หยวนซื่อจดจ้องเคอโยวหรานคล้ายกำลังชมเื่สนุก ตำราสองเล่มหนาถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่ท่องเลย กระทั่งเปิดอ่านก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามเช่นกัน
ยังอยากจะได้รางวัล ช่างคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้จักอาย หากท่องมิได้ก็จงคืนข้าวของทั้งหมดกลับไปเถิด
เพราะถึงอย่างไรตนก็มิอาจได้มา เคอโยวหรานเองก็ไม่คู่ควรจะมีของดีมากมายถึงเพียงนี้เช่นกัน
เมื่อมีรางวัลย่อมมีแรงผลักดัน เคอโยวหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวมานั่งข้างโต๊ะ เขี่ยไส้ตะเกียงเล็กน้อยเพื่อให้แสงจากตะเกียงสว่างขึ้นอีก
จากนั้นเริ่มพลิกตำราภายในมือ เริ่มแรกค่อยๆ พลิกทีละหน้าอย่างเนิบช้า ภายหลังจึงมั่นใจในขอบเขตของการจำ
ครั้นพบว่าจำเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วจนน่าทึ่งไม่ต่างจากการสแกน นางก็เริ่มพลิกหน้ากระดาษเร็วกว่าเดิมพลางกวาดสายตาอ่าน
ยามนี้ทุกคนพากันนิ่งงันเสียแล้ว นี่เรียกว่าท่องตำราได้หรือ? ยังไม่ทันอ่านทุกตัวอักษรในแต่ละหน้าเลยด้วยซ้ำ? เช่นนี้เรียกว่าขายผ้าเอาหน้ารอดเกินไปแล้ว...
ท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดของทุกคนและความคิดเห็นอันไร้ขีดจำกัด ในที่สุดเคอโยวหรานก็พลิกเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้ายของตำราทั้งสองเล่ม
นางบิดเอวไล่ความเกียจคร้าน ขยับลำคอที่ค่อนข้างแข็งทื่อครู่หนึ่งแล้วเหลือบมองนาฬิกาน้ำที่ใส่น้ำจับเวลา
หา! ยังเหลืออีกหนึ่งเค่อถึงจะครึ่งชั่วยาม อ่านจบเร็วเกินไปสักหน่อยแล้วกระมัง
ไม่สนแล้ว รีบทำให้จบโดยเร็วเสียเป็ดี นางกับมารดาสกุลต้วนจะได้ออกไปรอรับต้วนเหลยถิง ดึกป่านนี้ตัวคนยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าเกิดเื่ใดขึ้นหรือไม่?
“ท่านอาจารย์ทั้งสอง ผู้ใดจะทดสอบก่อนหรือเ้าคะ?”
หมอเทวะพลันถามว่า “ชังเอ่อร์คือสิ่งใด?”
เคอโยวหรานเอ่ยโดยไม่ลังเลแม้แต่นิด “ชังเอ่อร์มีอีกชื่อว่าเจวี่ยนเอ่อร์ หลิงเอ่อร์...มีฤทธิ์ร้อน รสหวาน...ขับลมสลายความชื้น...”
เอ่ยยาวเหยียดไม่มีตกหล่นหรือผิดพลาดเลยสักคำ กล่าวได้ว่าเป็การบรรยายซ้ำอีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ
หมอเทวะได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตาอ้าปากค้าง ถึงกับเผลอกระตุกหนวดเคราจนหลุดออกมาหนึ่งกระจุกโดยไม่ทันสังเกต รู้สึกเจ็บเสียจนเขาต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน
เซียนพิษเลิกคิ้วเอ่ยว่า “แม่นางน้อย เ้าลองอธิบายฮวาจู๋ทีว่าคือสิ่งใด?”
เคอโยวหรานยกยิ้มบางพลางเอ่ย “ฮวาจู๋มีอีกชื่อว่าหั่วเฮ่อฮวา...ใบกับกิ่งก้านดูแปลกตา...หากทานเข้าไปโดยไม่ตั้งใจจะทำให้ภายในปากเกิดตุ่มพุพองเ้าค่ะ...”
เสียงใสไพเราะเสนาะหูของเคอโยวหรานดังก้องไปทั้งห้อง กระทั่งมารดาสกุลต้วนที่เดินด้วยฝีเท้าร้อนรนใจยังถูกดึงดูดความสนใจมาทางนี้
ผู้เฒ่าทั้งสองผลัดกันเอ่ยคนละประโยคเพื่อทดสอบ ยิ่งทดสอบยิ่งฮึกเหิม แท้จริงแล้วพวกเขารับครรภ์พิสดารเช่นไรมาเป็ศิษย์กันแน่?
ตอนคนทั้งสองเข้าสำนัก ยังต้องใช้เวลาท่องตำราเล่มนี้ถึงสองปีสี่เดือนเต็มๆ แม่นางน้อยอ่านไม่ถึงครึ่งชั่วยามกลับท่องได้อย่างคล่องแคล่วดั่งดาวตก เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
เหล่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันหวาดหวั่นเสียแล้ว ทุกครั้งที่เคอโยวหรานตอบหนึ่งคำถามเสร็จ ทุกคนล้วนแต่พากันปรบมือด้วยความตื่นเต้นพลางเอ่ยว่า “ช่างยอดเยี่ยมนัก!”
เคอโยวหรานกลายเป็นักแสดงเดี่ยวเปี่ยมพร์ กระทั่งหยวนซื่อที่มักหาเื่จับผิดอยู่ตลอดก็ยังมิอาจหุบปากเข้าหากันได้
เคอโยวเยวี่ยยิ่งตื่นเต้นจนะโโหยง ร้องะโเสียงดังว่า “พี่หญิงใหญ่เก่งยิ่งนัก พี่หญิงใหญ่เก่งเหลือเกินเ้าค่ะ...”
ไม่มีผู้ใดทันสังเกตว่า เคอต้าส่าที่นั่งทึ่มทื่ออยู่ด้านข้างกำลังพึมพำบางสิ่งหลังจากได้ยินเคอโยวหรานท่องจำปากเปล่า
แท้จริงแล้วหากตั้งใจฟังให้ละเอียดจะพบว่า ไม่ว่าเคอโยวหรานท่องคำใด เคอต้าส่าก็จะท่องตามคำนั้น สีหน้าฉายแววเอาจริงเอาจังเป็อย่างยิ่ง
ต้วนเหลยถิง ผู้ใหญ่บ้านเฉิน รวมถึงชาวบ้านนับร้อยที่เดินทางไปโจวฝู่ด้วยกันในวันนี้พากันเดินเข้ามาในจวนสกุลต้วน พลันได้ยินเสียงทุกคนที่อยู่ในห้องรับรองแขกร้องเสียงดังว่า
“ยอดเยี่ยม...”
จากนั้นก็ตามด้วยเสียงปรบมือดังเกรียวกราว แต่ละคนตื่นเต้นไม่ต่างกับชมงิ้วอุปรากรในตัวเมืองอำเภอ
ทางฝั่งพวกต้วนเหลยถิงหันมองหน้ากันก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องรับรองแขก
เพราะภายในห้องไม่กว้างขวางนัก ดังนั้นนอกจากต้วนเหลยถิง ผู้ใหญ่บ้านเฉิน และบุตรชายทั้งสองของสกุลเฉินที่เข้าไปข้างใน คนจำนวนมากล้วนได้แต่ยืนเบียดกันอยู่หน้าประตูพลางเขย่งปลายเท้าเพื่อชะโงกมอง
เสียงท่องตำราไพเราะน่าฟังของเคอโยวหรานและเสียงร้องชมของผู้คนในห้องดังไม่ขาดสาย ทางด้านฝูงชนที่อยู่ด้านนอกก็พูดคุยคึกคักไม่ต่างกัน
“นึกไม่ถึงว่าเ้าทึ่มคนโตของผู้เฒ่าเคอจะให้กำเนิดบุตรสาวที่ฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้”
“เหอๆ ใช่แล้ว สิ่งที่นางท่องข้าฟังไม่เข้าใจสักประโยค แต่กลับรู้สึกได้ว่านางเก่งกาจยิ่งนัก”
ยามนี้สองผู้เฒ่าพลันพบว่าภายในห้องแน่นขนัดไปด้วยผู้คน
ไม่ได้การ วิชาในสำนักมิอาจปล่อยให้คนมากมายถึงเพียงนี้ได้ยินเข้า ประมาทเกินไปแล้ว
ชายชราทั้งสองรีบหยุดเคอโยวหรานเอาไว้ “แม่นางน้อย คืนนี้เ้าผ่านด่านแล้ว วันพรุ่งอาจารย์ยังจะทดสอบอีก เ้ากลับไปท่องตำราที่เหลือต่อได้แล้ว”
กล่าวจบก็หมายจะหยิบของรางวัลเผ่นหนีไป แต่กลับถูกเคอโยวหรานที่หูตาว่องไวกดมือเอาไว้พลางยกยิ้มหวานมองพวกเขาสองคน
ภายในใจของผู้เฒ่าทั้งสองรู้สึกเสียดายภายหลังยิ่งนัก ต่างชักมือกลับอย่างคับแค้นใจและกลับไปนอนในห้องของตนด้วยความขมขื่น
คนสกุลเฉินเห็นเช่นนั้นจึงหลบออกเป็สองฝั่งเพื่อหลีกทางโดยสัญชาตญาณ
เคอโยวหรานหอบข้าวของทั้งหมดขึ้นมาอย่างมีความสุข เดินตามหลังท่านอาจารย์ทั้งสองก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องของตน
หลังจากจัดวางข้าวของไว้ในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ค่อยเดินกลับมายังห้องรับแขกด้วยท่าทางเอ้อระเหย
ทันทีที่เข้ามาภายในห้องรับแขก ยามนี้พลันพบว่าบนโต๊ะปรากฏแท่งเงินเปล่งแสงเจิดจ้าจนตาของนางแทบบอด
ให้ตายเถิด! ผู้ใดบอกข้าทีว่านี่มันเป็เงินจำนวนเท่าใด?
ต้วนเหลยถิงนึกขบขันเมื่อเห็นท่าทางตะลึงงันของนาง ชายหนุ่มฉีกยิ้มเอ่ยว่า “ทำไมกัน ถึงกับใเชียวหรือ?”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินลูบเคราพลางเอ่ยอย่างมีความสุข “โยวหราน อย่าว่าแต่เ้าใ เพราะจนถึงยามนี้ข้าก็ยังมิได้สติกลับมาเลยด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆๆ!”
“ฮ่าๆๆ...”
ฝูงชนที่อยู่ด้านนอกประตูต่างะเิเสียงหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าทุกคนล้วนแต่มีความสุขจนหาทิศเหนือไม่เจอเสียแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านเฉินเอ่ยด้วยความดีใจ “สัตว์ป่าเ่าั้ พวกเราขายได้เป็เงินทั้งหมดแปดพันเก้าร้อยสามสิบสี่ตำลึงเงิน
คนรับซื้อสัตว์ป่าบอกว่า หากมิใช่เพราะหนังเสือมีรอยแผล ยังจะขายได้เงินกว่าหนึ่งพันแปดร้อยตำลึงเงินด้วยซ้ำ
ข้านึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหนังหมี อุ้งมือหมี และดีหมีล้วนแต่เป็เงินเป็ทอง วันนี้นับว่าได้ความรู้เพิ่มแล้ว”
เคอโยวหรานเอ่ย “หนังงูกับดีงูก็เป็ของดีเช่นกันเ้าค่ะ คงขายได้เงินไม่น้อยกระมังเ้าคะ?”
“ใช่แล้ว! ฮ่าๆๆๆ” คนสกุลเฉินอดมิได้ ต่างพากันเอ่ยเสริมด้วยความตื่นเต้น “ระหว่างทางกลับมาพวกเราพากันเป็กังวลแทบตาย กลัวว่าจะเจอกลุ่มอันธพาลดักปล้น เรียกได้ว่าหอบเงินวิ่งมาตลอดทางเลยทีเดียว!”
“ฮ่าๆๆ...”
ผู้ใหญ่บ้านเฉินยกมือขึ้นปรามเพื่อให้ทุกคนที่กำลังตื่นเต้นดีใจเงียบเสียงลงแล้วเอ่ยว่า “ทุกคนในสกุลเฉิน วันนี้ต้วนซานหลางพาพวกเราขึ้นูเา ทั้งยังพาพวกเราไปขายสัตว์ป่าที่โจวฝู่ จึงทำให้พวกเราหาเงินได้จำนวนมากเช่นนี้
ข้าขอเสนอให้คนที่ขึ้นเขาจำนวนหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดคนในวันนี้ ทุกคนแบ่งเงินคนละห้าสิบตำลึง ส่วนที่เหลือเป็ของต้วนซานหลางทั้งหมด ทุกคนเห็นด้วยหรือไม่?”
“ดีขอรับ!”
“พวกเราเห็นด้วย!”
“ไม่เป็ปัญหา!”
พวกเขาดีใจแทบตาย เงินตั้งห้าสิบตำลึงเชียว! ชั่วชีวิตนี้ยังไม่เคยเห็นเงินทองมากมายถึงเพียงนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
วันนี้ไม่ต่างอันใดกับหลับฝัน ทุกคนล้วนลอยอยู่บนปุยเมฆจนมิอาจกลับลงมาได้!
ผู้ใหญ่บ้านเฉินขอกระดาษ พู่กัน และน้ำหมึก ก่อนขานนามเพื่อจดบันทึก แต่ละคนรับเงินตามสัญญาแล้วถอยออกไป
ทุกคนดีใจจนมิอาจหุบยิ้ม ครั้นได้เงินก็พากันจับกลุ่มขอตัวกลับจวน ต่างรีบร้อนอยากกลับไปแบ่งปันเื่ราวในวันนี้กับคนในครอบครัว
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็จ่ายเงินจนถึงคนสุดท้าย ผู้ใหญ่บ้านเฉินเก็บเงินส่วนที่เป็ของตนเองเอาไว้และเอ่ยว่า
“ยังเหลืออีกสองพันแปดสิบสี่ตำลึง ล้วนกลายเป็เงินสกุลต้วนของพวกเ้าแล้ว จงเก็บเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ผู้อื่นเพ่งเล็งเอาได้ พวกเราคงต้องขอตัวกลับก่อน”
ขณะกล่าวก็หยัดกายลุกขึ้นเตรียมจะจากไป เคอโยวหรานพลันเอ่ยรั้งว่า “ท่านผู้าุโอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับไปเถิดเ้าค่ะ ข้ายังมีเื่อยากจะหารือกับท่านสักหน่อย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้