จากเดิมที่คิดว่าจะเดินทางเพียงสามหรือสี่วันกลับกลายเป็สิบวันเต็ม เขาควบม้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพจ้าวเช้ามืด บ่าวรับใช้ยังไม่ตื่นเต็มตาดีนัก ทว่าก็ทำหน้าใเมื่อเห็นสภาพเขาที่กลับมา เมื่อลงจากหลังม้าแล้วก็ส่งบังเหียนให้ผู้ดูแลจูงมันไปพัก ส่วนตนก็ปลดเสื้อคลุมออก คล้ายว่ามันห่อเอาฝุ่นทรายกลับมาด้วย เป็พ่อบ้านตู้ผู้ตื่นเช้าเข้ามารับเสื้อคลุมทันที แม้จะควบม้าเร็วจนไม่ได้พักมาตลอดสิบสองชั่วยาม แต่บุรุษร่างสูงดูไม่มีท่าทางอิดโรยแม้แต่น้อย
“ข้าน้อยจะไปเรียนท่านทัพ”
“ไม่ต้อง เอาไว้ท่านพ่อตื่นแล้วค่อยเรียนให้ทราบ ให้คนไปเตรียมน้ำให้ข้าอาบก่อน”
เพราะเขาไม่ต้องรีบร้อนรายงานตัวจึงเดินตรงดิ่งกลับไปที่ห้องพัก เขาชะงักเท้าเมื่อต้องเดินผ่านทิศทางที่จะเดินไปห้องของเคอหลิ่งหลิน เขาหันไปถามพ่อบ้านตู้ที่เดินตามมา
“นางตื่นหรือยัง”
“คุณหนูยังไม่ฟื้นขอรับ” พ่อบ้านรายงานไปตามจริง “แต่ระหว่างนี้ท่านหมอมู่กับบุตรสาวแวะเวียนมาดูอาการบ่อยๆ สีหน้าคุณหนูก็ดีขึ้นมากขอรับ”
ั้แ่ก่อนไปก็บอกว่าดีขึ้น กลับมาก็บอกว่าดีขึ้น แต่คนก็ยังไม่ตื่น จะดีขึ้นตรงไหน
จ้าวจิ่นสือหงุดหงิดอยากเดินเข้าไปดูให้เห็นกับตา แต่สภาพตนเองตอนนี้คงไม่เหมาะนัก เขาจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วเดินตรงดิ่งไปที่ห้องของตนเอง โบกมือไล่บ่าวรับใช้ไม่ต้องเข้ามา ระหว่างรอคนเติมน้ำอุ่นให้นั้น เขาก็ปลดอาวุธออกจากกายวางบนโต๊ะ รอให้บ่าวรับใช้ออกไป แล้วเขาจึงปลดเปลื้องเสื้อผ้า เหลือเพียงเนื้อกายเปลือยเปล่าลงไปแช่น้ำอุ่นที่ไม่ได้ััมานาน ร่างกายประท้วงว่าเหนื่อยล้า้าพักผ่อนอย่างรู้สึกได้
ไม่ใช่งานสอดแนมแฝงตัวครั้งแรก แต่ก็รับคำสั่งทำจริงจังแค่ไม่กี่ครั้ง อดคิดถึงหญิงสาวอีกคนที่ยังไม่ตื่นฟื้น นางเป็ผู้หญิงแท้ๆ แต่อดทนได้มากกว่าเขาอย่างนั้นหรือ? เพราะทุกครั้งที่มีงานแฝงตัว นางมักได้รับหน้าที่เสมอ
หลับตาขณะแช่กายในน้ำอุ่น ใจก็ประหวัดถึงเคอหลิ่งหลิน นี่มันครบเดือนแล้วกระมัง ทำไมนางหลับไปนานเช่นนี้ ระหว่างเดินทางก็เป็กังวล เกรงอาการนางจะทรุดลงไปอีก พยายามคิดในแง่ดีว่าเขากลับมาแล้วอาจจะเห็นนางตื่น จากที่คิดว่าจะหลับพักสักตื่น ก็รู้สึกว่าถ้าไม่ได้เห็นหน้าเคอหลิ่งหลินเขาคงไม่อาจวางใจได้แน่ๆ คิดได้ดังนั้นก็รีบจัดการชำระล้างร่างกาย สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไปที่ห้องของเคอหลิ่งหลิน การทำอะไรด้วยตัวเองมาั้แ่เด็กทำให้ยามแฝงตัวสอดแนมดูไม่ผิดปกติกับคนผู้อื่นนัก นับว่าถูกแล้วที่ตนเองไม่มีบ่าวรับใช้ติดตามตัว เขาก้าวยาวๆ ออกมาจากห้องพักก็รู้สึกได้ว่าแสงเช้าแตะแต้มระบายฟ้าแล้ว เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดที่หน้าห้องของเคอหลิ่งหลิน ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าจะเคาะประตูเรียกสาวใช้ที่อยู่ข้างใน บานประตูก็เปิดออกมาเสียก่อน
“คุณชายจิ่นสือ” ชุนเอ๋อร์ประหลาดใจที่เห็นคุณชายของบ้าน ได้ยินว่าเดินทางไปเมืองหลวง ซึ่งปกติคุณชายจะไปมาเป็ประจำอยู่แล้วแต่ไม่รู้กำหนดกลับ ไม่คิดว่าจู่ๆ วันนี้จะมาเจออยู่หน้าประตูแต่เช้าตรู่อย่างนี้
“นางตื่นหรือยัง”
“ยังเ้าค่ะ” ชุนเอ๋อร์เบี่ยงตัวหลบให้คุณชายก้าวเข้าไป จ้าวจิ่นสือปรายตามองคนรับใช้คนสนิทของเคอหลิ่งหลิน นางกำลังจะออกไปข้างนอก เขาจึงพยักหน้าให้นางไปทำธุระของนาง เมื่อในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว เขาก็นั่งที่เก้าอี้กลมข้างเตียงของหญิงสาว
“ดีขึ้นตรงไหน?”
จ้าวจิ่นสือพึมพำ แก้มนางตอบลงไปตั้งเยอะ ปกตินางกินข้าวมื้อละสองชามเป็อย่างน้อย ั้แ่นางหลับไปแบบนี้ ชุนเอ๋อร์ป้อนได้แต่โจ๊กกับยาเท่านั้น เขาจับข้อมือนางขึ้นก็แทบจะกลายเป็หนังหุ้มกระดูกอยู่แล้ว ครู่ต่อมาชุนเอ๋อร์ก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมอ่างใส่น้ำสำหรับเช็ดหน้าตาเนื้อตัวให้คุณหนู แม้คุณหนูจะยังไม่ตื่น แต่นางก็ทำแบบนี้เช่นเดิมเหมือนที่คุณหนูยังปกติอยู่ จ้าวจิ่นสือลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ชุนเอ๋อร์วางอ่างน้ำแล้วเดินเข้าไปใกล้คุณชาย ปกติเป็บ่าวรับใช้ก็ไม่มีสิทธิ์มองหน้าผู้เป็นายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คุณชายผู้หล่อเหลากลายเป็คุณชายหน้าตาโเี้เพราะหนวดเครานั้น นางจึงก้มหน้า คางแทบชิดอก ไม่กล้าเงยขึ้นสักนิดเดียว
“เชิญท่านหมอมาตรวจบ้างหรือไม่”
“ท่านหมอมู่กับบุตรสาวมาตรวจเมื่อสองวันก่อนเ้าค่ะ” นางรายงานไปตามจริง “ฮูหยินก็ตระเวนไหว้พระบนบานให้คุณหนูฟื้นเ้าค่ะ”
“นางซูบผอมลงไปมาก”
“บ่าวป้อนโจ๊กรังนกให้คุณหนู แต่ว่า...” นางพูดเสียงเบา จะให้พูดอย่างไรดี ก็นางหมดสติ อ้าปากดื่มได้แต่นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น ยาบำรุงดีๆ ล้วนนำมาให้คุณหนูดื่ม ท่านหมอจากวังหลวงมาตรวจยังกระซิบบอกว่าถ้ามิใช่เพราะยาดีเ่าั้ คุณหนูอาจได้ไปปรโลกแล้ว
จ้าวจิ่นสือพยักหน้ารับ หางตารู้สึกถึงความเคลื่อนไหว เขาหันไปมองเต็มตาก็เห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงเอียงหน้าหันมาทางพวกเขา
“หลิ่งหลิน! เ้าฟื้นแล้ว”
“คุณหนู! คุณหนูฟื้นแล้ว”
“เ้าไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ แล้วตามหมอมาดูอาการ เร็ว!”
“เ้าค่ะ เ้าค่ะ”
จ้าวจิ่นสือช่วยประคองร่างที่นอนอยู่ให้นั่งพิงหมอนแล้วรีบไปรินน้ำชามาให้ แต่กระนั้นมือเรียวก็แทบจะไร้เรี่ยวแรงจะยกขึ้น ชายหนุ่มสบถงึมงำในลำคอแล้วค่อยๆ จ่อถ้วยน้ำชาให้นางดื่มทีละนิด
“ค่อยๆ ดื่ม เดี๋ยวจะสำลัก”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ เมื่อน้ำชาไหลผ่านลำคอแล้วนางจึงรู้สึกดีขึ้นแล้วคลี่ยิ้มออกมา
“อะไรกัน ไยเ้ามองพี่สาวเช่นนี้” นางเริ่มมีกำลังขึ้น ยกมือเรียวแตะแก้มจ้าวจิ่นสือเบาๆ
“นี่เ้าจำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม?” จ้าวจิ่นสือถอนหายใจหนักๆ เคอหลิ่งหลินกลืนน้ำลายลงคอแล้วส่ายหน้าไปมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่าย นางก็ฝืนทำเป็ยิ้มแล้วพูดจาหยอกเย้าเช่นที่เคยทำมา
“ทำไมเ้าไว้หนวดเครารุงรังเช่นนี้ จะไปแฝงตัวสืบข่าวที่ใด ไม่ชวนพี่สาวคนนี้รึ”
“เฮอะ! ก็เพราะเ้านั่นแหละ ข้าถึงต้องอยู่ในสภาพนี้” เขาถอนหายใจอีกครั้ง “นี่เ้าไม่รู้รึว่าตนเองหลับไปนานเท่าไหร่กัน”
“ข้าหลับ? หลับไปนานเท่าไหร่กันล่ะ”
“หนึ่งเดือน” จ้าวจิ่นสือมองหญิงสาวที่มีสีหน้าใกับสิ่งที่สองหูได้ยิน
“เ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม?”
“เ้าหลับไปนานหนึ่งเดือน ท่านแม่ตระเวนไหว้พระบนบานให้เ้าตื่นเสียที”
“ข้า...ข้า...”
ชายหนุ่มหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งเห็นเคอหลิ่งหลินหน้าซีดลงไป เขาก็รู้สึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ พลันจู่ๆ เหมือนนางคิดอะไรได้ ร่างบางก้าวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ทว่าเหมือนร่างกายไม่เคลื่อนไหวตามที่นาง้า สองขาไร้กำลังทำให้ร่างของนางทรุดลงไปนั่งพับเพียบบนพื้น จ้าวจิ่นสือเองก็ใไม่น้อย ั้แ่ตกหลุมพรางยอมเรียกนางว่า ‘พี่สาว’ เพิ่งจะได้เห็นนางอ่อนแอและบอบบางเช่นนี้เป็ครั้งแรก นางออกจะเป็ผู้หญิงเข้มแข็ง แถมแข็งแกร่งจนผู้ชายหลายคนขยาดไม่กล้าเข้าใกล้ เขาก้มลงแล้วช้อนตัวหญิงสาวขึ้น คิ้วเข้มขมวดยุ่ง ไยพี่สาวตัวเบาขนาดนี้
แววตาของหญิงสาวจ้องมองเขาอย่างงุนงง นางเองไม่เคยตกอยู่ในสภาพไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้
ดวงตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองหญิงสาวในวงแขน แม้จะไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันตลอดเวลา แต่เขาก็เห็นนางมาั้แ่อายุสิบสาม เขาอ่อนเดือนกว่าไม่เท่าไหร่ก็ถูกนางขโมยตำแหน่ง ‘พี่’ ไปเสียก่อน เคยประลองกระบี่นับครั้งไม่ถ้วน ทว่าไม่เคยโอบกอดนางไว้ในวงแขนเช่นนี้
“เร็วเถิดเ้าค่ะ คุณหนูฟื้นแล้ว” ชุนเอ๋อร์รีบเปิดประตูให้ฮูหยินเข้าไป แต่ก็ต้องใที่เห็นคุณชายกำลังอุ้มคุณหนูอยู่อย่างนั้น
“จิ่นสือ? หลิ่งหลิน?”
“ท่านแม่ ข้าว่ารีบตามหมอมาดูอาการพี่สาวเถิด นางไม่มีแม้แต่แรงจะทรงตัวยืนได้เลย” เขาพูดแล้ววางร่างของเคอหลิ่งหลินลงบนที่นอนตามเดิม
“อ่อๆ ใช่ๆ ตามหมอ เ้าให้คนไปเชิญท่านหมอมาด่วนเลยนะ”
“เ้าค่ะๆ บ่าวจะรีบให้คนไปตามท่านหมอ” ชุนเอ๋อร์รีบวิ่งออกไป ประตูเปิดค้างอยู่ ร่างสูงสง่าของแม่ทัพจ้าวก็ก้าวเข้ามาในห้อง
“หลินเอ๋อร์” เป็พ่อบุญธรรมที่เรียกนางเสียงเข้ม แววตามีความสงสารระคนโมโห เพราะรู้สึกผิดที่อนุญาตให้นางนำเมฆเหินไปหุบเขาชิงซานโดยไม่คาดคิดว่านางจะได้รับาเ็สาหัสถึงเพียงนี้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านเป็ห่วง”
“เด็กโง่ มีพ่อแม่ที่ไหนไม่ห่วงลูกตัวเองบ้าง”
ฮูหยินอี้ซิ่วนั่งลงข้างเตียง มือหนึ่งก็เช็ดหางตา อีกมือก็จับมือของเคอหลิ่งหลินเอาไว้ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาลูกสาวบุญธรรมาเ็สาหัส หลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้สติ ข้าวปลาไม่ได้กิน ข้อมือของนางจึงเล็กลงไปมาก แทบจะเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกเลยด้วยซ้ำ
“ข้าผิดไปแล้ว ท่านแม่อย่าร้องไห้สิ” นางพยายามจะหัวเราะแต่ทำได้แค่ยิ้มเท่านั้น แต่เมื่อมองไปทางท่านแม่ทัพที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ก็ทำได้แค่เม้มปาก นางผิดต่อพ่อบุญธรรมเป็ที่สุด
“เ้าฟื้นก็ดีแล้ว รีบๆ ฟื้นตัวเอง เ้ายังติดค้างเื่สำคัญกับข้าอยู่” แม่ทัพจ้าวได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ส่วนหนึ่งคือความโล่งอกที่เห็นนางฟื้นได้สติ อีกส่วนคือ้ารู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับนาง
“ข้าทราบแล้วท่านพ่อ” นางเรียกอย่างเอาใจ
“ท่านแม่ ข้าหิวจัง” นางเริ่มออดอ้อนทำตัวเป็ลูกสาวคนดี
อากัปกิริยานี้ทำให้จ้าวจิ่นสือเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ แม้เคอหลิ่งหลินจะยังไร้กำลังเรี่ยวแรงฟื้นคืน แต่ก็ใช้สายตาดุๆ จ้องมองไปทางเขาได้
“ดีเลย หิวแล้วแสดงว่าร่างกายกำลังฟื้นตัว กินโจ๊กร้อนๆ ดีกว่านะ” ฮูหยินหันไปเห็นชุนเอ๋อร์วิ่งกลับเข้ามาพอดี “ชุนเอ๋อร์ไปให้พ่อครัวเตรียมโจ๊กร้อนๆ ให้คุณหนูสักชาม”
“เ้าค่ะ ฮูหยิน” ชุนเอ๋อร์หมุนตัววิ่งออกไปอีกรอบ
“พวกเราก็ออกไปก่อน ปล่อยให้หลินเอ๋อร์พักผ่อน รอท่านหมอมาตรวจอาการอีกที” แม่ทัพจ้าวพูดเหมือนสั่งแล้วหันไปทางลูกชาย
“เ้าก็เหมือนกันจิ่นสือ เวลานี้เ้าควรฝึกทหารมิใช่รึ”
“ขอรับท่านพ่อ” จ้าวจิ่นสือก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็เชิงรับคำสั่งท่านพ่อ ลืมไปหรือไรว่าเขาเพิ่งกลับมาบ้าน ท่านแม่ก็ไม่เอ่ยถามสักคำ แต่ช่างเถอะ ทุกคนตื่นเต้นดีใจที่เห็นเคอหลิ่งหลินลืมตาเสียที
เขาปรายตามองคนที่นอนบนเตียงเพียงครู่หนึ่งแล้วก้าวออกไป ครู่หนึ่งรู้สึกได้ว่ามีใครเดินเร็วๆ ตามหลังมา เขาจึงหยุดและหันไปมอง เห็นพ่อบ้านตู้ที่ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ท่าทางรีบร้อน
“มีอะไร”
“นายท่านให้คุณชายไปรอที่ห้องอักษรก่อนขอรับ”
“เข้าใจแล้ว”
“ข้าน้อยขอตัวไปเชิญท่านหมอมู่ก่อนขอรับ” พ่อบ้านตู้ก้าวถอยหลังออกไป
จ้าวจิ่นสือถอนหายใจหนักหน่วง เื่เขาไปไหนมีแต่ท่านพ่อเท่านั้นที่รู้ แม้จะอยากพักแต่ตอนนี้ก็พักไม่ลง พอเห็นเคอหลิ่งหลินลืมตาพูดจาหยอกล้อกับเขาได้ หัวใจที่หนักอึ้งก็เบาลง.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้