“ภรรยา ขอบคุณเ้าที่ยอมฟันฝ่าไปกับข้า” ซ่งจื่อเฉินซาบซึ้งยิ่งนัก เขามีภรรยาที่ดีเช่นนี้ยังจะ้าสิ่งใดอีก
“คนโง่ ข้ากับท่านเป็สามีภรรยากัน พวกเราควรก้าวไปด้วยกัน” จิ่นเซวียนอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของซ่งจื่อเฉิน นางยิ้มแย้มมีความสุข
“จริงด้วย สามี ท่านมีความรู้กว้างขวาง ท่านช่วยข้าดูหน่อยได้หรือไม่ ว่าสมุนไพรเ่าั้คือสมุนไพรชนิดใด”
จิ่นเซวียนจึงพาซ่งจื่อเฉินมาที่สวนสมุนไพร ซ่งจื่อเฉินรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก เมื่อเห็นวัตถุดิบทำยาหายากเหล่านี้
“ภรรยา เ้ามิรู้จักสมุนไพรตัวใดหรือ?”
“ดอกไม้สีม่วงนี้ กับต้นนั้น” จิ่นเซวียนชี้สมุนไพรทั้งหมดที่ตนเองมิรู้จักให้ซ่งจื่อเฉินดู เขาบอกกับนางว่าสมุนไพรเหล่านี้ ล้วนเป็ของล้ำค่าและหายาก ที่ปรากฏอยู่ในบันทึก 《ตำรับยาโบราณ》 สมุนไพรดอกสีม่วงมีชื่อว่าหญ้าจื่อหลิง ร้อยปีจะบานสักหน มิเพียงช่วยยกระดับการฝึกฝนของนักรบ แต่ยังฟื้นคืนชีพคนตายได้อีกด้วย ใบไม้หนึ่งใบสามารถเพิ่มกำลังภายในที่ใช้เวลาฝึกมาหลายสิบปี สรรพคุณของหนึ่งต้นนั้นเหนือจินตนาการ
ซ่งจื่อเฉินดูแลหญ้าจื่อหลิงอย่างระมัดระวัง หญ้าจื่อหลิงมิได้มีเพียงต้นเดียว กลับมีมากกว่าสิบต้น พวกเขาร่ำรวยแล้ว
“สามี ในเมื่อหญ้าจื่อหลิงมีสรรพคุณเช่นนี้ พวกเราก็นำมันไปกลั่นเป็ยาลูกกลอน กินผสมกับน้ำศักดิ์สิทธิ์ น่าจะได้ผลดีขึ้น” จิ่นเซวียนมิรู้จักด้วยซ้ำว่าหญ้าจื่อหลิงคือสิ่งใด มิคิดว่าจะเป็หญ้าวิเศษเช่นนี้
“ตำหนักเถาเซียนมีเตาหลอมยาหรือไม่?” ซ่งจื่อเฉินถาม
“น่าจะมีห้องเตาหลอมอยู่ แต่ข้ามิรู้วิธีทำยา!” จิ่นเซวียนจำได้ว่าในตำหนักมีห้องเตาหลอม แต่นางมิรู้จะเริ่มหลอมยาอย่างไร
“ภรรยา พวกเราขุดหญ้าจื่อหลิงขึ้นมาสักต้นแล้วนำไปหลอมกันเถิด ลองดูว่าจะได้ผลอย่างไร” ซ่งจื่อเฉินพูดพลางถอนรากของหญ้าจื่อหลิงขึ้นมาแล้วนำไปหลอมที่ห้องเตาหลอม การหลอมยานั้นกินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วยาม ยาลูกกลอนสีม่วงเม็ดหนึ่งก็หลอมได้สำเร็จ
“สามี ท่านรีบลองเร็ว”
“ให้ภรรยาลองดีกว่า” ซ่งจื่อเฉิน้านำของที่ดีที่สุดให้จิ่นเซวียน เขาจึงปฏิเสธที่จะกินยา
“สามี ข้าใช้พลังิญญาเป็ อีกทั้งพลังิญญาในร่างของข้าไหลเวียนมิติดขัด ข้ามิจำเป็ต้องบำรุง ท่านกินดีกว่า” จิ่นเซวียนหยิบเม็ดยาจากมือของซ่งจื่อเฉินแล้วป้อนเข้าปากเขาทันที
ซ่งจื่อเฉินกลืนยาลูกกลอนลงท้อง จากนั้นเขาก็ลงไปนั่งสมาธิอยู่ที่พื้นเพื่อดูดซับส่วนผสมของหญ้าจื่อหลิง
“ช่างเป็พลังภายในที่แข็งแกร่งยิ่งนัก” จิ่นเซวียนยืนอยู่ด้านข้าง นางเห็นซ่งจื่อเฉินถูกแสงสีม่วงปกคลุมล้อมรอบร่างกาย พลังภายในร่างกายแผ่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง พลังภายในนี้มิด้อยไปกว่าพลังิญญาในร่างของนางเลย ทันใดนั้นแสงสีม่วงก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของซ่งจื่อเฉินและถูกดูดซับหายไปพร้อมกับพลังภายใน
“สามี ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?” จิ่นเซวียนรีบถามหลังจากที่ซ่งจื่อเฉินลดฝ่ามือลง
“ภรรยา ข้าพบว่าพลังภายในร่างกายของข้าได้คลายออกแล้ว แค่ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ ข้ามิคิดว่าจะมีพลังเพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยปี” ซ่งจื่อเฉินดีใจลิงโลด ฝึกฝนมาเป็สิบปี เขาเกือบจะมิสามารถบรรลุระดับยอดฝีมือผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกลางได้ แต่ในเวลานี้คาดมิถึงว่าเขาจะกลายเป็ยอดฝีมือกำลังภายในแล้ว เขารู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ทั่วทั้งใต้หล้า ผู้ที่จะมีพลังมากกว่าร้อยปีมิได้หากันได้ง่ายๆ
“จริงด้วย พวกเราหลอมยากันอีกเม็ดให้ท่านพ่อกิน หากพลังภายในของเขาแข็งแกร่งขึ้น จะมีประโยชน์กับพวกเราด้วย” จิ่นเซวียนเห็นว่าสรรพคุณของหญ้าจื่อหลิงดีเช่นนี้ นางจึงตัดสินใจให้ซ่งจื่อเฉินหลอมยาเพิ่มอีก
“ข้ากลัวว่าท่านพ่อจะใ อย่าเพิ่งไปบอกเขาใน่เวลานี้เลย” ซ่งจื่อเฉินอยากให้จิ่นเซวียนค่อยๆ เป็ค่อยๆ ไป หากใจร้อนเกิน เขากลัวว่าจะเสียเื่ ในด้านการฝึกวรยุทธ์ เขาเชื่อว่ามีเพียงมิกี่คนในใต้หล้าที่พอจะเป็คู่ต่อสู้ของพวกเขาสามีภรรยาได้ พวกเขาขาดเพียงเส้นสายกับเงินเท่านั้น
จากนี้พวกเขาต้องหาทางพาชาวบ้านร่ำรวยไปด้วยกัน
น้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถใช้หลอมยาได้ แต่จิ่นเซวียนเป็เ้าของ ซ่งจื่อเฉินยังต้องขอความเห็นจากนาง
“ภรรยา เ้าจะจัดการสมุนไพรเหล่านี้อย่างไร?” ซ่งจื่อเฉินจับไหล่ถามจิ่นเซวียนยิ้มๆ
“นอกจากยาวิเศษแล้ว สมุนไพรอื่นๆ สามารถนำออกไปแลกเงินได้ พวกเรามิสู้นำโสมคนไปขาย เมื่อมีเงินก็เอาไปทำธุรกิจอย่างอื่นได้”
“ความจริงแล้วข้าเองก็มีเงินส่วนตัวอยู่ แต่เงินส่วนนั้นพวกเรามิต้องไปแตะต้อง เก็บเอาไว้เพื่อขยายเส้นสายจะดีกว่า” ซ่งจื่อเฉินวางแผนจะใช้มรดกที่พ่อผู้ให้กำเนิดเหลือไว้ให้
“สามี โลกนี้ช่างวุ่นวายยิ่งนัก พวกเราจำเป็ต้องเลี้ยงทหารเดนตายไว้กลุ่มหนึ่ง มิสู้นำเงินส่วนนั้นไปรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจำนวนหนึ่ง และหาผู้เก่งกาจวรยุทธ์มาฝึกฝนให้พวกเขาเล่า ข้าว่าส่วนนี้มีข้อดีมากยิ่งนัก ข้อแรกพวกเราได้มอบที่อยู่ให้พวกเขา ข้อที่สองพวกเราสามารถเรียกใช้พวกเขาให้ช่วยสืบข่าวจากฝ่ายต่างๆ ได้”
“ความคิดของเ้ามิเลวเลย ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อในภายหลัง” ซ่งจื่อเฉินมิคิดว่าเขากับจิ่นเซวียนจะเข้ากันได้ดีเช่นนี้ มิเพียงนิสัย ความชอบและงานอดิเรกยังคล้ายกันอีกด้วย
“สามี พวกเราไปพักผ่อนกันเถิด ท่านวางใจได้ พวกเรามินอนเลยเวลาหรอก เพราะเวลาที่นี่เดินช้ากว่าเวลาภายนอก” จิ่นเซวียนว่าจะกลับไปพักในตำหนักก่อน นางง่วงนอนแล้ว วันนี้เหนื่อยยิ่งนัก!
......
เมื่อพวกโจวซู่ซินกลับมาถึงหมู่บ้านสกุลโจว ฟ้าก็สว่างแล้ว ซ่งผิงตื่นั้แ่เช้าตรู่มาฝึกกระบี่ เมื่อเขามิเห็นซ่งจื่อเฉินกับจิ่นเซวียนจึงกังวลเล็กน้อย
“อาหวา เฉินเอ๋อร์กับเซวียนเซวียนเล่า?”
“ท่านพ่อ น้องห้ากับเซวียนเซวียนค้างคืนที่บ้านของนายอำเภอสวี่.......” ซ่งหวาบอกซ่งผิงว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ซ่งผิงประหลาดใจยิ่งนัก เขามิคิดว่าสวี่ติ้งหรงจะเป็ลูกพี่ลูกน้องกับนายอำเภอสวี่
“พวกเ้าคงง่วงแล้ว รีบกลับไปนอนพักเถิด” ซ่งผิงเรียบเรียงเื่ราวที่ได้รู้มาพลางบอกให้ลูกบุญธรรมสามพี่น้องไปพักผ่อน
โจวซู่ซินตามมือปราบกลับมาที่บ้าน นางอารมณ์มิค่อยดีนัก เมื่อพวกนางเข้าบ้านมา หานซื่อรวมถึงพ่อและพี่น้องของโจวซู่ซินก็ออกมาต้อนรับ
“ซู่......” โจวเจียโย่วยังมิทันได้เรียกชื่อของลูกสาว เขาก็ใกับมือปราบที่ตามมาข้างหลังของนาง
“ผู้ใดคือโจวเจียโย่ว รีบตามพวกข้าไปที่ว่าการอำเภอประเดี๋ยวนี้” หนึ่งในกลุ่มมือปราบะโลั่น
“ท่านพ่อ มิมีประโยชน์แล้วเ้าค่ะ ท่านถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต และเพราะพวกเรามิใช่ทาสตระกูลอิ่น จึงมิมีความผิดเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นทรัพย์สินในบ้านเล่า ท่านปู่ของเ้าโอนย้ายมาให้เ้าแล้วหรือยัง?” หานซื่อมิสนใจว่าสามีของนางจะถูกจับเข้าคุกหรือไม่ นางกังวลเพียงแค่เื่ของทรัพย์สมบัติ
“หานซื่อ เ้ายังคิดจะเอาทรัพย์สมบัติของบ้านข้าอีกหรือ ของทุกชิ้นที่นี่คือของของพวกข้า” โจวซู่อิงที่เปลี่ยนชื่อเป็อิ่นซู่ซู่แล้ว ยิ้มอย่างเ็า “แม้พวกเ้าจะเอาโฉนดที่ดินไปก็มิมีประโยชน์ เพราะใต้เท้านายอำเภอสวี่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็ของพวกข้าได้”
“ใส่กุญแจข้อเท้าเขา” หัวหน้ามือปราบสั่งลูกน้องให้จับกุมโจวเจียโย่ว
“อิงจื่อ เ้าโเี้เกินไปแล้ว” โจวเจียโย่วปรายตามองอิ่นซู่ซู่อย่างอาฆาตแค้น
“ข้าโเี้ได้มิเท่าเ้าหรอก?” อิ่นซู่ซู่พูดพลางรีบไปดึงถุงเงินออกจากร่างของโจวเจียโย่ว
หานซื่อแม่ลูกเห็นสถานการณ์ตรงหน้า กลัวว่าอิ่นซู่ซู่จะแย่งถุงเงินไปอีกเลยรีบหลบ
“พวกเ้ามิต้องหลบ ข้ามิได้โเี้เหมือนพวกเ้า ในเมื่อใต้เท้าตัดสินแล้วว่าพวกเ้าไร้ความผิด ข้าจึงให้เวลาพวกเ้าย้ายออกไปจากบ้านของข้าภายในหนึ่งวัน หากเลยกำหนด ข้าจะเรียกเก็บเงินค่าเช่าจากพวกเ้า” อิ่นซู่ซู่เองก็อยากจะเอาถุงเงินของพวกโจวซู่ซินมา แต่พวกมือปราบยังอยู่นางจึงทำได้เพียงมองข้ามไป
“อิงจื่อ เ้ายืดเวลาให้พวกเราสักสองสามวันเถิด พวกเราหาที่อยู่กระทันหันเช่นนี้มิได้!” โจวซู่ซินขอร้องอิ่นซู่ซู่อย่างน่าสงสาร อิ่นซู่ซู่หัวเราะเยาะนางทันที
หนึ่งวันคือขีดจำกัดของนางแล้ว นางมิอยากเห็นหน้าพวกโจวซู่ซินแล้วจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้