“เซียวเฉิน เ้าต้องคิดให้ดีนะ หากพวกเราไม่ร่วมมือกัน ไม่เพียงพวกเราต้องตาย หลินหนิง หลินคุน และสือเทียนก็ต้องตายด้วย” เฟิงอวิ๋นเสียงมองพยัคฆ์มารหน้าผีเดินมาทีละก้าว น้ำเสียงร้อนใจขึ้นมาก
เซียวเฉินครุ่นคิดเล็กน้อยจึงผงกศีรษะ
“มาเถอะ”
มีเงาเสมือนหงสาปรากฏขึ้นเื้ั เปลวเพลิงพวยพุ่งแฝงอุณหภูมิร้อนระอุ ระหว่างที่ทะเลเพลิงลุกโชติ่ เสียงร้องของหงสาก็กังวานทะลุขอบฟ้า
จากนั้นเซียวเฉินใช้สองมือทำมุทรา หงสาบินทะยานออกไป
“ขนนก์หงสา ทลาย!”
หงสาเพลิงกู่ร้องยาวนานอย่างต่อเนื่อง ขนนกยาวเก้าเส้นตรงปีกหางล้วนมีอัคคีสีทองม่วง เปลวเพลิงนั้นมีพลังิญญาที่เผาไหม้ได้ สามารถะเิไปยังพยัคฆ์มารหน้าผีที่อยู่ไกลๆ ทรงอานุภาพอย่างยิ่ง
เงาร่างของพยัคฆ์มารหน้าผีพลันส่ายไหวและหายตัวไป ทุกคนต่างใสุดขีด เซียวเฉินโจมตีไม่โดนก็มีสีหน้าหนักใจ
ตูม!
พื้นที่ด้านหน้าซึ่งพยัคฆ์มารหน้าผีอยู่แต่เดิมรกร้างว่างเปล่า เพราะถูกอัคคีหงสาอันแกร่งกร้าวเผาไหม้จนสิ้น
“เซียวเฉินระวัง” สามคนทางด้านหลังพลันส่งเสียง
เซียวเฉินหลบด้วยฝีเท้าว่องไว ย่างเท้าแบบสบายๆ ครู่ต่อมาก็หลบการโจมตีของพยัคฆ์มารหน้าผีพ้น ทว่าหน้าผากของเขาผุดเหงื่อเล็กๆ
ความสามารถของพยัคฆ์มารหน้าผีตัวนี้เทียบได้กับขั้นตานฟ้า หากถูกมันตบ เกรงว่าหากตนเองไม่ตายก็คงพิการ ถึงอย่างไรระดับขั้นของตนเองกับมันยังห่างชั้นไม่ใช่น้อยๆ
ส่วนเฟิงอวิ๋นเสียงก็ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ไม่ไกลนักมาโดยตลอด ดวงตาที่มองเซียวเฉินมีรอยยิ้มซ่อนไว้ลึกๆ สีหน้าของเซียวเฉินเย็นเยียบลงโดยสมบูรณ์ เวลานี้เฟิงอวิ๋นเสียงถึงกับคิดจะให้เซียวเฉินตายจริงๆ
ไม่สนใจสถานการณ์ใหญ่สักนิด
เงาร่างของเซียวเฉินพุ่งไปทางเฟิงอวิ๋นเสียงอย่างรวดเร็ว จากนั้นฟาดหนึ่งฝ่ามือ พลังิญญาพวยพุ่ง ส่งเสียงตูมออกมา แล้วถอยร่างไปไกลในพริบตา
พยัคฆ์มารหน้าผีทะยานไปทางเฟิงอวิ๋นเสียงอย่างว่องไว
เฟิงอวิ๋นเสียงใมาก รีบทำมุทราใช้กระบี่ โจมตีไปอย่างเร็วรี่ ยิงแสงกระบี่ไปเป็สายๆ ฟันลงบนร่างของพยัคฆ์มารหน้าผี แต่กลับไม่ช่วยอะไร ต้องถอยร่นไม่หยุด
เซียวเฉินยิ้ม
“ในเมื่อเ้าวางแผนทำร้ายข้าอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าล่ะ”
โฮก!
เมื่ออุ้งเท้าของพยัคฆ์มารหน้าผีตบลงก็ฟาดเฟิงอวิ๋นเสียงลอยไปโดยแรง ยามลอยคว้าง เฟิงอวิ๋นเสียงกระอักโลหิตสด มีสีหน้าอัปลักษณ์ มองเซียวเฉินด้วยสายตาอำมหิต
แขนสองข้างกระเทือนจนได้ยินเสียงกระดูกแตก
กระบี่ยาวในมือถูกกระแทกจนปลิว
เขาร่วงลงพื้นแล้วกระอักโลหิตสดซ้ำอีกครั้ง
“เซียวเฉิน เ้า...”
เซียวเฉินมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยเสียงเ็า “เฟิงอวิ๋นเสียง เวลานี้ยังมาวางแผนทำร้ายข้าอีก ในเมื่อเป็เช่นนี้เ้าก็ตายเสียเถอะ”
หลังจากพยัคฆ์มารหน้าผีทำร้ายเฟิงอวิ๋นเสียงจนาเ็สาหัสก็ไม่ได้กัดเขาให้ตายทันที ทว่ากลับเบนสายตาไปมองพวกเซียวเฉินอีกสี่คน ั์ตาสีโลหิตคู่นั้นทอประกายดุร้าย ส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง
“มันกะจะฆ่าพวกเราให้ตายหมด” หลินหนิงใกลัว ใบหน้างามซีดเผือดไปแต่แรก หลินคุนซึ่งคุ้มครองนางอยู่เบื้องหน้าตลอดเวลาก็มีสีหน้าหนักใจเช่นกัน
พวกเขาไม่มีทางต้านทานสัตว์ปิศาจขั้นหกได้เลย
หากเมื่อครู่เซียวเฉินและเฟิงอวิ๋นเสียงร่วมมือกัน ยังอาจจะต้านทานได้เล็กน้อย แต่บัดนี้เฟิงอวิ๋นเสียงถูกทำร้ายจนาเ็สาหัส อาศัยแค่เซียวเฉินคนเดียวยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน วันนี้เกรงว่าพวกเขาคงหนีปากเสือไม่รอดแล้ว
“หนิงเอ๋อร์ อีกสักครู่ข้าจะถ่วงเ้าเดรัจฉานนั้นไว้ เ้าต้องไปจากที่นี่ให้เร็วหน่อย” น้ำเสียงของหลินคุนหนักใจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดวงตาฉายแววตัดสินใจเด็ดขาด
“ไม่นะ ข้าจะอยู่กับพี่” ขอบตาของหลินหนิงแดงก่ำ นางคว้าชายเสื้อของหลินคุนไว้แน่น แต่กลับถูกหลินคุนกระชากลงมาอย่างแรง จากนั้นเขาก็คำรามใส่หลินหนิง “แม้แต่คำพูดของพี่ชายเ้าก็ไม่เชื่อฟังแล้วหรือ?”
“ข้า...” หลินหนิงน้ำตาคลอ ไม่เอ่ยวาจา
หลินคุนมองเซียวเฉิน สีหน้ามีแววขออภัย
“ศิษย์น้องเซียวเฉิน ข้าหลินคุนผิดต่อเ้า ไม่สมควรพาเ้ามาที่นี่ ตอนนี้เกรงว่าพวกเราคงหนีไม่พ้นปากเสือตัวนี้แล้ว”
เซียวเฉินยิ้ม “พี่ใหญ่หลิน เื่ทุกอย่างยังไม่ถึงที่สุด มันเร็วเกินไปที่จะพูด” ว่าแล้วเขาก็ยืนอยู่เบื้องหน้าของพยัคฆ์มารหน้าผี เอ่ยด้วยรอยยิ้มชืดชา “ข้าแน่ใจว่าเป็คู่ต่อสู้ของมันได้!”
“ศิษย์น้องเซียวเฉิน เ้าอย่าอวดเก่ง อีกสักครู่ข้าจะถ่วงมันไว้ พวกเ้ารีบหนีไปเสีย ตายคนเดียวดีกว่าตายอยู่ที่นี่กันหมด” ว่าแล้วก็สืบเท้าไปเบื้องหน้า
เซียวเฉินยิ้มให้หลินคุน เดิมทีเขาก็มีความรู้สึกที่ดีต่อหลินคุนอยู่แล้ว บัดนี้หลินคุนถึงกับยอมใช้ตนเองต้านทานสัตว์ปิศาจเพื่อให้เขาหลบหนี แค่น้ำใจนี้ก็มีค่าให้เขาคบหาเป็สหายด้วยใจจริงแล้ว
“พี่ใหญ่หลิน ข้าเซียวเฉินจะไม่กระทำเื่ที่ไม่มีความมั่นใจ แต่เวลานี้ข้ามั่นใจแล้ว ท่านกับพี่ใหญ่สือคุ้มครองหลินหนิงให้ดีก็พอ ส่วนพยัคฆ์มารหน้าผีไว้เป็หน้าที่ข้า” ว่าแล้ว เปลวเพลิงงดงามก็ปรากฏในมือของเซียวเฉินขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เปลวเพลิงบนร่างของเขาให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง
เปลวเพลิงม้วนตลบ ไม่หมดสิ้นไม่แห้งเหือด
พลานุภาพแข็งแกร่งประหนึ่งหงสาอาบเปลวอัคคี ในนั้นแฝงความความกดดันแห่งาอันไกลโพ้น ทำให้พวกหลินคุนต่างรู้สึกถึงแรงกดดันได้รางๆ ทุกคนมองเงาหลังของเซียวเฉินอย่างกังวลและตึงเครียด
“สัตว์ปิศาจระดับหกหรือ...ให้ข้าทดลองดูหน่อยว่าแข็งแกร่งเพียงใด ”
ตูม!
เซียวเฉินใช้เท้าสองข้างกระทืบธรณี เื้ัปรากฏสัตว์เทพหงสาแห่งาในพริบตา หงสาสยายปีก เปลวเพลิงลุกท่วมนภา พลังเสวียนพวยพุ่ง เขาใช้เคล็ดวิชาในมือฟาดตบใส่พยัคฆ์มารหน้าผีไม่ขาดสาย
ตูม!
พยัคฆ์มารหน้าผีคำรามอย่างกราดเกรี้ยวไม่หยุดภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของเซียวเฉิน แม้เซียวเฉินจะถูกกระแทกล่าถอยหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับาเ็
คนทั้งสามที่มองอยู่ต่างปากอ้าตาค้าง
เซียวเฉินถึงกับต้านทานพยัคฆ์มารหน้าผีได้!
เขาถึงกับต้านทานสัตว์ปิศาจระดับหกได้!
“ศิษย์น้องเซียวเฉิน วิปริตเกินไปแล้ว…” สือเทียนพึมพำ ความสะท้านะเืในดวงตาที่มองดูเซียวเฉินเหนือล้ำความกังวลไปนานแล้ว
“แล้วใครว่าไม่เล่า” หลินคุนยิ้มขื่น
หลินหนิงเองก็ปาดน้ำตา มองเซียวเฉินเงียบๆ ไม่ได้ส่งเสียงออกมาเนิ่นนาน แต่กลับกำหมัดเล็กๆ ทั้งคู่ไว้แน่น เพียงพอจะบอกได้ว่ายามนี้นางตึงเครียด
“เป็ไปได้อย่างไร เขา...” ในที่สุดดวงตาและสีหน้าซีดเผือดของเฟิงอวิ๋นเสียงก็มีแววพรั่นพรึงปรากฏขึ้น ตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของพยัคฆ์มารหน้าผี แต่เซียวเฉินกลับต้านทานมันได้ ไยมิใช่บ่งบอกว่าเซียวเฉินแข็งแกร่งกว่าตนเอง
แต่ว่าเขาเพิ่งขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้าเท่านั้นเองนะ...
โฮก!
ในเวลาที่ทุกคนกำลังใ พยัคฆ์มารหน้าผีก็ร้องโหยหวน ดวงตาทั้งคู่มีโลหิตสดไหล เสื้อบนร่างของเซียวเฉินก็ขาดเช่นกัน เขาไม่ได้รับความเสียหายมากนัก แต่กลับทำร้ายดวงตาสองข้างของพยัคฆ์มารหน้าผีจนบอดแทน
ความสามารถในการต่อสู้ของพยัคฆ์มารหน้าผีที่ไร้ดวงตาลดลงฮวบฮาบ เสมือนขุนพลเฒ่าพิการ จะต้านทานการโจมตีของเซียวเฉินได้ไฉน
ประทับทองในมือเซียวเฉินเข่นฆ่าอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายพยัคฆ์มารหน้าผีก็ถูกเซียวเฉินสังหาร
ฉากนี้ ทำเอาคนทั้งสี่สูดลมหายใจหนาวเหน็บโดยพร้อมเพรียง
เซียวเฉินถึงกับฆ่าพยัคฆ์มารหน้าผีได้!
เซียวเฉินทุบกะโหลกของพยัคฆ์มารหน้าผีจนแตก จากนั้นเขาหยิบผลึกสัตว์แล้วเดินกลับมา เมื่อเห็นคนทั้งสามยังอึ้งงันเขาก็อดยิ้มไม่ได้ “ดูสิ ผลึกสัตว์ก้อนใหญ่มาก”
หลินหนิงพลันโผใส่อ้อมอกของเซียวเฉินและร่ำไห้ออกมา
“ฮือๆ ข้าใแทบตาย ข้านึกว่าเ้า...เ้าจะตาย” ความเคลื่อนไหวของหลินหนิงไม่เพียงทำให้หลินคุนและสือเทียนใ แม้แต่เซียวเฉินก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดี
“ไม่ร้องนะ ข้าให้ผลึกสัตว์นี้แก่เ้าดีหรือไม่?”
หลินหนิงมองเซียวเฉินแวบหนึ่ง ใบหน้าเล็กๆ ของนางร้องไห้จนแดงก่ำ ทว่ายิ่งดูงดงามจับใจ นางถอยหลังก้าวหนึ่ง จากนั้นเอ่ยว่า “ข้าไม่เอาหรอก”
“คราวนี้พวกเราได้กำไรมหาศาลแล้ว นี่เป็สัตว์ปิศาจระดับหกเชียวนะ” หลายคนยิ้ม
“หลินคุน เ้าสมควรรักษาสัญญาของเ้าใช่หรือไม่” ทว่าในเวลานี้เอง เฟิงอวิ๋นเสียงที่อยู่ด้านข้างพลันส่งเสียง คำพูดของเขาทำให้หลินคุนมีสีหน้าอัปลักษณ์
“ก่อนหน้านี้เราตกลงกันไว้แล้ว ข้ามาล่าสัตว์ปิศาจกับเ้าด้วย ข้า้าผลึกสัตว์หนึ่งในสี่ส่วน” เฟิงอวิ๋นเสียงเอ่ย เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของเซียวเฉินเย็นเยียบลงในพริบตา
หนึ่งในสี่ส่วนหรือ? พวกเขามีทั้งหมดห้าคน ถ้าหนึ่งในสี่ก็เกือบจะเท่าส่วนของสองคนแล้ว เซียวเฉินจะรับปากตามเงื่อนไขนี้ได้อย่างไร
“ไม่เช่นนั้น พวกเ้าก็มอบผลึกสัตว์ปิศาจระดับหกให้แก่ข้า แล้วข้าก็จะไม่เอาผลึกสัตว์หนึ่งในสี่ส่วน ว่าอย่างไร?” เฟิงอวิ๋นเสียงยิ้มกล่าว
“หน้าไม่อาย ผลึกสัตว์ปิศาจระดับหกเป็สิ่งที่เซียวเฉินได้มาจากการสังหารสัตว์ปิศาจ ทำไมต้องให้เ้าด้วย” หลินหนิงเอ่ยอย่างเดือดดาล
เวลานี้เซียวเฉินเดินมาถึงเบื้องหน้าของเฟิงอวิ๋นเสียงและเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “ถ้าเ้าไม่พูด ข้านึกว่าเ้าตายไปแล้ว? ในเมื่อเ้ายังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นพวกเรามาคิดบัญชีกันหน่อย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้