ขณะนี้เด็กหนุ่มสามคนกำลังถูกชายวัยกลางคนห้าคนล้อมเอาไว้
เด็กหนุ่มล้วนเป็ผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์ และหนึ่งในนั้นเป็ผู้ทรงยุทธ์ขั้นสาม ประสบการณ์การต่อสู้ของเด็กหนุ่มทั้งสามไม่อาจเทียบได้กับชายวัยกลางคนทั้งห้า
การโจมตีของชายวัยกลางคนทั้งห้าล้วนเล็งไปที่จุดตาย ดูจากท่าทีของพวกเขาแล้วคงไม่ใช่เพียงการปล้นสมบัติเท่านั้น แต่พวกเขา้าสังหารเด็กหนุ่มทั้งสามคนอีกด้วย
ความจริงแล้วทุกครั้งที่มีการล่าสมบัติทีู่เาแห่งนี้จะมีผู้ฝึกตนหลายพันคนเข้าร่วม แต่สุดท้ายจำนวนของผู้รอดชีวิตกลับเหลือไม่ถึงครึ่ง สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวไม่ใชู่เาแห่งนี้ แต่เป็ผู้ฝึกตนด้วยกันเอง
“น้องสาม!” เด็กหนุ่มที่เป็ผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นสามะโเสียงดัง
บริเวณหัวไหล่ของเด็กหนุ่มอีกคนมีแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ จากนั้นร่างของเขาก็ปลิวไปด้านหลังหลายสิบก้าว เด็กหนุ่มอีกสองคนจึงรีบเข้าไปช่วย พวกเขาเองก็มีาแอยู่บนร่างกายเช่นกัน
“เด็กน้อย พวกเ้าไม่สมควรมาที่นี่ั้แ่แรกแล้ว มอบสมบัติของพวกเ้าให้กับเรา แล้วไสหัวไปซะ” ชายศีรษะล้านซึ่งเป็ผู้นำกล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้าย
ผู้นำกลุ่มชายวัยกลางคนเป็ผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นหก พลังภายในร่างของเขามีความแข็งแกร่งเป็อย่างมาก สมาชิกอีกสี่คนล้อมอยู่ด้านข้าง
แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะสามารถสังหารเด็กหนุ่มทั้งสามได้ แต่อาจจะต้องแลกด้วยชีวิตของสมาชิกบางคน การค้นหาสมบัติในครั้งนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น การสูญเสียสมาชิกบางคนไปในตอนนี้ถือว่าเร็วเกินไป
เด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มกำหมัดแน่น แหวนมิติของเขาส่องแสงแวววาวปรากฏเห็ดขนาดใหญ่ในมือทันที คาดว่าเห็ดชิ้นนี้จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่าพันปีอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นผู้นำกลุ่มชายวัยกลางคนก็หัวเราะออกมา เขาคิดว่าหากได้เห็ดชิ้นนี้ไปขายคงได้จะเงินก้อนใหญ่กลับมา
การมายังูเาซวงเฟิงในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของชายผู้นี้ ทุกครั้งทีู่เาแห่งนี้เปิดให้ล่าสมบัติ เขาสามารถเก็บเกี่ยวทรัพยากรกลับไปได้จำนวนมาก และจำนวนของทรัพยากรเ่าั้สามารถทำให้เขาเก็บตัวบ่มเพาะเป็เวลาสามปีได้โดยไม่ต้องทำอะไร
เด็กหนุ่มมอบเห็ดขนาดใหญ่ชิ้นนี้ให้อีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ ขณะที่อีกฝ่ายกำลังยื่นมือไปรับด้านข้างของเขาก็มีเงาหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
ร่างนั้นพุ่งเข้ามาโจมตีผู้นำกลุ่มชายวัยกลางคนโดยตรง ผู้นำกลุ่มรู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมาก เขารู้สึกว่าตนกำลังโดนปล้น เขาเป็ฝ่ายปล้นผู้อื่นมาตลอด แต่ตอนนี้กลับเกิดสถานการณ์ตรงกันข้าม
มือข้างหนึ่งของผู้นำกลุ่มชายวัยกลางคนถือเห็ดเอาไว้ และมืออีกข้างของเขาโบกสะบัดขวานไปยังทิศทางของอีกฝ่าย
ปัง!
ทันใดนั้นผู้นำกลุ่มชายวัยกลางคนก็ต้องตกตะลึง การปะทะกันในครั้งนี้ทำให้ขวานของเขากระเด็นหลุดจากมือ
การโจมตีด้วยพลังมหาศาลของอีกฝ่าย ทำให้ร่างของผู้นำกลุ่มถอยหลังไปสามก้าวอย่างไม่สามารถควบคุมได้จนเกือบจะล้มลงกับพื้น
ในขณะนี้เห็ดขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ไม่กี่ลมหายใจต่อมาก็ปรากฏร่างของอีกฝ่าย ร่างนั้นชิงเห็ดไปต่อหน้าต่อตา ความเร็วของอีกฝ่ายทำให้ผู้นำกลุ่มชายวัยกลางคนมองเห็นเพียงแค่แผ่นหลังเท่านั้น เพียงแค่พริบตาเดียวร่างนั้นก็พุ่งเข้าไปในป่า
“พี่ใหญ่ ท่านาเ็หรือไม่?” ชายวัยกลางคนทั้งสี่รีบพยุงผู้นำของพวกเขาขึ้นมา เพียงไม่กี่ลมหายใจอีกฝ่ายสามารถโจมตีและชิงเห็ดไปได้
“มารดามันเถอะ! ของถูกชิงไปต่อหน้าต่อตา อย่าให้ข้าจับได้ ข้าจะลงโทษมันให้สาสม” ผู้นำกลุ่มชายวัยกลางคนก่นด่าออกมา
จากนั้นผู้นำกลุ่มชายวัยกลางคนจึงหยิบขวานที่พื้นขึ้นมาและไล่ตามร่างนั้นไปทันที อีกสี่คนจึงไล่หลังตามไปโดยไม่ได้กล่าวอะไร เขาทั้งสี่สนใจเพียงแค่ผู้นำของตนเองเท่านั้น พวกเขาจึงทิ้งเด็กหนุ่มทั้งสามคนเอาไว้
ถังเหล่ยวิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็วพร้อมกับสีหน้ายินดี สิ่งที่เขาคิดอยู่ภายในใจคือ การปล้นครั้งนี้จะทำให้เขาร่ำรวย และยังคิดเย้ยหยันกลุ่มคนเมื่อครู่ที่ไม่รู้คุณค่าของมัน นี่ไม่ใช่เห็ดธรรมดา แต่เป็เห็ดโลหิต
เห็ดโลหิตสามารถเติบโตในพื้นที่ที่มีปราณโลหิตหนาแน่นได้ เกรงว่าเห็ดโลหิตต้นนี้จะมีอายุพันปีแล้ว
เมื่อเป็เช่นนี้เขาจึงผุดคำถามขึ้นมาในใจ ูเาแห่งนี้มีมาอย่างช้านานแล้วหรือ?
าาตงรวบรวมโลกตงฮวงเอาไว้ด้วยกันเพียงแค่สองร้อยกว่าปีเท่านั้น หมายความว่าตำแหน่งจักรพรรดิมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องไม่เว้นแม้แต่ชื่อของโลก แต่มีบางอย่างที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือูเาซวงเฟิง เห็ดโลหิตที่อยู่บนูเาแห่งนี้สามารถเอามาปรุงยาระดับสี่และยังสามารถปรุงเป็ยาระดับห้าได้อีกด้วย
ในขณะนี้กลุ่มชายวัยกลางคนถูกถังเหล่ยสลัดออกไปไกลด้วยความเร็วที่ไม่สามารถจินตนาการได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบกับกลุ่มผู้ฝึกตนบางกลุ่ม
พวกเขาล้วนจับกันเป็กลุ่ม มีเพียงถังเหล่ยเท่านั้นที่เดินทางเพียงลำพัง ทันทีที่สลัดกลุ่มชายวัยกลางคนได้สำเร็จ เขาจึงมุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของูเาซวงเฟิงอีกครั้ง
ยิ่งถังเหล่ยเข้าไปยังส่วนลึกของูเาแห่งนี้มากเพียงใด เสียงเรียกที่เขาได้ยินอยู่ในหูก็ยิ่งดังขึ้นมากเท่านั้น ในเวลาเดียวกันเสียงที่อยู่รอบด้านของเขาก็คือเสียงของผู้ฝึกตนที่กำลังเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงสมบัติ
หลังจากนั้นไม่นานด้านหน้าของถังเหล่ยก็มีเสียงะโของผู้ฝึกตนดังขึ้น ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาพุ่งไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที เหตุใดผู้ฝึกตนเหล่านี้จึงไม่ต่อสู้กันเหมือนครั้งก่อน?
ไม่กี่ลมหายใจต่อมาถังเหล่ยก็ข้ามเนินลูกเล็กมา เผยให้เห็นภาพอีกฝั่งอย่างชัดเจน ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกสับสน ภาพที่อยู่ตรงหน้าเป็เพราะดินทรุดหรือเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ใต้เนินเขาอีกฟากปรากฏรอยแยกขนาดใหญ่แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงก็คือ ตรงกลางของรอยแยกนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสองวา ด้านล่างคือก้อนหินสีแดงหลายก้อน พวกมันมีสีแดงราวกับเปลวเพลิง ต่อให้อยู่ในระยะไกลก็ยังััได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมา
ศิลาเพลิงิญญา?
ถังเหล่ยเดาว่าศิลาเพลิงิญญาเหล่านี้จะต้องเกิดจากฝีมือของใครบางคนอย่างแน่นอน เพราะเส้นทางเข้าสูู่เาที่ด้านล่างไม่มีธารลาวา แต่ความคิดอีกอย่างก็ผุดขึ้นมา
ศิลาเพลิงิญญา! ถังเหล่ยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ศิลาเพลิงิญญาคือสิ่งที่นักปรุงยาทุกคน้า หากถังเหล่ยสามารถขุดศิลาเพลิงิญญากลับไปได้ ช่างอาวุธก็สามารถสร้างหม้อปรุงยาให้กับเขาได้เช่นกัน
ในขณะนี้มีผู้ฝึกตนจำนวนมากยืนรายล้อมอยู่ที่บริเวณนั้น จากท่าทีของพวกเขาก็ทำให้ถังเหล่ยรู้ว่าผู้ฝึกตนเ่าั้มีความ้าที่จะลงไปสำรวจศิลาเพลิงิญญา แต่อันตรายที่อยู่ด้านล่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก พวกเขาจึงทำได้เพียงยืนมองเท่านั้น
ตรงกันข้ามกับถังเหล่ยที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเข้าไปสำรวจอย่างแน่นอน แต่ในขณะนี้มีผู้ฝึกตนมากเกินไป และเขาเองก็ยังไม่อยากเปิดเผยตัวตนในเวลานี้ ขณะนี้เขาทำได้เพียงรอเวลาให้ผู้ฝึกตนเ่าั้จากไป
ทันใดนั้นก็มีผู้ฝึกตนลองเทน้ำลงบนศิลาเพลิงิญญา น้ำระเหยกลายเป็ไอทันที หลังจากหมอกสีขาวลอยออกมาก็ทำให้ผู้ฝึกตนบางส่วนต่างพากันถอดใจและจากไปในที่สุด
ศิลาเพลิงิญญามีอุณหภูมิสูงราวกับเตาหลอม อุณหภูมิระดับนี้สามารถเผาไหม้ร่างผู้ฝึกตนให้สิ้นลมหายใจได้ในพริบตาเดียว
หลังจากนั้นไม่นานผู้ฝึกตนที่อยู่บริเวณศิลาเพลิงิญญาก็ลดจำนวนลงจนเหลือไม่มากแล้ว ถังเหล่ยจึงเดินเข้าไปยังบริเวณของศิลาเพลิงิญญาช้าๆ
“อุณหภูมิสูงมากจริงๆ!” ถังเหล่ยพึมพำกับตัวเอง
ถังเหล่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ต่อให้ด้านล่างมีศิลาเพลิงิญญาจำนวนมาก ก็ไม่สามารถทำให้ก้อนหินด้านนอกมีอุณหภูมิสูงเช่นนี้
ในชาติก่อนถังเหล่ยเป็ราชันยุทธ์นักปรุงยา เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับความร้อนเขาเคยพบเจอนับครั้งไม่ถ้วน เขาจึงใช้พลังปราณในร่าง ทันใดนั้นผิวกายของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง
จากนั้นถังเหล่ยก็ค่อยๆ เข้าใกล้ด้านในอย่างระมัดระวัง ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าใด อุณหภูมิก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ท้ายที่สุดเขาก็เข้ามาถึงศิลาเพลิงิญญา
“ต้องมีสิ่งผิดปกติอย่างแน่นอน” ถังเหล่ยพึมพำกับตัวเองและขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นจึงใช้นิ้วลองัักับศิลาเพลิงิญญาที่อยู่เบื้องหน้า
“นี่ไม่ใช่ศิลาเพลิงิญญา แต่เกิดจากฝีมือของจ้าวยุทธ์!”
……