“ ท่านป้าใหญ่ ข้ารู้สึกว่า... นับแต่วันนี้ไป เกรงว่าตระกูลของพวกเราคงไม่สามารถขุดหินเมฆอัคคีออกมาจากเหมืองนั้นได้อีกแล้ว ” ระหว่างทางกลับเมืองเฮยอวิ๋น เนี่ยเทียนเงียบงันไปนาน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว พูดการคาดเดาในใจออกมา
่สายัณห์ แสงสนธยาลอดผ่านช่องโหว่ระหว่างต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น ตกกระทบลงบนทางหินที่ปูทอดยาวระหว่างต้นไม้
เนี่ยเฉี่ยนที่กำลังรีบเดินทาง พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขา ฝีเท้าพลันหยุดชะงัก
นางจ้องมองเนี่ยเทียนด้วยความสงสัย สายตาค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็จริงจังและเข้มงวด “เ้าว่าอะไรนะ? หินเมฆอัคคีของเหมืองนั้น ตระกูลเราขุดเจาะกันมาหลายปี ก่อนหน้านี้ไม่นานผู้ฝึกลมปราณของสำนักหลิงอวิ๋นเพิ่งจะมาสำรวจ บอกว่าดูจากความเร็วในการขุดของพวกเราแล้ว อย่างน้อยก็ยังขุดได้อีกหลายสิบปี อยู่ๆ จะไม่มีให้ขุดได้อย่างไรกัน?”
หินเมฆอัคคีในเหมืองแร่คือสายเืแห่งชีวิตของตระกูลเนี่ย ตระกูลเนี่ยต้องขุดหินเมฆอัคคีเท่านั้นถึงจะได้รับการคุ้มครองจากสำนักหลิงอวิ๋น
หากตระกูลเนี่ยสูญเสียประโยชน์ส่วนนี้ไป สำหรับสำนักหลิงอวิ๋นแล้ว ตระกูลเนี่ยก็ถือว่าไร้คุณค่าใดๆ อีก
ต่อให้วันนี้เนี่ยเป่ยชวนจะกลายเป็ผู้าุโใหญ่ของตระกูล ต่อให้นางและเนี่ยตงไห่จะไม่ได้รับการปฏิบัติอันดีจากคนในตระกูล แต่นางก็ไม่มีทางยอมให้สำนักหลิงอวิ๋นทอดทิ้งตระกูลเนี่ยเด็ดขาด
“ข้าขอโทษ” เนี่ยเทียนก้มหน้า หยิบเอากระดูกสัตว์ชิ้นนั้นออกมา พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและขออภัยว่า“เป็เพราะมัน เืหยดนั้นที่ก่อตัวขึ้นมาด้านในของมัน พลังเปลวเพลิงทั้งหมดที่มัน้าล้วนมาจากหินเมฆอัคคีทุกก้อนในเหมืองนั้น! มันสร้างเืหยดนั้นได้สำเร็จ ทว่ากลับดึงเอาพลังเปลวเพลิงของหินเมฆอัคคีทั้งหมดไปจนแห้งเหือด หินเมฆอัคคีทุกก้อนล้วนกลายมาเป็หินธรรมดา ต่อให้ขุดออกมาจริง ในหินพวกนั้นก็ไม่มีพลังเปลวเพลิงเหลืออยู่แม้แต่เส้นเดียว”
“ก่อตัวขึ้นมาเป็เืหนึ่งหยดกลับต้องดูดเอาพลังเปลวเพลิงจากหินเมฆอัคคีทั้งหมดไป นี่... นี่จะเป็ไปได้อย่างไร?” เนี่ยเฉี่ยนตะลึงพรึงเพริดอีกครั้ง
“ข้ารู้สึกว่ามันเป็เช่นนี้” เนี่ยเทียนยิ้มเจื่อนๆ
“เป็ไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็ไปได้เด็ดขาด!” เนี่ยเฉี่ยนส่ายหัวติดต่อกัน ทำท่าทางราวกับเนี่ยเทียนคิดเพ้อเจ้อไปเอง
“ท่านไม่เชื่อก็ช่างเถอะ” เนี่ยเทียนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ข้าไม่เถียงกับเ้าแล้ว ฟ้าใกล้มืดแล้ว พวกเราต้องรีบกลับไปถึงเมืองเฮยอวิ๋นให้เร็วหน่อย” เนี่ยเฉี่ยนมองไปด้านหน้า “เหมืองแร่เกิดเื่ใหญ่เช่นนั้น ข้า้านำเื่นี้ไปบอกท่านตาของเ้า ให้เขาได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน”
“ก็ได้” เนี่ยเทียนไม่พูดอะไรอีก
จากนั้นทั้งสองจึงหยุดถกเถียงกัน เดินทางตรงดิ่งไปยังเมืองเฮยอวิ๋น
ผ่านไปประมาณสิบห้านาที ขณะที่พวกเขากำลังจะลอดผ่านผืนป่าหนาแน่นออกมา เนี่ยเฉี่ยนกลับหยุดชะงักกะทันหัน
“มีอะไรหรือ?” เนี่ยเทียนถามด้วยความไม่เข้าใจ
เนี่ยเฉี่ยนสีหน้าเคร่งเครียด แม้แต่ลมหายใจก็ยังเปลี่ยนมาเป็ถี่กระชั้น คลื่นพลังิญญาที่แม้แต่เนี่ยเทียนก็ยังััไม่ได้ กระเพื่อมออกไปด้านนอกราวลูกคลื่นโดยมีนางเป็จุดศูนย์กลาง
“ซ่า ซ่า ซ่า!”
ใบไม้ส่ายไหวทั้งๆ ที่ไม่มีลม
“เนี่ยเทียน! รีบวิ่งกลับไปที่เขาหลิงอวิ๋นให้เร็วที่สุด!” เนี่ยเฉี่ยนะโก้อง
“ฟิ้ว!”
กำไลสีเงินหลายชิ้นบนข้อมือของนางพลันหลุดจากข้อมือ กลายเป็แสงสีเงินบินทะยานไปยังต้นไม้ใหญ่สองต้นด้านหลัง
“กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง!”
ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ทั้งสองนั้นมีเสียงโลหะกระทบกันดังลอยออกมา ทั้งยังมีเสียงหัวเราะประหลาดต่ำลึกสองเสียงแทรกมาด้วย
ได้ยินเสียงหัวเราะนั้น เนี่ยเทียนหน้าเปลี่ยนสีทันควัน ตระหนักได้ถึงลางร้าย
“ไป!” เนี่ยเฉี่ยนฮึดฮัดหนึ่งเสียง จากนั้นก็กรีดร้องเสียงแหลม
นางหันกลับไปมองเนี่ยเทียน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สีหน้าร้อนรนอย่างถึงที่สุด
“สวบ!”
กำไลข้อมือหลายเส้นของนางที่บินออกไปก่อนหน้านั้น อ้อมวนไปที่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่สองต้นด้วยความเร็วกว่าเดิม
หลังจากกำไลเงินวนผ่านไป ชายสวมชุดสีฟ้าสองคนทยอยกันเดินออกมาด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง
“วิ่งรึ? เขาจะวิ่งไปไหนได้เล่า?” หนึ่งคนในนั้นมองเนี่ยเทียนด้วยสายตาเ็า
“ปัง!”
ในตอนนี้เอง กำไลข้อมือสีเงินที่บินกลับมากระแทกอย่างแรงบนกำแพงน้ำที่เนี่ยเฉี่ยนใช้พลังิญญาสร้างขึ้นมาขวางกั้น
ร่างกายบอบบางของเนี่ยเฉี่ยนถอยกรูดไปสองก้าว กำไลเงินเ่าั้ลอยอยู่บนกำแพงน้ำ ไม่ได้ร่วงลงไปทันที
นางยื่นมือออกไปคว้ากำไลเงินแต่ละชิ้นกลับเข้ามาดังเดิม มองชายชุดฟ้าสองคนด้วยสีหน้าซีดขาว “ข้าเคยเจอพวกเ้าในเมืองเฮยอวิ๋น!”
นางจำได้แม่นยำว่าเมื่อหลายเดือนก่อน ในบรรดาคนแปลกหน้ามากมายที่เดินเตร็ดเตร่อยู่รอบจวนตระกูลเนี่ย มีสองคนด้านหน้านี้อยู่ด้วย
นางตระหนักได้ทันทีว่าที่คนทั้งสองมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ต้องเป็เพราะหยวนชิวอิ๋ง เพราะความขัดแย้งคราวก่อนอย่างแน่นอน
“อย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว พวกเราพี่น้องก็ไม่กลัวที่จะบอกเ้าว่าพวกเราได้รับคำสั่งมาจากฮูหยินหยวน” ชายสวมชุดฟ้าอีกคนหนึ่งแสยะปากยิ้ม
“เป็นางจริงๆ ด้วย!” เนี่ยเฉี่ยนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เ้าสอง เ้าไปฆ่าไอ้ลูกหมาตัวนั้นก่อน ส่วนนางผู้หญิงคนนี้...” ชายชุดฟ้าที่หางตามีรอยแผลเป็เล็กๆ หนึ่งรอยยกยิ้มพลันหัวเราะเสียงประหลาด “ข้าจะจัดการนางเอง ฮูหยินหยวนกำชับมาแล้วว่าห้ามให้นางตายเร็วเกินไปนัก รับค่าจ้างคนอื่นมาเพื่อช่วยขจัดภัยให้กับเขา อย่างไรข้าก็ต้องทำให้ฮูหยินหยวนพอใจให้ได้”
ชายอีกคนหนึ่งจึงหัวเราะอย่างรู้ใจ พยักหน้ากล่าวว่า “พี่ใหญ่ ฆ่าเ้าเด็กนั่นเสร็จแล้ว ข้าจะมารอต่อจากท่าน”
“ได้ ฮ่าๆ!”
คนทั้งสองพูดจาหยอกล้ออย่างกำเริบเสิบสาน เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นเนี่ยเฉี่ยนและเนี่ยเทียนอยู่ในสายตาสักนิด สำหรับพวกเขาแล้ว เนี่ยเทียนและเนี่ยเฉี่ยนนั้นถือเป็คนที่ตายไปแล้ว
“เขายังเป็แค่เด็กคนหนึ่ง ขอร้องล่ะ ปล่อยเขาไปเถอะ!” เนี่ยเฉี่ยนอ้อนวอน “หยวนชิวอิ๋งให้อะไรกับพวกเ้า กลับบ้านไปข้าจะให้พวกเ้าอีกสามเท่า ตระกูลเนี่ยของข้ายังมีทรัพย์สมบัติมากมาย เชื่อข้าเถอะ!”
จากการลองหยั่งเชิงเมื่อครู่นี้ทำให้นางแน่ใจว่า ชายชุดฟ้าสองคนด้านหน้า อย่างน้อยก็มีตบะอยู่ในขั้นท้าย์่กลาง อีกทั้งบนร่างยังแผ่ไอดุร้ายออกมาชัดเจน นี่หมายความว่าทั้งสองคนไม่ได้เป็เพียงผู้ฝึกลมปราณที่ชีวิตยากลำบากเท่านั้น แต่เป็คนโเี้ที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางการสังหารผู้คน
ในใจนางรู้ดีว่าไม่ว่าใครก็ตามในสองคนนี้ นางก็ล้วนต่อกรด้วยไม่ได้
“พวกเราสองพี่น้อง เมื่อก่อนเคยได้รับพระคุณจากตระกูลหยวน พวกเราเป็คนรู้จักบุญคุณคน” ชายผู้มีแผลเป็ตรงหางตาหัวเราะหึหึ ลูบคางแล้วกล่าวว่า “อีกอย่างข้าก็ชอบใบหน้าของเ้ามาก เ้ายอมรับชะตากรรมเสียเถอะ”
คำพูดนี้ดังออกมา เนี่ยเฉี่ยนก็รู้ทันทีว่าวันนี้คงยากที่จะเลี่ยงพ้นภัยร้ายไปได้จึงกรีดร้องเสียงแหลม “เนี่ยเทียน! รีบหนีไปเร็ว!”
“กริ๊ง กริ๊ง!”
มือทั้งสองข้างของนางสะบัด กำไลสีเงินเ่าั้กระทบกันเกิดเป็เสียงแหลมดังบาดหู ทั้งยังบินทะยานแยกไปหาคนทั้งสองด้วยความเร็วที่น่าตะลึง
“ว่ากันว่าตระกูลเนี่ยไม่รุ่งโรจน์เช่นเดิมแล้ว เป็จริงดั่งที่เขาว่ากันเสียด้วย” ชายที่เป็ตัวนำส่ายหัว มองกำไลสีเงินที่พุ่งเข้ามาหาด้วยความรวดเร็ว แล้วกล่าวว่า “ตัวเป็ถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลเนี่ย ทั้งเป็ภรรยาเก่าของอวิ๋นจื้อกั๋ว ของที่นำมาใช้กลับเป็เพียงแค่อาวุธวิเศษระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นนี้”
ขณะที่พูดเย้ยหยัน โล่กลมโบราณทรงสี่เหลี่ยมหน้าตัดสีทองแดงพลันลอยขึ้นมา
“ตึง!”
คลื่นแสงสีแดงเหลืองเปล่งประกายออกมาจากโล่กลม ลายเส้นของโล่ที่ตัดสลับกันแน่นขนัดยิ่งฉายชัดจ้าแสบตาตามแสงที่เปล่งออกมาก่อนหน้านั้น
“แรงโน้มถ่วงจงเปลี่ยน!”
ชายที่เป็ผู้นำแค่นเสียงเย็นหนึ่งครั้ง แรงโน้มถ่วงรอบกายเขาก็เพิ่มพรวดขึ้นมาหลายเท่าในพริบตาเดียว
กำไลเงินที่คำรามเข้ามาหา เมื่อแรงโน้มถ่วงเกิดการเปลี่ยนแปลงจึงร่วงตุบลงไปบนพื้น!
“เ้าสอง แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเราจะสำรวจกันมาก่อนแล้ว แต่เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีใครผ่านมาทางมา พวกเราต้องจัดการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด!”
“พี่ใหญ่ ข้าจะไปฆ่าไอ้ลูกหมานั่นเดี๋ยวนี้!”
อีกคนหนึ่งกล่าวเสร็จก็ไม่สนใจเนี่ยเฉี่ยนอีก รีบพุ่งเข้าใส่เนี่ยเทียนทันที
กำไลเงินที่บินมาหาเขาพวกนั้น เนื่องจากแรงโน้มถ่วงเกิดการเปลี่ยนแปลง ยามนี้จึงร่วงลงบนพื้นหมดแล้ว ไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามใดๆ ต่อตัวเขาอีก
“เนี่ยเทียน! รีบหนีไปสิ!” เนี่ยเฉี่ยนะโร้องอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าขณะที่คนผู้นั้นพุ่งเข้ามาหา แม้ั์ตาเนี่ยเทียนจะลุกไหม้ด้วยโทสะเคียดแค้น ทว่าร่างของเขากลับแน่นิ่งไม่ไหวติง
“ก็แค่ตบะหลอมลมปราณขั้นสี่เท่านั้น อยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงห้าเท่าของโล่อำพันลึกลับของพี่ใหญ่ข้า เขาหนีไปได้อย่างนั้นสิถึงจะแปลก” ชายที่พุ่งเข้าใส่เนี่ยเทียนดวงตาเย็นะเื กล่าวเสียดสี
ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เนี่ยเฉี่ยนก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาในพริบตา กรีดร้องคลุ้มคลั่ง “ต่อให้ตายข้าก็ต้องลากพวกเ้าตกนรกหมกไหม้ไปด้วยกัน!”
“เฮือก เฮือก!”
เนี่ยเทียนหอบหายใจไม่หยุด พลังิญญาในร่างกายมารวมตัวกันที่ขาทั้งสองข้าง พยายามเต็มที่เพื่อขัดขืนแรงโน้มถ่วงจากพื้นดินที่เพิ่มขึ้นกะทันหัน คิดจะขยับเคลื่อนร่างกาย
ทว่าผืนดินใต้ฝ่าเท้าของเขา ยามนี้ราวกับกลายมาเป็แม่เหล็กขนาดั์ก้อนหนึ่ง ดึงดูดเขาเอาไว้แน่น
เขาออกแรงทั้งหมดที่มีแต่ก็ยังไม่สามารถสลัดแรงดูดจากพื้นดินได้ ฝ่าเท้าคล้ายถูกหินก้อนใหญ่กดทับเอาไว้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
อารมณ์สิ้นหวังและไม่ยินยอมทับซ้อนกันไปมาบ้าคลั่ง ยิ่งคนผู้นั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ใจของเขาก็ยิ่งเต้นรัวกระหน่ำ
และเวลานี้เอง เขาก็พลันััได้ว่ากระดูกสัตว์ชิ้นนั้นที่ถืออยู่ในมือกำลังร้อนลวกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
------
