ในยุคไท่กู่ ผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋าล้วนเป็ผู้แข็งแกร่งระดับชั้นหนึ่งของแดนเซียนอู่ นับั้แ่เสี่ยเอ๋อทำการรวบรวมฟ้าดิน พลังิญญาฟ้าดิน การสืบทอด และเขตแดนลับต่างสูญเสียไปเป็จำนวนมาก ส่งผลให้คนในยุคปัจจุบันที่้าก้าวเข้าสู่ขั้นเขตแดนเต๋านั้น ยิ่งทำได้ยากขึ้นหลายเท่า
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้าุโที่ยืนอยู่ตรงหน้าสามารถกวาดล้างฟากตะวันออกของแดนนภาชิงเหลียนได้ด้วยระดับการฝึกฝนนี้เพียงลำพัง และฉินอวี่ก็ยิ่งประหลาดใจมากกว่านั้นคือการที่ผู้แข็งแกร่งระดับนี้เข้ามาปรากฏตัวอยู่ในสถานที่เล็กๆ เช่นนี้? หรือว่าจะมีตำหนักเต๋าอยู่จริงหรือ?
เมื่อได้พบกับผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ฉินอวี่ก็ระงับความคิดภายในใจของตนเองไว้ และจงใจเผยให้เห็นใบหน้าที่แสดงออกถึงความหวาดกลัวและใ
ผู้าุโดูเหมือนจะสังเกตเห็นได้ว่าสายตาที่จ้องมองมาของฉินอวี่นั้นเปลี่ยนไป เขาชำเลืองมองไปทางฉินอวี่ สายตาที่ถูกมองกลับมานี้ทำให้ฉินอวี่เหมือนจมดิ่งลงไปสู่ห้วงขุมนรก ราวกับว่าเขากำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าผู้าุโ จนไม่เหลือความลับใดๆ อยู่อีกต่อไป
ในขณะที่ผู้าุโกำลังมองไปที่ฉินอวี่ เสียงอันหนักแน่นของสยงท่าเทียนก็ดังขึ้น ทำให้ผู้าุโละสายตากลับมาทันที
ฉินอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหันไปมองทางสยงท่าเทียนอย่างดุเดือด เขาแทบจะอยากเข้าไปปิดปากที่พูดมากของสยงท่าเทียน นี่คือผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋าเชียวนะ!
หากเขาโกรธขึ้นมา เพียงมือข้างเดียวของเขาคงจัดการบีบคอพวกเราตายลับไปได้เลยทีเดียว!
ผู้าุโชุดดำขมวดคิ้วเล็กน้อย หรี่ตาจ้องไปทางสยงท่าเทียนที่กำลังหงุดหงิด ขณะที่ดวงตาของเขาฉายแววของความอำมหิตออกมา ทันใดนั้น สายตาของเขาเคลื่อนไปจับจ้องที่จี้กระดูกบนคอของสยงท่าเทียน ม่านตาของเขาก็เขาก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่สีหน้าหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาก็พูดอย่างใจดีว่า “สหายน้อยทั้งสามคน ข้าใจร้อนไปหน่อย และข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พวกเ้าใ ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” พูดจบ ผู้าุโก็มองไปทางหลี่เทียนจีอีกครั้ง “สหายน้อย ช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าตำแหน่งที่ชัดเจนของสมบัติล้ำค่านั้นอยู่ที่ไหน?”
หลี่เทียนจีมีความสามารถและเฉลียวฉลาด คนผู้นี้สามารถปรากฏตัวได้อย่างเงียบๆ แสดงให้เห็นว่าผู้าุโคนนี้มีระดับการฝึกฝนที่ลึกซึ้งยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถูกผู้าุโคนนี้จ้องมอง หลี่เทียนจีก็มีความรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอาจารย์ เขาจึงรู้ได้เลยว่าระดับการฝึกฝนของคนผู้นี้นั้นลึกซึ้งจนน่าหวาดกลัว
หลังจากไตร่ตรองเป็เวลานาน เขาก็พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “ผู้าุโ ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง แต่จากการพยากรณ์ของข้า ตำแหน่งของตำหนักเต๋าควรเป็ทิศทางนั้น ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยลี้” หลี่เทียนจีชี้ไปตรงหน้าทางด้านซ้าย เมื่อเผชิญหน้ากับผู้าุโเช่นนี้ เขาจึงไม่กล้าที่จะพูดจาเหลวไหล
ผู้าุโมองไปทางหลี่เทียนจีเล็กน้อย และดูเหมือนจะคาดการณ์ความน่าเชื่อถือของหลี่เทียนจีอยู่ จริงๆ แล้วเขาสังเกตเห็นทั้งสามคนในตอนที่สยงท่าเทียนขอให้หลี่เทียนจีทำการทำนายเื่โลหิตของวานรา ดังนั้น เขาจึงเคยเห็นกระบวนการพยากรณ์ของหลี่เทียนจีมาก่อนแล้ว และหลังจากที่หลี่เทียนจีลืมตาขึ้นมาและมองไปตรงหน้าทางด้านซ้ายอย่างตกตะลึง เขาก็ได้เห็นแล้ว ดังนั้นในตอนนี้เมื่อหลี่เทียนจีบอกทิศทางเป็ตรงหน้าทางด้านซ้ายอีกครั้ง เขาจึงรู้สึกได้ทันทีว่าหลี่เทียนจีกำลังพูดความจริง
“ขอบใจนะสหายน้อย หากเ้าพยากรณ์ออกมาได้ถูกต้อง เมื่อพบกันในภายหน้า ข้าจะตอบแทนเ้าอย่างดี” พูดจบาุโชุดดำก็เพ่งมองไปทางสยงท่าเทียน และหายไปอย่างแปลกประหลาด
ฉินอวี่และหลี่เทียนจีต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่พวกเขากลับได้ยินสยงท่าเทียนกำลังพูดอย่างหยาบคาย “ตัวอะไรนะ คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป” ทั้งสองคนต่างใขึ้นพร้อมกัน จนแทบจะเข้าไปปิดปากอันพูดมากของสยงท่าเทียน แต่สยงท่าเทียนก็ลุกขึ้นยืนและส่งเสียงหัวเราะชอบใจ “ฮ่าๆ มีตำหนักเต๋าถือกำเนิดขึ้นจริงๆ ไป พวกเราไปกันเถอะ”
แต่ทิศทางของเขาอยู่ข้างหน้าทางด้านขวา
“สยงท่าเทียนเ้าจะไปทางไหน? ไม่ใช่ทางซ้ายหรือ?” ฉินอวี่รีบะโอย่างรวดเร็ว และรู้สึกหมดหนทางกับสมองอันไร้การพัฒนาของสยงท่าเทียนที่ไม่มีความขลาดกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อย มีบางครั้งที่ฉินอวี่ก็รู้สึกอิจฉาสยงท่าเทียน ความไม่เกรงกลัวอะไรอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งไม่รู้ว่าหากรอเขาเติบโตเป็ผู้ใหญ่ ระดับสมองของเขาได้รับการพัฒนาจนสมบูรณ์และมองย้อนกลับมาตรงนี้ ไม่รู้ว่าจะรู้สึกเป็เช่นไร
“พี่ฉิน เ้าคงไม่เชื่อหลี่เทียนจีจริงๆ หรอกใช่ไหม? ทิศที่ของตำหนักเต๋าจะต้องอยู่ตรงข้ามกับการพยากรณ์ของเขาแน่นอน ยังจะยืนงงอยู่ทำไมกัน? หลายครั้งก็เป็แบบนี้ เชื่อข้าเถอะ ไปแล้วนะ” สยงท่าเทียนหันกลับมาพูด เมื่อพูดจบก็รีบสาวเท้าเข้าไปทันทีโดยไม่รอฉินอวี่และหลี่เทียนจี
ใบหน้าเคร่งขรึมของหลี่เทียนจีบึ้งตึงเป็อย่างยิ่ง ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
ในขณะนี้ เกรงว่าหลี่เทียนจีคงจะเริ่มมีความคิดจะสังหารสยงท่าเทียนแล้ว
ฉินอวี่ที่อยู่ด้านข้างกำลังตกตะลึง มองดูหลี่เทียนจีด้วยความงุนงง จากนั้นก็หันไปมองสยงท่าเทียนที่กำลังจากไป เป็เช่นนี้แล้วจะต้องไปกับสยงท่าเทียนหรือ? ฉินอวี่กลัวว่าหลี่เทียนจีจะอกแตกตายเสียก่อน เพียงแต่จะต้องอยู่ต่อไป และคิดว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี แต่กลับได้ยินหลี่เทียนจีพูดอย่างสั่นเทา “ไปเถอะ พวกเราตามเขาไปเถอะ ครั้งนี้ ข้าจะต้องให้เขาได้รับรู้ความประมาทของเขา ให้เขาได้รับรู้ว่าไม่ใช่ว่าหลี่เทียนจีจะพยากรณ์ผิดทุกครั้งไป!”
ฉินอวี่ยิ้มและมองไปทางหลี่เทียนจีที่กำลังโกรธ
หลี่เทียนจีเกิดมาพร้อมกับบุคลิกที่ลึกซึ้ง เนื่องจากความเยาว์วัยของเขาจึงทำให้ไม่สามารถระงับความรู้สึกและอยู่นิ่งเฉยอย่างไม่หวั่นไหวได้ บางที หลายปีจากนี้ไป หลี่เทียนจีอาจก้าวถึงระดับนั้นได้ แต่ตอนนี้... เขากำลังอารมณ์เสียจนจะฆ่าแกงสยงท่าเทียนได้แล้ว
คราวนี้ฉินอวี่ไม่สามารถบอกได้ว่าการพยากรณ์ของหลี่เทียนจีนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ฉินอวี่ยังได้แต่ภาวนาให้การพยากรณ์ของหลี่เทียนจีนั้นถูกต้อง!
ประการที่หนึ่ง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋าก็ยังมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง จะเห็นได้เลยว่าตำหนักเต๋าแห่งนี้ไม่ธรรมดา หากมันถือกำเนิดขึ้นจะต้องเกิดาใหญ่ขึ้นในโลกแน่นอน และด้วยระดับการฝึกฝนของพวกเขาสามคน ผลที่ตามมานั้นคงจะเป็สิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้เลย
ประการที่สอง ถ้าการพยากรณ์ของหลี่เทียนจีผิดพลาด ผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋าคนนั้นจะต้องกลับมาแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น...
ประการที่สาม หากปล่อยให้ผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋าตามหาตำหนักเต๋าจนพบ... ท้ายที่สุดจะเกิดเื่อะไรขึ้น?
ฉินอวี่เลียริมฝีปากของตนเอง ดวงตาของเขาเปล่งประกาย
หากว่า... มีโอกาสดีคว้าโชคนี้มาได้ นั่นคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงแต่ ต้องแน่ใจก่อนว่ามีตำหนักเต๋าอยู่จริง!
“เอ๊ะ?” ฉินอวี่ก้าวไปข้างหน้าและหยุดลงกะทันหัน เขาก็รู้สึกได้ว่ามีมโนจิตแห่งเต๋าได้สำรวจตนเองไปแล้ว หลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ฉินอวี่ก็พึมพำขึ้นในใจ หรือจะเป็ผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋าคนนั้น? เมื่อคิดได้ถึงสิ่งนี้ ฉินอวี่ก็ปล่อยวาง
สยงท่าเทียนเดินเปิดทางไปด้านหน้าอย่างกระฉับกระเฉง และเมื่อสังเกตเห็นว่าฉินอวี่และหลี่เทียนจีกำลังตามมาด้านหลัง สยงท่าเทียนก็หัวเราะอย่างร่าเริง เร่งฝีเท้าของเขาเร็วขึ้น พร้อมความทะเยอทะยาน เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปยังส่วนลึกของแดนสุสานอสูร
สามวันต่อมา
ร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง
“คุณหนู เื่เปลี่ยนไปแล้ว” จื่อซวินเอ๋อกำลังอ่านใบปรุงยาโบราณเล่มหนึ่งอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของผู้าุโดังขึ้น นางจึงวางใบปรุงยาลง แล้วเงยหน้าขึ้นถามว่า “อะไร?”
“พบมารเฒ่าเจวี๋ยจินในแดนสุสานอสูร!” ผู้าุโกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
จื่อซวินเอ๋อเต็มไปด้วยความงุนงง จากนั้นนางก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เลิกคิ้วขึ้นและพูดด้วยความใ “มารเฒ่าเจวี๋ยจิน? เ้ากำลังพูดถึงหลี่เจวี๋ยจินแห่งเมืองนภาจุ้ยโหมว? มารเฒ่าเจวี๋ยจินผู้เชี่ยวชาญการขุดหาสุสานบรรพชน และตำหนักเต๋าของผู้อื่น?”
“เขานั่นล่ะ” ผู้าุโกระซิบ
จื่อซวินเอ๋อลุกขึ้นยืนทันที ด้วยท่าทางเคร่งขรึมเป็พิเศษ ดวงตาลึกล้ำและดูประหลาดใจ “ตาเฒ่าที่ไร้ลูกหลานสืบสกุลนั่นรู้ได้อย่างไรว่าจะมีตำหนักเต๋าเกิดขึ้นในแดนสุสานอสูร?”
“ทั่วทั้งแดนสุสานอสูรมีสิ่งที่แข็งแกร่งอื่นอีกหรือ?”
“ไม่มีแล้วล่ะ มารเฒ่าเจวี๋ยจวินนั่นทิ้งเงาร่างของเขาเอาไว้ทุกมุมของแดนคุ่นหลงซิงเฉิน และยังมีพร์และของวิเศษแปลกๆ ของเขา การที่เขาจะหาพบก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร แต่มารเฒ่าเจวี๋ยจินกลายกลายเป็มารมานาน ตอนนี้เป็ผู้แข็งแกร่งระดับเขตแดนเต๋า ครั้งนี้ดูจะมีตัวแปรที่ใหญ่เกินไปแล้ว” ผู้าุโกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“สำนักกุยหยวนนั้นจะต้องมีระดับปรมาจารย์มาด้วยตนเองแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราก็เพียงแค่ต้องเอาเพลิงอสุนีบาตมาให้ได้ ส่วนเื่อื่นๆ ก็ปล่อยให้คนชั่วกัดกันเอง จริงสิ มารเฒ่าเจวี๋ยจินกำลังทำอะไรอยู่?” จื่อซวินเอ๋อกล่าวอย่างเ็า
“ดูเหมือนว่าเขากำลังจัดวางรูปแบบค่ายกลอะไรบางอย่างอยู่ แต่เขาไม่ทันสังเกตเห็นพวกเรา คนที่เราส่งไปล้วนมีระดับการฝึกฝนระดับต่ำ ตราบใดที่ระมัดระวังเต็มที่ มารเฒ่าเจวี๋ยจวินนั่นก็จะตรวจจับพวกเราได้ยาก!” ผู้าุโกล่าว
“เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแอบวางค่ายกลกัก์เอาไว้ภายนอกในรอบรัศมีสามร้อยลี้รอบมารเฒ่าเจวี๋ยจวิน! ที่สำคัญจำไว้ว่าอย่าให้มารเฒ่าเจวี๋ยจวินสังเกตเห็นเป็อันขาด!”
“เช่นนี้ก็ดี ด้วยวิธีการของมารเฒ่าเจวี๋ยจวิน ข้าเกรงว่าจะได้ค้นพบตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงของตำหนักเต๋าได้อย่างแน่นอน! วิธีนี้จะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาด้วย” จื่อซวินเอ๋อพูดอย่างเคร่งขรึม
“รับทราบ คุณหนู!” ผู้าุโเหลือบมองจื่อซวินเอ๋อด้วยความปลื้มใจ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จื่อซวินเอ๋อนั่งลงอีกครั้ง ใช้มือขวาเคาะโต๊ะเบาๆ จ้องมองตรงไปด้านหน้าและครุ่นคิดอย่างจริงจัง
ในขณะเดียวกัน ที่ทางด้านนอกของแดนสุสานอสูร
“แย่แล้ว แย่แล้ว! แย่แล้ว รีบหนีกันเถอะ”
“โฮก ฮูว...”
ขณะที่ฉินอวี่และหลี่เทียนจีกำลังเดินตามสยงท่าเทียนอย่างช้าๆ เสียงหมาป่าหอนก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงคำรามของสยงท่าเทียน
ฉินอวี่และหลี่เทียนจีหยุดลงกะทันหัน แต่กลับเห็นสยงท่าเทียนกำลังวิ่งพร้อมกับบางสิ่งบางอย่างในอ้อมแขนของเขา และในป่าโดยรอบสามารถได้ยินเสียงแ่เบาที่ “กระตุ้น” ความวุ่นวายจากทุกทิศทุกทาง
ใบหน้าของฉินอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างใหญ่ที่ปรากฏขึ้นด้านหลังสยงท่าเทียน
นี่คือหมาป่าั์ที่มีความสูงแปดฉื่อ มันถูกปกคลุมไปด้วยแผงคอสีครามที่เหมือนเข็มเหล็ก ตาสีเขียวทั้งสองของมันเต็มไปด้วยความดุร้าย ปากของมันถูกเปิดออกเล็กน้อยเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมยาวสี่ซี่
หัวใจของฉินอวี่เต้นแรงเมื่อเห็นแผงขนทองสัมฤทธิ์จำนวนหนึ่งที่อยู่บนคิ้วของหมาป่าั์ตัวนี้
าาหมาป่าสีครามระดับสี่!
สยงท่าเทียนไปกระตุ้นสิ่งที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม ถ้าหมาป่าเพียงตัวเดียวก็คงไม่น่ากลัวอะไร แต่ที่แย่คือหมาป่าเป็สัตว์สังคม และนี่ยังเป็าาหมาป่าด้วยนะสิ!
ฉินอวี่เหลือบมองไปรอบๆ ท่าทางของเขากลายเป็เคร่งเครียดมากขึ้น เขารู้สึกว่าหมาป่าได้ล้อมรอบบริเวณโดยรอบไว้แล้ว!
ฉินอวี่มองไปทางสยงท่าเทียนอย่างโกรธจัด และเมื่อเขาเห็นสิ่งที่สยงท่าเทียนกำลังอุ้มอยู่ เขาก็รู้สึกได้เพียงว่าเืทั่วร่างแทบจะพุ่งเข้าใส่หน้าผาก และทั้งร่างก็สั่นเทาด้วยความโกรธ
สยงท่าเทียนกำลังอุ้มลูกหมาป่า!
แม้ว่าเขาจะโกรธมาก แต่ฉินอวี่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว และรีบพุ่งเข้าไปชิงลูกหมาป่าในอ้อมแขนของสยงท่าเทียนออกมาอย่างรุนแรง!
เผชิญหน้ากับาาหมาป่าลำดับสี่ และยังรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าสีคราม หากพวกเขา้าหลบหนี ก็คงต้องพึ่งลูกหมาป่าตัวนี้เท่านั้น!
“สยงท่าเทียน เ้าทำอะไรของเ้า?” ฉินอวี่คว้าลูกหมาป่าไว้แน่น และมองไปที่สยงท่าเทียนอย่างโกรธเคือง ในสถานที่นี้ซึ่งอสูรร้ายรวมตัวกัน ไปรบกวนฝูงหมาป่า นี่ก็เกือบจะเป็การรนหาที่ตายอย่างยิ่ง
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฉินอวี่ สยงท่าเทียนก็แสดงความอับอายออกมาและพูดด้วยเสียงต่ำ “ข้า... ข้าก็ไม่รู้ ข้าก็แค่เห็นลูกสุนัขตัวหนึ่งกำลังปีนคลานอยู่ ข้าก็เลยเก็บขึ้นมา นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาถูกหมาป่าตัวใหญ่ไล่ล่า” พูดจบสีหน้าของสยงท่าเทียนก็แดงก่ำ เขาคิดว่าลูกหมาป่าตัวนี้เป็เพียงสุนัขธรรมดา ต้องอยู่ในแดนสุสานอสูรเป็เวลานานเช่นนี้ ทำให้เพิ่มความอยากอาหารของเขาเป็อย่างมาก จึงคิดจะนำสุนัขตัวนี้มาทำกินให้อิ่มหมีพีมัน แต่กลับนึกไม่ถึงว่ามันคือลูกหมาป่าตัวหนึ่ง
เมื่อรับรู้ถึงการแสดงออกของสยงท่าเทียน ฉินอวี่ก็ตระหนักได้ถึงอารมณ์ที่ไม่พอใจของหลี่เทียนจี ผู้ชายคนนี้ยังมีสติปัญญาที่ไม่พัฒนาและมักจะทำสิ่งต่างๆ ที่ทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ แต่ครั้งนี้ เขากำลังลากพาคนเ่าั้ให้ตกอยู่ในอันตราย
“ปล่อยมันนะ พวกเ้าจะออกไปได้อย่างปลอดภัย” หมาป่าั์ค่อยๆ เดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่ จ้องไปทางฉินอวี่ด้วยดวงตาสีเขียวคู่โต และเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งที่ไม่อาจละเมิดได้
าาหมาป่าระดับสี่ตัวนี้มีระดับเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนในขอบเขตขั้นกุมารทิพย์ เขาจึงสามารถพูดได้
ฉินอวี่มองไปรอบๆ หมาป่าสีครามที่โผล่ออกมาช้าๆ หายใจเข้าลึกๆ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
การกำเนิดใหม่อย่างผ่าเหล่า
แต่ขณะเดียวกันนั้นกลับได้ยินเสียงที่เ็าจากด้านหลัง “าาหมาป่า เ้าสามารถตัดสินใจทำอะไรกับคนที่อุ้มลูกหมาป่าของเ้ามาได้ แต่เ้าคนเลวสองคนนี่ ข้า้าพาตัวกลับสำนักเหยาฉือ!”