เถ้าแก่เกามองหลินเยว่อย่างตกตะลึงเช่นกัน ตอนแรกเขาเตรียมรอเวลาที่หลินเยว่ต่อรองราคาแล้วเขาจะเข้าไปร่วมแย่งด้วยแต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับตอบตกลงทันที
หรือว่าหลินเยว่จะมองเห็นบางอย่างที่ไม่ปกติ?
เถ้าแก่เกาย้อนคิดถึงลักษณะเฉพาะของหินหยกทั้งหมดอีกครั้งอย่างละเอียดแต่เขาก็ไม่พบจุดน่าสงสัยตรงไหน นอกจากรอยแตกร้าวนั้นแล้วก็ไม่มีจุดอื่น
หรือไอ้หนุ่มคนนี้จะบ้าไปแล้ว?
ณ เวลานี้เถ้าแก่เกากลับรู้สึกแอบดีใจกับความโชคร้ายของหลินเยว่ ขอให้หลินเยว่พนันเจ๊งเอาให้เจ๊งหนักๆ แบบนี้ถึงจะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
เขาอยู่ในวงการนี้มาตั้งนานแล้วแต่กลับไม่เคยได้รับบัตรการยอมรับสักใบคาดไม่ถึงว่าไอ้หนูคนนี้กลับโชคดีเหยียบขี้หมานำโชคขึ้นมาได้ แต่ครั้งนี้ผมจะรอดูคุณพนันเจ๊งหึๆ!
โจวเต๋อเซิงมองหลินเยว่ด้วยสายตาประหลาดใจเช่นกันแต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือความอยากรู้เขาสงสัยว่าเพราะเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้
ช่างเป็คนหนุ่มที่น่าสนใจจริงๆชื่อหลินเยว่ใช่ไหม หรือว่าผมมองอะไรพลาดไป คนรุ่นใหม่ไฟแรงจริงๆ!
ซื้อ...... ซื้อแล้ว?
เถียนเซิ่งเองก็ตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน เพราะความสุขเข้ามารวดเร็วจนเกินไปเขารอมาเป็เวลา 1 สัปดาห์แล้วแต่ไม่มีใครยอมให้ราคามากกว่า 4 แสนหยวนแต่ตอนนี้กลับมีคนยอมจ่าย 1.2 ล้านหยวนเพื่อซื้อหินหยกก้อนนี้จริงๆ
หากไม่ได้เป็เพราะมีวัยรุ่นอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเถียนเซิ่งได้ดึงแขนของเขาไว้ เขาก็คงยังไม่มีสติกลับมา
“คุณจะซื้อหินหยกก้อนนี้ด้วยราคา 1.2 ล้านจริงๆ หรือ?” เถียนเซิ่งมองหลินเยว่ด้วยความตื่นเต้นสีหน้าของเขาแดงก่ำเพราะกำลังตื่นเต้นดีใจมากจนเกินไป จึงถามขึ้นเสียงสั่น
หลินเยว่ยิ้มน้อยๆ พร้อมพยักหน้าและพูดขึ้น “ผมซื้อแน่นอน!”
“ขอบคุณๆ!”
ดวงตาของเถียนเซิ่งแดงขึ้นและคลอไปด้วยน้ำตาอันที่จริงเขารู้สึกผิดมาตลอด แต่เป็เพราะว่าเขาปกปิดมันไว้เป็อย่างดีจึงไม่มีใครมองออกแต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถกักเก็บมันไว้อีกแล้ว ความรู้สึกทั้งหลายจึงทะลักออกมา
“ไม่เป็ไร ผมจะจ่ายเงิน 1.2 ล้านหยวนเพื่อซื้อหินหยกก้อนนี้แน่ๆแต่ต้องรอสักครู่นะ เพราะว่าตอนนี้ผมไม่ได้มีเงิน 1.2 ล้านหยวน ผมจำเป็ต้องกลับไปหยิบเงินน่ะ”หลินเยว่พูดขอโทษ
กลับไปหยิบเงิน?
เถียนเซิ่งนิ่งอึ้งไปทันที หากหลินเยว่ไม่กลับมาแล้วจะทำอย่างไรล่ะ?แล้วอีกฝ่ายไม่กลัวว่าเขาจะแอบสลับสับเปลี่ยนหินหยกหรือ?
ในวงการการพนันหินหยก การที่กลับไปหยิบเงินเป็เหตุการณ์ที่ปกติมากและก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่เมื่อผู้ซื้อจากไปแล้ว ผู้ขายกลับสลับหินหยกขึ้นมาจริงๆแต่การกระทำของหลินเยว่เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อในใจตัวเถียนเซิ่งจริงๆ
แต่ทว่าหากหลินเยว่ไม่กลับมาแล้วเขาจะทำอย่างไรล่ะ?
ตอนนี้เถียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดถึงปัญหานี้กว่าจะเจอะคนที่ยินดีจ่าย 1.2 ล้านหยวนเพื่อซื้อหินหยกก้อนนี้มันก็ไม่ง่ายเลยหากอีกฝ่าย้าเล่นตลกเท่านั้น แล้วเขาจะทำอย่างไรดี?
หลินเยว่มองออกว่าเถียนเซิ่งกำลังกังวลเขาจึงยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าของโจวเต๋อเซิง และถามขึ้น“คุณโจวครับ คุณจะเป็ผู้ค้ำประกันให้กับผมได้ไหมครับ คุณต้องเสียเวลารออยู่ที่นี่เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยในขณะเดียวกันผมไม่ทราบว่าคุณจะสนใจทำธุรกิจซื้อขายกับผมเป็มูลค่า 1 ล้านขึ้นไปหรือเปล่า ขอแค่คุณรออยู่ที่สักครู่ก็พอแล้วครับ”
การเป็ผู้ค้ำประกันในที่แห่งนี้จะคล้ายกับการเป็คนกลางยกตัวเอย่างเช่น ฝ่าย ก กับฝ่าย ค ทำธุรกิจกัน ฝ่าย ก เรียกฝ่าย ขมาเป็ผู้ค้ำประกัน หากสุดท้ายฝ่าย ก ไม่ยอมจ่ายเงิน ฝ่าย คก็สามารถเรียกร้องเงินทั้งหมดได้จากฝ่าย ข
ที่หลินเยว่ทำเช่นนี้ เขาก็กำลังพนันอยู่เขาพนันว่าอีกฝ่ายต้องรู้ว่าตนเองมีบัตรการยอมรับไว้ใน จึงมีความเชื่อมั่นในนิสัยของตัวเขาถึงแม้ว่าจะไม่เชื่อมั่นในตัวเขา แต่ก็น่าจะเชื่อมั่นในบัตรการยอมรับใบนั้นแต่ความจริงแล้ว ในใจของหลินเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกมั่นใจสักเท่าไรเพราะการเป็ผู้ค้ำประกันไม่ใช่เื่สนุกเลยสักนิด ต้องออกแรงแต่ไม่ได้รับผลดีอะไรแล้วใครจะอยากช่วยกันล่ะ ดังนั้น หลินเยว่จึงพูดถึงธุรกิจซื้อขายยอดหนึ่งขึ้นมาซึ่งก็คือเขาคิดจะขายหยกที่ตัดออกมาก้อนนั้นให้กับโจวเต๋อเซิง
โจวเต๋อเซิงได้ยินเช่นนี้เขาจึงยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด “มีธุรกิจมาหาถึงที่แล้วทำไมถึงจะไม่ทำล่ะ ผู้ค้ำประกันครั้งนี้ผมเป็เอง”
การตอบรับอย่างไม่ลังเลของโจวเต๋อเซิงก็ทำให้หลินเยว่อึ้งไปเช่นกันในใจของเขารู้สึกดีใจอย่างยิ่ง เขาพยักหน้าให้กับโจวเต๋อเซิงด้วยความซาบซึ้ง
โจวเต๋อเซิงตบบ่าของหลินเยว่เบาๆขณะที่กำลังเดินไปหาเถียนเซิ่งนั้น เขาต้องเดินผ่านหลินเยว่ตอนที่ผ่านหลินเยว่เขาจึงพูดเสียงต่ำ “ผมยังเชื่อมั่นในนิสัยของลูกศิษย์ของเฮ่ออีเหยี่ยนปรมาจารย์แห่งหยกอยู่ฮ่าๆ......”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้จึงฝืนยิ้มออกมาคาดไม่ถึงว่าตนเองยังต้องยืมใช้ชื่อเสียงของอาจารย์ของตนเองอีกด้วย ว่าแต่โจวเต๋อเซิงรู้ฉายาอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลินเยว่จึงหมุนตัวหันกลับไปมองเื้ัของโจวเต๋อเซิงด้วยสายตาครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
“สหายหนุ่ม ผมจะเป็ผู้ค้ำประกันให้กับเด็กหนุ่มคนนั้นเองหากเขาไม่มีเงิน คุณสามารถมาเอาจากผมได้ และให้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้เป็พยาน”โจวเต๋อเซิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับว่าเื่นี้เป็เพียงเื่ธรรมดาเื่หนึ่ง
แต่คนรอบๆ ในที่แห่งนี้กลับตกตะลึงไปในทันที
เป็ผู้ค้ำประกัน 1.2 ล้านหยวน?
ต้องมีความสัมพันธ์ดีขนาดไหนถึงจะสามารถเป็ผู้ค้ำประกันด้วยจำนวนเงินขนาดนี้แต่ในเมื่อมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันแล้วทำไมถึงไม่ยืมเงินกันโดยตรงเลยล่ะ?ทำไมต้องเป็ผู้ค้ำประกันด้วย? หากยืมเงินยังขอคืนกันได้แต่หากเป็ผู้ค้ำประกันอาจจะหายไปทั้งเงินและคนเลยก็ได้
ช่างอาจหาญจริงๆ!
ผู้คนรอบๆ ต่างรำพึงกันถ้วนหน้า
เถ้าแก่เกากลับมองหลินเยว่และโจวเต๋อเซิงด้วยความแค้นเขาแอบคิดว่าพวกเขาสองคนนี้มีความสัมพันธ์กันไม่ธรรมดาจริงๆ โจวเต๋อเซิงไอ้เฒ่าเ้าเล่ห์สักวันผมจะฉีกหน้าจอมปลอมของคุณออกมา ทำไมคนอื่นถึงมองคุณอย่างชื่นชมเลื่อมใสแต่กลับไม่มีใครสนใจผมเลย สักวันผมจะต้องทำให้คุณและไอ้หนุ่มคนนั้นต้องเสียใจ
หลินเยว่รีบแยกตัวออกมาจากกลุ่มผู้คนแล้วรีบวิ่งออกไปตรงปากทางแยกทันทีเขาโบกมือเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งแล้วเดินทางกลับไปยังโรงแรมอย่างรวดเร็ว
หลินเยว่พยายามเดินทางไปกลับให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาทำได้แต่ทว่าการเดินทางไปๆ มาๆ เช่นนี้ก็ใช้เวลาไปถึงครึ่งชั่วโมง
แต่ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านไปนี้ไม่ได้ทำให้คนที่รอมุงอยู่น้อยลงเลยกลับดูเหมือนว่าจะมีจำนวนมากขึ้นเสียด้วย เพราะเมื่อได้ยินว่ามีคนจ่าย 1.2 ล้านหยวนเพื่อพนันหินหยกที่มีรอยแตกก้อนหนึ่งแล้วยังมีคนยอมเป็ผู้ค้ำประกันด้วยมูลค่า 1.2 ล้านหยวนเมื่อคนที่อยู่บนถนนสายนี้ได้ยินข่าวนี้แล้วพวกเขาต่างรู้สึกว่าโลกใบนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ยังมีคนทำเื่แบบนี้อีกหรือ?ดังนั้น พวกเขาจึงคิดอยากมาดูว่าคนแบบไหนถึงได้พนันหินหยกแบบนี้และก็อยากรู้ว่าหินหยกก้อนนั้นมีหน้าตาเป็อย่างไร
ดังนั้น พวกเขาจึงถือโอกาสตอนที่หลินเยว่ยังไม่กลับมาเริ่มสำรวจหินหยกก้อนนี้ขึ้นแต่ยิ่งมองก็ยิ่งหมดความมั่นใจหินหยกก้อนนี้อย่างมากก็มีมูลค่าแค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น แล้วมันจะสูงถึง 1.2ล้านหยวนได้อย่างไรโลกใบนี้มันบ้าไปแล้วหรือ?
เถ้าแก่เกาคิดอยากจะเอ่ยปากแย่งหินหยกก้อนนี้มาจริงๆแต่ทว่าโจวเต๋อเซิงกลับคุยกับเถียนเซิ่งและวัยรุ่นอีกคนอย่างสนุกสนานทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากแทรกขึ้นได้เลย
เมื่อเห็นหลินเยว่อุ้มหินหยกก้อนหนึ่งกลับมาผู้คนทั้งหลายจึงอึ้งกันไปตามๆ กัน ตอนแรกพวกเขาคิดว่าหลินเยว่จะต้องหิ้วหีบเงินกลับมาหรือไม่ก็หยิบเช็คมาสักใบ แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาพร้อมหินหยกหนึ่งก้อน
แม้กระทั่งโจวเต๋อเซิงที่กำลังคุยกับวัยรุ่นทั้งสองต่างก็อึ้งไปเช่นกัน
หินหยก?
อุ้มหินหยกกลับมาทำไม?
แต่เวลานี้เถ้าแก่เกากลับดีใจมากหรือจะพูดให้ถูกคือเขากำลังมีความสุขกับโชคชะตาอันเลวร้ายของพวกเขาเขาคิดว่าหลินเยว่ต้องไม่มีเงิน 1.2 ล้านหยวนและครั้งนี้โจวเต๋อเซิงก็ต้องดวงซวยจริงๆ ถึงแม้ว่า 1.2 ล้านหยวนอาจจะไม่ใช่จำนวนเงินที่เยอะมากแต่การที่เห็นโจวเต๋อเซิงดวงซวยเล็กๆ น้อยๆก็เป็เื่ที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก
ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยอยู่นั้นหลินเยว่ก็อุ้มหินหยกเดินตรงไปยังแผงข้างๆ ที่ขายหินหยกเขาคุยกับเ้าของแผงอยู่ชั่วครู่ ส่งเงินให้เ้าของแผง 200 หยวน แล้วจึงนำหินหยกวางลงตรงเครื่องตัดหินหยก
การกระทำของหลินเยว่สร้างความฮือฮาให้กับคนรอบๆตัว นี่กำลังจะทำอะไรกันแน่?
ตัดหินหยกต่อหน้าสายตาของทุกคน?
เมื่อนิ่งอึ้งกันไปชั่วครู่แล้วพวกเขาทั้งหลายจึงต่างกรูเข้ามาล้อมดูทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้