เว่ยเหม่ยเจียรีบวิ่งเข้าไปด้านในห้องและพบกับเฉินไท่เฟยที่หน้าซีดนอนนิ่งอยู่บนเตียง
“พี่สะใภ้ ท่านทำอันใดกับเสด็จป้ากันแน่? ”
ซูจิ่นซีเมินเว่ยเหม่ยเจีย ทำราวกับนางไม่มีตัวตนอยู่เลย
เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยานั่งอยู่้า ซูจิ่นซีจึงเดินไปด้านหน้าแล้วเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง อาการป่วยของเสด็จแม่ทรงตัวแล้ว ตอนนี้พ้น่วิกฤตแล้วเพคะ”
“ซูจิ่นซี แม้แต่หมอหลวงฉู่ยังสงสัยว่าอาการอาเจียนเป็โลหิตของไท่เฟยนี้มีสาเหตุมากจากการเสวยยาของเ้าเ้าควรจะชี้แจงและสารภาพกระไรให้ข้าฟังสักหน่อยหรือไม่? ”
เสียงของเยี่ยโยวเหยานุ่มนวลมากทว่าซูจิ่นซีรู้สึกได้ถึงรัศมีอันตรายที่คุ้นเคยบนร่างกายของเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง
เขาก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่กำลังสงสัยตนอยู่เช่นเดียวกัน!
ซูจิ่นซียิ้มอย่างเ็าที่มุมปาก หันไปมองหมอหลวงฉู่
“หมอหลวงฉู่ ยามีมากมายและลึกซึ้งยิ่งนัก ท่านไม่ใช่เปี่ยนเชวี่ย [1] แล้วก็ไม่ใช่หวาถัว [2] ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนใช่ว่าท่านไม่เคยพบไม่เคยดมกลิ่นแล้วผู้อื่นก็จะต้องเหมือนกับท่านที่เป็ดั่งกบในลาเช่นนั้นหรืออย่างไร? ”
เคราของหมอหลวงฉู่กระตุกขึ้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็สีขาวและความสงสัยก็แวบเข้ามาในตาของเขา
ซูจิ่นซีพอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของหมอหลวงฉู่เป็อย่างมาก
“หลอหลวงฉู่ หรือมิใช่ว่าแม้แต่เปี่ยนเชวี่ยและหวาถัวท่านก็ยังไม่รู้จัก? ”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูิ่และเหน็บแนม
ไม่จำเป็ต้องพูดให้มากความ ด้วยคำถามง่ายๆ ไม่กี่คำถามนี้ ซูจิ่นซีก็ได้อธิบายแก่เยี่ยโยวเหยาไว้มากมายแล้ว
เื่เฉพาะทาง แม้แต่หมอหลวงฉู่ก็มีใบหน้าที่ว่างเปล่าแม้ว่านางจะอธิบายให้เยี่ยโยวเหยาฟัง เยี่ยโยวเหยาก็ไม่สามารถเข้าใจได้
ใบหน้าของหมอหลวงฉู่ก็ซีดลงอีกครั้ง ทว่าเนื่องด้วยฐานะของซูจิ่นซี หมอหลวงฉู่จึงทำได้เพียงแค่ระงับความไม่พอใจไว้ภายในใจไม่กล้าที่จะพูดสิ่งใดให้มากความ
ซูจิ่นซีภูมิใจมากเสียจนไม่สนใจหมอหลวงฉู่อีกต่อไป นางหันไปพูดกับเว่ยเหม่ยเจีย “รบกวนน้องหญิง นำยาทุกอย่างที่ให้เสด็จป้าเสวยมาให้ข้าข้า้าจะตรวจดูทีละตัวอย่างละเอียด”
เว่ยเหม่ยเจียตัดสินว่าที่เฉินไท่เฟยมีปัญหาก็เพราะใช้ยาของซูจิ่นซีแม้ว่าจะไม่ใช่ นางก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะตั้งโทษไว้ให้ซูจิ่นซีเช่นกัน
“พี่สะใภ้ เสด็จป้าใช้เพียงแค่ยาที่ท่านให้ไว้ยังจะให้ข้านำมาให้ท่านตรวจดูอีกรอบหรือ? ”
“น้องหญิง ในตอนนี้คำพูดที่เ้าพูดทุกคำเ้าจะต้องรับผิดชอบนะเ้าแน่ใจใช่หรือไม่?”
มีบางสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นบนใบหน้าโกรธขึ้งของหมอหลวงฉู่
เว่ยเหม่ยเจียยังคงตั้งใจแน่วแน่ที่จะกัดไม่ปล่อย นางพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ ข้าแน่ใจมาก เสด็จป้าใช้เพียงแค่ยาที่ท่านให้เหตุใดท่านจึงได้ไต่สวนข้าฉอดๆ เช่นนี้ หรือว่าท่าน้าบอกเป็นัยกระไรให้เหม่ยเจียหรือไม่เล่า? ”
สตรีนางนี้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเสียจริง
ในเมื่อเป็เช่นนี้พี่สาวจะให้เ้าดูว่าสิ่งใดที่เรียกว่าเห็นโลงศพแล้วก็ไม่มีโอกาสได้หลั่งน้ำตา!
“หวงฉี เหรินเซิน ตังกุย ไฉหู เซิงหมา หวงเหลียน จือหมู่... น้องหญิง ้าให้ข้าอธิบายตัวยาพวกนี้ทีละตัวเลยหรือไม่? เสด็จแม่่นี้ดื่มยาต้มอันเสิน [3] ตลอด เหตุใดเ้าจึงไม่รีบพูดออกมาอีกเล่า? ”
ให้ตายเถิด!
เพียงตรวจดูชีพจร คาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะสามารถทราบได้ว่า่นี้เฉินไท่เฟยกำลังใช้ยาต้มอันเสิน
การแสดงออกของทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย แม้แต่เยี่ยโยวเหยาก็มีรังสีสะท้อนรอบทิศทางในดวงตาขึ้นมาทันใดเมื่อมองไปที่ซูจิ่นซี
หลังจากแปลกใจ เว่ยเหม่ยเจียก็เกิดความดีอกดีใจที่เห็นผู้อื่นประสบเคราะห์ร้าย “พี่สะใภ้ ท่านเป็หมอไม่ใช่หรือ? ในเมื่อท่านสามารถมองออกว่าเสด็จป้าใช้ยาต้มอันเสินก่อนที่จะสั่งยาก็ควรจะมองออกสิ! ความสามารถของท่านมากมายยังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ? ”
แท้จริงแล้วก่อนหน้านี้ที่ซูจิ่นซีให้ยาพูเอ๋อร์ิ่กับเฉินไท่เฟยก็ควรมองออกทว่ายาต้มอันเสินนี้ไม่อยู่ในขอบเขตของยาพิษ ระบบถอนพิษจึงไม่แจ้งเตือนโดยทันทีดังนั้นซูจิ่นซีจึงไม่ได้สังเกต เมื่อครู่นี้นางเปิดระบบถอนพิษเมื่อตรวจสอบเฉินไท่เฟยอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงจะสามารถมองออกนี่เป็ความผิดพลาดของซูจิ่นซีอย่างแท้จริงและมันก็เป็ส่วนที่สามารถหลอกระบบถอนพิษได้เช่นกัน
“พระชายา แม้ว่าไท่เฟยจะดื่มยาต้มอันเสินนี่ ทว่าก็ไม่เกี่ยวข้องกระไรกับอาการอาเจียนเป็โลหิตของไท่เฟยใช่หรือไม่? ”
หมอหลวงฉู่ถามขึ้นกะทันหัน
ไม่เกี่ยวข้อง
ผู้ใดก็ตามที่เข้าใจการแพทย์ล้วนรู้ดีว่ายาต้มอันเสินเป็ใบสั่งยาที่ช่วยเสริมให้นอนหลับและไม่มีผลข้างเคียงอันใด ที่สำคัญ ยิ่งไม่ควรสามารถทำให้คนอาเจียนเป็โลหิตได้ถึงเพียงนี้
ทว่ายาต้มนี้กับยาพูเอ๋อร์ิ่มีฤทธิ์ขัดกัน ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้
โดยเฉพาะเป็ยาแผนปัจจุบันตัวหนึ่งและยาจีนอีกตัวหนึ่ง ซึ่งห้ามรับประทานพร้อมกันมากที่สุด
เพียงแต่นี่ก็ยังไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่จะทำให้เฉินไท่เฟยอาเจียนเป็โลหิต
“พี่สะใภ้ ท่าน้าจะพูดสิ่งใด? ไม่ใช่ว่าท่านอยากหนีความรับผิดชอบหรอกหรือ?เพียงแต่บัดนี้เสด็จป้าก็ไม่ได้เป็กระไรแล้ว ท่านจะไม่รับผิดชอบว่ายาของท่านมีปัญหาก็ไม่เป็ไรอย่างไรเสียเสด็จพี่ก็เอาใจท่าน ผู้อื่นจะทราบอันใดก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาเสด็จพี่เพคะ ท่านว่าใช่หรือไม่เพคะ? ”
เว่ยเหม่ยเจียรนหาที่ตาย คิดจะใช้เยี่ยโยวเหยาเพื่อกดดันซูจิ่นซีน่าเสียดายที่เยี่ยโยวเหยาไม่สนใจนางโดยสิ้นเชิง
เยี่ยโยวเหยาฟังทุกคำพูด ทุกประโยคของซูจิ่นซีด้วยความสนใจอย่างมาก อยากจะรู้นักว่าซูจิ่นซีจะลบล้างโทษของตนให้พ้นผิดได้อย่างไร
“ขอถามว่ายาต้มอันเสินของเสด็จแม่นั้นผู้ใดเป็คนรับผิดชอบต้มมัน? ”
ซูจิ่นซีถามข้ารับใช้ที่อยู่ถัดจากเฉินไท่เฟยโดยตรง
“เรียนพระชายา เป็ข้าน้อยที่รับผิดชอบต้มยาเองเพคะ”
สาวใช้ที่มวยผมสูงยืนขึ้น
“รบกวนเ้าช่วยนำกากยาและกระบอกยาที่ต้มแล้วคืนนี้มาให้ข้าด้วย! ”
“เพคะ! ”
ด้วยฐานะของชายาอ๋อง นางกำนัลจึงไม่กล้าที่จะชักช้าดังนั้นนางจึงรีบตอบรับ จากนั้นก็ไปนำสิ่งที่ซูจิ่นซี้ามาให้นาง
สีหน้าของหมอหลวงฉู่นับวันก็ยิ่งผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ “พระชายาแม้แต่ผู้ที่มีความรู้เื่แพทย์เพียงน้อยนิดก็ยังรู้ว่ายาต้มอันเสินนี้เป็ยาต้มที่ใช้บำรุงจำเป็ที่ท่านจะต้องตรวจกากของยาต้มอันเสินเช่นนั้นเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
ซูจิ่นซีเหลือบมองหมอหลวงฉู่ รอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ปรากฏบนมุมปากของนางโดยที่นางไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ
หมอหลวงฉู่ยิ่งสับสนมากขึ้น ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดทันใดนั้นก็ปรากฏหยาดเหงื่อเย็นเฉียบขึ้นบนหน้าผากของเขา
“พี่สะใภ้ ท่านอาจจะไม่ทราบกระมัง? ฝีมือทางการแพทย์ของหมอหลวงฉู่พวกเราทุกคนแห่งแคว้นจงหนิงทราบดีที่สุด ลำดับในวงการแพทย์นี้ก็เป็อันดับสอง รองจากผู้นำสำนักซูซึ่งเป็อันดับหนึ่งในสำหนักหมอหลวงเท่านั้น”
หัวหน้าของสำนักหมอหลวงก็คือซูจ้ง ผู้เป็บิดาของซูจิ่นซี
เว่ยเหม่ยเจียใช้ซูจ้งเพื่อกดดันซูจิ่นซี และยังดูถูกนางอีกด้วย!
สตรีนางนี้ หากเ้าไม่สนใจนางนางก็ยังคงสามารถพูดส่งเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจไม่หยุดใส่หูของเ้าเพื่อแสวงหาความสุขใส่ตนซูจิ่นซีเคยเจอคนที่ตาไม่มีมีแววอยู่บ้าง ทว่าไม่เคยเจอคนที่ตาไม่มีแววได้ถึงเพียงนี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง
“เป็รองท่านพ่อเท่านั้น? เช่นนั้นก็อยู่ภายใต้บิดาของข้าหรอกหรือ?น้องหญิงเป็คนนอกอาจไม่รู้ว่า แม้ว่าอันดับในโลกการแพทย์จะดีที่สุดทว่าความสามารถที่แท้จริงนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ใช่หรือไม่? หมอหลวงฉู่”
ซูจิ่นซีจัดการเว่ยเหม่ยเจียด้วยประโยคเดียวและยังไม่ลืมที่จะใส่ชื่อหมอหลวงฉู่ลงไปด้วย
สีหน้าของหมอหลวงฉู่ดูเหมือนจะอึดอัดเป็อย่างยิ่งสถานที่ที่แห้งกลับมีเหงื่อเย็นเฉียบมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เว่ยเหม่ยเจียคิดจะตอบกลับ ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากทันใดนั้นซูจิ่นซีก็พูดขึ้นมาอีกประโยค “หากน้องหญิงไม่เข้าใจความจริงก็ไม่ต้องพูดสิ่งใดก็ได้ ไม่มีเ้ามาคอยปรับบรรยากาศพวกข้าก็ไม่รู้สึกว่าอึดอัดกระไรหรอกอย่างไรเสียตอนนี้อาการของเสด็จแม่ก็สำคัญที่สุด ท่านอ๋อง ท่านว่าถูกต้องหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีที่กำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นก็หันหน้าไปหาเยี่ยโยวเหยา
เดิมทีเพียงคิดที่จะจัดการเว่ยเหม่ยเจียที่น่ารำคาญผู้นี้ด้วยการทำให้นางโกรธก็ไม่ได้หวังให้เยี่ยโยวเหยาตอบรับอันใดเช่นกันทว่าก็คาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะตอบรับอย่างไม่มีอารมณ์ร่วมว่า “อืม”
ทันใดนั้นใบหน้าของเว่ยเหม่ยเจียก็เ็ปจนน่าเกลียดกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
เดิมทีซูจิ่นซีอารมณ์เสียอย่างที่สุด ในทันใดนั้นก็ราวกับฟ้าเปิดและมีฝนรินทันทีมองเยี่ยโยวเหยาด้วยความปิติยินดีและชื่นชมเล็กน้อย
เยี่ยโยวเหยาเงยหน้าขึ้นเพียงนิดบังเอิญสบกับดวงตาของซูจิ่นซีโดยมิได้คาดคิด ทันใดนั้นหัวใจของนางก็เต้น “ตึกตึกตึก” ไม่เป็จังหวะในทันทีซูจิ่นซีไม่กล้ามองเยี่ยโยวเหยาโดยตรง จึงทำเป็ใช้ดวงตามองออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“พระชายา นำของที่ท่าน้ามาให้แล้วเพคะ! ”
นางกำนัลที่ซูจิ่นซีสั่งให้ไปเอากากยาและกระบอกยากลับมา ยกของมายังเบื้องหน้าซูจิ่นซี
การแสดงออกบนใบหน้าที่เกินจำเป็ของซูจิ่นซีหายไปในทันใด นางหันมาทำหน้าจริงจังขอให้นางกำนัลวางกากยาและกระบอกยาลงบนโต๊ะแล้วเริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด
นาง้าจะตรวจสอบสิ่งใดกันแน่?
ก็แค่ยาต้มอันเสินธรรมดาๆจะเกี่ยวข้องกระไรกับอาการอาเจียนเป็โลหิตของเฉินไท่เฟยด้วยเล่า?
......
เชิงอรรถ
[1] เปี่ยนเชวี่ย คือ แพทย์ผู้เขียนตำราหลายเล่มท่านได้เดินทางไปรักษาและช่วยเหลือผู้คนมากมายรวมทั้งได้รักษาองค์จักรพรรดิหวงตี้อีกด้วย จึงได้รับการยกย่องเป็หมอเทวดา
[2] หวาถัว เป็บรมครูเเพทย์เเห่งการผ่าตัดผู้เขียนตำราเเพทย์ วิชาการผ่าตัดสมัยนั้นเป็ที่เลื่องลือมาก เพราะเป็วิทยาการใหม่ล้ำยุคนอกจากนี้ยังมีการใช้ยาชาอีกด้วย ผู้คนจึงเรียกเเละยกย่องหวาถัวว่า"หมอเทวดา"
[3] ยาต้มอันเสิน คือ ตํารับยาบํารุงหัวใจช่วยให้นอนหลับง่าย