็ที่สุด นางรีบจูงมือฉีอันมาที่โต๊ะของเด็กๆ
หรงเยว่ชำเลืองมอง แล้วเอ่ยว่า "เมื่อครู่นี้เ้าเพิ่งกินอิงเถาไปเองมิใช่หรือ ไฉนรีบร้อนนักเล่า?"
ดวงตากลมโตของเฉียวเยว่กะพริบปริบๆ ก่อนยิ้มตาหยี "อิงเถาไม่ใช่ข้าวเสียหน่อย"
นางยกชามใบน้อยขึ้นมา "ข้าอยากตัวสูงๆ"
ชิงเยว่ตวัดสายตามองเฉียวเยว่ พลางพึมพำเสียงเบา "เสแสร้งดัดจริต" แม้ว่าเสียงจะไม่ดัง แต่คนทั้งโต๊ะต่างก็ได้ยิน ั้แ่นางย้ายมาอยู่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าก็เรียบร้อยขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ค่อยหาเื่เฉียวเยว่สักเท่าไร
แต่ถึงจะไม่หาเื่ ก็มิได้หมายความว่านางจะดีกับเฉียวเยว่ ทุกวันเมื่อเห็นอีกฝ่าย ก็ยังคงฉวยโอกาสที่คนไม่สังเกตถลึงตาใส่นางเสมอ
เฉียวเยว่คร้านจะถือสาเด็กน้อยเช่นนี้ และไม่สนใจนางด้วย แต่ในงานเลี้ยงวันนี้นางกลับพูดหาเื่อีกครา ช่างน่าประหลาดใจ
"นี่เรียกว่าสิ่งที่ตนเองเห็น คือสิ่งที่ตนเองเป็แท้ๆ" เฉียวเยว่ถอนหายใจ
"เฉียวเยว่ เ้าไม่จำเป็ต้องไปสนใจคนบางคนหรอก ยิ่งเ้าใส่ใจนางมากเท่าไร นางก็ยิ่งลำพองนึกว่าตนเองวิเศษวิโสมากขึ้นเท่านั้น" แม้ว่าหรงเยว่จะชอบเหน็บแนมเฉียวเยว่เป็ประจำ แต่กลับปฏิบัติต่อนางต่างจากเฉี่ยวเยว่และชิงเยว่
กับน้องสาวที่เกิดจากอนุภรรยาสองคนนี้ นางไม่เคยมีสีหน้าที่ดีให้อยู่แล้ว
ชิงเยว่ขบริมฝีปากอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "เหตุใดท่านพี่ต้องทำเช่นนี้? ข้าต่างหากน้องสาวของท่าน ทุกคราท่านไม่เคยช่วยข้าเลย แท้จริงแล้วพวกท่านล้วนถูกนางหลอก นางคือตัวร้าย นางคือคนที่เสแสร้งเก่งที่สุด คิดว่ามีแต่นางที่รู้จักมอบของขวัญหรือไร"
แม้ว่าชิงเยว่จะอาศัยอยู่กับฮูหยินผู้เฒ่าแต่กลับไม่สามารถทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าชอบพอตนเองมากขึ้น เมื่อครู่ฮูหยินผู้เฒ่ายังอวดของขวัญที่พวกเฉียวเยว่บุตรของเรือนสามมอบให้ พูดอยู่ตลอดเวลาว่าพวกเขามีน้ำใจ
นึกมาถึงตรงนี้ ชิงเยว่ก็รู้สึกน้อยใจอย่างมาก กล่องห่วยๆ เยี่ยงนั้น นางก็ทำได้เหมือนกัน จะต้องปิดบังซ่อนเร้นอันใด ล้วนเป็แผนการของยายเด็กเ้าเล่ห์คนนี้ทั้งนั้น
เฉียวเยว่ได้ยินคำว่าของขวัญ ก็เข้าใจถึงสาเหตุที่นางไม่สามารถอดกลั้นอีกต่อไปทันที ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้
เฉียวเยว่ไม่เข้าใจคนเหล่านี้สักนิด ตนเองไม่คิดจะมอบของขวัญก็ช่าง เหตุใดพอนางมอบของขวัญกลับกลายเป็ความผิด แม่นางที่มีจิตใจคับแคบเช่นนี้ นางไม่อยากคุยด้วย เฉียวเยว่คีบน่องไก่ชิ้นหนึ่งใส่ชามของฉีอัน "น่องไก่อร่อย"
ฉีอันยิ้ม "เฉียวเฉียวกินเองเถอะ"
สองพี่น้องต่างคนต่างยอมเสียสละ ดูมีมารยาทเป็พิเศษ
ชิงเยว่ถูกหมางเมินก็ขบริมฝีปากด้วยความรู้สึกไม่เป็ธรรม "พี่หรงเยว่"
หรงเยว่ตวัดหางตาใส่นาง "ไม่มีอะไรอย่ามาเรียกข้า เห็นเ้าแล้วหงุดหงิด"
นางมิใช่น้องสาวแท้ๆ ของตนเอง แต่เป็บุตรที่เกิดจากอนุ เด็กที่เกิดจากนางจิ้งจอกเ่าั้ของบิดาล้วนไม่มีใครดีสักคน
เมื่อเปรียบเทียบกับน้องชายน้องสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของบิดาเ่าั้ นางกลับนับิเยว่ อิ้งเยว่ และเฉียวเยว่เป็พี่สาวน้องสาวของตนเองมากกว่า
ชิงเยว่ยิ่งน้อยใจหนักขึ้น แท้จริงแล้วนางก็ไม่ได้ชอบหรงเยว่เท่าไรนัก หรงเยว่มักพูดจาระคายหู ทั้งยังเป็บุตรสาวของสตรีที่แสนจะร้ายกาจอย่างไท่ไท่รอง แล้วจะเป็คนดีได้อย่างไร แต่ถึงกระนั้นพวกนางล้วนมีบิดาคนเดียวกัน มิใช่ว่าควรช่วยนางมากกว่าหรือ?
ิเยว่เห็นบรรยากาศไม่สู้ดี จึงกระซิบว่า "วันนี้เป็วันเกิดของท่านย่า พวกเ้าอย่าก่อเื่จะดีกว่า"
นางชำเลืองมองชิงเยว่ นับวันก็ยิ่งไม่ชอบน้องสาวคนนี้ เรียนรู้อันใดไม่เป็สักอย่าง ซ้ำยังชอบสร้างปัญหา วันสำคัญเช่นนี้ยังไม่รู้กาลเทศะ แม้จะไม่พอใจแต่กลับไม่แสดงออกมาให้เห็น เพียงกล่าวเสียงเรียบ "ทุกเื่ล้วนมีลำดับความสำคัญ ถึงเป็เด็กก็ควรตระหนักได้"
ในที่สุดชิงเยว่ก็ยกชามขึ้นมา แต่ไม่รู้สึกอยากอาหารแม้แต่น้อย เห็นเฉียวเยว่กินหมดไปแล้วหนึ่งถ้วย ยังยิ้มร่าหันไปตักข้าวเพิ่ม นางก็ยิ่งหงุดหงิด กินไม่ลง
ยายหมูอ้วนสมควรตาย!
เฉียวเยว่ไหนเลยจะไม่รู้ว่าตนเองถูกคนด่าทออยู่ในใจ นางรู้ว่าชิงเยว่ไม่ชอบตนเอง เฉี่ยวเยว่ก็คงจะเหมือนกัน แต่นางไม่สนใจเสียอย่าง
"เรียนท่านโหว ฮูหยิน" พ่อบ้านเดินเข้ามา สีหน้าดูแปลกพิกล "จวนอวี้อ๋องส่งขนมมาขอรับ"
ท่านโหวผู้เฒ่างุนงงเล็กน้อย แต่ก็ถามไปว่า "คนยังอยู่หรือไม่?"
"พอนำมาอาหารเข้ามาวางเรียบร้อยก็กลับไปแล้วขอรับ พวกเขาบอกว่า... บอกว่าเป็ขนมที่มอบให้คุณหนูเจ็ด" พ่อบ้านตอบ
ภายในห้องที่เสียงดังครึกครื้นพลันเงียบกริบในชั่วพริบตา
เฉียวเยว่เงยดวงหน้าน้อยขึ้น ชี้มาที่ตนเอง "เขาหลงใหลในความงามของข้าเสียแล้วหรือ?"
พรืด!
จากบรรยากาศเงียบสนิทพลันกลับมาครื้นเครงอีกหน
ซูซานหลางกลอกตาใส่บุตรสาวของตนเองแต่ไกล "เหตุใดถึงหลงตัวเองเช่นนี้ ที่นี่ไม่มีใครสวยกว่าเ้าสักคนเลยรึ!"
"แต่เขาไม่ได้ส่งให้พวกท่าน กลับส่งมาให้ข้า ต้องเป็เพราะเขาไม่เห็นความงามของพวกท่านแน่นอน เขาอาจรู้สึกว่าหุ่นเ้าเนื้ออย่างข้าน่ารักกว่า เหมือนเทพธิดาตัวน้อยน่าเอ็นดูเป็พิเศษ"
ซูซานหลางหันไปพูดกับท่านโหวผู้เฒ่า "เมื่อส่งมาให้เสี่ยวชีของเรา ก็รับไว้เถิดขอรับท่านพ่อ วันหลังข้าค่อยส่งของขวัญขอบคุณกลับไป"
หลังจากนั้นก็กำชับเพิ่มเติม "เอาขนมเ่าั้มาเตรียมเป็ของว่าง่บ่าย เสี่ยวชีคนเดียวกินไม่หมดอยู่แล้ว"
เฉียวเยว่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
"ทุกคนกินด้วยกัน ข้าเลี้ยง"
"เ้าเลี้ยง? เสี่ยวชี นั่นเป็ของของเ้าหรือ?" ซูเอ้อหลางหยอกหลานสาว
เฉียวเยว่ยิ้มยิงฟัน "เป็ของข้าสิเ้าคะ ท่านลุงรอง ของมอบให้ข้าย่อมเป็ของข้า เฮ่อ... ข้าอายุแค่นี้ก็มีคนมาชอบ คิดแล้วรู้สึกลำบากใจยิ่งนัก"
"ลำบากใจอันใด?" ซูเอ้อหลางไม่เข้าใจ
อุปนิสัยของเขามิใช่คนรอบคอบถ้วนถี่นัก หาไม่แล้ว บุตรสาวสองสามคนของเขาก็คงไม่มีความคิดคับแคบ ไม่ว่าอะไรจะดีหรือไม่ดี ก็ต้องมีไว้ก่อน
เฉียวเยว่ทำสีหน้าหนักใจ พลางตอบเสียงดัง "ก็มีคนตั้งเยอะมาชอบข้า โตขึ้นไปข้าจะแต่งงานให้ใครดีเล่า"
"พรวด! จะ...จะ...เ้า!" ซูเอ้อหลางถึงกับพ่นสุราออกจากปาก ซูซานหลางซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเขาก็คิ้วขมวด "เกินเยียวยาแล้วจริงๆ"
ซูเอ้อหลางเอ่ยขึ้น "เป็เื่ของยายหนูน้อยบ้านเ้าเองมิใช่รึ ยังมีหน้ามาทำเป็เดียดฉันท์"
เฉียวเยว่พูดต่อ "ท่านลุงชอบข้า ลุงรองก็ชอบข้า ยังมีท่านพ่อ เสด็จพี่รัชทายาท พี่ชายิ่ ตอนนี้ท่านพี่อวี้อ๋องก็ชอบข้าอีกคน ข้าเลือกลำบากมากเลย" เสียงของนางเจือไปด้วยความไร้เดียงสาของเด็กน้อย
คำกล่าวนี้ยิ่งทำให้ทุกคนหัวเราะกันครืน
นางเอาทุกคนมาพูดรวมกันหมด เห็นได้ว่าเป็แม่นางน้อยที่ยังไม่รู้ความอันใดสักอย่าง
ซูซานหลางค่อนแคะ "ขนาดข้าวยังอุดปากของเ้าไม่ได้ รีบกินเข้าไป อย่ามัวแต่พูดเหลวไหลพร่ำเพรื่อ มิเช่นนั้น..."
"จะถูกตีก้นเพียะๆ" เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก
่บ่ายทุกคนต่างนั่งเล่นไพ่เป็เพื่อนฮูหยินผู้เฒ่า เฉียวเยว่เข้ามานั่งกับอิ้งเยว่ อิ้งเยว่กำลังอ่านตำราอยู่ นางกับฉีอันนั่งประกบคนละข้าง ต่างคนต่างชะโงกศีรษะเข้าไปมอง ดูเหมือนจะอยากรู้อยากเห็นมาก
ท่านโหวผู้เฒ่าเอามือไพล่หลังมองดูพวกเขาแล้วถามขึ้นว่า "อ่านเข้าใจหรือไม่?"
เขาเชื่อว่าอิ้งเยว่อ่านรู้เื่ แต่เฉียวเยว่กับฉีอันนี่ไม่แน่ใจ
มืออวบน้อยๆ ของเฉียวเยว่จิ้มลงไปตรงประโยคที่ค่อนข้างคลุมเครือ "ตรงนี้ไม่เข้าใจเ้าค่ะ"
ท่านโหวผู้เฒ่าเลิกคิ้ว "แล้วเนื้อหาส่วนอื่นของหน้านี้ เ้าเข้าใจทั้งหมดเลยรึ?
"ย่อมเข้าใจสิเ้าคะ" เฉียวเยว่ยืดอกทันควัน
อิ้งเยว่มองนางด้วยสายตาคลางแคลง "หน้านี้เ้าอ่านจบแล้ว?"
เฉียวเยว่พยักหน้า นางเป็คนอ่านหนังสือเร็ว กวาดตาครั้งเดียวแทบจะได้สิบบรรทัด แต่เพราะที่นี่ใช้อักษรโบราณแบบตัวเต็ม ขณะอ่านอาจมีบ้างที่นางไม่เข้าใจ แต่เมื่อเทียบกับคนทั่วไปถือว่าอ่านเร็วกว่ามาก นอกจากนี้เฉียวเยว่ยังพบว่าหลังจากเกิดใหม่มาเป็ทารก ความจำและความเข้าใจของตนเองล้วนดียิ่ง สามารถเริ่มอ่านหนังสือได้ั้แ่ยังเล็ก
ท่านโหวผู้เฒ่าขบคิดอยู่สักพักก็เอ่ยขึ้นว่า "ไปกับปู่ ปู่จะพาเ้าไปห้องหนังสือ ให้เ้าเลือกตำราอ่านเอง ฉีอันก็ไปด้วยกัน อย่ารบกวนพี่สาวของเ้า"
เฉียวเยว่ยิ้มแก้มปริ ตอบกลับเสียงดัง "เ้าค่ะ!"
ซูซานหลางเห็นบิดาจูงฝาแฝดสองพี่น้องออกไปข้างนอก ก็ยิ้มกำชับเสียงเบา "สวมเสื้อคลุมทับไปด้วย ข้างนอกอากาศหนาว"
ท่านโหวผู้เฒ่าหันมากลอกตาใส่บุตรชาย "คิดว่าข้าจะปล่อยให้บุตรของเ้าแข็งตายรึ?"
เฉียวเยว่เป็เด็กซุกซน เห็นบิดาถูกแยกเขี้ยวใส่ กลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุข
ซูซานหลางละเหี่ยใจยิ่งนัก บุตรของผู้อื่นไหนเลยจะแสบเท่ากับบุตรของเขาคนนี้
ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มของบุตรสาวก็เกิดความวิตกกังวลขึ้นมาอีก การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอวี้อ๋องในวันนี้ชวนให้คนยากจะคาดเดาวัตถุประสงค์ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่แสดงอะไรออกมา
"น้องสามไม่จำเป็ต้องวิตกเกินไป แม้อวี้อ๋องจะมีความคิดล้ำลึกเ้าแผนการ แต่ก็เป็เพียงเด็กคนหนึ่ง" ซูต้าหลางเดินมาข้างกายเขาพลางเอ่ยเสียงเบา พี่ชายคนโตของเขากลับมองออก
ซูซานหลางเงยหน้าอย่างสงบนิ่ง กล่าวเสียงเรียบ "เด็กสิบขวบธรรมดาที่ไหนจะแฝงตัวเข้าไปอยู่ต่างแคว้น กบดานอยู่ห้าปี ในที่สุดก็วางกลยุทธ์โค่นล้มกองทัพใหญ่ของศัตรูได้อย่างราบคาบ?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้