ทางด้านหยางไท่ิกับฟงเฉิงฮ่าว พวกเขาให้คนของตนไปปล่อยข่าวเื่การประมูลยังเมืองใกล้เคียง ยิ่งมีพ่อค้าเร่ช่วยยืนยันว่าเป็เื่จริง ข่าวนี้ย่อมไปถึงหูของเ้าเมืองผู่กังอย่างเจิ้งเฉาต๋า ผู้ที่กลายเป็สุนัขรับใช้ของเหยียนโจวเฟิ่ง เนื่องจากเงินสินบนจำนวนมากที่ล่อตาล่อใจ
เมืองผู่กังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองผู่เถียนนัก หากขี่ม้าโดยไม่หยุดพักเพียงห้าวันก็ถึงเมืองผู่เถียน เมื่อข่าวการประมูลผ้าไหมทองคำ เดินทางมาถึงเมืองผู่กังมีหรือคนของเจิ้งเฉาต๋า จะไม่รีบนำมันมารายงานเพื่อประจบสอพลอผู้เป็นาย
“ใต้เท้า ๆ ขอรับ แฮ่ก ๆ ๆ”
เ้าเมืองเจิ้งที่นั่งอ่านเื่ร้องเรียนของชาวบ้าน จำต้องวางหนังสือร้องเรียนลงเพราะน้ำเสียงของคนสนิท ที่ดูจะตื่นเต้นกับบางสิ่งบางอย่าง “เป็อันใดของเ้ากว่างเสี้ยว ทั้งวิ่งทั้งเสียงดังไปทั่วจนข้าต้องวางงานในมือลงเช่นนี้”
กว่างเสี้ยวหยุดตรงหน้าโต๊ะตัวใหญ่ พร้อมสูดหายใจให้หายเหนื่อยจึงรายงานสิ่งที่ตนได้ยินมาต่อเ้าเมืองเจิ้ง “ใต้เท้าขอรับ ข้าได้ยินพวกพ่อค้าหลายคนในตลาด พูดถึงเื่การประมูลผ้าไหมทองคำในเมืองผู่เถียนขอรับ”
“เ้าพูดว่าอันใดนะ!! พูดให้ข้าฟังชัด ๆ อีกทีสิ”
“พวกพ่อค้าในตลาดบอกว่าจะมีการประมูลผ้าไหมทองคำ ที่เมืองผู่เถียนจัดขึ้นที่ร้านผ้าไหมแห่งหนึ่งของที่นั่นขอรับใต้เท้า”
เ้าเมืองเจิ้งเมื่อได้ยินอย่างชัดเจน หลังจากกว่างเสี้ยวพูดซ้ำอีกครั้ง “ผะ ผะ ผ้าไหมทองคำเช่นนั้นรึ! ั้แ่ข้ารับตำแหน่งเ้าเมืองมาเกือบสองปี ยังไม่เคยมีเื่เช่นนี้เกิดขึ้นสักครั้ง แล้วพ่อค้าพวกนั้นบอกหรือไม่ ว่าเป็ตระกูลใดที่ใจกล้าใช้ทองคำมาทำเส้นไหม และทอผ้าราคาแพงออกมาได้น่ะ”
กว่างเสี้ยวหยุดคิดเล็กน้อย แต่ก็ตอบออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก “บ่าวได้ยินคล้าย ๆ ชื่อตระกูลจินนะขอรับใต้เท้า ตอนนี้ในเมืองผู่กังไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็มีแต่คนพูดถึงเื่การประมูลที่ว่านี้ขอรับ”
“ไม่ได้การข้าต้องเอาเื่นี้ไปรายงานคุณชายเหยียน หากครั้งนี้คุณชายได้ผ้าไหมทองคำนั่นมา ข้าคงได้รางวัลมากกว่าทุกครั้งเป็แน่ ไป! กว่างเสี้ยวรีบไปเตรียมม้าให้ข้าเร็วเข้า” เ้าเมืองเจิ้งมองเห็นถึงรางวัลที่จะได้รับมากมาย จากเื่ที่เขากำลังนำไปรายงานต่อเหยียนโจวเฟิ่ง
กว่างเสี้ยวรับคำสั่งอย่างกระตือรือร้น “บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้ขอรับใต้เท้า”
เ้าเมืองเจิ้งยิ้มเ้าเล่ห์ยามนี้เขากำลังฝันหวาน ถึงรางวัลจากผลงานชิ้นเอก เพราะผ้าไหมทองคำใช่ว่าจะมีผู้ใดทำออกมาได้ แม้แต่ช่างในกองภูษาของวังหลวงยังบอกว่ายากที่จะทำได้สำเร็จ
เ้าเมืองเจิ้งพร้อมคนสนิทควบม้าออกจากเมือง มุ่งหน้าไปยังูเาผู่ถัวโดยใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วยามครึ่ง กว่าจะขึ้นมาถึงกลางูเาลูกนี้ ซึ่งมีโรงทอผ้าอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ เ้าเมืองเจิ้งเดินเข้าไปด้านในก็พลันได้ยินเสียง ดูเหมือนว่ายามนี้เหยียนโจวเฟิ่งกำลังอารมณ์ไม่ดี
เพียะ! โอ้ย! “ข้าสั่งพวกเ้าว่าอย่างไร ห๊า! ไหนล่ะผ้าทอลายใหม่ที่พวกเ้าขอเวลากับข้าไว้”
ฉู่เฟยคนสนิทของเหยียนโจวเฟิ่ง สังเกตเห็นเ้าเมืองเจิ้งจึงรายงานเ้านายให้ทราบ “คุณชายใหญ่ขอรับ เ้าเมืองเจิ้งมาพบโดยที่ท่านมิได้เรียกขอรับ”
“หืม เจิ้งเฉาต๋ากล้าดีอย่างไรถึงได้ขัดคำสั่งของข้า”
ถึงแม้เ้าเมืองเจิ้งจะรับรู้แล้วว่าเหยียนโจวเฟิ่งอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ยังเดินยิ้มเข้ามาด้วยท่าทีนอบน้อม “คารวะคุณชายใหญ่ขอรับ ข้าต้องขออภัยที่ไม่ทำตามคำสั่งของท่านในครั้งนี้ด้วย แต่ข้ามีข่าวดีมารายงานให้ท่านทราบขอรับ”
“ข่าวดีอันใด? หากข้าฟังแล้วมิใช่ข่าวดีเช่นที่เ้าพูดมา ชื่อเ้าเมืองผู่กังจะเปลี่ยนทันที” เหยียนโจวเฟิ่งถามกลับพร้อมข่มขู่เ้างเมืองเจิ้ง
“แหะ ๆ ๆ ข่าวดีอย่างแน่นอนขอรับ ตอนนี้ในเมืองผู่กังเหล่าพ่อค้าทั้งหลาย กำลังพูดถึงเื่การจัดงานประมูลผ้าไหมทองคำน่ะสิขอรับ” เ้าเมืองเจิ้งพูดจบก็รอดูท่าทางของเหยียนโจวเฟิ่งไปในที
เหยียนโจวเฟิ่งเชื่อเพียงสามส่วนเท่านั้น “จริงเท็จแค่ไหน เ้าให้คนตรวจสอบเื่นี้ถี่ถ้วนแล้วรึ?”
แต่เ้าเมืองเจิ้งยังคงยืนกรานว่าเป็เื่จริง เนื่องจากเขาได้ยินกับหูตนเองหลังจากขี่ม้าผ่านกลางเมือง “จริงสิขอรับคุณชายใหญ่ ข้าได้ยินมากับหูไม่มีร้านค้าใดในเมืองผู่กัง ที่ไม่พูดถึงงานประมูลนี้ขอรับ”
เมื่อเ้าเมืองเจิ้งยืนยันอย่างหนักแน่น เหยียนโจวเฟิ่งหัวเราะด้วยความดีใจ และ้าผ้าไหมทองคำที่นั่นทันที “ฮ่า ๆ ๆ ์ช่างมอบความโชคดีให้ข้าได้ถูกเวลาจริง ๆ หากได้ผ้าไหมทองคำผืนนั้นมา ข้าจะเอาไปประมูลในแคว้นต้าหลี่ คราวนี้คงทำเงินได้มากกว่าผ่านมานับร้อยเท่าแน่”
ฉู่เฟยจึงถามกำหนดการจัดงานประมูล เพราะจะได้วางแผนการเดินทางได้ทันการณ์ “ใต้เท้าเจิ้งแล้วงานประมูลจะจัดขึ้นเมื่อใดหรือ ข้าจะได้วางแผนการออกเดินทางไว้แต่เนิ่น ๆ”
เื่กำหนดการประมูลเป็กว่างเสี้ยวที่รายงานแทน “เรียนคุณชายใหญ่ บ่าวได้ยินพ่อค้าพวกนั้นพูดกันว่า งานประมูลนี้จะมีขึ้นในอีกห้าวัน หากไม่นับรวมวันนี้ก็เหลือเวลาอีกสี่วันขอรับ”
ฉู่เฟยหันไปรอคำสั่งจากเหยียนโจวเฟิ่งทันที ซึ่งเ้านายย่อมไม่รีรอกับการรีบออกเดินทาง
“คุณชายใหญ่้านำคนไปมากน้อยเพียงใดขอรับ”
“นำคนติดตามไปสิบคนก็พอ เ้าไปเตรียมม้าและสัมภาระให้ข้าโดยเร็ว อีกหนึ่งเค่อพวกเราจะเดินทางไปเมืองผู่เถียน”
“ขอรับคุณชายใหญ่”
เหยียนโจวเฟิ่งสั่งการคนของตนเสร็จ จึงหันมาทางเ้าเมืองเจิ้งบ้าง “หึ ครั้งนี้เ้าทำงานได้ดีมากเจิ้งเฉาต๋า ไว้ข้ากลับจากเมืองผู่เถียนแล้ว จะตกรางวัลให้เ้าอย่างงาม”
แค่ได้ยินคำว่าตกรางวัลเ้าเมืองเจิ้งก็ตาโตเป็ไข่ห่าน “ขอบคุณคุณชายใหญ่ที่เมตตา ข้าแค่ทำตามหน้าที่ที่สมควรทำเท่านั้นขอรับ หากไม่มีอันใดแล้วข้าขอตัวกลับเข้าเมืองก่อนนะขอรับ”
“อืม ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ฝากดูแลที่นี่ด้วยก็แล้วกัน”
“รับทราบขอรับคุณชายใหญ่”
หลังจากเ้าเมืองเจิ้งกลับออกไป เหยียนโจวเฟิ่งหันไปพูดกับช่างทอผ้าที่กำลังทำงานตัวเป็เกลียว “พวกเ้าทุกคนจงฟังให้ดี! หากใครสามารถทอผ้าไหมทองคำ หรือผ้าไหมจากเงินแท้ได้ ข้าจะให้โอกาสพวกเ้าได้กลับไปเยี่ยมครอบครัว”
เมื่อได้ยินคำว่าครอบครัวมีช่างทอผ้าหลายคน ถามย้ำกับเหยียนโจวเฟิ่งเพื่อความแน่ใจ “คุณชายท่านพูดจริงหรือขอรับ ถ้าหากพวกข้าช่วยกันทำได้สำเร็จ จะอนุญาตให้กลับไปเยี่ยมครอบครัวได้ ท่านไม่ได้โกหกพวกข้าใช่หรือไม่ขอรับ”
“หืม ข้าเป็ถึงน้องชายของกุ้ยเฟย จะพูดจาโกหกหลอกลวงพวกเ้าได้อย่างไร ขอเพียงพวกเ้าช่วยกันคิดหาวิธีได้ ข้าย่อมทำตามคำพูดอย่างแน่นอน”
‘หึ คำพูดของข้าจะเหมือนเดิมได้อย่างไรเ้าพวกโง่’
เพราะตามเล่ห์เหลี่ยมของคนชั่วไม่ทัน ช่างทอผ้าบางส่วนถึงกับรีบรวมตัวกัน เพื่อคิดหาวิธีการทอผ้าไหมด้วยเส้นด้ายสีทอง และเส้นด้ายสีเงินตามคำสั่งของเหยียนโจวเฟิ่ง
ฉู่เฟยที่เตรียมสัมภาระและม้าไว้รอด้านนอกถ้ำเรียบร้อย จึงเดินเข้ามาตามเ้านายตามคำสั่ง “คุณชายใหญ่ทุกอย่างพร้อมแล้วขอรับ แต่บ่าวเตรียมตั๋วเงินไว้เพียงหนึ่งหมื่นตำลึงทอง ไม่ทราบว่าคุณชายใหญ่จะให้นำไปเพิ่มหรือมะ..”
“ไม่ต้อง! ใครบอกเ้าว่าข้าจะยอมเสียตำลึงทอง เพื่อให้ได้ผ้าไหมทองคำผืนนั้นมากันเล่า ในเมื่อข้าอยากได้มันก็ต้องเป็ของข้า โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่อีแปะเดียว เข้าใจที่ข้าพูดหรือยังฉู่เฟย”
ฉู่เฟยเข้าใจได้ทันทีว่าเ้านายอยากได้ด้วยวิธีใด “เข้าใจแล้วขอรับ”
เหยียนโจวเฟิ่งเดินนำคนสนิทออกจากถ้ำอย่างอารมณ์ เมื่อคิดถึงภาพเหล่าคหบดีหรือเชื้อพระวงศ์ ที่เข้าร่วมประมูลผ้าไหมทองคำ ซึ่งเขาจะต้องได้มันมาอยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
