ภายในห้องมีเสียงทุ้มหนักแน่นของผู้าุโดังขึ้นเป็พักๆ “การเดินหมากล้อมนั้นเชื่อมโยงกับหลักดาราศาสตร์ เช่นการเดินหมากก้าวแรกของหมากดำที่เดินในตำแหน่งเทียนหยวน เช่นนั้นการเดินหมากกระดานนี้ย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้!”
เสียงของผู้เยาว์อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “นับั้แ่โบราณมา การเดินหมากล้อมล้วนมีลักษณะการเดิน มุม ข้าง และตรงกลาง เพื่อให้การเดินหมากเป็ไปอย่างมีอานุภาพ ควรจะเดินหมากในตำแหน่งมุมทั้งสี่และด้านข้างทั้งสี่ด้านของกระดานจึงจะถูกต้อง”
ผู้าุโกล่าวอีกว่า “《บันทึกการเดินหมาก》ได้บรรยายไว้ว่า “หาก้าเป็ผู้กำชัยชนะ จะต้องเริ่มเดินหมากด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ยึดตำแหน่งเทียนหยวนในการปรับเปลี่ยนเอื้อกับหลักดาราศาสตร์ เหมือนกับการควบคุมการโคจรรอบตัวเองและในระบบสุริยะของดาวเหนือ อีกทั้งยังเป็ตัวกำหนดการกำเนิดของสรรพสิ่งบนโลกมนุษย์ ผู้ใดยึดตำแหน่งเทียนหยวนได้ก่อน ผู้นั้นย่อมจับจุดสำคัญได้ก่อน ดังนั้นเมื่อมีการเดินหมากในตำแหน่งเทียนหยวนย่อมกำชัยชนะเอาไว้ได้”
เสียงผู้เยาว์พูดอีกว่า “ท่านาุโหานช่างมีความคิดที่ล้ำลึกยิ่งนัก! ผู้น้อยได้รับการชี้แนะแล้ว!”
คนอื่นๆ ที่ล้อมรอบเข้ามาดูการเดินหมากต่างพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์
“ท่านผู้าุโหานไม่เพียงแต่แตกฉานในศาสตร์ของการเดินหมาก อีกทั้งยังรอบรู้ในหลักของดาราศาสตร์ ไม่เสียแรงที่เป็ยอดฝีมือในวงการเดินหมากล้อม”
“ท่านาุโหานเป็ยอดฝีมือระดับเจ็ดั้แ่ยังหนุ่มแน่น ในอดีตเคยเข้าร่วมการแข่งขันการเดินหมากล้อมของเมืองหลวง และเป็ผู้สร้างตำนาน “การเดินหมากเทียนหยวน” และสร้างสถิติในการเอาชนะติดๆ กันเจ็ดกระดานรวด ได้ประลองการเดินหมากกับยอดฝีมืออันดับหนึ่งในยุคสมัยนั้นหลายท่าน และเป็ผู้ที่เป็ฝ่ายได้เปรียบ!”
“ต่อมาท่านาุโหานกลับมายังแคว้นเป่ยเยียน ร่วมกับท่านหัวหน้าสวีก่อตั้งชุมนุมหมากล้อมเทียนหยวนในวันนี้ เทียนหยวน อักษรสองตัวนี้เป็อักษรที่สร้างชื่อเสียงในวงการหมากล้อมให้กับท่านาุโหานจนมาถึงทุกวันนี้”
“แม้จะกล่าวว่าการเอาชนะด้วยตำแหน่งเทียนหยวนจะเป็การเดินหมากที่เยี่ยมยอด แต่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจลอกเลียนแบบได้ หากไม่ระวังอาจจะเป็การขุดหลุมพรางฝังตัวเองลงไปก็เป็ได้ มีเพียงยอดฝีมือเช่นท่านาุโหานที่สามารถใช้มันได้...”
ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนแล้ว เฟิ่งเฉี่ยนและมู่ชิงเซียวพากันเบียดเสียดฝูงชนมาถึงด้านข้างของประตูแล้วมองเข้าไป เห็นเพียงท่านาุโท่านหนึ่งกำลังเดินหมากกับคนหนุ่ม ท่านาุโที่หันหลังให้พวกเขาก็คือท่านาุโหานที่พวกเขากำลังตามหาตัวอยู่
ตามที่หลิวต้าซือได้พูดไว้ ท่านาุโหานได้แมวเทพสองหางมาตัวหนึ่งเมื่อเก้าปีก่อน หากคำนวณเวลาแล้วแมวเทพสองหางตัวนั้นจะบำเพ็ญตนอีกครั้งในหลายวันนี้ หากมันบำเพ็ญตนสำเร็จ มันก็จะกลายเป็แมวเทพสามหางตัวหนึ่ง!
หมากกระดานนี้ยังเดินไม่จบ คนหนุ่มพลันลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป
ฉวยโอกาสที่ฝูงชนเริ่มแยกย้าย เฟิ่งเฉี่ยนเบียดเข้าไปถึงเบื้องหน้าท่านาุโหานแล้วยกมือขึ้นประสานเป็หมัด “ท่านาุโหาน ผู้น้อยเฟิงเฉี่ยนมีเื่จะขอร้องท่าน!”
ผู้าุโหานเงยหน้าขึ้นมองมาทางนาง สีหน้าของเขาแข็งค้างทันที วินาทีถัดมาเขาลุกพรวดขึ้นด้วยโทสะลุกท่วมฟ้า “เป็เ้าหรือ เ้าคนพาล รีบคืนกระดานหมากมาให้ข้า!”
เมื่อเฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้น นางถึงกับทึ่มทื่อทันที
นี่...นี่ไม่ใช่ตาเฒ่าที่นางเดินชนหน้าห้องเรียนเมื่อเช้าหรอกหรือ
เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่
เดี๋ยวนะ เขาคือผู้าุโหานหรือ
เขาแซ่หาน อีกทั้งยังปรากฏตัวอยู่นอกห้องเรียน เขาคงไม่ใช่หานไท่ฟู่ที่สอนบุตรชายของตนกระมัง
มุมปากเฟิ่งเฉี่ยนกระตุก นางแทบจะกระอักออกมาเป็เื!
เหตุใดเื่ซวยซ้ำซวยซ้อนเช่นนี้จึงมักจะเกิดขึ้นกับนางนะ นางช่างดวงจู๋จริงๆ!
ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี
เดินชนเขาจนกระดานหมากของเขาเสียหาย นางยังเสแสร้งแกล้งทำความจำเสื่อมแล้วหนีหน้าอีก เขาจะต้องมีความรู้สึกย่ำแย่ต่อนางเป็อย่างยิ่ง!
หากนางบอกให้เขามอบแมวเทพสองหางให้กับนางในตอนนี้ เขาจะต้องจับนางโยนออกไปทันทีแน่นอน!
ด้วยความร้อนใจ สมองของเฟิ่งเฉี่ยนทำงานอย่างหนัก นางก้าวเข้าไปก้าวหนึ่งแล้วยื่นมือทั้งสองไปกุมมือของเขาไว้ “หานไท่ฟู่ นับว่าข้าหาตัวท่านพบเสียที!”
หานไท่ฟู่ตะลึงงันเล็กๆ เขารู้สึกงุนงง แต่ยังคงดึงมือคืนจากนางด้วยท่าทีรังเกียจ
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ใส่ใจท่าทางของเขา นางยังคงพูดด้วยความตื่นเต้น “วันนี้ตอนเช้าหลังจากเดินชนท่านหน้าห้องหนังสือแล้ว ผู้น้อยรู้สึกไม่สบายใจตลอดเวลา เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว ผู้น้อยคิดว่าอย่างไรก็ต้องมาสำนึกผิดกับท่านาุโ ดังนั้นผู้น้อยจึงรีบมาพบท่านาุโที่นี่เป็การเฉพาะ เพื่อขอให้หานไท่ฟู่ให้อภัย ไม่ว่าจะต้องชดเชยอย่างไร ผู้น้อยล้วนยินดีรับผิดชอบ กล้าทำกล้ารับ!”
หานไท่ฟู่ลูบเคราของตนพลางพยักหน้าหงึกหงัก “อย่างนี้ยังพอคุยกันได้หน่อย! สำนึกผิดแล้วปรับปรุงตัวแก้ไข ยังถือว่าพอจะอบรมสั่งสอนกันได้...”
ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าเื่นี้ไม่ถูกต้อง สีหน้าของหานไท่ฟู่เปลี่ยนไป “ไม่ถูกต้อง เมื่อสักครู่เ้าเพิ่งจะพูดว่ามีเื่มาขอให้ตาเฒ่าเช่นข้าช่วยเหลือ เ้าไม่ได้คิดจะมาขอโทษ! เ้าคนหลอกลวง ตาเฒ่าเช่นข้าเกือบจะถูกเ้าหลอกลวงอีกแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึงด้วยไม่คิดว่าจะถูกเขาเปิดโปงต่อหน้าต่อตา
“หานไท่ฟู่ ผู้น้อยสำนึกผิดแล้วจริงๆ ครั้งนี้ท่านยกโทษให้ผู้น้อยเถิด! กระดานหมากของท่าน ผู้น้อยจะชดใช้เป็เงินให้ ท่านบอกให้ชดเชยเป็เงินเท่าใดผู้น้อยก็จะชดเชยเป็เงินเท่านั้น!”
หานไท่ฟู่พ่นลมใส่เคราตนเองแล้วถลึงตา “กระดานหมากหยกขาวหุนหยวนของข้า! เ้าคิดว่าเ้าเป็ใคร เ้าชดใช้ไหวหรือ”
ทุกคนได้ยินคำว่า “กระดานหมากขาวหุนหยวน” ก็ตื่นเต้นกันขึ้นมา
“กระดานหมากขาวหุนหยวน นั่นเป็สมบัติล้ำค่าของท่านาุโโจว มูลค่าเทียบเท่ากับหัวเมืองเมืองหนึ่งทีเดียว!
“ได้ยินก่อนที่ท่านาุโโจวจะสิ้นลม ได้มอบกระดานหมากขาวหุนหยวนให้กับศิษย์ผู้น้องที่เขาภาคภูมิใจที่สุด ซึ่งก็คือท่านาุโหานนั่นเอง คิดไม่ถึงว่าสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้จะถูกทำลายลงอย่างน่าเสียดายจริงๆ!”
“ไม่ใช่หรือไร น่าเสียดายเกินไป!”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบปาดเหงื่อ ที่แท้เขาไม่ได้ข่มขู่นาง แต่กระดานหมากขาวหุนหยวนนั้นเป็สิ่งของที่ประเมินค่ามิได้จริงๆ!
แย่แล้ว ครั้งนี้แย่แน่ๆ!
ลำพังแค่เงินที่ต้องชดใช้ก็เพียงพอให้นางได้รับความทุกข์ทรมานแล้ว
“หานไท่ฟู่...”
นางกำลังจะเอ่ยปาก มู่ชิงเซียวกลับตัดบทนางแล้วชิงเอ่ยปากก่อนว่า “หานไท่ฟู่ แม่นางเฟิงเป็เพียงนางกำนัลธรรมดาสามัญคนหนึ่ง ไม่มีปัญญาชดเชยความเสียหายของท่าน ท่านอย่าสร้างความลำบากใจให้นางเลย ในมือของข้าน้อยมีภาพวาด 《เทพเซียนทั้งเก้า》ที่จิตรกรเอก อู๋ต้าวจื่อ ได้วาดเอาไว้ นำภาพวาดนี้มาชดเชยกระดานหมากขาวหุนหยวนของท่านเป็อย่างไร”
บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบงัน
“ภาพวาด 《เทพเซียนทั้งเก้า》ของ จิตรกรเอก อู๋ต้าวจื่อ นั่นน่ะเป็สมบัติล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้อีกชิ้นหนึ่งเชียว!”
“ชิๆ ได้ยินว่ามีคนในเมืองหลวงเสนอราคาสามแสนตำลึงเงิน มู่กงจื่อก็ยังไม่ยอมขาย”
“แม้กระดานหมากขาวหุนหยวนจะล้ำค่า ทว่าหากเปรียบเทียบกับ 《เทพเซียนทั้งเก้า》แล้วยังถือว่าห่างชั้นมาก!”
“หานไท่ฟู่ ครั้งนี้ท่านได้กำไรแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนหันไปมองมู่ชิงเซียวด้วยแววตาตกตะลึง “พี่ใหญ่มู่ ทำเช่นนี้ไม่ได้”
มู่ชิงเซียวยิ้มอ่อนโยน “เหตุใดจึงทำไม่ได้ ขอเพียงช่วยเหลือเ้าได้ ลำพังเพียงแค่ภาพ 《เทพเซียนทั้งเก้า》เพียงภาพเดียว จะนับเป็อะไรได้”
เฟิ่งเฉี่ยนซาบซึ้งใจยิ่งนัก
เพื่อนางแล้วเขาถึงกับยอมสละภาพวาด《เทพเซียนทั้งเก้า》ที่มีราคาถึงสามแสนตำลึงโดยไม่กระพริบตา
ไมตรีของสหายเช่นนี้ จะไม่ให้นางรู้สึกซาบซึ้งใจได้อย่างไร
“พี่ใหญ่มู่ บัญชีนี้ข้าจดจำไว้แล้ว วันหน้าจะต้องตอบแทนท่านแน่นอน!”
มู่ชิงเซียวเพียงแค่คลี่ยิ้มบางๆ
หานไท่ฟู่มองคนทั้งสองด้วยสายตาพิจารณา ในที่สุดก็เอ่ยปากว่า “ใครบอกว่าข้าจะรับ ภาพวาด《เทพเซียนทั้งเก้า》เอาไว้ ตาแก่เช่นข้าสนใจเพียงหมากล้อมเท่านั้น ต่อให้พวกเ้านำภาพวาด 《เทพเซียนทั้งเก้า》หรือ 《เทพเซียนทั้งสิบ》มาแลกเปลี่ยน ตาแก่เช่นข้ายังคง้าเพียงกระดานหมากขาวหุนหยวนเท่านั้น!”
คิดไม่ถึงว่าผู้าุโท่านนี้จะดื้อดึงถึงเพียงนี้ นำภาพวาดอันเลื่องชื่อมาชดใช้เขากลับไม่ยอมรับไว้!
“ท่านาุโ ท่าน้าอะไรกันแน่” เฟิ่งเฉี่ยนถามอย่างจนปัญญา
หานไท่ฟู่เชิดหน้ากล่าวว่า “ง่ายดายมาก! เ้าคืนกระดานหมากให้ข้า หรือไม่ก็หายไปจากสายตาข้าตอนนี้!”
เจตนาของเขาชัดเจนยิ่งนักว่า้าโยนคนออกไป!
เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งกลัดกลุ้ม นางทำกระดานหมากของเขาเสียหาย เป็นางที่ทำไม่ถูกต้อง แต่นางได้บอกไปแล้วว่านางจะชดใช้ให้ เขากลับไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น ซ้ำยังไม่ยอมมองหน้าคน นี่จะรังแกกันเกินไปแล้ว!
“หากข้าไม่ยอมไปเล่า”