เย่เฟิงคลายมือออก จื่อเจี้ยนหลานจึงต้องผละออกจากอ้อมกอดของเขา แต่ยังคงพิงร่างอีกฝ่าย สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของจื่อเจี้ยนหลานเป็กังวล เธอแอบคิดว่าหากถึงจุดสิ้นสุดของเื่นี้ เย่เฟิงคงไม่ส่งเธอให้ฉีหลินจือใช่หรือไม่? ์ หากเป็เช่นนั้นไม่สู้เธอฆ่าตัวตายเสียจะไม่ดีกว่าเหรอ... แต่เพียงไม่นาน เธอก็คลายความกังวล เย่เฟิงคงไม่ใช่คนเช่นนั้น
เย่เฟิงกวาดตามองสองฝั่ง ก่อนกล่าว “ครั้งนี้ ฉันได้รับคำฝากฝังจากผู้าุโกูอิ่งให้นำคัมภีร์เคล็ดอสูรร่ำไห้มามอบคืนเ้าสำนักอิ่นเซียนเพื่อนำความรุ่งโรจน์กลับคืนสู่สำนัก ใครกล้าขวาง ฉันจะถือว่าไม่มีความเคารพต่อผู้าุโกูอิ่ง และถือเป็การดูิ่บรรพบุรุษของสำนักอิ่นเซียน!”
ผู้าุโกูอิ่งที่เย่เฟิงพูดถึงคือเ้าสำนักอิ่นเซียนในอดีต น่าเสียดายที่เขาถูกแย่งชิงตำแหน่งจนต้องหลบหนีออกจากสำนักไปพร้อมคัมภีร์ประจำสำนัก ก่อนจะถูกสังหารในที่สุด เป็เหตุให้คัมภีร์เคล็ดอสูรร่ำไห้สูญหายไป ฉีหลินจือก็เป็หนึ่งในคนที่มีส่วนร่วมในการแย่งตำแหน่งเ้าสำนักในตอนนั้นด้วย!
เมื่อเย่เฟิงกล่าวออกมาเช่นนี้ แม้แต่จื่อเจี้ยนหลานที่อยู่ข้างกายก็ยังใ ทำไมเขาถึงเกี่ยวข้องกับผู้าุโกูอิ่ง? เหล่าลูกศิษย์สำนักอิ่นเซียนที่หลบซ่อนอยู่สองฝั่งยิ่งตกตะลึง ผู้าุโกูอิ่ง!
หลายปีที่ผ่านมาชื่อนี้เป็ชื่อต้องห้ามในสำนักอิ่นเซียน ด้วยเหตุนี้ศิษย์รุ่นเยาว์จำนวนมากจึงไม่รู้ว่าผู้าุโกูอิ่งคือใคร แต่ตอนนี้เหล่าศิษย์ที่ซุ่มปิดล้อมเย่เฟิงล้วนเป็ศิษย์ระดับกลางของสำนักซึ่งมีอายุสามสิบถึงสี่สิบปี ย่อมรู้จักชื่อที่เย่เฟิงเอ่ยมา และทำให้พวกเขาหวนนึกถึงอดีตเ่าั้
“ฉีหลินจือเป็หนึ่งในผู้แย่งชิงตำแหน่งเ้าสำนักในปีนั้น ความทะเยอทะยานและไร้ยางอายของเขาทำให้สำนักอิ่นเซียนต้องเสื่อมถอยมาถึงทุกวันนี้!” เย่เฟิงจ้องมองร่างคนหลังค่อมที่อยู่บนชั้นสามของตำหนักก่อนพูดต่อ “ฉันได้รับคำฝากฝังจากผู้าุโกูอิ่งให้มาที่นี่เพื่อล้างแค้นแทนเขา และสังหารพวกทรยศทิ้งซะ! ถ้าฉันทำไม่สำเร็จก็ให้คัมภีร์เคล็ดอสูรร่ำไห้เล่มนี้สูญหายไปพร้อมกับฉันตลอดกาล!”
คำบอกเล่าอย่างต่อเนื่องของเย่เฟิงทำให้เหล่าศิษย์สำนักอิ่นเซียนโดยรอบต่างตกตะลึง ที่แท้เย่เฟิงก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้าุโกูอิ่งงั้นเหรอ?
แน่นอนว่าคำพูดของเย่เฟิงเป็เื่เหลวไหล เพราะก่อนมาที่นี่เย่เวิ่นเทียนบอกเขาว่าหากต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ให้ยกชื่อผู้าุโกูอิ่งมาหลอกพวกเขา อาจช่วยแก้สถานการณ์คับขันได้ ตอนนี้เย่เฟิงย่อมไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เขาเพียง้าก่อกวนจิตใจของผู้คนที่ดักซุ่มอยู่เท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็การสร้างความชอบธรรมในการสังหารฉีหลินจือ และควบคุมสำนักอิ่นเซียน
ด้านฉีหลินจือเองก็ถูกคำพูดของเย่เฟิงยั่วยุจนทำให้เดือดดาล กูอิ่งงั้นเหรอ? นี่มันเื่ั้แ่สมัยไหนแล้ว! เ้าเด็กนี่กลับมาพูดจาพล่อยๆ เพ้อเจ้อเหลวไหลทั้งสิ้น!
ร่างของชายสูงวัยสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ ขณะจะเอ่ยปาก เย่เฟิงกลับเคลื่อนไหวกะทันหัน ทั้งสองต่างจับจ้องกันอยู่ตลอด เฝ้ารอเวลาที่อีกฝ่ายเผลอ
กระบี่ไร้ตัวตน!
เงาร่างของเย่เฟิงหายวับไปขณะที่จื่อเจี้ยนหลานยังอยู่ตำแหน่งเดิม เขาพุ่งไปยังชั้นสามของตำหนัก ก่อนราวระเบียงจะถูกกระบี่ฟันจนพังในกระบี่เดียว!
ชายหนุ่มไม่เพียงเคลื่อนไหวในแนวราบได้เท่านั้น แต่ยังเคลื่อนไหวในแนวดิ่งได้ด้วย แม้ฉีหลินจือจะอยู่สูงเกือบสามสิบเมตร แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเย่เฟิง
เมื่อฉีหลินจือที่อยู่บนระเบียงเห็นเย่เฟิงหายวับไป ม่านตาก็หดตัวพร้อมกับมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที
ฟุ่บ!
เย่เฟิงเคลื่อนตัวมาถึงด้านนอกระเบียง เขาตวัดกระบี่ใส่ลำคอของฉีหลินจือ แต่กลับถูกสะกัดกั้นไว้
เป็เกราะพลังภายในที่ฉีหลินจือโคจรปกคลุมตัวเอง กระบี่ของเย่เฟิงราวกับจมเข้าบ่อโคลน มันทั้งฟันไม่เข้าและดึงออกมาไม่ได้!
“ฮ่าๆๆ นี่แกคิดว่าคนอย่างฉันจะโง่เง่าเหมือนเ้าหลี่เทียนงั้นเหรอ?”
ฉีหลินจือหัวเราะร่วน ทุกการเคลื่อนไหวของเย่เฟิงล้วนอยู่ในสายตาของเขาตลอด ทำให้เขาเตรียมตั้งรับได้อย่างดี
เมื่อผู้ฝึกวรยุทธ์มีระดับวรยุทธ์ห้าสิบปีขึ้นไป การเพิ่มระดับวรยุทธ์ทุกสิบปีจะทำให้ความแข็งแกร่งของพลังภายในเพิ่มขึ้นอีกเป็เท่าตัว ฉะนั้นฉีหลินจือที่มีระดับวรยุทธ์เจ็ดสิบปีจึงมีพลังภายในแข็งแกร่งกว่าหลงโม่หรานถึงสี่เท่า! และเขายังเชี่ยวชาญการใช้พลังภายในเป็อย่างดี มิฉะนั้นจะสามารถครองตำแหน่งเ้าสำนักอิ่นเซียนนานขนาดนี้ได้อย่างไร?
พลังภายในที่ถูกปล่อยออกมากลายเป็เกราะป้องกันตัว พร้อมกับต้านทานกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา
เย่เฟิงใจหล่นวูบ มันผิดจากที่เขาคาดการณ์ไว้ นึกไม่ถึงเลยว่าพลังภายในของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขนาดนี้ อาศัยเพียงพลังภายในก็สามารถสกัดกั้นกระบี่เจินชี่สีเขียวเข้มของเขาได้ เกราะพลังของฉีหลินจือแข็งแกร่งกว่าผิวเรือดำน้ำนิวเคลียร์เสียอีก!
สิ่งสำคัญคือเกราะจากพลังภายในมีความพิเศษอยู่ตรงที่มันไม่แข็งไปเสียทีเดียว มันยังสามารถกลืนอาวุธราวกับจมโคลน ไม่ว่าอาวุธจะมีขนาดใหญ่เพียงใด ผู้ใช้ก็ไม่อาจควบคุมและใช้การมันได้
เกราะป้องกันเช่นนี้ หากเย่เฟิงมีระดับพลังยี่สิบปีก็จะสามารถใช้มันได้อย่างง่ายดาย เป็ทักษะเซียนที่สืบทอดกันมาของสำนักสุสานดวงดาว โล่ดาวประกายพรึก แต่ตอนนี้เย่เฟิงมีระดับพลังเพียงสิบห้าปี แม้จะสามารถโคจรพลังชี่สร้างเกราะป้องกันได้ แต่ก็ไม่อาจป้องกันได้มากนัก ทั้งยังสิ้นเปลืองพลังชี่มหาศาล ไม่อาจใช้ประโยชน์จริง
หากเขามีระดับพลังเจ็ดสิบปีก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับฉีหลินจือ คือดึงพลังชี่ออกมาเป็เกราะป้องกันได้อย่างใจ แต่นั่นเป็เื่ของอนาคตอีกไกล...
“ตายไปซะ!”
หลังจากฉีหลินจือหัวเราะ เขาก็ปามีดบินไปยังทิศทางของเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เย่เฟิงลอยตัวอยู่กลางอากาศ ไม่อาจเคลื่อนไหวได้คล่องตัวนัก ขณะเดียวกันเขาก็ไม่มีท่าทีจะหลบหลีก เขาเพียงตวัดกระบี่เล่มยาวในมือปัดป้องมีดบินที่พุ่งเข้ามาทีละเล่ม
อย่างไรก็ตามช่องว่างระดับวรยุทธ์ของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากเกินไป เย่เฟิงปัดป้องมีดบินทั้งสามเล่ม พลังภายในที่แฝงมากับมีดบินทำให้ง่ามนิ้วของเขาชาหนึบ หากยังเป็อย่างนี้ต่อไป รับอีกไม่เกินสิบเล่ม เขาคงได้ตายแน่!
“เย่เฟิง!”
เมื่อจื่อเจี้ยนหลานที่อยู่ด้านล่างเห็นเย่เฟิงะโขึ้นชั้นสามก็ร้อนใจ ทำไมเขาถึงได้มุทะลุขนาดนี้
ฉีหลินจือยืนอยู่บนตำหนักสูงสามารถเห็นด้านล่างได้ทั้งหมด ชัดเจนอยู่แล้วว่าตำแหน่งของเขาได้เปรียบมากกว่า เย่เฟิงที่เริ่มโจมตีก่อนย่อมเสียเปรียบ! การโจมตีครั้งนี้ไม่เป็ผลตามที่หวัง ทั้งยังถูกบีบและโจมตีกลับอีก
ทุกครั้งที่เย่เฟิงปัดป้องมีดบิน พลังภายในที่แฝงมากับมีดบินทำให้เขาต้องถอยออกไป เขาถูกโจมตีจนแทบทรงตัวกลางอากาศไม่อยู่
สี่! ห้า! หก!
เย่เฟิงปัดป้องมีดบินไปแล้วหกเล่ม พลังชี่ในร่างถูกใช้ไปจนแทบไม่เหลือ หากต้องตกจากความสูงสามสิบเมตรอีก คงไม่อาจมีชีวิตรอดแน่!
“ทุกคนลงมือ!”
ฉีหลินจือไม่คิดจะเปิดโอกาสให้เย่เฟิง ะโเสียงดังลั่น
ทันใดนั้นเหล่าศิษย์สำนักอิ่นเซียนที่ดักซุ่มอยู่ก็ะโออกมา พร้อมกับซัดมีดบินใส่เย่เฟิงทันที ทำให้ชายหนุ่มต้องเผชิญกับมีดบินลอยเต็มท้องฟ้าราวกับห่าฝน เปี่ยมด้วยอันตราย
ใน่เวลาความเป็ความตายนี้ เย่เฟิงกลับยังดูสงบนิ่ง เขาหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่ใช้กระบี่ไร้ตัวตนครั้งแรก แต่ครั้งนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว จากขั้นที่หนึ่งจะเปลี่ยนเป็ขั้นที่สอง
กระบี่ไร้ตัวตนขั้นที่สอง รำกระบี่ไร้ตัวตน!
แววตาเย่เฟิงเปล่งประกายเย็นเยียบ แม้จะรู้สึกถึงมันเพียงเล็กน้อยแต่เขาอยากลองดูว่าจะสังหารชายชราหลังค่อมน่ารังเกียจคนนี้ได้ในเพลงกระบี่เดียวหรือไม่
เนื่องจากขึ้นชื่อว่าเป็อัจฉริยะ เย่เฟิงจึงเข้าใจรูปแบบการเคลื่อนไหวได้ลึกซึ้งกว่าคนทั่วไป
เมื่อคิดดังนั้น ร่างของเย่เฟิงก็อันตรธานไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีประกายสีเขียวเข้มของกระบี่ส่องสว่างรอบตัวฉีหลินจืออย่างต่อเนื่อง
“นี่มันอะไรกัน?”
เมื่อฉีหลินจือเห็นเย่เฟิงหายไปอีกครั้งก็ตกตะลึงจนหัวใจสั่นสะท้าน ความสามารถของเ้าเด็กนี่มันแปลกเกินไปหรือเปล่า? ยังไม่ทันได้ตอบสนอง เขาก็รู้สึกถึงแสงกระบี่สาดส่องจากทุกทิศทางพร้อมกัน ทว่ากลับมองไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของเย่เฟิง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้