ในท้องพระโรง เซียวมี่กำลังคุกเข่านิ่งๆอยู่เบื้องล่าง
ในตำหนักจินหลวนฮวาหรูเสวี่ยกำลังนั่งประทับอยู่บนแท่นสูง สีหน้านิ่งเรียบไร้อารมณ์ในแววตาแฝงด้วยความเ็าอยู่เล็กน้อย แต่ที่แฝงอยู่มากกว่านั้นกลับเป็ความอันตราย
นางคิดไม่ถึงจริงๆว่าแผนการที่งานเลี้ยงร้อยบุปผาเมื่อวานจะล้มเหลวได้ล้วนแต่เป็เพราะธิดาของตนทำเสียเื่และความจริงแล้วยังมีสองพี่น้องสกุลเซียวอีกด้วย
แค่นั้นยังถือว่าแล้วไปวันนี้เมื่อยามออกว่าราชการในตอนเช้าเซียวมี่ก็เดินมาถวายฎีกาขอลาเกษียณกลับบ้านเก่าไปใช้ชีวิตยามชราทันที
นี่ก็ทำให้เพลิงโทสะในใจของนางลุกโหมกระหน่ำในใจของนางมิเพียงรู้สึกโกรธแค้นต่อฮวาเชียนจือแต่ก็มีใจอาฆาตต่อเซียวซู่ซู่อีกด้วย คนที่ฉลาดจนเกินไปถ้าหากไม่อาจนำมาเป็ประโยชน์ต่อตนได้ นางก็สามารถหักห้ามใจจำกัดทิ้งได้อย่างไม่ไยดี
ทว่าการที่เซียวมี่ขอลาออกจากตำแหน่งก็ทำให้อำนาจของสกุลเซียวหายไปในทันทีในอดีตต่อให้พวกเขาจะตกต่ำสักเพียงใดก็ยังมีกำลังทหารอยู่ในมือ เมื่อไร้ซึ่งอำนาจทหารแล้วสกุลเซียวก็จะกลายเป็กลุ่มคนที่พร้อมจะถูกคนขจัดทิ้งได้ทุกเมื่อ
นางกลับรู้สึกเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเซียวมี่
เพียงแต่ว่าเมื่อนางคิดถึงคำสั่งเสียของฮ่องเต้องค์ก่อนใจนางก็รู้สึกสับสนและว้าวุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะฉะนั้นตอนนี้นางเพียงแต่นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่เอ่ยคำใดออกมาพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดเป็อย่างยิ่ง
ขุนนางนันร้อยล้วนยืนอยู่ด้านล่างอย่างสงบเงียบกระทั่งจะหายใจพวกเขายังไม่กล้าส่งเสียงดังออกมา
ฮวาเชียนเย่แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่ในมือเป็จำนวนมากแต่เขากลับไม่สามารถมาฟังราชการได้ เพราะถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็บุรุษ
เพราะฉะนั้นตอนนี้เขายังไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทว่าฮวาเชียนจือที่ยืนอยู่ในท้องพระโรงกลับกำลังจ้องไปทางเซียวมี่ด้วยสายตาเคียดแค้นไม่ง่ายเลยกว่านางจะสามารถข่มขู่เซียวซู่ซู่จนได้พลังอำนาจของสกุลเซียวมา
ใกล้จะถึงเวลาที่เหมาะสมในการลงมือแล้วอยู่ๆ หญิงชราผู้นี้กลับบอกว่าตนจะลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเก่าไปพักผ่อน
เมื่อเป็เช่นนี้นางก็คว้าน้ำเหลวไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
มือทั้งสองที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อก็กำแน่นเข้าหากัน
นางแหงนหน้าหันไปมองทางฮ่องเต้หญิงฮวาหรูเสวี่ยอยู่บ่อยครั้งแม้นางจะรู้ว่าฮวาหรูเสวี่ยไม่ได้คิดจะสนับสนุนตน แต่ว่าตอนนี้นางเพียงหวังว่าฮวาหรูเสวี่ยจะไม่อนุมัติฎีกาของเซียวมี่
ตอนนี้นางหวังเหลือเกินว่าฮวาเชียนเย่จะอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย บางทีเขาอาจจะพลิกสถานการณ์นี้ได้
“ขุนนางเซียวที่รัก เ้าคิดไตร่ตรองดีแล้วใช่หรือไม่?”
ผ่านไปเนิ่นนานในที่สุดฮวาหรูเสวี่ยก็เอ่ยถามเรียบๆ ออกมาประโยคหนึ่ง น้ำเสียงของนางนิ่งสงบโทสะที่ปรากฏบนใบหน้าก็หายไปแล้วเช่นกัน
เซียวมี่ได้ติดตามฮวาหรูเสวี่ยมายี่สิบกว่าปีนางรู้จักนิสัยของฮ่องเต้หญิงผู้นี้เป็อย่างดีเวลานี้เพลิงโทสะของนางมลายหายไปก็แสดงว่านางได้รู้สึกโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้ว สตรีผู้นี้น่ากลัวถึงเพียงใด นางนั้นรู้ดีเสียยิ่งกว่าใคร
ทว่านางหาได้ใส่ใจไม่เดินมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีทางถอยอีก ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้ เกรงว่าสกุลเซียวจะอยู่ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ยิ่งกว่า
นางไม่อยากกลายเป็เหยื่อสังเวยให้กับการแก่งแย่งอำนาจของราชสำนักหลายปีมานี้สกุลเซียวได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถต่อแคว้นป่ายฮวาแล้ว และนางเองก็ถือว่าไม่ได้ผิดต่อฮ่องเต้องค์ก่อนแล้ว
“ทูลฝ่าา หม่อมฉันได้ตัดสินใจแล้ว” เซียวมี่พยักหน้าอย่างแรง ไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ขุนนางนับร้อยที่อยู่ด้านล่างก็หันมามองทางเซียวมี่อีกครั้งบ้างก็ปราบปลื้มยินดี บ้างก็เห็นใจ แต่ที่มากยิ่งกว่าคือพวกที่มีความอยากรู้อยากเห็นถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
เป็ที่รู้กันว่าหากเซียวมี่มอบอำนาจทหารคืนเมื่อใดนั้นฮ่องเต้หญิงก็จะแข็งแกร่งมากขึ้น พวกนางเองก็รู้ว่าฮ่องเต้หญิงยินดีที่จะให้เป็เช่นนั้น เพียงแต่ว่านางกำลังลังเลเพราะกำลังกังวลถึงสถานการณ์บางส่วนเท่านั้น
ต้องรู้กันว่าการที่นางอยากให้องค์หญิงคนไหนขึ้นมาครองตำแหน่งต่อนั้นพวกนางก็จำเป็ต้องมีอำนาจที่แข็งแกร่งเพียงพอถึงจะทำได้มิเช่นนั้นอาจนำมาสู่านองเืของแคว้นป่ายฮวาได้
ต่อให้เป็ฮวาเชียนจือและฮวาเชียนเย่ก็อาจจะเกิดาฉากหนึ่งได้เช่นกัน
ยังไม่ต้องพูดถึงเหล่าองค์หญิงคนอื่นๆที่พร้อมจะก่อความวุ่นวายขึ้นทุกเมื่อ
เดิมทีพวกนางก็ได้แก่งแย่งชิงดีกันมาหลายปีแล้วพวกนางล้วนแต่คิดว่าขอเพียงมีกำลังเพียงพอ เมื่อฮ่องเต้หญิงตแล้ว ตำแหน่งฮ่องเต้ก็ต้องตกอยู่ในกำมืออย่างแน่นอนเพียงแต่ว่าอยู่ๆ ก็มีฮวาเชียนจือปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันอีกทั้ง่นี้การที่ฮ่องเต้หญิงสนับสนุนฮวาเชียนเย่นั้นก็ทำให้ทุกคนเริ่มเห็นถึงความผิดสังเกตนี้แล้ว
แม้ว่าตอนนี้แคว้นป่ายฮวาจะดูสงบเงียบแต่ในทางลับกลับมีคลื่นลูกใหญ่ซัดโหมกระหน่ำไม่หยุด ความสงบก่อนจะเกิดพายุขึ้นเป็ความสงบที่น่ากลัวเป็อย่างยิ่ง
ถ้าหากมิใช่เพราะงานเลี้ยงร้อยบุปผาเมื่อวานแล้วบางทีเื่เหล่านี้อาจจะยังไม่ได้ปะทุขึ้น
ตอนนี้เซียวมี่เป็คนที่เสนอตัวขึ้นคนแรกเช่นนั้นหลังจากนี้ คนอื่นที่คิดจะถอนตัวนั้นจะต้องมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็แน่ และนี่ก็เป็สิ่งที่ฮวาหรูเสวี่ยกำลังหวาดกลัวและเป็กังวล แต่ว่านางก็ยังมีความสับสนอยู่
บรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
ในท้องพระโรงเงียบมากเสียจนหากมีเข็มเล่มหนึ่งตกลงไปบนพื้นเกรงว่าทุกคนจะต้องได้ยินเสียงของมันเป็แน่
และเซียวมี่ก็ยังคงคุกเข่าหลังตรงอยู่ตรงนั้นสีหน้าของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงไร้ซึ่งความหวาดกลัว เพื่อลูกสาวและหลานทั้งหลายของตนเซียวมี่จำเป็ต้องเข็มแข็งและอดทนเข้าไว้
คำสั่งเสียของฮ่องเต้องค์ก่อนคือให้นางคอยอยู่ช่วยเหลือและสนับสนุนฮวาหรูเสวี่ยตอนนี้ฮวาหรูเสวี่ยไม่ได้จำเป็ต้องได้รับการช่วยเหลือจากนางอีกแล้วเพราะฉะนั้นการจากลานั้นเป็สิ่งที่แน่นอน
ที่สกุลเซียว
เซียวซู่ซู่กำลังยืนอยู่ในเรือนเล็กอยู่เพียงคนเดียวขณะที่สายตากำลังเหม่อมองไปในทิศทางอันไกลโพ้นเหมือนว่านางกำลังเหม่อมองไปบนฟ้า แต่ก็เหมือนว่านางไม่ได้มองอะไรเลยเช่นกัน
แววตามีความล่องลอย
ความจริงแล้วนางกำลังเป็ห่วงเซียวมี่นางรู้ว่าท้องพระโรงถือเป็สนามรบแห่งหนึ่งและก็รู้ว่าด่านนี้ไม่สามารถผ่านได้ง่ายนัก แต่นางก็ไม่สามารถช่วยอะไรเซียวมี่ได้
สตรีที่ทำทุกอย่างเพื่อคนในครอบครัวผู้นี้ท่านยายที่รักและห่วงใยนางจากใจจริงคือบุคคลที่นางให้ความสำคัญด้วยมากที่สุดในชาตินี้และก็เป็ที่พึ่งพิงของนางเช่นกัน
“น้องเล็ก” เซียวเอินเอ่ยเรียกเซียวซู่ซู่ออกมาเบาๆมิรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาได้มายืนอยู่ข้างๆ นางแล้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลใจ แต่กลับพยายามควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่ง “เชื่อท่านยาย จะต้องไม่เป็อะไร”
ในใจของทุกคนสกุลเซียวเซียวมี่นั้นเป็บุคคลที่ทำได้ทุกอย่างไม่มีเื่ใดที่ยากเกินความสามารถของนางและไม่มีเื่ใดที่นางเอาชนะไม่ได้
กระทั่งหลานสาวที่ปัญญาอ่อนถึงสิบห้าปีที่ฟื้นขึ้นมาอย่างกะทันหันนางยังสามารถยอมรับได้ด้วยสีหน้ายินดี เช่นนั้นยังมีเื่อันใดอีกที่นางทนรับไว้ไม่ไหว
เซียวซู่ซู่พยักหน้าเบาๆนางรู้ว่าเซียวมี่จะต้องไม่เกิดเื่อะไรขึ้นอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่านางก็ยังอดรู้สึกสงสารไม่ได้เพราะทั้งหมดนี้ล้วนเป็เพราะนางจึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้
นางเพียงแต่กำลังกล่าวโทษตัวเอง
“น้องเล็ก เื่เหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของเ้าต้นไม้ใหญ่ก็มักจะต้องเผชิญกับสายลมที่พัดกระหน่ำเข้ามาไม่ช้าก็เร็วสกุลเซียวก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้” เซียวเอินเอ่ยขึ้นเบาๆอีกครั้งพลางยกมือขึ้นตบลงบนไหล่ของนางเบาๆ ด้วยสีหน้าเอ็นดู
และก็มีสีหน้าเป็กังวลแฝงอยู่
“ข้าเข้าใจ”เซียวซู่ซู่เองก็เข้าใจถึงเหตุผลนี้ ก่อนจะหันไปมองเซียวเอินด้วยสายตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจคนผู้นี้คอยยืนอยู่ข้างกายและให้การสนับสนุนนางเสมอ ชาตินี้ นางมีครอบครัวเช่นนี้นางก็รู้สึกพึงพอใจมากแล้ว
จากนั้นนางก็ดึงสายตาของตนกลับมามุมปากกระดกขึ้นเล็กกน้อยเป็รอยยิ้ม รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง นางเองก็พยายามทำให้ตนเองเชื่อว่าเซียวมี่จะต้องผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน และในขณะะที่สองพี่น้องหันมาสบตากันนั้นพ่อบ้านก็ก้าวเดินเข้ามา
“คุณหนูเล็ก เ้าสำนักเหลยขอพบขอรับ” ช่างเป็แขกที่ไม่ได้รับการเชื้อเชิญจริงๆ ทำให้เซียวซู่ซู่ตกตะลึงอยู่ตรงนั้นไปชั่วขณะผ่านไปเนิ่นนานนางก็ยังไม่รู้จะทำเช่นไรดี
“เขามาทำอะไร?” ในน้ำเสียงมีความไม่เป็มิตรแฝงอยู่ นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเหลยอวี๊เฟิงจะมาหาถึงที่นี่ได้
การปรากฏตัวของคนผู้นี้ทำให้นางนึกถึงเื่ราวในอดีตนึกถึงเื่ราวอันแสนจะโหดร้ายที่เคยเกิดขึ้น ความเคียดแค้นในใจก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
ความจริงแล้วการปรากฏตัวของเหลยอวี๊เฟิงถือเป็จุดเปลี่ยนที่ดีขึ้นของสกุลเซียวสีหน้าของพ่อบ้านเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจแต่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเซียวซู่ซู่ เขาก็นิ่งค้างรอยยิ้มบนใบหน้าเองก็ค้างอยู่ที่เดิมเช่นกัน
เขาจ้องไปทางเซียวซู่ซู่จ้องไปทางคุณหนูเล็กที่ไม่เคยมีผู้ใดเข้าใจ
เมื่อเห็นพ่อบ้านเป็เช่นนี้เซียวซู่ซู่ถึงจะรู้สึกตัวว่าตนได้เสียมารยาทแล้วนางรีบควบคุมอารมณ์ของตนเองพลางปรับสีหน้าให้เคร่งครึม “เ้าไปถามเขาว่ามีธุระอันใดหรือไม่? ถ้าหากไม่มีก็ให้เขาอยู่ที่ห้องโถงใหญ่รอฮูหยินเฒ่าเสร็จจากการเข้าเฝ้ากลับมาเถิด”
นางไม่อยากจะเจอคนผู้นั้นไม่อยากแม้แต่น้อย
พ่อบ้านกลับมีสีหน้าลำบากใจพลางมองไปทางเซียวเอินเหมือนว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากเขา
ตอนนี้ทุกคนในสกุลเซียวล้วนรู้ว่าเซียวมี่จะทำการถอนตัวออกจากตำแหน่งสกุลเซียวในตอนนี้ก็เปรียบเสมือนใบไม้ที่กำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศไม่มีที่พึ่งพาและที่พักพิง และหากสำนักเหลยมีความเกี่ยวข้องกับสกุลเซียวแม้เพียงน้อยนิดทุกอย่างก็จะไม่จบลงที่สถานการณ์เช่นนี้แล้ว
ต่อให้สกุลเซียวจะตกต่ำถึงเพียงใดหากถือว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสำนักเหลยก็จะไม่มีใครกล้ามาหาเื่อย่างแน่นอน กระทั่งฮวาหรูเสวี่ยยังต้องไว้หน้าพวกเขาถึงสามส่วนและก่อนที่จะคิดลงมือทำอะไรนางก็ต้องพิจารณาให้ดี
การมีอยู่ของสำนักเหลยนั้นถือเป็การข่มขู่ประเภทหนึ่งมิใช่แค่กับแคว้นป่ายฮวาแต่รวมไปถึงทุกคนในหนานเจียง
เซียวเอินเองก็ไม่เข้าใจถึงท่าทีของเซียวซู่ซู่เขาทำเพียงแค่ส่งสายตาไปให้กับพ่อบ้านเพื่อบอกว่ามีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจถึงผลประโยชน์ของเื่นี้