ร่างกายของหลิงชางไห่ชะงักไป ในน้ำเสียงมีความสั่นเทาเล็กน้อย เขาย้ำชัดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แม่นางน้อย เ้าพูดจริงหรือ?”
เห็นชายชราตื้นตันเช่นนี้ น้ำเสียงของชีเหนียงก็อ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน เพียงแต่ยังคงปากแข็งอยู่ “ข้าบอกเพียงว่าไตร่ตรอง แต่ไม่ได้แปลว่าจะตกลงแน่นอน ท่านอย่าดีใจเกินไป”
“ข้าจะไม่ดีใจได้อย่างไร เ้ายินดีไตร่ตรองแสดงว่าเื่นี้มีความหวัง ข้าจะมีครอบครัวแล้ว แล้วจะไม่ดีใจได้เยี่ยงไร!”
เขาแทบอยากจะยกสุราตู้คังสามจอกเพื่อแสดงความดีใจของตนเองตอนนี้
“ผู้เฒ่า อ้อ ไม่สิ ข้าต้องไปเก็บสมุนไพรให้หลานชายคนโตก่อน จะปล่อยให้เด็กทรมานต่อไปมิได้” ขณะพูด ก็กวักมือเรียกจ้าวจือชิงที่ช่วยงานอยู่ในลานบ้านให้มาแบกตะกร้าขึ้นเขาไปพร้อมกัน
่ระหว่างนี้ เนื่องจากหลิงชางไห่อยู่อาศัยกับจ้าวจือชิงตลอด จึงคอยหาข้ออ้างให้จ้าวจือชิงมาที่บ้านสกุลลั่วทุกวัน
หลิงชางไห่ออกจากบ้านด้วยความดีใจ ไหลไหลน้อยเกาะอยู่ข้างขาของมารดา จากนั้นเงยหน้าขึ้นถามอย่างไร้เดียงสา “ท่านแม่ พวกข้ากำลังจะมีท่านตาแล้วหรือ?”
ดูจากความหวังในแววตาของเด็ก นางเงยหน้าขึ้นด้วยความลังเลเล็กน้อย เพราะนางวู่วามเกิน ถึงได้พูดคำว่าขอไตร่ตรองออกไป
“นี่ ตาเฒ่าหลิงใช้ได้ไม่เลว หากเขากลายเป็คนในครอบครัวเราจริง ก็เท่ากับประหยัดค่ายาได้น่ะสิ” ลั่วจิ่งซีกลัวว่านางจะไม่ตกลง จึงรีบพูดเพื่อโน้มน้าว “นอกจากนี้ การช่วยเหลือผู้อื่นมีหรือจะใส่ใจเท่าการช่วยคนของตนเอง ท่านก็คิดเสียว่าทำเพื่อพี่ใหญ่ ตอบรับเขาเถอะ”
เมื่อครู่ลั่วจิ่งซีเกือบจะเรียกท่านแม่ แต่สุดท้ายก็ข่มไว้
ชีเหนียงกลับส่ายศีรษะเบาๆ “หากข้าจะนับญาติจริง แน่นอนต้องเป็เพราะข้ายินดี เขาเองก็ยินดี หากทำเพื่อพี่ชายเ้า ข้าไม่มีทางทำเช่นนี้หรอก” มองดูเขาทำท่าจะะเิอารมณ์ นางจึงอธิบายต่อ “คนเรามีชีวิตบนโลกนี้แค่เพียง่เวลาสั้นๆ เพียงแค่ไม่กี่ทศวรรษ หากต้องทนฝืนตนเองเพื่อผู้อื่นไปชั่วชีวิต เช่นนั้นชีวิตนี้คงน่าอดสูเกินไป อีกทั้งสิ่งที่เ้าคิดว่าดี ในสายตาผู้อื่นอาจจะไม่ได้คิดเช่นนี้ บางทีอาจกลายเป็ภาระรูปแบบหนึ่ง ลูกใหญ่เ้าคิดว่าเยี่ยงไร?”
ลั่วจิ่งเฉินค่อนข้างเห็นด้วยกับคำพูดของลั่วชีเหนียง สมัยก่อนนางก็ยึดจี้ฉงเหวินเป็ศูนย์กลางเกินไปมิใช่หรือ
“ถูกต้อง สมควรเคารพจากใจเป็หลัก นอกจากนี้เื่ของครอบครัวและญาติมิตรเดิมทีเป็เื่ที่อบอุ่น หากเกิดแปดเปื้อนจากสิ่งอื่น เช่นนั้นไม่เท่ากับสิ้นเปลืองความรู้สึกนี้หรือ”
แม้ตอนนี้ลั่วจิ่งเฉินยังมิอาจพูดคำว่าท่านแม่ออกมาได้ เพียงแต่ในใจเขายอมรับในตัวลั่วชีเหนียงนานแล้ว โดยเฉพาะเวลาที่นางโน้มน้าวอย่างค่อยเป็ค่อยไปโดยไม่รู้ตัวและสั่งสอนหลักปรัชญาการเป็คนกับการปฏิบัติตัวแก่พี่น้องทั้งหลาย มักทำให้เขารู้สึกว่าได้เห็นอาจารย์ในห้องเรียน ทำให้เขาทั้งเลื่อมใสและภาคภูมิใจ
เมื่อจบเื่ เขาเรียกลั่วจิ่งซีเข้าห้อง ไม่รู้สองพี่น้องคุยอะไรกันข้างใน รู้เพียงว่าหลังจากลั่วจิ่งซีออกมา สายตาที่มองนางนั้นมีความแปลกอยู่บ้าง
จวบจน่เวลาอาหารค่ำ นี่เป็ครั้งแรกที่ลั่วจิ่งซีเรียกตนเองว่าแม่ นางจึงรู้ว่าเ้าเด็กหนุ่มคนนี้กระมิดกระเมี้ยนมาทั้งบ่ายเพราะเื่อะไร
“ขอบใจ ท่าน…ท่านแม่…”
“…อืม” นางชะงักไปชั่วขณะก่อนจะตอบรับ
บนโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบ่สั้นๆ เพราะคำว่าท่านแม่นี้
หลังจากทานข้าว หลิงชางไห่จะตามจ้าวจือชิงกลับไปพักบนเขา ลั่วชีเหนียงเรียกพวกเขาไว้
“พี่จ้าว ่ที่ผ่านมานี้ท่านช่วยครอบครัวเราไว้มากมายเกินพอแล้ว ต่อไปอย่าได้มาอีกเลย”
เ้าทึ่มจ้าวมีสีหน้าไม่ยินยอม จากนั้นหันไปขอความช่วยเหลือจากหลิงชางไห่ หากเป็ก่อนหน้านี้หลิงชางไห่ต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาแน่ แต่ตอนนี้ตนเองกำลังจะกลายเป็พ่อบุญธรรมของลั่วชีเหนียงแล้ว จึงรู้สึกว่าเ้าทึ่มจ้าวไม่คู่ควรกับลูกสาวของตน ฉับพลันจึงเบือนหน้าหนีและไม่ยอมมองเขา
“เช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร?” จ้าวจือชิงชี้ไปที่หลิงชางไห่ “เขาไม่มีที่พัก ต่อไปจะรักษาลูกใหญ่ไม่สะดวก”
เขาเรียกเด็กทั้งหลายว่าลูกใหญ่ ลูกรองเหมือนกับลั่วชีเหนียง ในตอนที่เขาพูดถึงลั่วจิ่งเฉินแลดูเป็ธรรมชาตินัก
แล้วยังจงใจเมินสายตาข่มขู่จากลั่วจิ่งเฉินได้อีก โดยไม่คิดจะเปลี่ยนคำเรียก
“ไม่จำเป็” ชีเหนียงปฏิเสธ “นับจากวันรุ่งขึ้นเป็ต้นไป ตาเฒ่ากับลั่วจิ่งซีจะพักห้องเดียวกันก่อน ต่อไปรอเราต่อเติมบ้านก็จะดีขึ้นเอง”
“เ้าบอกว่าไม่เหมาะสมมิใช่หรือ?” จ้าวจือชิงน้อยเนื้อต่ำใจ เื่อะไรตนจึงอยู่ไม่ได้
ลั่วชีเหนียงมองเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ทุกครั้งที่ตนพูดเื่ที่เขาไม่ยินดีจะฟังก็มักจะคอตกน่าสงสาร หากไม่รู้ว่าเขาคือคนสติไม่สมประกอบ คงสงสัยว่าเขาสติไม่ดีจริงหรือแกล้งกันแน่ ท่าทางน่าสงสารนั้นสมจริงเกินไป
“ต่อไปตาเฒ่าก็คือผู้าุโของเด็กๆ แน่นอนว่าย่อมเหมาะสม”
หลิงชางไห่ได้ยิน ดวงตาก็เป็ประกาย ชายชราลูบเคราโดยไม่รู้ว่าดีใจเพียงใด สายตาที่มองคนสกุลลั่วนั้นแวววาวอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าไม่ฟัง ข้าไม่ฟัง!”
จู่ๆ จ้าวจือชิงก็ดื้อรั้นเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ เขาปิดหูและออกจากบ้านสกุลลั่วไป
......
ส่วนทางด้านนี้ หลิงชางไห่รีบตีเหล็กตอนร้อนโดยคิดจะสรุปเื่พิธีนับญาติ ยุคสมัยนี้การนับญาติค่อนข้างเป็เื่จริงจัง เพราะต้องขึ้นทะเบียนจดบันทึกกับที่ว่าการ อีกทั้งในหมู่บ้านก็ต้องจัดงานเลี้ยงเชิญร่วมรับประทานอาหาร
“เื่นี้ต้องหารือกับผู้ใหญ่บ้านก่อน แล้วยังมีเื่ทะเบียนที่ข้าไม่ค่อยเข้าใจ คงต้องให้ลูกใหญ่ออกหน้าจึงจะดี”
“วันนี้ดึกเกินไปแล้ว รุ่งเช้าข้าจะไปหาผู้ใหญ่บ้านเอง” ตอนนี้ลั่วจิ่งเฉินไม่กลัวการออกจากบ้านแล้ว มีหลายครั้งที่เขาสามารถเดินวนเวียนในหมู่บ้านโดยไม่ต้องมีใครอยู่ด้วย เหตุนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วชีเหนียงจึงอาสารับมาจัดการเอง
ลั่วจิ่งซีกับลั่วจิ่งไหลมีความสงสัยใคร่รู้ในตัวท่านตาที่กำลังจะนับญาติกันอย่างมาก โดยเฉพาะไหลไหลน้อยที่อุ้มหมอนไปและบอกว่าจะนอนกับหลิงชางไห่ จนปัญญา ลั่วจิ่งซีจึงได้แต่ไปนอนกับลั่วจิ่งเฉิน
......
“น่าโมโหนัก! ลั่วจิ่งไหล เ้าเด็กบ้า กล้ามายึดห้องนอนของข้า! หากมิใช่เพราะเห็นแก่ว่าเขายังเด็ก ข้าจะต้องตีก้นเขาให้ลายเป็แน่!” ลั่วจิ่งซีโบกไม้โบกมือกลางอากาศ
“พี่ใหญ่ เหมือนท่านจะไม่ใกับการกระทำของท่านแม่แม้แต่น้อยเลยหรือ?”
เมื่อได้เรียกคำว่าท่านแม่ไปหนึ่งหน การจะเรียกอีกครั้ง ภายในใจย่อมไม่มีความตะขิดตะขวงใจอีก
มองดูลั่วจิ่งซีเรียกท่านแม่ได้อย่างเป็ธรรมชาติ ลั่วจิ่งเฉินรู้ว่าคำพูด่บ่ายไม่ได้พูดกับลั่วจิ่งซีเสียเปล่า
แต่สำหรับปัญหาของลั่วจิ่งซี เขาเพียงแค่ยิ้มไม่พูดจา นับจากลั่วชีเหนียงตอบว่าจะไตร่ตรอง เขาก็รู้ว่านี่เป็เื่ที่ไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่านางจะตัดสินใจได้รวดเร็วเพียงนี้ เห็นที หลิงชางไห่ก็เข้าตานางเช่นกัน
ลั่วจิ่งเฉินคิดได้ไม่ผิด ลั่วชีเหนียงรับรู้ถึงความห่วงใยของผู้าุโจากตัวหลิงชางไห่อย่างแท้จริง หลิงชางไห่ห่วงว่าตนจะเป็แผลหิมะกัดจึงโยนยาทาแก้หิมะกัดให้ตน รู้ว่าตนต้องตื่นแต่เช้า ห่วงว่าตนจะนอนไม่หลับ ก็จะแอบต้มชาผ่อนคลายให้ กระทั่งยังช่วยเผยแพร่ชานมของตน…สิ่งที่เขาทำทั้งหมด ชีเหนียงเองก็เห็นอยู่ในสายตา สิ่งเหล่านี้ หากคนคนหนึ่งไม่ห่วงใยเราจริงๆ ไหนเลยจะสามารถคิดและทำได้ บนตัวหลิงชางไห่ นางยังรับรู้ถึงกลิ่นอายประหนึ่งบิดาก็ไม่ปาน ดังนั้น การนับญาตินี้ นางไม่เสียเปรียบแน่!
เพียงแต่ยังไม่ทันได้จัดงานเลี้ยงนับญาติ วันนี้ในอำเภอ พวกนางก็ได้รับการเจรจาค้าขายใหญ่โต
ผู้มาเยือนคือโมโม่ [1] ที่มาซื้อชานมสกุลลั่วครั้งแรกก่อนหน้านี้
-----
[1] โมโม่ (嬷嬷) คือ คำที่ใช้เรียกนางกำนัลาุโในวัง หรือ สาวรับใช้คนสนิทที่ติดตามเ้านายมานาน มีศักดิ์เป็แม่บ้านาุโ หรือ แม่นม ก็ได้เช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้