เวลาเดียวกับที่เสวียนเทียนออกจากห้องศิลาที่ห้องลับของตระกูลหนิวก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นของหนิวเจิ้นซานดังออกมา
“ฟ้าเข้าข้างตระกูลหนิวของข้ากำหนดให้ตระกูลหนิวของข้าได้เป็เ้าแห่งอำเภอเป่ยโม่ ฮ่าๆๆๆ...ตัวข้าฝึกวิชาปราณชั้นนิลขั้นต้นแต่เดิมไร้ความหวังจะเลื่อนชั้นสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสี่แล้ว ตอนนี้กลับได้โชคดีนี้มาทำให้พลังวัตรของข้าเลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสี่เสียที ฮ่าๆๆๆ...ยังมีใครจะขัดขวางการเป็เ้าแห่งอำเภอเป่ยโม่ของตระกูลหนิวของข้าได้อีกฮ่าๆๆๆ...!”
หนิวเจิ้นซานดีใจเหลือเกินเขาอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว ครั้งที่แล้วเลื่อนชั้นเบิกนภาขั้นสี่ล้มเหลวทำให้ชีวิตีนี้เขาไม่มีหวังจะเลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสี่ได้ แต่เพราะบุปผาหยกโลหิตสมุนไพรทิพย์กลายพันธุ์ของดีหายาต้นหนึ่ง ทลายความสิ้นหวังของเขาทำให้พลังวัตรเขาก้าวหน้าเลื่อนขึ้นสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสี่สมใจปรารถนา
“ยินดีกับพี่ใหญ่ ยินดีกับพี่ใหญ่พี่ใหญ่เลื่อนสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสี่แล้วยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสามของตระกูลหวงทุกคนรวมเข้าด้วยกันก็ไม่ใช่คู่มือของพี่ใหญ่กำจัดตระกูลหวงง่ายราวพลิกฝ่ามือ ตระกูลหนิวของพวกเราจะได้เป็เ้าแห่งอำเภอเป่ยโม่อีกไม่ไกลเกินรอแล้ว”
อีกด้านหนึ่ง หนิวเจิ้นเยว่เองก็ดีใจผิดปกติพลังวัตรของเขาก็เลื่อนชั้นสู่ชั้นเบิกนภาขั้นสามเช่นกันเร็วกว่าหนิวเจิ้นซานอยู่หนึ่งวัน
คนเช่นหนิวเจิ้นเยว่ที่อาศัยพลังภายนอกเลื่อนชั้นเบิกนภาขั้นสามเทียบกับจางกู่เฟิงกับเฉิงหยวนอู่ซึ่งเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสามมานานแล้วยังห่างชั้นอยู่ขั้นหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับตอนอยู่ชั้นเบิกนภาขั้นสองก็แข็งแกร่งขึ้นมาหลายเท่าแล้ว นี่เป็ความห่างชั้นของระดับชั้นพลังหนิวเจิ้นซานที่เลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสี่ก็เป็เช่นเดียวกัน
“เจิ้นเยว่ครั้งนี้ขาดความดีความชอบของเ้าไปไม่ได้ บุปผาหยกโลหิตที่ผู้คนปรารถนาก็ไม่อาจหาได้เ้ากลับได้มาโดยบังเอิญ ฟ้าเข้าข้างตระกูลหนิวอย่างแท้จริง รอให้พวกเราได้เป็เ้าแห่งตระกูลเป่ยโม่แย่งชิงกิจการของตระกูลจาง ตระกูลเฉิง ตระกูลหวงมาเสียก่อนถึงตอนนั้นตระกูลหนิวของเราก็จะร่ำรวยมหาศาลหาซื้อคัมภีร์ยุทธ์ชั้นนิลขั้นกลางมาสักวิชาให้ตระกูลหนิวของพวกเราเติบโตกลายเป็ตระกูลขั้นแปด ฮ่าๆๆๆ...!”
หนิวเจิ้นซานหัวเราะดังลั่นจบก็โบกมือ เอ่ยว่า “เจิ้นเยว่แจ้งตระกูลจางกับตระกูลเฉิง ให้มาหารือกันที่อำเภอเป่ยโม่ ฟ้าสางวันพรุ่ง เราจะโจมตีหมู่บ้านหวงปั้วฆ่าล้างตระกูลหวง ไก่สุนัขสักตัวก็อย่าให้เหลือ”
.....
เทือกเขาดงอสูร
เหตุการณ์สัตว์อสูรแตกตื่นผ่านไปแล้วครึ่งเดือนแต่ว่าสัตว์อสูรในระยะพันลี้ ส่วนใหญ่ยังไม่กลับมาที่เหลืออยู่มีเพียงสัตว์อสูรจำนวนน้อยนิด แต่ก็หลบซ่อนอยู่ในรังเก็บซ่อนความดุร้าย ไม่ปรากฏตัวออกมา
เขตชั้นนอกพันลี้ของเทือกเขาดงอสูรแสนอันตรายแถบอำเภอเป่ยโม่กลายเป็สถานที่ซึ่งผู้ฝึกยุทธ์ชอบไปที่สุดชั่วคราว ไม่มีสัตว์อสูรเท่ากับว่าสมุนไพรทิพย์แร่ล้ำค่าจำนวนมากรอให้พวกเขาไปเก็บไปขุดอยู่
แต่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปก็ยังไม่กล้าเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรลึกเกินไปถึงแม้ว่าสัตว์อสูรบริเวณใกล้เคียงจะใจนหนีไปแล้ว แต่ก็ยังมีสัตว์อสูรจากถิ่นอื่นซึ่งบางครั้งก็เตร็ดเตร่ผ่านมายิ่งเข้าไปลึก โอกาสพบกับสัตว์อสูรที่ร้ายกาจก็ยิ่งมีมาก
ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ล้วนแต่มาแสวงโชคอยู่ในเขตห้าร้อยลี้รอบนอกมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ชั้นสูงกว่าชั้นเบิกนภาเท่านั้นถึงกล้าเข้าไปในเขตห้าร้อยลี้ถึงหนึ่งพันลี้
อาณาเขตของอำเภอเป่ยโม่เชื่อมกับเทือกเขาดงอสูรเพียงสามร้อยกว่าลี้เหตุการณ์สัตว์อสูรแตกตื่นกินพื้นที่ถึงพันลี้ อำเภอข้างเคียงของเป่ยโม่ก็รู้ข่าวสัตว์อสูรแตกตื่นเช่นกัน
เมื่อข่าวสัตว์อสูรแตกตื่นแพร่ออกไปศิษย์ในของสำนักใหญ่บางกลุ่มรู้ว่าหลังจากสัตว์อสูรแตกตื่นเป็โอกาสอันดีในการตามหาสมุนไพรทิพย์กับแร่ล้ำค่าก็พากันเดินทางมายังเทือกเขาดงอสูร
อำเภอเป่ยโม่เป็เพียงอำเภอเล็กอันห่างไกลแห่งหนึ่งทิศเหนือเป็เทือกเขาดงอสูร ซ้ายขวาล้วนเป็เขาสูงเหวลึกที่ทอดต่อมาจากเทือกเขาดงอสูรทางเข้าออกมีเพียงเส้นทางเล็กๆ ด้านทิศใต้ ซึ่งเป็ทุ่งม้าป่ากว้างใหญ่ไพศาลรกร้างไร้ผู้คน ดังนั้นจึงมีผู้ฝึกยุทธ์มาเยือนน้อย
ผู้ฝึกยุทธ์จากอาณาจักรเสินเตาที่เดินทางมายังอำเภอเป่ยโม่ส่วนใหญ่เข้ามาจากสองที่ หนึ่งคืออำเภอเหยสุ่ย อำเภอข้างเคียงทางด้านตะวันออกของอำเภอเป่ยโม่อีกหนึ่งคืออำเภอเจียงเฉียวซึ่งห่างจากอำเภอเป่ยโม่ไปทางตะวันตกสามพันลี้ทั้งสองอำเภอนี้เป็อำเภอใหญ่
ลึกเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรราวพันลี้ห่างจากยอดเขาที่มีห้องศิลาซึ่งเสวียนเทียนอยู่ไปประมาณสองร้อยกว่าลี้ในหุบเขาแห่งหนึ่งมีผู้ฝึกยุทธ์ห้าคนนั่งล้อมวงพักอยู่
ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งห้ากล้าเข้ามาลึกพันลี้ในเทือกเขาดงอสูรอย่างน้อยพลังวัตรก็ต้องเป็ชั้นเบิกนภา
ผู้ฝึกยุทธ์ห้าคนนี้ล้วนแต่อายุน้อย คนเด็กสุดอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดโตสุดไม่เกินยี่สิบสองยี่สิบสามปี ตรงอกเสื้อด้านขวาของทั้งห้าคนล้วนมีรูปเมฆประทับอยู่
นี่เป็สัญลักษณ์ของสำนักเทียมเมฆา หนึ่งในสี่สำนักใหญ่แห่งอาณาจักรเสินเตาดูแล้วทั้งห้าคนนี้ล้วนเป็ศิษย์ของสำนักเทียมเมฆา
สำนักดาบเทวะ สำนักกระบี่์สำนักหมัดราชันย์ สำนักเทียมเมฆาเป็สี่สำนักใหญ่ของอาณาจักรเสินเตาในนี้สำนักดาบเทวะกับสำนักกระบี่์เป็สำนักขั้นหกส่วนสำนักหมัดราชันย์กับสำนักเทียมเมฆาเป็สำนักเตรียมขั้นหก
สำนักขั้นหกนับว่าเป็กลุ่มอำนาจชั้นกลางมาตรฐานคืออย่างน้อยมีผู้ฝึกยุทธ์ชั้นปฐีขั้นสามคนหนึ่งเป็ผู้ปกครอง
กลุ่มอำนาจขั้นเจ็ดมาตรฐานคืออย่างน้อยมีผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นเก้าคนหนึ่งเป็ผู้ปกครอง
หากในสำนักมีจอมยุทธ์ชั้นปฐีแต่พลังวัตรยังไม่ถึงชั้นปฐีขั้นสามพลังล้ำหน้ากว่ากลุ่มอำนาจขั้นเจ็ดไปมาก แต่ยังไม่ถึงมาตรฐานของกลุ่มอำนาจขั้นหกก็นับว่าเป็สำนักเตรียมขั้นหก
สำนักเตรียมขั้นหกสามารถเลื่อนเป็สำนักขั้นหกได้ขอเพียงผู้ปกครองพลังวัตรเลื่อนถึงชั้นปฐีขั้นสามเท่านั้นก็จะกลายเป็สำนักขั้นหกอย่างเป็ทางการ
ในหมู่สำนักขั้นหกเหมือนกันสำนักดาบเทวะเป็สำนักขั้นหกที่รุ่งเรืองที่สุดมีผู้ปกครองซึ่งเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นปฐีขั้นสามไม่ใช่แค่คนเดียวกลับกันสำนักกระบี่์เป็สำนักขั้นหกที่ตกต่ำถึงมาตรฐานของสำนักขั้นหกอย่างคาบเส้น มีผู้ครองเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นปฐีขั้นสามเพียงคนหนึ่งพอดิบพอดี
สำนักใหญ่ทั้งสี่จับมือกันควบคุมอาณาจักรเสินเตา
ชื่อของอาณาจักรเสินเตาก็มีที่มาจากสำนักดาบเทวะที่เป็กลุ่มอำนาจที่ใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่ง1
การแบ่งปันผลประโยชน์จะตัดสินตามอันดับในงานชุมนุมสำนักยุทธ์ที่สำนักใหญ่ทั้งสี่จัดขึ้นห้าปีครั้งงานชุมนุมสำนักยุทธ์ครั้งที่แล้วเมื่อประมาณสี่ปีก่อนหน้านี้สำนักดาบเทวะได้ที่หนึ่ง สำนักกระบี่์ได้ที่สอง สำนักเทียมเมฆาได้ที่สามสำนักหมัดราชันย์ได้ที่สี่
ดังนั้นสำนักดาบเทวะจึงครองผลประโยชน์สี่ส่วนของอาณาจักรเสินเตาทั้งหมดสำนักกระบี่์สามส่วน สำนักเทียมเมฆาสองส่วน สำนักหมัดราชันย์หนึ่งส่วน
สี่สำนักใหญ่ฉากหน้าร่วมมือกันแต่ที่จริงแล้วในเงามืดแย่งชิงผลประโยชน์กันอย่างดุเดือด
สำนักเทียมเมฆาได้ลำดับสาม แกร่งกว่าสำนักหมัดราชันย์อยู่เล็กน้อยเป็รองสำนักกระบี่์อยู่บ้างส่วนตำแหน่งอันดับหนึ่งของสำนักดาบเทวะไม่มีใครสั่นคลอนได้สำนักเทียมเมฆายังห่างชั้นอยู่ไกล
ดังนั้นเมื่อสำนักเทียมเมฆาอยากได้ผลประโยชน์มากที่สุด สำนักกระบี่์จึงเป็ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดในใจคิดอยากดึงสำนักกระบี่์ลงจากตำแหน่ง ลอบโจมตีสำนักกระบี่์ในเงามืด
เหลือเวลาอีกไม่ถึงปีงานชุมนุมสำนักยุทธ์ครั้งใหม่ระหว่างสี่สำนักใหญ่ก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้งสำนักเทียมเมฆายิ่งโจมตีสำนักกระบี่์รุนแรง สำนักกระบี่์ก็ตอบโต้กลับระหว่างศิษย์สำนักในมีการต่อสู้ปะทะกันอย่างลับๆ อยู่หลายครั้ง เริ่มมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็ศึกในที่แจ้ง
“ศิษย์พี่อู่ครั้งนี้พวกเรารับทรัพย์มหาศาลแล้วถึงกับเจอสมุนไพรวิเศษรักษาอาการาเ็ชั้นนิลสามต้น หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิตแต่ละต้นราคามากกว่าสองล้านตำลึงเชียวราคาทั้งหมดอย่างน้อยก็เหยียบแปดล้านตำลึง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหลังสัตว์อสูรแตกตื่นสัตว์อสูรส่วนมากอพยพออกไปจากที่นี่ พวกเราไหนเลยจะได้ลาภขนาดนี้ ฮ่าๆ...!”
ผู้ฝึกยุทธ์อายุราวสิบแปดปีหันไปหัวเราะกับผู้ฝึกยุทธ์อายุราวยี่สิบสองยี่สิบสามปีผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ในกลุ่มคนทั้งห้าเห็นชัดว่าคนผู้นั้นเป็หัวหน้าของกลุ่มห้าคนนี้
“นี่เป็โชคของข้าชะตากำหนดมาแล้ว ติดตามข้า ผลประโยชน์ของพวกเ้าย่อมไม่มีน้อย”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกเรียกว่า ‘ศิษย์พี่อู่’ ยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา สีหน้าดูหยิ่งยโสมาก
ผู้ฝึกยุทธ์อายุราวยี่สิบปีอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า“ในหมู่ศิษย์สำนักในศิษย์พี่อู่เป็หนึ่งในสิบอันดับแรก ทั้งยังเป็หลานของผู้าุโอู่แห่งสำนักในติดตามศิษย์พี่อู่เป็เกียรติของพวกเราแล้ว”
“ไม่ผิดติดตามศิษย์พี่อู่เป็เกียรติของพวกเรา”
“ข้าฟังเพียงศิษย์พี่อู่ศิษย์พี่อู่สั่งให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำ”
ผู้ฝึกยุทธ์อายุน้อยที่เหลืออีกสองคนก็ส่งเสียงเห็นด้วย
รอยยิ้มน้อยๆ ของ ‘ศิษย์พี่อู่’ กลายเป็รอยยิ้มกว้าง เบิกบานเป็ที่สุด
เวลานี้เอง ลึกเข้าไปในหุบเขา อยู่ดีๆก็มีเสียงปึงดังสนั่นขึ้น ทั้งห้าคนสะดุ้ง สายตามองไปในหุบเขาอย่างพร้อมเพรียงแต่แนวสายตาถูกบดบังไว้
“ไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
‘ศิษย์พี่อู่’ ยืนขึ้นมา แววตาตื่นเต้น เดินเข้าไปในหุบเขา คนอื่นอีกสี่คนตามไปติดไม่ห่าง
เสียงปึงดังสนั่นนั้น เป็เสวียนเทียนที่ทำให้ดังขึ้น
อุโมงค์ทางออกจากห้องศิลายาวกว่าที่คิดเสวียนเทียนเดินมาได้สองร้อยกว่าลี้ถึงเพิ่งเดินมาสุดทางด้านหน้ามีก้อนหินขวางทางไปอยู่
เสวียนเทียนยกกระบี่ขุนเขาหนักขึ้นฟันลงไปทีหนึ่ง ก้อนหินพลันแตกทลาย เศษหินปลิวว่อนที่แท้ด้านนอกไม่ใช่ใตู้เาอีกแล้ว แต่เป็หุบเขาแห่งหนึ่ง
“ในที่สุดก็ออกมาแล้ว!”
เสวียนเทียนมองท้องฟ้ากว้าง สูดอากาศบริสุทธิ์ผ่อนลมหายใจยาวออกมา ถูกกักอยู่ในห้องศิลาราวครึ่งเดือน ตอนนี้ ในที่สุดก็ได้กลับมาบนพื้นดินในใจของเสวียนเทียนปลอดโปร่งอย่างที่สุด
สูดหายใจลึกไปหลายทีเสวียนเทียนก็เหลือบมองไปทางพุ่มไม้ที่อยู่ไกลออกไปทีหนึ่ง แล้วก้าวยาวๆไปข้างนอกหุบเขา
ไกลออกไป ข้างหลังพุ่มไม้หนานั้น กลุ่มของ ‘ศิษย์พี่อู่’ ทั้งห้าคนกำลังมองเสวียนเทียนมาจากไกลๆ
“ศิษย์พี่อู่บนเสื้อของคนผู้นี้มีตราสำนักกระบี่์ พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งคงเป็ศิษย์ในของสำนักกระบี่์”
“เขาเดินออกจากถ้ำูเา ใช่ว่าได้สมบัติล้ำค่าอะไรมาหรือเปล่า?”
“กระบี่ใหญ่เล่มนั้นในมือเขาดูแล้วส่องประกายเรืองรอง ดูไม่ธรรมดา กระบี่มีชื่อทั่วไป ไม่มีแสงเรืองรองเช่นนี้”
“ศิษย์พี่อู่อีกฝ่ายเป็ศิษย์ในสำนักกระบี่์ ที่นี่รกร้างไม่มีคนพวกเราให้เขาส่งของบนตัวเขามา แล้วจัดการเขาเสียดีหรือไม่?”
.....
‘ศิษย์พี่อู่’ ลุกขึ้นมาจากพงหญ้า ร้องว่า “หยุดเขาไว้!”
เสวียนเทียนเพิ่งเดินออกมาได้ไม่กี่สิบก้าวผู้ฝึกยุทธ์ห้าคนรวมศิษย์พี่อู่ก็ออกมาจากพุ่มไม้วิ่งพรวดมาดักอยู่ข้างหน้าเสวียนเทียน ขวางทางไปของเสวียนเทียนไว้
“ศิษย์สำนักเทียมเมฆาห้าคนชั้นเบิกนภาขั้นสามหนึ่งคน ชั้นเบิกนภาขั้นสองสองคน ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งหนึ่งคน!”สายตาของเสวียนเทียนกวาดมองบนร่างของฝ่ายตรงข้ามทั้งห้าคนหยุดสายตาอยู่ที่ ‘ศิษย์พี่อู่’ ผู้มีพลังวัตรสูงสุดนานสักหน่อย
“ทุกท่านคิดจะทำอะไรหรือ?”เสวียนเทียนถามขึ้นเสียงเรียบ
ศิษย์สำนักเทียมเมฆาอายุราวสิบแปดปีผู้หนึ่งโดดออกมาข้างหน้าเขามีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง ดาบยาวในมือชี้มาทางเสวียนเทียน ะโว่า “คิดจะทำอะไร? เ้าจงเอากระบี่ในมือและของบนตัวทั้งหมดมอบให้แก่ ‘ศิษย์พี่อู่’ ซะ ไม่อย่างนั้นข้าจะหักขาสุนัขของเ้า เอาชีวิตสุนัขของเ้าเสีย”
สายตาของเสวียนเทียนเข้มขึ้น ตะคอกเสียงเย็นกลับไปประโยคหนึ่ง“หมาบ้ารนหาที่ตายไสหัวไป!”
เสียงลมดังขึ้น เสวียนเทียนกำกระบี่ขุนเขาหนักฟันลงมาหนึ่งที
ไม่มีปราณกระบี่ ไม่มีรัศมีกระบี่ ไม่มีจิตกระบี่เสวียนเทียนเพียงใช้พละกำลังล้วนๆ ฟันกระบี่ลงมาศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งผู้นั้นยกดาบขึ้นกัน
สิ้นเสียงคำว่า ‘ไป’ กระบี่กับดาบก็ปะทะกันเสียง ‘เคร้ง’ ดังสนั่นดาบยาวหักเป็สองท่อน ร่างของศิษย์สำนักเทียมเมฆาชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งผู้นั้นกระเด็นปลิวออกไปข้างหลัง ปากกระอักเืออกมา ล้มกลิ้งอยู่ที่พื้น ส่งเสียงโอดโอยกระดูกทั้งร่างถูกกระแทกหัก ลุกไม่ขึ้น
----------
1. สำนักดาบเทวะ(神刀门 เสินเตาเหมิน) อาณาจักรเสินเตา (神刀王朝)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้