"อูต้าฟาง เ้ากล้าเอ่ยปากจริงด้วยสินะ ฟางเฉ่านางอายุสิบสอง หน้าตาสะสวย ช่างฉอเลาะ พะเน้าพะนอคนเก่ง ดังนั้นจึงขายได้ราคาสูง หลานของเ้ามีคุณสมบัติอะไรล่ะ ถึงกล้าเรียกราคาเท่ากับนาง"
แม่เฒ่าอูชีหัวเราะเยาะ
"เื่นี้... อูหลันฮวามีเรี่ยวแรงมาก ทำงานคล่องแคล่ว หนึ่งคนเท่ากับสามคนเชียวนะ" อูต้าฟางเฟ้นหาข้อดีที่เป็จุดแข็งที่สุดของอูหลันฮวา
"ไยไม่พูดว่านางอายุสิบแปดปีแล้ว พูดจาไม่คล่อง ผิวพรรณหมองคล้ำ ทั้งยังกินจุมากเป็พิเศษด้วยเล่า" แม่เฒ่าอูชีกลอกตาใส่เขา "ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ของนาง ขายออกไปก็ได้แค่ทำงานหยาบ ไม่ได้ราคาเท่าไรหรอก"
อูต้าฟางตกตะลึง นี่ต่างจากที่พวกเขาคิดไว้โดยสิ้นเชิง
"เช่นนั้นนางได้ราคาเท่าไรล่ะ"
"เห็นแก่ที่เป็คนหมู่บ้านเดียวกัน มิเช่นนั้นข้าคงไม่อยากรับ" แม่เฒ่าอูชีจงใจแค่นเสียงเยาะ "สี่ตำลึง คือราคาสูงสุดแล้ว"
"ไม่ได้"
ภรรยาอูต้าฟางซึ่งหน้าบวมไปครึ่งแถบไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป ร้องะโออกมาทันที
พอทุกคนเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของนางก็หัวเราะขบขัน
ฝ่ามือนี้ไม่เลว เข้าเป้าตรงกลางชัดเจนสะดุดตา ไม่อยากเห็นคงยาก
เซวียเสี่ยวหรั่นหรี่ตาครึ่งหนึ่ง พอเห็นชัดแล้ว ก็เกร็งใบหน้าไม่อยู่ ป้องมุมปากฉีกยิ้ม เข้ามากระซิบซีมู่เซียง "ตบได้งดงามมาก"
ซีมู่เซียงขำพรืด รอยฝ่ามือจากถูกตบยังใช้คำว่างดงามมาพรรณนาได้ ช่างน่าขันเหลือเกิน
เสียงคนหัวเราะทำให้ภรรยาอูต้าฟางหน้าแดงก่ำ ถลึงตาใส่อูหลันฮวาอย่างรุนแรง
"ไม่ได้ สี่ตำลึงไม่ได้เป็อันขาด ไม่ถึงสิบตำลึงไม่ขาย"
นางลั่นวาจาออกมาประโยคเดียว
แม่เฒ่าอูชีตวัดหางตาใส่นาง "สะใภ้ต้าฟาง นางมีคุณสมบัติแค่นี้ อยากจะขายสิบตำลึง ฝันไปเถอะ"
"เช่นนั้น ขั้นต่ำแปดตำลึง ต่ำกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว กินข้าวบ้านเราเปล่าๆ มาตั้งนานนม น้อยกว่านี้ก็ขาดทุนย่อยยับ" ภรรยาอูต้าฟางกัดฟันกรอด ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
แม่เฒ่าอูชียิ้มเยาะ "สี่ตำลึงไม่ขายก็ช่าง ข้ายังมีธุระ ไม่มีเวลามาต่อรองกับพวกเ้า"
เมื่อไม่มีช่องว่างให้ต่อรองราคา สองผัวเมียอูต้าฟางรู้สึกหนักใจ
"สี่ตำลึงต่ำเกินไป ขายไม่ได้หรอก พวกเราคนหมู่บ้านเดียวกันท่านให้ราคาต่ำขนาดนี้ไม่สมเหตุสมผล ถ้าท่านไม่ซื้อ ก็อย่าโทษว่าพวกเราไปหานายหน้าจากหมู่บ้านลิ่วไผแทนแล้วกัน" ภรรยาอูต้าฟางไม่ยอมแพ้ คิดใช้นายหน้าของที่อื่นมาข่ม
แม่เฒ่าอูชีแค่นเสียงหึ "ถ้าไม่เห็นแก่คนแซ่เดียวกันหมู่บ้านเดียวกัน คุณสมบัติอย่างอูหลันฮวา สามตำลึงข้ายังเกี่ยงว่าสูงไปเลย"
"นะ... นี่เป็ไปไม่ได้ แม้อูหลันฮวาหน้าจะหน้าตาไม่สวย แต่ทำงานเก่งมาก" อูต้าฟางก็ไม่ยินยอม
"ถ้าจะซื้อไปทำงาน ซื้อคนหนุ่มแน่นไม่ดีกว่าหรือ ใครจะมาซื้อหญิงสาวไปทำไร่ไถนากันล่ะ ประสาท!"
แม่เฒ่าอูชีปรายตาไปที่เซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งอยู่ด้านหลัง
สองผัวเมียคู่นี้พยายามยื้อเวลา ไม่อาจตัดใจจากเงินทอง เป็คู่ที่รับมือยากแท้ๆ
อูหลันฮวาลุกขึ้นยืนด้านข้างอย่างเงียบเชียบ สีหน้าแข็งกระด้างและเ็าราวกับว่าคนที่พวกเขาต่อรองราคากันอยู่ไม่ใช่นาง
เซวียเสี่ยวหรั่นมองนางแต่ไกล รู้สึกปวดใจแทนที่นางมีแต่ญาติใจดำและเห็นแก่ตัวเช่นนี้
แม่เฒ่าอูชีกัดฟัน แสร้งทำเหลืออด "พวกเ้าจะขายหรือไม่ขายกันแน่ ไม่ขายข้าไปล่ะ"
สองผัวเมียอูต้าฟางต่างมองหน้ากัน
แม่เฒ่าอูชีหันหลังกลับยกเท้าเดินไปได้สองก้าว สองคนนั้นก็วิ่งมารั้งนางไว้
แน่นอนว่าก็ยังคงมีการต่อรองราคาอีกรอบ
ท้ายที่สุดแม่เฒ่าอูชีก็ตกลงซื้ออูหลันฮวาในราคาห้าตำลึง
นางหยิบหนังสือขายตัวที่เตรียมไว้เรียบร้อยออกมา แล้วกวักมือเรียกอูหลันฮวา
"หลันฮวา มา ประทับลายมือ ต่อไปเ้ากับพวกเขาไม่ข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว"
ใบหน้าบึ้งตึงของอูหลันฮวาสดใสขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้
จริงด้วยสิ ต่อไปนางก็ไม่เกี่ยวข้องกับแมลงโสโครกเหล่านี้แล้ว พวกเขาไม่ใช่ท่านลุงกับป้าสะใภ้ของนางอีกต่อไป พวกเขาไม่มีสิทธิ์มากดขี่ข่มเหงนางได้อีก ต่อไปหากมีโอกาส นางอาจกลับมาจัดการพวกเขาให้หนำใจ
อูหลันฮวาจดจ้องใบหน้าของคนสามสี่คนที่อยู่เบื้องหน้าอย่างจงเกลียดจงชัง มุมปากยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
ใบหน้าอาบรอยยิ้มชวนขนลุกทำให้สองผัวเมียอูต้าฟางสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก
นังเด็กสมควรตายคงไม่ฟั่นเฟือนไปแล้วกระมัง ถูกขายแท้ๆ ยังกล้ายิ้มเช่นนี้กับพวกเขา
"เอาล่ะ เงินก็จ่ายเรียบร้อย ต่อไปอูหลันฮวาไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเ้าอีก จะเป็หรือตาย ตกอับหรือรุ่งโรจน์ล้วนไม่เกี่ยวกับพวกเ้า" แม่เฒ่าอูชีเก็บสัญญาขายตัวของอูหลันฮวา สัญญาที่นางลงนามเป็สัญญาขายขาด ความเป็ความตายของนางภายหน้าจะไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัวของอูต้าฟางอีกต่อไป
"หลันฮวา เ้ามีของสิ่งใดต้องนำไปด้วยหรือไม่ หากไม่มีก็ตามข้าไปได้เลย"
"นางจะมีของอะไรได้ เสื้อผ้าบนตัวนางก็เป็เพราะข้าเวทนาซื้อเพิ่มเติมให้ ไม่มีพวกเรา นางจะมีชีวิตสงบสุขมาถึงทุกวันนี้ได้หรือ หากไม่เพราะนางเนรคุณ ทำร้ายาุโ พวกเราก็คงไม่ขายหลานสาวให้ถูกผู้คนครหาเช่นนี้หรอก"
ภรรยาอูต้าฟางเก็บเงินอย่างระมัดระวัง แล้วก็เริ่มชูคอวางมาดอีกครั้ง
เสียดาย ผู้ใดก็คร้านจะมองนาง
อูหลันฮวาวิ่งกลับไปห้องทรุดโทรมของตนเองแล้วหยิบห่อผ้าเล็กๆ ออกมาใบหนึ่ง
ภรรยาอูต้าฟางเข้ามาขอตรวจค้นราวกับกลัวว่าจะถูกขโมยของ
อูหลันฮวาจ้องกลับอย่างเยือกเย็น เปิดห่อผ้าออก "เสื้อผ้าสองสามชุดนี้ล้วนเป็ของข้าเมื่อยังเล็กเอามาแก้ใหม่ ส่วนสิ่งของบิดามารดาข้าเป็ผู้มอบให้"
ในนั้นมีเสื้อผ้าเก่าขาดวิ่นจนไม่อาจขาดไปมากกว่านี้อีกแล้วสองชุด กับของเล็กน้อยไม่มีราคาเช่น สายรัดผม เครื่องประดับดอกไม้ และผ้าเช็ดหน้าเก่าๆ ไม่มีของใหม่สักชิ้น
ภรรยาอูต้าฟางดูแล้วก็เลื่อนสายตาไปอย่างรังเกียจ
ห้องของอูหลันฟางจะมีของดีอะไรได้ นางรื้อค้นมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
"เอาล่ะ หลันฮวา ตามข้ามาเถอะ" แม่เฒ่าอูชีมองต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนด้านหลังก่อนหันมาเร่งอูหลันฮวา
"แม่เฒ่าเจ็ด โปรดรอสักครู่" อูหลันฮวามัดห่อผ้าเสร็จก็เดินไปยืนอยู่หน้าาุโ "ท่านลุงเก้า หลันฮวาไปครานี้ไม่รู้ว่าเดือนไหนปีไหนถึงจะกลับมาได้อีก สุสานของบิดาข้า รบกวนพวกท่านช่วยเป็ธุระทำความสะอาดให้ด้วย หลันฮวาขอคำนับให้ท่าน"
อูหลันฮวาคุกเข่าโขกศีรษะสามครั้งดังตึงๆๆ
"โธ่เอ๊ย เด็กน้อยนี่เ้าทำอะไร วางใจเถอะ พวกเราจะช่วยเซ่นไหว้ในเทศกาลชิงิของทุกปี ไม่ปล่อยทิ้งให้กลายเป็สุสานร้างอย่างแน่นอน" ผู้าุโรีบประคองนางขึ้นมา
ผู้คนที่มามุงดูต่างถอนหายใจ
ดูเอาเถอะ มีลุงแท้ๆ แล้วอย่างไร สุสานของบิดามารดายังต้องฝากฝังให้คนในตระกูลช่วยเซ่นไหว้
ลุงแบบนี้มีแต่จะทำให้หลานสาวรันทดใจเปล่าๆ
ผู้าุโรับปาก อูหลันฮวาค่อยสบายใจขึ้น
เดินตามหลังแม่เฒ่าอูชีไปแต่โดยดี
กลุ่มคนที่มามุงดูต่างวิพากษ์วิจารณ์ครอบครัวของอูต้าฟางว่าหน้าด้านไร้ยางอาย ก่อนจะแยกย้ายกันไป
เซวียเสี่ยวหรั่นกับซีมู่เซียงปลีกตัวไปก่อนที่ฝูงชนจะสลายตัว
อูหลันฮวาหิ้วถุงสัมภาระตามแม่เฒ่าอูชีอย่างปลอดโปร่งโล่งใจ
ได้ออกมาจากบ้านที่มีแต่ความกดดัน จะไปที่ใดยังไม่อาจรู้ ต่อให้ยากเข็ญอย่างไร ก็ไม่น่าจะลำบากกว่าที่เคยประสบมา
"หลันฮวา"
"หลันฮวา"
ใบหน้าสดใสมีชีวิตชีวาสองดวงโผล่ออกมาจากด้านหลังกำแพง อูหลันฮวาซึ่งกำลังดำดิ่งอยู่ในโลกส่วนตัวใบน้อยของตนเองใจนขวัญหนีดีฝ่อ
กลีบดอกไม้สีชมพูร่วงกราวลงมาบนศีรษะของนาง
อูหลันฮวามองสีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางอย่างงุนงง
