ฝุ่นควันลอยฟุ้งทั่วทั้งบริเวณอยู่นานไม่จางหาย มีเพียงเงาร่างของหลงอวี้เท่านั้นที่ยืนองอาจค้ำฟ้า
สายตาของผู้คนทั้งหมดที่มองมาทางเขาเปลี่ยนไป
“เสี่ยวอวี้!”
ในกลุ่มคนที่ถูกล้อมอยู่นั้น เฟิงฉางเกอที่ชมเหตุการณ์อยู่มีสีหน้าปีติยินดี
‘แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมากจริงๆ!’
พอตื่นเต้น เขาก็อดคิดไม่ได้
‘หลงอวี้สมกับเป็ลูกหลานของท่านขุนพลจริงๆ พร์ขนาดนี้ เกรงว่าจะตามทันท่านขุนพลตอนนั้นได้แล้วล่ะมั้ง’
หลงอวี้หันหลังกลับมา มองไปทางกลุ่มคนสองร้อยคนที่รุมล้อมเฟิงฉางเกอ
สายตาดุร้ายเสียจนทำให้ทั้งสองคนพากันถอยหลังทันที!
แม้แต่ปู่ทวดตระกูลถาน ฉินต้วนและหลัวเฉิงฮุยก็ยังพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของหลงอวี้ แล้วคนอย่างพวกเขาจะไปทำอะไรได้?
ถึงแม้กลยุทธ์พรรค์พวกมากกว่า ก็อาจจะโค่นล้มหลงอวี้ได้ แต่ใครล่ะที่จะยอมเปิดฉากก่อน?
ตอนที่หลงอวี้ค่อยๆ ก้าวมาทางเฟิงฉางเกอนั้น ทั้งสองร้อยกว่าคนนั้นพากันถอยไปด้านหลัง เปิดทางให้หลงอวี้อย่างรวดเร็ว
“หลงอวี้ เื่ในวันนี้ เป็ความประสงค์ของประมุขพวกเราเท่านั้น พวกเราเพียงแค่ทำตามคำสั่ง!”
ผู้ฝึกยุทธ์วิถียุทธ์ขั้นแปดของตระกูลฉินคนหนึ่งพูด
“เราเลิกแล้วต่อกันเพียงเท่านี้ เ้าว่าอย่างไร?”
หลงอวี้มองคนผู้นั้นปราดเดียว แล้วพูดเสียงเรียบ
“พวกเ้าคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป เห็นตระกูลเฟิงเป็สิ่งใดกัน”
“เ้าคิดจะฆ่าล้างบางให้ตายกันไปข้างหรืออย่างไร”
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินกระแทกเสียงเบาๆ
“ไม่ว่าเ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่พวกเราสามตระกูลใหญ่ก็ได้เปรียบเื่จำนวนคน หากต้องแลกชีวิตจริงๆ คนที่ตายอย่างไรก็เป็เ้า!”
“แต่ว่า คนที่ต้องตายก่อนข้าคือเ้า เ้า แล้วก็เ้า หรือบางที ยังมีคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งด้วย”
หลงอวี้ใช้แววตาอำมหิตกวาดมองผู้คนทั้งหมด
ประโยคนี้ดังขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินผู้นั้นพลันก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว สีหน้าแย่ลงเป็อย่างมาก
จริงอย่างว่า หากต่อสู้แลกชีวิตขึ้นมา ด้วยพลังของหลงอวี้ เพียงหมัดเดียวก็ฆ่าพวกเขาตายได้หลายคน หากคิดจะต่อกรกับหลงอวี้จริงๆ คงต้องเสียสละคนไม่น้อยเลย!
“เสี่ยวอวี้ ช่างเถิด”
เฟิงฉางเกอก้าวออกมาได้ถูกจังหวะ ส่ายหน้าและพูดกับหลงอวี้
“ในเมื่อพ่อบุญธรรมพูดเช่นนี้ พวกเ้าก็ไปเสีย ข้าจะไม่ทำอะไรพวกเ้า จริงสิ พาประมุขของพวกเ้ากลับไปด้วย”
หลงอวี้พูด
เมื่อคนของสามตระกูลใหญ่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งอกทันที
หากพวกเขาต้องต่อสู้กับหลงอวี้จริงๆ ใครจะกล้า?
แม้คนของสามตระกูลใหญ่จะโล่งอก แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่เครียดจนหัวใจเต้นเร็ว
คนพวกนั้นคือเหล่าคนทรยศของตระกูลเฟิงจำนวนร้อยกว่าคนที่เมื่อครู่นี้คิดจะย้ายไปเข้าร่วมกับสามตระกูลใหญ่นั่นเอง! และยังพวกคนที่ออกจากตระกูลเฟิงไป แต่ซ่อนตัวรอดูสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ ด้วย
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าตระกูลเฟิงคงจะจบสิ้นแล้ว จึงตัดสินใจละทิ้งตระกูลไปอย่างไม่ไยดี เพียงแต่ตอนนี้ หลงอวี้สามารถพลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็หลังเท้าได้อย่างปาฏิหาริย์ กอบกู้ตระกูลเฟิงจากความพินาศได้!
“ลูกพี่หลงอวี้ ท่านช่างแข็งแกร่งร้ายกาจมากเหลือเกิน ตระกูลเฟิงเราหลังจากนี้ คงต้องให้ท่านเป็ผู้นำแล้ว!”
ฉับพลันมีคนเปลี่ยนสีทันที เดินออกจากกลุ่มของสามตระกูลใหญ่มาทางเฟิงฉางเกอ พลางกล่าวเยินยอหลงอวี้
เมื่อสถานการณ์กลายเช่นนี้แล้ว สามตระกูลใหญ่ไม่มีทางรับพวกเขาไว้แน่ เหลือแค่ทางเดียวเท่านั้นคือต้องกลับไปที่ตระกูลเฟิง!
เพียงแต่ความจริงที่ว่าพวกเขาเคยหักหลังไปแล้ว ตระกูลเฟิงตอนนี้ยังจะรับพวกเขาอยู่หรือเปล่า
หลงอวี้มองไปทางคนที่พูดพร้อมกับหัวเราะเ็า
“ข้าจะไม่ขึ้นเป็ผู้นำของตระกูลเฟิง หลังจากนี้ พ่อบุญธรรมข้ายังคงเป็ประมุขของตระกูลเฟิงเช่นเดิม!”
“แต่ว่า ไม่ว่าใครจะขึ้นเป็ประมุขตระกูลเฟิง ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเ้าไม่ใช่หรือ”
หลงอวี้ก้าวเท้าออกไป พูดด้วยแววตาดุร้าย
“ก่อนหน้านี้ ข้าได้พูดไว้แล้วว่านับั้แ่วินาทีที่พวกเ้าออกจากตระกูลไป พวกเ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิงอีก!”
เหล่าคนทรยศของตระกูลเฟิงจำนวนไม่น้อยพอได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี
คนในกลุ่มนั้นพลันพูดขึ้นมาทันที
“แต่เดิมพวกเราก็เป็คนของตระกูลเฟิงอยู่แล้ว ที่ออกไปชั่วคราวก็เพื่อที่จะซ่อนตัวอย่างอดทน และหวังว่าจะทำให้ตระกูลเฟิงกลับมาผงาดได้อีกครั้งในภายภาคหน้า! เ้ามีสิทธิ์อะไรห้ามไม่ให้พวกเรากลับเข้าตระกูล?”
“ก็สิทธิ์ที่พวกเ้ามันไม่กตัญญู ไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีน้ำใจ เนี่ยแหละ ตระกูลเฟิงของพ่อบุญธรรมข้า ไม่้าคนแบบพวกเ้า!”
หลงอวี้หัวเราะอย่างเ็าเล็กน้อย
“พวกเ้าเรียกตัวเองว่าคนของตระกูลเฟิง แต่ในตอนที่ตระกูลตกอยู่ในวิกฤต กลับเลือกที่จะทิ้งตระกูลเพื่อเอาตัวรอด นับว่าไม่กตัญญู!”
“มองดูตระกูลเฟิงถูกรุมจากรอบด้านหน้าตาเฉย ไม่คิดจะลงมือช่วยเหลือ นับไว้ไม่มีน้ำใจ!”
“แล้วยังมีไอ้พวกที่หักหลังไปช่วยสามตระกูลใหญ่มาเล่นงานลูกหลานตระกูลเฟิงอีก พวกมันนับว่าไม่ซื่อสัตย์!”
“คนที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่กตัญญู ไม่มีน้ำใจเช่นนี้ คนของตระกูลเฟิง ไม่ต้อนรับ!”
เหล่าคนทรยศของตระกูลเฟิงทั้งหลายได้ยินเช่นนี้ก็พากันหน้าเขียวหน้าดำทันที
พวกเขาเองก็คิดว่าการกระทำของตัวเองไม่เหมาะสม แต่ใครจะไปคิดว่าเ้าหลงอวี้จะแข็งแกร่งถึงขั้นจัดการยอดฝีมือวิถียุทธ์ขั้นเก้าของสามตระกูลใหญ่ได้กัน?
ตอนนี้ พวกเขาไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากกลับตระกูลเฟิงแล้ว!
“หึ หลงอวี้ เ้าจะทำเกินไปแล้วนะ!”
คนผู้หนึ่งส่งเสียงตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
“เ้าเป็คนพูดเองว่าเ้าไม่ใช่ผู้นำของตระกูลเฟิง! ผู้นำตระกูลเฟิงยังคงเป็พ่อบุญธรรมของเ้า เป็ท่านลุงของข้า ‘เฟิงฉางเกอ’! พวกเราจะกลับเข้าตระกูลเฟิงได้หรือไม่ ผู้ที่ตัดสินคือท่านลุงข้า ไม่ใช่เ้า!”
พอพูดประโยคนี้ออกไป เขาพลันรู้สึกได้ใจเล็กน้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เฟิงฉางเกอเป็ประมุขที่ค่อนข้างใจอ่อน และใจดีเป็พิเศษ เขาคิดว่าเฟิงฉางเกอจะต้องเห็นแก่ที่เคยเป็คนในตระกูลเดียวกัน ต้อนรับพวกเขากลับแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่เฟิงฉางเกอกลับมองมาทางเขาอย่างเฉยชา
“ต่อให้ข้าจะเป็คนตัดสิน แต่คนที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่กตัญญู ไม่มีน้ำใจเช่นพวกเ้า ยังมีหน้ากลับมาที่ตระกูลเฟิงอีกหรือ”
เฟิงฉางเกอมองไปทางสี่สิบสองคนที่อยู่ด้านหลังพร้อมกับพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“นับจากวันนี้ไป ข้าคือประมุขของตระกูลเฟิงใหม่! ผู้ที่อยู่ด้านหลังข้าสี่สิบสองคนนี้เท่านั้น จะเป็สมาชิกใหม่ของตระกูลเฟิง!”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น เหล่าคนทรยศทั้งหลายก็หน้าหมองทันที
เฟิงฉางเกอ ไม่สนใจความสัมพันธ์ที่เคยมีต่อกันในอดีตเลย!
พวกเขาไม่รู้เลยว่า ที่เฟิงฉางเกอดูเป็คนอ่อนโยนใจดี เป็เพราะพวกเขาเป็ลูกหลานตระกูลเฟิงต่างหาก
แต่หลังจากที่พวกเขาละทิ้งตระกูล พวกเขาก็ไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเฟิงอีกต่อไป เฟิงฉางเกอย่อมไม่จำเป็ต้องใจดี!
พอพูดจบ เฟิงฉางเกอก็กวาดตามองไปรอบๆ แล้วกล่าวขึ้นอย่างดูถูก
“ข้าขอพูดให้ชัดเจนก่อน แม้เสี่ยวอวี้จะแข็งแกร่งมาก แต่สุดท้ายเขาก็จะไปจากตระกูลเฟิงอยู่ดี โลกของเขานั้นอยู่ในฟ้าดินที่กว้างใหญ่กว่านี้มาก หากไม่มีเสี่ยวอวี้ ตระกูลเฟิงใหม่ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคอีกมากมาย เมื่อถึงเวลานั้น พวกเ้าจะไม่หนีไปเหมือนเดิมหรืออย่างไร”
เมื่อสิ้นเสียง ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็สงบลง
ใช่แล้ว แม้หลงอวี้จะแข็งแกร่งมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่คนของตระกูลเฟิง เพราะเขาแซ่หลงต่างหาก!
ด้วยพลังของเขา ไม่มีทางอยู่ที่ตระกูลเฟิงไปตลอดแน่ และทันทีที่หลงอวี้จากไป ทั้งสามตระกูลใหญ่ต้องไม่พลาดโอกาสแก้แค้นแน่นอน!
เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลเฟิงใหม่รวมถึงเฟิงฉางเกอ เกรงว่าคงต้องตายกันหมด...
พอเห็นพวกคนทรยศมีท่าทีลังเล เฟิงฉางเกอก็หัวเราะในใจอย่างเ็า
แค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำให้คนพวกนี้ลังเลแล้ว หากปล่อยให้พวกมันกลับเข้ามาตระกูลเฟิงใหม่ เมื่อถึงเวลาวิกฤต พวกมันก็จะยังคงไร้ประโยชน์เหมือนเดิมอยู่ดี
ตระกูลเฟิงใหม่ ไม่้าคนไร้ประโยชน์ ไม่้าคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่กตัญญู ไม่มีน้ำใจ!
ทั้งสี่สิบสองคนด้านหลังเฟิงฉางเกอที่เลือกจะอยู่กับตระกูลเฟิงต่อไปต่างมีสีหน้ายินดี ไม่คิดว่าหลงอวี้จะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ถึงกับจัดการกับยอดฝีมือวิถียุทธ์ขั้นเก้าของสามตระกูลใหญ่ได้ด้วยตัวคนเดียว!
“ลูกพี่หลงอวี้เป็อัจฉริยะจริงๆ ด้วย อายุเพียงแค่นี้แต่สามารถต่อกรกับสามประมุขตระกูลใหญ่ได้ ฆ่าตายไปสอง ทำร้ายจนสาหัสอีกหนึ่ง ร้ายกาจยิ่งนัก!”
“หวังว่าข้า ‘เฟิงเสี่ยวเฟย’ จะสามารถแข็งแกร่งได้เท่ากับลูกพี่หลงอวี้ ข้าจะได้ปกป้องตระกูลเฟิงให้ได้เหมือนกับลูกพี่!”
“ข้า ‘เฟิงฮ่าวเฟิง’ แม้จะไม่ได้เป็อัจฉริยะเหมือนลูกพี่หลงอวี้ แต่วันหน้าข้าจะพยายามมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเพื่อตอบแทนบุญคุณของท่านประมุขด้วยชีวิต!”
ทั้งสี่สิบสองคนต่างรู้สึกฮึกเหิม มองไปทางหลงอวี้ด้วยแววตาเคารพนับถือ
แต่ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีเสียงหัวเราะดูถูกดูแคลนดังขึ้นไกลๆ
“หึ อัจฉริยะ? ในสายตาข้า เ้าหมอนี่ก็ไม่เห็นจะเท่าไร หากบอกว่ามันเป็อัจฉริยะ ข้าคงหัวเราะจนฟันร่วง!”
หลังจากที่เสียงนี้ดังขึ้น คนของตระกูลเฟิงใหม่ คนทรยศของตระกูลเฟิง และคนของสามตระกูลใหญ่ที่ยังจากไปไม่ไกลก็พากันมองไปที่สุดปลายถนนทันที
พวกเขาเห็นชายหนุ่มชุดสีทองหรูหราผู้หนึ่งที่มีรอยยิ้มเย้ยหยัน พาลูกสมุนสี่คนมุ่งหน้ามายังตระกูลเฟิง
แม้ย่างก้าวของเขาจะดูเชื่องช้า แต่ความเร็วกลับสูงสุด เพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงด้านนอกสวนของคฤหาสน์แล้ว!
“เ้าเป็ใคร? เหตุใดจึงมาดูถูกลูกพี่หลงอวี้ของข้าเช่นนี้!”
ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังของเฟิงฉางเกอส่งเสียงตะคอกอย่างเดือดดาล เขา คือหนึ่งในสมาชิกใหม่ตระกูลเฟิงที่มีระดับวรยุทธ์สูงที่สุด เฟิงเสี่ยวเฟย ที่เพิ่งก้าวขึ้นวิถียุทธ์ขั้นหกได้ไม่นาน!
“ดูถูกหรือ”
ชายหนุ่มชุดหรูสีทองแสยะยิ้มเย้ยหยัน
“คนอย่างมันไม่มีค่าให้ข้าดูถูกได้เลยด้วยซ้ำ!”
หลงอวี้มองไปทางห้าคนนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว
เขาไม่ได้รู้จักกับชายหนุ่มชุดทองผู้นั้น แต่รู้สึกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่ง ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกคุ้นหน้าคนผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังชายชุดทอง
ลูกสมุนผู้นั้น มีรูปลักษณ์หล่อเหลาสง่างาม หน้าตาคล้ายคลึงกับลูกพี่ลูกน้องของเฟิงเหยา หลิ่วิเซวียน มากถึงเจ็ดส่วนเลยทีเดียว
ดูเหมือนว่าสมุนผู้นั้นจะมองเห็นสีหน้าประหลาดใจของกลุ่มคน เขาหัวเราะเบาๆ และกล่าวแนะนำตัวด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง
“คุณชาย ‘หวังเทียนจั๋ว’ ผู้มาจากตระกูลหวังในเขตพระราชฐานผู้นี้ ใช่ตัวตนที่พวกบ้านนอกอย่างเ้าจะจินตนาการได้ที่ไหนกัน? ท่านผู้นี้ต่างหากที่เป็อัจฉริยะที่แท้จริง ไอ้หลงอวี้ที่พวกเ้าเรียกว่าอัจฉริยะน่ะ ไม่คู่ควรจะเป็ที่รองเท้าให้กับคุณชายหวังของเราเลยด้วยซ้ำ!”
หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มชุดทองผู้นั้นก็เชิดอก ยืนมองผู้คนที่หน้าประตูคฤหาสน์อย่างดูแคลน
เขาคือหวังเทียนจั๋ว ผู้มาจากตระกูลหวังแห่งเขตพระราชฐาน!
ทั้งฐานะ ระดับพลังของเขา ต่อให้ยืนอยู่ตรงนี้ ผู้คนทั้งหมดก็ควรจะแสดงความเคารพนับถือเขา!
“ที่ข้าเดินทางมายังสถานที่ที่บ้านนอกเช่นนี้ ก็เพื่อมาพบหญิงงามผู้หนึ่งเท่านั้น!”
หวังเทียนจั๋วมองไปยังเฟิงฉางเกอที่อยู่ในคฤหาสน์
“ศิษย์น้องเฟิงเหยา เหตุใดจึงไม่อยู่ที่นี่?”
เฟิงฉางเกอได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว
“เ้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง นางกลับไปที่สำนักแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น…ข้ามาหาเ้าแทนก็ได้”
หวังเทียนจั๋วหัวเราะเบาๆ
“เ้าคือบิดาของศิษย์น้องเฟิงเหยา คงตัดสินใจเื่การแต่งงานของนางได้ ที่ข้ามาครั้งนี้ ก็เพื่อจะมาขอหมั้นกับศิษย์น้องเฟิงเหยา!”
เฟิงฉางเกอกล่าวขึ้นเสียงเรียบ
“เื่ใหญ่ในชีวิตเช่นนั้น บุตรสาวข้ามีความคิดเป็ของตัวเอง ข้าที่เป็บิดาเกรงว่าจะไม่สามารถตัดสินใจแทนนางได้”
“อย่างนั้นหรือ”
หวังเทียนจั๋วหรี่ตาลงเล็กน้อย ตาเป็ประกายอำมหิต
“เ้าคงจะยังไม่รู้ว่าข้า หวังเทียนจั๋ว ผู้นี้เป็ใคร ถ้าอย่างนั้น ข้าจะแสดงพลังให้เ้าเห็นก่อนก็แล้วกัน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่า หวังเทียนจั๋วผู้นี้มีสิทธิ์ตบแต่งกับศิษย์น้องเฟิงเหยาหรือไม่!”
หลังสิ้นเสียง หวังเทียนจั๋วก็จ้องเขม็งไปที่หลงอวี้ทันที
หลงอวี้รู้สึกถึงแรงกดดัน เขารู้สึกราวกับว่าถูกพยัคฆ์ตัวหนึ่งจ้องอยู่ก็ไม่ปาน
‘เ้าหวังเทียนจั๋วนี่มันแข็งแกร่งมาก ตอนเผชิญมัน รู้สึกกดดันมากกว่าตอนที่เจอกับเฟิงอวิ๋นเสียอีก! หรือว่ามันจะเป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้?’
หลงอวี้รู้สึกกดดันขึ้นมาอีกครั้ง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้