เย่ชิงอู่ก็ร้อนใจ เย่ชิงอวี่กลับร้อนใจมากยิ่งกว่า เพียงแต่ในขณะที่พวกนางทั้งสองคนกำลังที่จะร้องออกไปนั้นผู้าุโที่อยู่ข้างๆ ซึ่งได้รับการส่งสัญญาณจากเย่เชียงจึงได้ลงมือฟาดพวกนางจนสลบไปเพื่อความปลอดภัยในการปกป้องคุ้มครองพวกนางได้มากขึ้น ยิ่งตอนนี้สถานการณ์ทั้งเลวร้ายและดูจะชุลมุนวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ เย่เชียงไม่อยากที่จะให้เกิดเหตุการณ์ที่นอกเหนือการควบคุมขึ้นมาอีก
เสียงร้องะโของเย่เชียงที่ร้องออกไปแต่สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น
ต่อมามีเสียงของบางสิ่งที่ฟังดูคล้ายกับฝนตก ้าเหนือศีรษะของพวกเขาเริ่มมีสิ่งของที่มีสีสันลานตาและลักษณะรูปทรงที่แปลกแตกต่างกันเริ่มร่วงหล่นลงมา มีดาบสีทองเหลืองอร่าม มีกระบี่สีขาวสว่างพร่างพราว มีขวานใหญ่ั์ มีคันธนูสีเขียวมรกต มีแหวน มีกำไล มีชุด มีเสื้อเกราะ... สมบัติล้ำค่าและของวิเศษมหัศจรรย์มากมายเริ่มร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝนปรอยๆ ที่ตกลงมาในฤดูใบไม้ผลิฉันนั้น ทั้งล่องลอยปลิวไปกลางอากาศและร่วงหล่นไปตามแรงลม
“ฮ่าๆ... นครแห่งเทพเท่านั้นที่จะเป็ผู้ชนะ ใครขวางข้าต้องตาย!”
ถูเฮยลงมือในทันที ท่าทางวางอำนาจใหญ่โตเป็อย่างมากปล่อยพลังปราณรบออกมาเป็ฝ่ามือขนาดใหญ่คว้าจับไปยังสมบัติของล้ำค่ามากมายที่ลอยอยู่กลางอากาศ แต่แน่นอนว่าฝ่ามือของเขาไม่ใช่ฝ่ามือสยบัจึงไม่สามารถจับวัตถุเป็รูปร่างได้ แต่ว่าจุดประสงค์ของเขานั้นชัดเจนว่าจะกวาดสมบัติของล้ำค่าต่างๆ ทั้งหมดไปยังทิศทางที่กองกำลังนครแห่งเทพอยู่
ฟิ้วๆ!
สมาชิกกองกำลังแห่งเทพเมื่อเห็นถูเฮยลงมือจึงต่างะโลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งตรงเข้าหาสมบัติของล้ำค่าทันที
“มารดามันเถอะ! พวกนครแห่งเทพคิดจะฮุบเอาไว้เองทั้งหมด ทุกคนร่วมมือกันจัดการกับคนของนครแห่งเทพก่อน!”
“พวกนครแห่งเทพยโสโอหังจนเกินไปแล้ว ถ้าหากไม่จัดการกับพวกมันก่อนทุกคนจะไม่มีใครรอดไปได้อย่างแน่นอน!”
“ฆ่าาา! เขตปกครองเทพาพวกเราร่วมมือกันจัดการกับพวกนครแห่งเทพ สมบัติของล้ำค่าค่อยแบ่งกันคนละครึ่ง พวกเ้าจัดการกับเหล่าลูกสมุน ส่วนพวกข้าจะจัดการกับหัวหน้าผู้นำของพวกมันเอง”
คนของเกาะเร้นลับลงมือเช่นกัน แต่ทำเพียงร้องเย้วๆ เสียงดังออกมาพร้อมกับเสียงอาวุธที่กระทบกันดังขึ้นและเสียงคนย่ำเท้า แม้พวกเขาจะร้องเสียงดังดูดุร้ายน่ากลัวแต่ทั้งหมดกลับยืนอยู่กับที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด ทำท่าทางเหมือนดั่งที่คนเขาพูดว่า “ร้องเสียงดังหน้าแดงแรงไม่ออก” ฉันนั้น
แต่ที่มีความเคลื่อนไหวกลับเป็เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน หัวหน้าผู้นำเผ่าปีศาจและหมันก้านเมื่อได้ฟังจึงนึกขึ้นมาได้... ใช่เลย! ช้างใหญ่ยังกลัวฝูงมดจำนวนมาก ขุมกำลังทั้งหลายยังจะกลัวว่าจะไม่สามารถบดขยี้คนของนครแห่งเทพไม่ได้อีกรึ? เดิมทีพวกเขาก็มองสมบัติล้ำค่าที่อยู่ในมือคนของนครแห่งเทพกันอย่างตาเป็มันอยู่แล้ว
ตอนนี้ถูกพวกอิ่นซากระตุ้นขึ้นอีกยิ่งทำให้ฮึกเหิมขึ้นมายิ่งขึ้น...ดังนั้น หมันก้านและหัวหน้าผู้นำของเผ่าปีศาจจึงออกคำสั่งสมาชิกของกองกำลังทั้งหมดเคลื่อนตัวออกไป
“กำจัดพวกนครแห่งเทพให้หมดอย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
“สมบัติล้ำค่าที่อยู่บนตัวของพวกนครแห่งเทพนั้นมีอยู่มากมาย ฆ่าพวกมันให้หมดแล้วพวกเราค่อยมาแบ่งกัน!”
เมื่อคนของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนลงมือ คนของเกาะเร้นลับแน่นอนว่าจะต้องลงมือเช่นกันต่างร้องะโลั่นออกมาแล้วบุกโจมตีเข้าไปยังกองกำลังของนครแห่งเทพในทันที
การต่อสู้ตะลุมบอนเริ่มขึ้นมาอีกครั้ง ความชุลมุนวุ่นวายเริ่มบังเกิดขึ้นที่ภายในลานกว้างห้องโถงใหญ่ แต่การต่อสู้นัวเนียกันคราวนี้แตกต่างออกไปจากครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เป็การต่อสู้เข่นฆ่ากันระหว่างกองกำลังของนครแห่งเทพกับกองกำลังของเกาะเร้นลับ เผ่าปีศาจ และเผ่าคนเถื่อนทั้งสามขุมกำลัง
“เอ่ออ...ต่อสู้ตะลุมบอนกันอีกแล้ว? จะเอาไม่เอาดี? ทุกคนลงความเห็นกันหน่อย! นี่เป็โอกาสที่ดีงามที่สุดแล้ว!” เฟิงเซียวเซียวมองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้า เห็นกองกำลังของนครแห่งเทพชั่วพริบตาเดียวถูกกองกำลังจากทั้งสามฝ่ายโจมตีเข้าใส่จนรูปขบวนทัพแตกระส่ำระสายขึ้นเจ็บตายนับไม่ถ้วน เขาเลียริมฝีปากพร้อมกับพูดขึ้นอย่างมีนัยยะแอบแฝง
อืม...
เหล่าหัวหน้าผู้นำของเขตปกครองเทพาล้วนดวงตาลุกโชนกันขึ้น นี่ถือเป็โอกาสอันดีงามที่หาได้ยากอย่างแท้จริง ถ้าหากคนของนครแห่งเทพถูกกำจัดไปได้ละก็ โอกาสของเขตปกครองเทพาก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็อันมาก เพราะว่าก่อนหน้านี้คนของเขตปกครองเทพาแทบจะไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ตะลุมบอนเลยด้วยซ้ำ กำลังรบจึงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
“ตระกูลเย่ขอไม่เข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงสมบัติในครั้งนี้ พวกเ้าตัดสินใจกันเอาเอง! ท่านผู้าุโผู้เฝ้ารักษาแห่งูเาสุสานทวยเทพ ขอร้องท่านโปรดให้พวกข้าเข้าไปตามหาคนๆ หนึ่งด้วยเถิด...!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังลังเลสองจิตสองใจอยู่นั้นเสียงร้องของเย่เชียงพลันดังขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็หันมากะพริบตาให้เหล่าหัวหน้าผู้นำคนอื่นๆ พร้อมกับสายตาที่มองไปทางเยว่โหรวอย่างลึกล้ำ
“ตระกูลเยว่ก็ขอไม่เข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดในครั้งนี้เช่นกัน ครั้งนี้ที่พวกเราที่มาก็เพื่อช่วยเหลือตระกูลเย่ตามหาคน หากพวกเ้าจะไปก็ตัดสินใจกันเองเถอะ!” เยว่โหรวเข้าใจความหมายในสายตานั้นจึงร้องบอกออกมาในทันที
เฟิงเซียวเซียวและฮวาลิ่ว รวมไปถึงหลงเฟยจากเมืองัล้วนเข้าใจดี ดังนั้นทั้งสามคนจึงทำเป็ร้องด่าออกมาซึ่งเป็เฟิงเซียวเซียวที่ร้องด่าออกมาก่อน “เย่เชียง เยว่โหรวพวกเ้ามันไร้น้ำใจ พวกเ้าสองตระกูลไม่เข้าร่วมพวกข้าจะเอาอะไรไปสู้ คงทำได้เพียงแค่มองเท่านั้นเอง!”
“เมืองั้าสมบัติของล้ำค่าเพียงแค่สิบชิ้น เมื่อกลับไปจะได้มีผลงานไปนำเสนอบ้าง! ส่วนสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดเมืองัขอสละสิทธิ์” หลงเฟยะโขึ้นกลางอากาศใช้กระบวนท่าฝ่ามือสยบัออกไปกวาดเอาสมบัติของล้ำค่ามาสิบชิ้น จากนั้นถอยกลับมารวมกลุ่มกับเขตปกครองเทพาเช่นเดิมแล้วไม่ลงมือใดๆ อีก
“ตระกูลฮวาก็้าเพียงแค่สิบชิ้น ไม่ขอเข้าร่วมการแย่งชิงสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุด!” ฮวาลิ่วอำพรางกายออกไปในทันที เงาร่างปรากฏขึ้นกลางอากาศวูบหนึ่งแล้วก็เลือนหายกลับมารวมอยู่กับคนของเขตปกครองเทพาเช่นเดิมพร้อมกับสมบัติของล้ำค่าสิบชิ้นในมือ
“ตระกูลเฟิงก็้าสิบชิ้นเหมือนกัน กลับไปจะได้มีผลงานนำเสนอ!” เฟิงเซียวเซียวบังคับกระบี่หอบเอาสมบัติของล้ำค่ากลับมาสิบชิ้น
หลังจากคนของเขตปกครองเทพานำสมบัติของล้ำค่าต่างๆ กลับมาจำนวนสามสิบชิ้นแล้วจึงถอยกลับออกไปอยู่ในมุมๆ หนึ่ง จากนั้นทำเพียงจัดรูปขบวนตั้งท่าตั้งรับกันขึ้นแสดงให้เห็นว่าจะไม่ทำการโจมตีออกไปอย่างแน่นอน
“ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้เฝ้ารักษา ขอร้องท่านให้โอกาสสักครั้งให้คนของตระกูลเย่และตระกูลเยว่เข้าไปภายในเพื่อตามหาคน พวกข้ารับปากว่าจะไม่หยิบเอาสมบัติของล้ำค่าแม้แต่ชิ้นเดียว...” เย่เชียงยังคงร้องอ้อนวอนออกมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่ตอบกลับเขากลับมายังคงเป็ความเงียบอยู่เช่นเดิม
การแสดงของพวกเขาประสบผลสำเร็จเป็อย่างดี ทั้งคนของเกาะเร้นลับ เผ่าปีศาจ เผ่าคนเถื่อน และนครแห่งเทพล้วนมึนงงไปตามๆ กัน
พวกเขตปกครองเทพากำลังแสดงละครตบตาหรือว่าเป็ความจริง? ดูจากลักษณะแล้วก็เห็นว่าน่าจะจริงอยู่ไม่น้อย
เื่ของเย่ชิงหานพวกเขาก็ได้ยินมาบ้างเช่นกัน เสียงร้องะโอ้อนวอนของเย่เชียงฟังดูสัตย์ซื่อจริงใจเต็มไปด้วยอารมณ์ยิ่งทำให้พวกเขาเริ่มเชื่อขึ้นมาอีกนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้กำลังทำการต่อสู้อย่างดุเดือดรุนแรงอยู่คนของนครแห่งเทพพวกเขาก็ไม่มีเวลามาสนใจอะไรมาก หลังจากจัดการกับนครแห่งเทพได้แล้วถ้าหากเขตปกครองเทพาอยากที่จะได้ส่วนแบ่งด้วยก็ค่อยร่วมมือกันจัดการกับพวกเขาอีกครั้งก็สิ้นเื่...
ดังนั้นจึงหันกลับไปมุ่งโจมตีเข้าใส่กองกำลังของนครแห่งเทพด้วยความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนของนครแห่งเทพแค่นี้ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้วจึงแน่นอนว่าไม่มีเวลามาสนใจว่าเขตปกครองเทพาจะมีท่าทีอะไรอย่างไร?
“อิ่นซา หมันก้าน เยาจี พวกเ้าสามคนอยากรนหาที่ตายเอง เสว่อู๋เหินจัดการกับพวกมันทั้งสามคนเดี๋ยวนี้! กลับไปเดี๋ยวข้าจะตบรางวัลให้เ้าอย่างงาม!” ถูเฮยไม่หลงเหลือความโอหังอวดดีเมื่อสักครู่อยู่อีก เพราะเพียงแค่ไม่กี่นาทีที่ประมือกันคนของนครแห่งเทพก็าเ็ล้มตายไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว มันทำให้เขาเดือดดาลเป็อย่างมากซัดฝ่ามือออกไปอีกครั้งหนึ่งแล้วหันกลับไปร้องคำรามออกมา
“เสว่อู๋เหิน?”
“เสว่อู๋เหิน!”
“ไอ้โง่บัดซบ!”
ดวงตาคู่สีเทาดำของเสว่อู๋เหินปรากฏแววของความโกรธวาบผ่านพร้อมกับด่าทอถูเฮยออกมาภายในใจ เมื่อสักครู่เขาซ่อนตัวอยู่อย่างไม่เป็จุดสนใจทำการแอบลอบสังหารยอดฝีมือไปหลายสิบคน ขอเพียงคนของนครแห่งเทพต้านทานเอาไว้อีกสักหน่อยเขาก็จะสามารถสังหารคนของทั้งสามขุมกำลังที่บุกเข้ามาได้อย่างมากมาย เช่นนี้จึงจะสามารถค่อยๆ สร้างโอกาสของชัยชนะให้เกิดขึ้นแก่นครแห่งเทพได้
ตอนนี้ถูกไอ้โง่ถูเฮยร้องะโบอกตำแหน่งพร้อมทั้งเปิดเผยฐานะตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาอีกยิ่งเป็การทำลายแผนการของเขาที่วางเอาไว้ลงทั้งหมด จากนั้นดวงตาของเขาปรากฏประกายแสงวาบผ่านไปมาอยู่หลายคราก่อนที่จะทอดถอนใจออกมาอย่างจำใจ สีหน้าอาการเปลี่ยนเป็ฮึกเหิมยินดีพร้อมกับรอยยิ้มที่เหี้ยมโหดปรากฏขึ้นที่มุมปาก “อิ่นซา หมันก้าน เยาจี ข้าจะนับถึงสามหากพวกเ้ายังไม่หยุดมืออีกละก็ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้