หลังจากที่มู่อวิ๋นจิ่นพูดจบ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของฉู่ลี่ก็เปลี่ยนเป็เ็า เจตนาฆ่าฟันแผ่กระจายออกมา ดวงตาเข้มหรี่ลงเล็กน้อย และเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของฉู่ลี่ นางถึงกับสั่นสะท้าน และทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่านางได้ประเมินสถานการณ์เกินต่ำไป นกตัวนี้ที่ปิดตาต้องห้าม*นั้นเป็อย่างไรสำหรับฉู่ลี่
(*สำนวนแปลว่าตาบอดใน่เวลากลางคืน เมื่ออยู่ในที่มืดจะมองไม่เห็น)
เมื่อบรรยากาศภายในห้องกำลังคุกกรุ่น จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดออกเป็ติงเสี่ยนที่เดินเข้ามากับ พร้อมกรงนก
“ คุณหนูสาม ข้าเพิ่งซื้อนกกิ้งโครงเหล่านี้จากพ่อค้าที่ตลาด ข้าคิดว่ามันค่อนข้าง...........”
ก่อนที่ติงเสี่ยนจะพูดจบ เขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องมันแปลกๆ ไป รู้สึกถึงสายตาเ็าจ้องมองมาที่เขา ติงเสี่ยนตัวสั่นและมองไปที่ฉู่ลี่
สายตาเ็าของฉู่ลี่มองไปที่กรงนกในมือของติงเสี่ยน เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และก่อนที่ติงเสี่ยนจะทันได้โต้ตอบอะไร ฉู่ลี่พลันยกมือขึ้น ไอสังหารรุนแรงพวยพุ่งออกจากแขนเสื้อพุ่งตรงไปที่กรงนกในมือของเขา
กรงนกหลุดจากมือของติงเสี่ยน และกระแทกเข้ากับผนังข้างตัวของเขาอย่างแรง กรงนกถูกทำลายออกเป็ชิ้นๆ ทันที และนกกิ้งโครงที่เพิ่งซื้อมาก็ตกลงพื้นโดยไม่มีเสียงกรีดร้องใดๆ
“ องค์ชาย...” น้ำเสียงของติงเสี่ยนแข็งทื่อสั่นกลัว หลังจากติดตามฉู่ลี่มาหลายปี เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าองค์ชายของเขากำลังโกรธอยู่
เมื่อมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นที่อยู่ข้างๆ นางก็ขมวดคิ้วพลางลดสายตาลง ไม่แม้แต่จะมองไปที่ฉู่ลี่ เห็นได้ชัดว่านางเองก็กำลังโกรธฉู่ลี่อยู่เช่นกัน
ติงเสี่ยนเบนสายตามองไปที่นกกิ้งโครงไร้เดียงสาที่นอนขาดใจตาย จากนั้นสีหน้าของเขาก็ซีดเผือด เป็ไปได้หรือไม่ว่า...
“องค์ชาย โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยขอรับ!” ติงเสี่ยนคุกเข่าลงทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของติงเสี่ยน แววตาของฉู่ลี่ที่เต็มไปด้วยความโกรธอยู่ก่อนแล้วก็พลันพลิกฝ่ามือรวบรวมพลังปราณ ขณะที่เขากำลังจะผลักฝ่ามือไปที่ติงเสี่ยน มู่อวิ๋นจิ่นก็รีบวิ่งไปคว้าข้อมือของฉู่ลี่ในทันที
“อย่าโทษติงเสี่ยนเลย! เขาแค่บอกความลับของท่านเพื่อที่จะโน้มน้าวให้ข้ามอบจี้หยกให้กับท่าน จริงๆแล้วเขานั้นซื่อสัตย์ต่อท่านมาก หากจะโทษก็โทษที่เขาไว้ใจข้า คิดว่าข้าจะเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับ”
มู่อวิ๋นจิ่นเม้มปากของนาง เมื่อเห็นว่าฉู่ลี่โกรธมากขนาดที่เขาไม่ลังเลที่จะฆ่าติงเสี่ยนเลยสักนิด เป็เพราะนางที่ล่วงรู้ความลับของเขาและทำให้เกิดเื่ร้ายแรงได้ถึงเพียงนี้
เดิมทีนางไม่คิดว่าฉู่ลี่จะใส่ใจเกี่ยวกับเื่นี้มากนัก
“มู่อวิ๋นจิ่น เ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเ้าไปงั้นหรือ?” ฉู่ลี่ชำเลืองมองมือที่มู่อวิ๋นจิ่นจับเขาไว้ ดวงตาของเขาฉฉายแววความโกรธที่แข็งกร้าวกว่าเดิม
“หากท่าน้าจะฆ่าข้าก็ได้ แต่อย่าได้ทำร้ายคนที่ซื่อสัตย์ต่อท่าน” มู่อวิ๋นจิ่นมองไปที่ฉู่ลี่ มือของนางที่จับข้อมือของเขาก็กระชับแน่นขึ้น เพราะกลัวว่าฉู่ลี่จะทำอะไรที่ไม่ควรทำลงไป
ติงเสี่ยนที่อยู่ในสถานการณ์พลันรู้สึกหมดหนทาง ไม่รู้ควรทำอย่างไรกับคุณหนูสามสกุลมู่ที่มีจิตใจดีงาม แต่นางกลับไม่เข้าใจองค์ชายหกและไม่รู้ว่าข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดขององค์ชายคือสิ่งใด
วันนี้ข้าเกรงว่าจะเป็ลางร้ายมากกว่าลางดี
ใบหน้าของฉู่ลี่ดูมืดมนประกอบกับมีชั้นหมอกหนาอยู่ระหว่างคิ้วของเขา แต่เมื่อมองไปยังั์ตาที่ฉายแววเสียใจรู้สึกผิดของมู่อวิ๋นจิ่น พลังปราณบนฝ่ามือของเขาก็อ่อนลงทันที ก่อนที่จะสลัดมือของมู่อวิ๋นจิ่นที่จับข้อมือของเขาออก
จากนั้นดวงตาเ็าของเขาก็จ้องมองไปยังดวงตาของมู่อวิ๋นจิ่น ก่อนจะยิ้มอย่างเ็า
“ ติงเสี่ยนไปส่งต่อคำพูดของข้า วันที่มู่อวิ๋นจิ่นก้าวข้ามวัยปักปิ่น วันนั้นจะเป็วันที่ข้าและนางอภิเษกกัน”
...
ระหว่างทางกลับมู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ในที่สุดก็เข้าใจว่าการขโมยไก่โดยไม่เสียเงินนั้นหมายความว่าอย่างไร
เดิมทีนาง้าใช้ปัญหาของฉู่ลี่มาเพื่อต่อรองกับเขา ไม่ให้ปฏิบัติตามสัญญาหมั้นหมาย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็การผูกมัดเขากับนางไว้ด้วยกัน จนนางเองเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
ดูเหมือนว่าการเผชิญหน้ากับฉู่ลี่ ความสามารถของนางยังดูตื้นเขินยิ่งนัก
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นกลับมาที่จวน บ่าวรับใช้ก็รีบร้องทักนางทันทีที่นางก้าวขึ้นบันไดทางเข้า และมองนางด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“คุณหนูสาม นายท่านกับฮูหยินรอท่านอยู่ที่โถงหน้าจวนนานแล้วเ้าค่ะ” บ่าวรับใช้รีบพูด
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว มองไปที่บ่าวรับใช้ "รอข้างั้นหรือ?"
“เ้าค่ะ คุณหนูสามรีบเข้าไปเร็วเ้าค่ะ คุณหนูจะมีปัญหาเอาได้หากปล่อยให้นายท่านกับฮูหยินรอนาน” บ่าวรับใช้กล่าว
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า จับคำว่า “ มีปัญหา” จากคำพูดของบ่าวรับใช้ และรู้ว่าต้องมีเื่ไม่ดีรอนางอยู่เป็แน่
นางจึงเดินช้าๆ ไปที่ห้องโถงด้านหน้า
ภายในห้องโถง เมื่ออัครเสนาบดีมู่และซูปี้ชิงที่รออย่างกระวนกระวายใจเห็นมู่อวิ๋นจิ่นกลับมาแล้ว ความโกรธก็พลันพลุ่งพล่านขึ้น โดยเฉพาะมู่เซียงที่ตบโต๊ะทันทีและหันไปทางมู่อวิ๋นจิ่น ก่อนจะะโเสียงแข็ง
“ ออกไปจากที่นี่!”
มู่อวิ๋นจิ่นเพิ่งถูกฉู่ลี่โกรธมายังไม่ทันไร ก็ยังมาถูกอัครเสนาบดีมู่ตะคอกใส่อีก ตอนนี้นางรู้สึกหวาดกลัวไปหมดแล้ว
มู่หลิงจูที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง เมื่อเห็นว่าท่านพ่อของนางกำลังโกรธมากเช่นนี้ก็รู้สึกมีความสุขอย่างเปิดเผยออกมา
“ เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นถูกมู่เซียงตะคอกใส่ นางจึงพูดออกไปพร้อมกับตรงเข้าภายในห้องทันที โดยไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทาย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอัครเสนาบดีมู่ก็ยิ่งโกรธจนตัวสั่น “ เ้าทำให้พี่รองของเ้าาเ็จริงหรือ?”
“เหตุใดจู่ๆ ท่านพ่อถึงถามข้าเช่นนี้?” มู่อวิ๋นจิ่นถามกลับ
“หานเฉียวนำเสื้อผ้าที่าเ็ของอี้หยางมาให้ข้า และมีรอยรองเท้าตรงบริเวณที่เขาาเ็ ข้าก็เลยไปเอารองเท้าปักของเ้าที่ห้องมาเปรียบเทียบกัน ขนาดเท่ากันทุกประการ”
หลังจากอัครเสนาบดีมู่พูดจบ เขาก็โยนเสื้อผ้าตัวนั้นออกมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองมู่อวิ๋นจิ่น ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเปลี่ยนความคิดที่มีต่อผู้หญิงตรงหน้า แต่ตอนนี้กลับรู้สึกผิดหวังในตัวนางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มู่อวิ๋นจิ่นชำเลืองมองไปยังเสื้อผ้าของมู่อี้หยางที่อยู่บนพื้น ก้มลงหยิบมันขึ้นมาและพบว่าบนเสื้อผ้าที่ว่านั่นปรากฏร่องรอยรองเท้าจริง
เมื่อเห็นเช่นนั้นมู่อวิ๋นจิ่นเองก็ไม่ได้ปฏิเสธออกมา นางเพียงยื่นมือออกไปตบรอยรองเท้าบนชุดนั้น ก่อนจะยิ้มอย่างเขินอาย “ฉินไท่เฟยเคยให้รางวัลข้าด้วยเครื่องประดับและเงินทองอีกมากมาย มู่อี้หยางเองก็เคยขอข้าไปเพื่อใช้เป็สิ่งของพนัน บางครั้งข้าก็ไม่ได้เต็มใจให้ เขาก็ทุบตีและดุด่าข้าต่างๆ นานา จนบางครั้งร่างกายของข้าต้องเป็รอยฟกช้ำหลายครั้ง”
หลังจากพูดจบนางก็โยนเสื้อผ้าในมือทิ้งและมองไปที่อัครมหาเสนาบดีมู่กับซูปี้ชิง “ ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่รู้เื่นี้ใช่หรือไม่?”
“ นางลูกไม่รักดี! แม้ว่าพี่รองของเ้าจะทุบตีและดุด่าเ้า ในฐานะน้องสาวเ้าก็สมควรยอมรับมัน! ข้าไม่คเ้าจะ...” อัครเสนาบดีมู่ตบโต๊ะอีกครั้ง โกรธจนดวงตาแทบลุกเป็ไฟ
ที่ด้านข้างซูปี้ชิงเองก็ถอนหายใจเช่นกัน “อวิ๋นจิ่น แต่ก่อนข้าเห็นเ้าเงียบขรึมและขี้อาย ไม่คิดเลยว่าเ้าจะไร้กฎระเบียบไม่รู้อะไรเช่นนี้ แต่ครั้งนี้ข้ากับท่านพ่อของเ้าไม่อาจทนกับการกระทำครั้งนี้ของเ้าได้ จงออกไปจากที่นี้ซะ”
“ ท่านพ่อ ท่านแม่” มู่หลิงจูมองไปที่อัครเสนาบดีมู่กับซูปี้ชิง และพูดด้วยความเศร้าเสียใจ “ ข้าว่าท่านพี่อาจจะ หลงระเริงไปบ้าง ถ้าไล่ออกจากจวนไปเช่นนี้ จูเอ๋อร์รู้สึกลำบากใจมากเ้าค่ะ”
“เหตุใดเราไม่จัดการตามกฎจวนล่ะเ้าคะ โบยห้าสิบไม้เพื่อให้ท่านพี่สงบจิตสงบใจลงบ้าง แล้วให้นางไปขอโทษพี่รอง”
คำพูดของมู่หลิงจูทำให้มู่เซียงขมวดคิ้ว และมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นด้วยสายตาที่เกลียดชัง “ เ้ารู้หรือไม่ว่าเื่นี้ไม่ถูกต้อง”
เมื่อมองครอบครัวทุกคนที่อยู่ตรงหน้า ความรู้สึกรังเกียจพลันก่อตัวขึ้นในใจของนาง อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่ป้าจางบอกไว้ว่านางไม่ใช่สมาชิกของตระกูลมู่ และนางก็แอบตั้งความหวังที่จะได้พบเจอญาติที่แท้จริงของนาง
“ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดข้าก็ไม่ขอโทษ และข้าก็ไม่ยอมรับการลงโทษด้วย” มู่อวิ๋นจิ่นพูดสามครั้งติดต่อกัน และชำเลืองมองทั้งสามคนในโถงหน้าทีละคนอย่างยั่วยุ
การฉีกหน้าผู้คนในจวนเสนาบดีมู่ในวันนี้ถือเป็เื่ใหญ่ นางไม่สนใจตัวตนที่แท้จริงของมู่อวิ๋นจิ่นจะเปิดเผยอีกต่อไป
“ ปึง”
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นพูดจบ มู่เฉิงเซี่ยงก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก เขายกมือขึ้นหยิบแจกันข้างๆ โต๊ะที่นั่งแล้วขว้างไปที่มู่อวิ๋นจิ่น
มู่หลิงจูมองดูเหตุการณ์นี้ด้วยความตื่นเต้น ตั้งหน้าตั้งตารอดูมู่อวิ๋นจิ่นเืไหลอาบท่วม
มู่อวิ๋นจิ่นยืนนิ่ง เมื่อแจกันกำลังจะพุ่งใส่นาง นางก็ยกมือโบก แจกันพลันเปลี่ยนทิศทางไปยังมู่หลิงจู่ทันที
“อ๊าก” มู่หลิงจูปิดหน้าของนางทันทีด้วยความใ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้
เมื่อเห็นดังนั้นอัครเสนาบดีมู่เองก็ใเช่นกัน เขารีบยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและเตะแจกันที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่มู่หลิงจูออกไป แจกันตกลงสู่พื้นด้วยเสียงโครมครามและแตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ อวิ๋นจิ่น เ้า......!” เมื่อเห็นว่าแจกันเกือบทำร้ายมู่หลิงจู ซูปี้ชิงก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธ
“พวกเ้ามามัดนังเด็กคนนี้ไว้ วันนี้ข้าจะสั่งสอนนางให้รู้จักความเสียบ้าง!” อัครเสนาบดีมู่ะโใส่บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ เขาด้วยความโกรธที่มีต่อมู่อวิ๋นจิ่น
เมื่อได้ยินอัครเสนาบดีมู่พูดดังนั้น ดวงตาของมู่อวิ๋นจิ่นก็ฉายแววแสดงความรังเกียจ ใบหน้าก็แสดงท่าทีเยาะเย้ยโดยปราศจากความกลัวใด ๆ
มู่หลิงจูกำลังรอเหตุการณ์ต่อไปอย่างตื่นเต้น มันได้ผล และคราวนี้มู่อวิ๋นจิ่นกำลังจะจบจริงๆ แล้ว !
หลังจากนั้นไม่นาน บ่าวรับใช้ก็เข้ามาพร้อมเชือกมัดและกำลังจะมัดมู่อวิ๋นจิ่น ภายใต้การมองดูของอัครเสนาบดีมู่ทันใดนั้นก็มีเสียงขันทีดังขึ้นมาจากนอกประตู
“มีราชโองการราชโองการ”
เมื่อได้ยินว่าเป็ราชโองการ มู่เซียงและคนอื่นๆ ก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นขันทีลู่ก็เดินเข้ามา และเมื่อมองไปที่ขันทีลู่ที่เข้าประตูอย่างช้าๆ พวกเขาก็ได้แต่คุกเข่าลงอย่างรวดเร็วราชโองการ
มู่อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเ็า ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน
เมื่อขันทีลู่เห็นเข้า เขาก็มองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นด้วยรอยยิ้ม “ คุณหนูสามสกุลมู่ ราชโองการราชโองการนี้เป็ของท่าน ดังนั้นรีบมารับมันไปเถิด”
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นได้ยินว่าเป็ราชโองการของนาง นางก็พลันหยุดชะงักและขมวดคิ้ว จากนั้นก็เดินไปอย่างเชื่อฟังและคุกเข่าข้างหนึ่ง
“ฮ่องเต้มีรับสั่งให้อวิ๋นจิ่นแห่งสกุลมู่อันมีรูปร่างหน้าตางดงาม จิตใจดีมีเมตตาจนสามารถเอาชนะใจองค์ชายได้และงานพิธีอภิเษกสมรสจะถูกจัดขึ้นในพระตำหนักขององค์ชายหกในวันที่ย่างก้าวเข้าสู่วัยปักปิ่น จบราชโองการ!”
ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางห้องโถงภายในจวน ในงานเลี้ยงเมื่อวานองค์ชายหกที่ดูเมินเฉย เ็า ไร้ความรู้สึกนางเองคิดว่างานหมั้นจะจบลงแล้ว
ใครจะคิดว่าวันนี้ราชโองการให้อภิเษกสมรสจะมาถึง
มู่อวิ๋นจิ่นกัดริมฝีปากแน่น นางคิดว่าเป็เพราะฉู่ลี่กำลังโกรธจึงได้บอกว่า้าจะอภิเษกกับนาง แต่นางไม่คิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเป็เื่จริง ตอนนี้ภายในใจของนางมีความรู้สึกที่หลากหลายเต็มไปหมด
“ คุณหนูสามรีบน้อมรับราชโองการ !” ขันทีลู่วางราชโองการแล้วมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นด้วยรอยยิ้ม
มู่อวิ๋นจิ่นชะงักไปพร้อมกับยืนขึ้นและรับราชโองการสีเหลืองทองอร่าม “ เ้าค่ะ ท่านขันที”
“คุณหนูสาม ครอบครัวของเ้าก็อยู่ที่นี่แล้ว ข้าต้องแสดงความยินดีด้วยจริงๆ สำหรับงานมงคลขององค์ชายหกและคุณหนู”
หลังจากพูดจบขันทีลู่ก็มองลงที่พื้นพร้อมอุทานด้วยความประหลาดใจว่า "โอ้ ท่านทำอันใดกับเชือก และท่อนไม้มากมายพวกนี้”