"คุณหนูเจ็ด ไยมาเช้าถึงเพียงนี้เล่า?"
หวังหรูเมิ่งดึงเสื้อคลุมกันลมขนจิ้งจอกสีขาวของตนเอง มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ด้านหน้า เฉียวเยว่หยุดเท้า เงยหน้าขึ้น "คารวะท่านน้าเ้าค่ะ"
กิริยาน่ารักน่าเอ็นดู
เฉียวเยว่เด็กคนนี้จะว่าซุกซน ก็ซุกซนอยู่จริง แต่พูดถึงเื่มารยาท ก็ไม่มีผู้ใดหาข้อบกพร่องของนางได้ ความร่าเริงซุกซนของนางทั้งหมดถูกนำมาใช้กับคนที่สนิทสนมมากเป็พิเศษของตนเอง แต่ไม่เคยใช้กับคนแปลกหน้า
หวังหรูเมิ่งเดินเขามาข้างกายนาง "ให้น้าจูงเ้าดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่ส่ายหน้า ตอบอย่างตรงไปตรงมา "ไม่ต้องหรอกเ้าค่ะ ข้าเดินเองได้ ขอบพระคุณท่านน้า ข้าตัวเล็กแค่นี้ ท่านจูงข้าคงจะไม่สบายเท่าไร"
คิดจะมาเอาอกเอาใจกันล่ะสิ!
นางทำเสียงฮึดฮัดเดินตรงไปข้างหน้า แต่จู่ๆ ก็หยุด แล้วถามขึ้นว่า "ท่านน้า นับวันอากาศก็ยิ่งเย็นลง ปีนี้ท่านจะอยู่ฉลองปีใหม่ที่จวนของพวกเราหรือ?"
หวังหรูเมิ่งหยุดชะงัก ก่อนทอยิ้มเล็กน้อย "เหตุใดจู่ๆ ถามเช่นนี้ ข้าต้องกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านของตนเองอยู่แล้ว"
เฉียวเยว่ตอบอ้อ แล้วพูดว่า "ข้าว่าแล้วเชียว"
หลังจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังเล็กน้อย "ข้านึกว่าท่านน้าจะอยู่ฉลองปีใหม่ที่นี่ หากท่านอยู่ เงินยาซุ่ย [1] ของข้าก็คงจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน"
"ข้านึกว่าปีนี้ตนเองจะได้เงินยาซุ่ยเพิ่มขึ้นอีกสองส่วน ที่ไหนได้เพิ่มมาแค่ส่วนเดียวเท่านั้นเอง" นางพูดอย่างไรเดียงสา
หวังหรูเมิ่งถามหยั่งเชิง "เหตุใดถึงเพิ่มสองส่วนเล่า ยังมีผู้อื่นอีกหรือ?" หลังจากนั้นก็หัวเราะ "อ้อ จริงด้วยสิ ปีนี้ท่านตากับท่านลุงของเ้ากลับมาเมืองหลวงแล้วนี่นา แต่เ้าคำนวณผิดแล้ว นี่ต้องเป็สามส่วนต่างหาก"
"มิใช่ท่านตากับท่านลุงเ้าค่ะ ต่อให้พวกเขาไม่กลับเมืองหลวงก็ส่งของขวัญมาให้ข้าเยอะแยะทุกปี ข้าหมายถึงท่านอาหญิงต่างหากเล่า ปีนี้นางจะกลับมา ข้าไปถามท่านย่าแล้ว ท่านย่าบอกว่าอีกไม่วันก็จะมาถึงเมืองหลวง ท่านน้า ท่านอาหญิงของข้าสวยมาก แถมอ่อนโยนด้วย"
หวังหรูเมิ่งชะงัก นึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็รีบปกปิดท่าทางเสียกิริยาของตนเองอย่างรวดเร็ว เรือนสองถูกปิดหูปิดตาเพียงนี้เชียวหรือ เื่ที่คุณหนูสี่สกุลซูจะกลับมาเมืองหลวงหาใช่เื่ที่จะตัดสินใจในวันเดียวได้ แต่นี่คนใกล้จะมาถึงแล้ว เรือนของพวกนางกลับไม่รู้แม้แต่น้อย นึกมาถึงตรงนี้ หวังหรูเมิ่งก็รู้สึกว่าพี่สาวของตนนับวันก็ยิ่งไร้ประโยชน์
สัญชาตญาณของนางบอกว่าลูกไม้ตื้นเขินประเภทเอาบุตรในครรภ์มาขู่เข็ญคนตระกูลใหญ่เช่นนี้นับว่าไร้ประโยชน์ เท่าที่เห็นอยู่ พี่สาวของนางไม่มีอำนาจแม้แต่หนึ่งส่วนในจวนแห่งนี้ด้วยซ้ำ
นางสงบอารมณ์ ก่อนพูดว่า "ปีที่พี่สาวของข้าแต่งงาน ข้าเคยพบคุณหนูสี่ แต่ตอนนั้นข้ายังอายุไม่มาก ลืมไปแล้วว่านางหน้าตาเป็อย่างไร เท่าที่ความทรงจำรำลึกได้เป็สตรีที่เรียบร้อยงามสง่า เฉียวเยว่ความจำดียิ่ง เ้าเองก็คงไม่ได้พบท่านอานานแล้วกระมัง?"
พูดตามตรง ถึงแม้ว่าจะฉลาด แต่ก็เป็เพียงเด็กน้อย หวังหรูเมิ่งค่อยๆ ถามหยั่งเชิงสิ่งที่ตนเองอยากรู้
เฉียวเยว่ส่ายหน้า พูดอย่างเด็ดขาด "ข้าจำท่านอาได้ แม้จำไม่ได้ว่านางหน้าตาเป็อย่างไร แต่ท่านแม่ของข้าบอกข้า"
ริมฝีปากของหวังหรูเมิ่งโค้งขึ้น หัวเราะเบาๆ "เ้าเพิ่งห้าขวบ ครั้งก่อนที่เ้าพบท่านอาก็คงเมื่อสองปีก่อนกระมัง?"
หวังหรูเมิ่งสอบถามเื่ในครอบครัวของพวกเขามาอย่างชัดเจน เฉียวเยว่ยกมืออวบน้อยๆ วางบนพวงแก้มของตนเอง "ท่านอาหญิงเป็โฉมสะคราญดุจหยกดุจบุปผาเหมือนกับข้าเปี๊ยบ"
หวังหรูเมิ่งหัวเราะขบขันออกมา
เมื่อมาถึงเรือนหลัก เฉียวเยว่ก็พูดเสียงดัง "ท่านย่า ข้ามาหาท่านแล้วเ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่ารีบร้องทักหลานสาวสุดที่รักปานดวงใจ ั้แ่ได้ยินผู้าุโฉีเรียกเฉียวเยว่ว่าไกวเยว่ นางก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอย่างยิ่ง นี่ก็คือเสี่ยวเยว่ที่ทั้งเฉลียวฉลาดและว่านอนสอนง่ายมิใช่หรือ ด้วยเหตุนี้นางจึงเรียกไกวเยว่ตามไปด้วย
"ไยวันนี้ไกวเยว่ถึงมาแต่เช้า นี่มาพร้อมกับท่านน้าสกุลหวังเลยหรือ?" นางอุ้มเฉียวเยว่ขึ้นมาบนตัก
หวังหรูเมิ่งยอบกายคำนับ ก่อนนั่งลง
"ข้าพบกับท่านน้าระหว่างทางเ้าค่ะ" เฉียวเยว่ตอบเสียงดังฟังชัด แล้วยิ้มตาหยี "ท่านย่า ข้าชนะแล้ว เมื่อคืนข้าเดิมพันกับฉีอันดูว่าใครจะตื่นเช้ากว่า และมาคารวะท่านย่าก่อนกัน ผลคือข้าชนะแล้ว"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เด็กน้อยอย่างพวกเขาถึงกับพนันกันเช่นนี้ นางถามว่า "แล้วที่พวกเ้าเดิมพันกัน ผู้แพ้จะต้องทำสิ่งใด?"
เฉียวเยว่เท้าคางหัวเราะคิกคัก "นี่เป็ความลับ รอเดี๋ยวท่านย่าก็จะทราบเองเ้าค่ะ" ต้องอุบไว้ก่อน!
"ท่านย่า ท่านย่า เฉียวเฉียวมาแล้วหรือยังขอรับ?"
ฉีอันวิ่งตึงตังเข้ามา พอเห็นเฉียวเยว่นั่งยิ้มเชิดหน้าอย่างพึงพอใจ เขาก็ตบศีรษะตนเอง "ข้าแพ้อีกแล้วหรือนี่"
ฮูหยินผู้เฒ่าจดจ้องฉีอันดูว่าเขาจะทำอย่างไร ก็เห็นเด็กชายตัวน้อยปีนขึ้นบนเตียงเตาอย่างคล่องแคล่ว แล้วโอบคอของฮูหยินผู้เฒ่าจุมพิตใบหน้าหนึ่งที "ผู้แพ้ต้องจ่ายเดิมพัน"
ที่แท้บทลงโทษเล็กๆ ก็คือการหอมแก้มคนนั่นเอง
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มไม่หุบ "พวกเ้าสองคนเป็เด็กน่ารักจริงๆ"
เห็นพวกเขาเป็เช่นนี้ หวังหรูเมิ่งก็ก้มหน้าหลุบสายตา รู้สึกว่าพวกเขาได้รับความโปรดปรานจากฮูหยินผู้เฒ่าเป็พิเศษ หากเป็นาง นางก็ชอบเด็กน้อยขี้เล่นร่าเริงสดใสและน่ารักเช่นนี้เหมือนกัน ขณะที่พวกหรงเยว่ซึ่งมีจิตใจคับแคบเหมือนพี่สาวของนาง
เมื่อเทียบกับหรงเยว่ที่ทำตัวไม่ค่อยน่ารัก เด็กสองคนนี้สามารถทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเบิกบานใจได้มากกว่า
"ท่านย่า ท่านย่า พวกเราเป็เด็กดีหรือไม่?" เฉียวเยว่เงยหน้าดวงน้อย
"พวกเ้าอยากทำอันใดอีกแล้วล่ะ หรือว่าอยากจะมาขอสิ่งใด?" ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกคิ้ว พูดเข้าประเด็นโดยตรง
เฉียวเยว่หัวเราะอีกครา "ท่านอาใกล้จะกลับมาแล้วมิใช่หรือเ้าคะ ท่านย่า พวกเราว่านอนสอนง่ายถึงเพียงนี้ ท่านย่าช่วยแย้มพรายให้พวกเรารู้สักนิดได้หรือไม่ว่าท่านอาชอบสิ่งใด พวกเราวางแผนจะมอบของขวัญให้ท่านอาหนึ่งชิ้นเ้าค่ะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเยว่จะ้าสิ่งนี้ นางยิ่งอ่อนโยนขึ้นอีกหลายส่วน ลูบศีรษะของเฉียวเยว่ "ไม่ว่าไกวเยว่จะมอบสิ่งใด ท่านอาก็ชอบทั้งนั้น"
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ไม่ได้เ้าค่ะ ขากลัวว่าจะไม่เข้ากับความสง่างามของท่านอา ข้าจะส่งของขวัญพิเศษที่เข้ากับบุคลิกของท่านอา ท่านแม่บอกว่าท่านอาเป็โฉมสะคราญคนหนึ่ง"
ฉีอันยกมือเท้าสะเอว "ท่านแม่ข้าเป็โฉมสะคราญ ท่านอาข้าเป็โฉมสะคราญ ท่านย่าข้าก็เป็โฉมสะคราญ พวกเราทั้งครอบครัวล้วนงดงามที่สุด"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะพรืดออกมา เหล่าสาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ด้านข้างต่างก็กลั้นหัวเราะไม่ไหว
"ไหนเ้าบอกย่ามาซิ เ้าคิดจะทำสิ่งใด?" ฮูหยินผู้เฒ่าถาม
ไกวเยว่ของพวกนางเป็นักประดิษฐ์ตัวน้อย หากไม่ใช่ของที่ทำขึ้นเอง ก็คงจะวาดภาพกระมัง
"เป็เครื่องประดับเ้าค่ะ ข้าคิดว่าจะทำเครื่องประดับให้ท่านอาชิ้นหนึ่ง ดังนั้นถึงมาถามท่านว่าท่านอาชอบสิ่งใด โฉมสะคราญย่อมจะคู่ควรกับเครื่องประดับ" เฉียวเยว่ตอบ
"ท่านอาของเ้าค่อนข้างอ่อนโยน เ้าร้อยสร้อยไข่มุกสักเส้นก็พอแล้ว"
ของเช่นนี้เรียบง่ายไม่ยากเกินไปสำหรับเด็ก เพียงใช้เชือกร้อยก็ใช้ได้แล้ว
เฉียวเยว่เกาศีรษะ ท่าทางสับสนเล็กน้อย ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเช่นนั้นก็ถามด้วยความสงสัย "เป็อะไรอีกเล่า?"
"ท่านย่ากับท่านแม่พูดไม่เหมือนกันเลย ข้าสับสนเล็กน้อยเ้าค่ะ" เฉียวเยว่ตอบอย่างจริงจัง
ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกคิ้ว ถามอย่างไม่กระโตกกระตาก "มารดาเ้าบอกว่าท่านอาเป็อย่างไรรึ?"
เช้าตรู่เช่นนี้ไม่มีคนอื่น หวังหรูเมิ่งทำตัวให้เงียบไม่แสดงตัวตน ในใจลอบค่อนแคะว่าบางครั้งเด็กที่ร่าเริงเกินไปใช่ว่าจะดี แต่ถ้าขุดหลุมไท่ไท่สามได้จริงก็ใช่ว่าจะเป็เื่แย่
ถึงเวลาหากฮูหยินผู้เฒ่าเกิดไม่พอใจไท่ไท่สาม นางจะได้ฉวยโอกาสดึงไท่ไท่สามมาเป็พวก
มุมปากของหวังหรูเมิ่งโค้งขึ้นน้อยๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะกลับมาเป็ปรกติอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่การแสดงออกของนางกลับไม่คลาดจากสายตาฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าชำเลืองนางปราดหนึ่ง แต่ไม่พูดอะไร แล้วหันมามองเฉียวเยว่
"ท่านแม่บอกว่าท่านอาภายนอกเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่แท้จริงแล้วเป็คนแข็งแกร่ง... อืม ต้องใช้คำเรียกว่าอันใดนะ?" นางเกาศีรษะหันไปมองฉีอัน
"อ่อนนอกแข็งใน" ฉีอันตอบตรงๆ
เฉียวเยว่พยักหน้า "ใช่ ใช่ อ่อนนอกแข็งใน นางบอกว่าท่านอาแม้ดูเป็สตรีอ่อนแอ แต่ไม่ด้อยกว่าบุรุษสักนิด ท่านแม่บรรยายลักษณะเยี่ยงนี้ ข้าไม่รู้ว่าควรมอบของขวัญอย่างไร บอกว่าสวย อบอุ่นอ่อนโยน แต่ก็บอกว่าเข้มแข็ง ย้อนแย้งกันเองจนข้าสับสน ดังนั้นถึงมาถามท่านย่า อย่างไรเสียผู้ใดจะรู้จักบุตรสาวมากไปกว่ามารดา ท่านย่าต้องเก่งกว่าท่านแม่แน่นอน"
แม้เฉียวเยว่จะพูดเหมือนเป็การค่อนขอดไท่ไท่สาม แต่กลับเป็การสร้างความรู้สึกที่ดีให้ไท่ไท่สามอยู่เงียบๆ
ถ้อยคำไพเราะงดงาม แม้จะเรียบง่าย แต่ความสัตย์ซื่อตรงไปตรงมากลับทำให้คนไม่เกิดความคลางแคลงแม้แต่น้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับยิ้มออกมา "มารดาเ้าพูดถูกเผง"
"ข้าลองวาดภาพเหมือนของท่านอาจากคำบอกเล่าของท่านแม่ด้วยเ้าค่ะ" เฉียวเยว่เอานิ้วมือชนกัน ก่อนจะพูดอ้อมๆ แอ้มๆ "ท่านย่า ท่าน... อยากดูหรือไม่?"
ฮูหยินผู้เฒ่าอมยิ้ม "มาสิ ย่าอยากรู้ว่ามารดาของเ้าอธิบายให้เ้าฟังอย่างไรบ้าง"
เฉียวเยว่รีบเปิดกระเป๋าใบเล็กที่พกติดตัวมา แล้วส่งให้ฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเปิดออกดู มุมปากก็โค้งขึ้นทันควัน "ไกวเยว่... วาดเองรึ"
เฉียวเยว่พยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง "ข้าวาดเหมือนหรือไม่ ข้าถามท่านแม่..."
ฉีอันหัวเราะเยาะแทรกขึ้นมา ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองเขา "ฉีอันมีอันใดรึ?"
"ท่านแม่บอกว่า เฉียวเยว่วาดคิ้ว ดวงตา และปาก เหมือนทุกอย่าง แต่พอนำมาประกอบกันแล้วสวยไม่ได้หนึ่งในสิบของท่านอาขอรับ" ฉีอันตอบทันที
เฉียวเยว่แค่นเสียงหึ "ฝีมือข้าออกจะสูงส่ง"
เฉียวเยว่วาดสวยๆ ไม่เป็อยู่แล้ว เพราะมิได้มีความเชี่ยวชาญเยี่ยงนั้น นางถนัดวาดรูปผู้หญิงแบบการ์ตูนล้อเลียน วาดคนให้กลายเป็ตัวการ์ตูนแบ๊วๆ น่ารัก ทว่าคงความเป็เอกลักษณ์สอดคล้องกับความงดงามของแต่ละคน แต่เฉียวเยว่ก็ตระหนักดีว่าทักษะของนางมิได้เลิศเลอ แม้จะเป็ภาพล้อเลียนก็ดูธรรมดาๆ ทว่ากลับได้รับการยอมรับจากทุกคนเป็อย่างสูง
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งนี้ก็สามารถช่วยปกปิดข้อเท็จจริงที่น่าเศร้าเกี่ยวกับทักษะการวาดภาพที่ย่ำแย่ของตนเองได้
แต่ก็ไม่เป็ไร นางเพิ่งห้าขวบ รอโตขึ้นเดี๋ยวก็วาดภาพสวยขึ้นเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าลูบมือไปบนภาพของนาง พลางรำพึงเสียงเบา "ไกวเยว่วาดได้ดีจริงๆ"
พูดตามตรง ภาพของนางไม่เหมือนเลยสักนิด แต่กลับมีความน่ารักทำให้นางนึกถึงบุตรสาวเมื่อครั้งยังเยาว์ ชั่วพริบตานั้นก็รู้สึกว่าภาพที่เฉียวเยว่วาดงดงามเพริศพริ้งขึ้นมา
"ท่านอาของเ้าตอนเด็กๆ ก็หน้าตาเป็แบบนี้"
เฉียวเยว่ย้อนถามทันควัน "จริงหรือเ้าคะ? มิน่าท่านแม่ถึงบอกว่าไม่เหมือน เพราะนางไม่เคยเห็นท่านอาตอนเป็เด็กนี่เอง"
ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าหรือคนอื่นๆ ล้วนไม่มีใครสังเกตว่าเฉียวเยว่กำลังสร้างตัวตนให้มารดาของนางอยู่เงียบๆ
แท้จริงแล้วที่ท่านย่าค่อนข้างจะเฉยเมยกับมารดาของนาง ย่อมมีเื่ของท่านอาผู้นี้เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เฉียวเยว่กลับรู้สึกว่าการทำเช่นนี้ ถึงแม้ไม่อาจฟื้นคืนความสัมพันธ์ที่ดีกลับคืนมา แต่อย่างน้อยเมื่อถึงเวลาที่ท่านอากลับมา มารดาของนางก็จะไม่ถูกทำให้ลำบากใจเกินไปนัก
ใครเล่าจะคิดว่าเด็กตัวน้อยๆ อย่างนางจะมีความคิดล้ำลึกเช่นนี้
"มารดาเ้าเป็คนดียิ่ง เสียแต่ปากไม่ค่อยพูด" ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว
เฉียวเยว่เท้าสะเอว "ใครว่าท่านแม่ไม่ค่อยพูด นางพูดเยอะเลย ซูเฉียวเยว่ เ้าทำตัวดีๆ หน่อย มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษให้เ้าคัดอักษร อา...ไม่ใช่สิ เ้าชอบคัดอักษรอยู่แล้วนี่ จะทำอย่างไรดีล่ะ เหตุใดเ้าถึงแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ นักนะ..."
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะพรืดออกมาอย่างมีความสุข
...
[1] เงินยาซุ่ย คือเงินที่ผู้ใหญ่มอบให้กับเด็กๆ หรือบุตรหลานที่ยังไม่แต่งงานในวันปีใหม่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้