ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง เซียวเฉินนั่งขัดสมาธิ ร่างกายถูกพลังเสวียนห่อหุ้ม เวลานี้เขากำลังอยู่ในภาวะฝึกปรือ ภายในจิตใต้สำนึก เบื้องหน้าของเขาปรากฏแสงสลัวแถบหนึ่ง จำแนกทิศทางไม่ออก ทว่าเขากลับรู้สึกได้รางๆ ว่าแรงดึงดูดไร้ลักษณ์ขุมหนึ่งกำลังชักจูงให้ตนเองก้าวไปข้างหน้า
เซียวเฉินไม่ปฏิเสธแรงดึงดูดขุมนั้น
ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสนิทชิดเชื้อ
วิ้ง!
เบื้องหน้าของเซียวเฉินค่อยๆ ชัดเจน สิ่งที่เข้าสู่คลองจักษุกลับเป็ความรกร้างราวกับกลียุคเมื่อครั้งากระนั้น เทือกเขาและแม่น้ำทอดตัวยาว เวิ้งนภาฉาบด้วยสีเหลืองเข้มอยู่เจือจาง
“ที่นี่คือที่ไหน?” เซียวเฉินส่งเสียงพึมพำ
เมื่อเห็นความรกร้างเต็มตา เซียวเฉินอดมองไปรอบด้านไม่ได้ เขาถึงกับพบว่าทั้งหมดนี้เป็พื้นรกร้างไร้ขอบเขต ทอดตามองไปไม่เห็นจุดสิ้นสุด
“กี๊ซ”
เสียงวิหคร้องกังวานดังขึ้น สั่นะเืฟ้าดิน จากนั้นบนเวิ้งนภาก็ปรากฏวิหคเทพร่างขนาดหมื่นจั้ง ปีกสองข้างของวิหคเทพปิดฟ้าบังตะวัน เปลวไฟบนร่างเต้นระริก มีขนนกยาวเก้าอันบนขนหาง ตลอดร่างเปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์ เจิดจ้าแสบตาสุดเปรียบปาน
เซียวเฉินตกตะลึง
“นี่คือสัตว์เทพหงสาหรือ?”
แม้ว่าเขามีความสามารถแค่ขั้นแรกกำเนิด แต่กลับจำสัตว์เทพเบื้องหน้าได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ในใจปั่นป่วนดั่งมีระลอกคลื่นพันชั้น สัตว์เทพที่มีอยู่แค่ในเทวตำนาน ไม่มีใครเคยเห็นร่องรอยของสัตว์เทพมาก่อน แต่ตอนนี้เขาถึงกับเห็นสัตว์เทพหงสา ราชันแห่งหมื่นวิหค
“คลื่นพลังิญญานั้นช่างแกร่งกร้าวยิ่งนัก เกรงว่าถ้าเป็ในปัจจุบัน ไม่มีใครในดินแดนเสวียนเทียนสามารถต่อกรได้” เซียวเฉินมองวังวนหงสาอาบเพลิงบนเวิ้งนภา ดวงตาทอแววเร่าร้อน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาจึงมีความรู้สึกสนิทชิดเชื้อกับหงสาบางเบาถึงเพียงนี้
ข้อนี้เขาเองก็ไม่กระจ่างว่าเป็เื่อะไรกันแน่
ระหว่างที่เซียวเฉินเหม่อลอย หงสาวิหคเทพตัวนั้นก็บินมาหาและพุ่งเข้าร่างของเขาในเวลาชั่วประกายไฟและปะทุออกมาโดยไร้ที่สิ้นสุด
“อ๊า!”
เซียวเฉินลืมตาขึ้นทันควัน พลังเสวียนบนร่างก็หดกลับเข้าร่างในชั่วขณะนี้
ทว่าเวลานี้เอง ห้วงสมองกลับปรากฏตำราสีทอง ราวกับประทับอยู่ในการรับรู้ของตนเอง เซียวเฉินมองอักษรเล็กๆ บนตำราสีทอง
“คัมภีร์หงสาานิรวาณ...”
นี่คือเคล็ดวิชาเล่มหนึ่ง
เซียวเฉินตกตะลึงทันใด
ทุกคนในดินแดนเทียนเสวียนล้วนเทิดทูนมรรคาบู๊ ดังนั้น ความใฝ่ฝันของทุกคนคือกลายเป็ผู้ฝึกปรือวิชาบู๊ ฉะนี้ร่างกายของแต่ละคนมีชีพจริญญาสิบแปดเส้น ซึ่งชีพจริญญาสิบแปดเส้นนี้แปรตามพร์ของคนผู้หนึ่ง ยิ่งชีพจริญญาทะลวงเยอะก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าพร์ของคนผู้นั้นยิ่งแข็งแกร่ง
หากคิดจะกลายเป็ผู้ฝึกปรือวิชาบู๊ก็จำเป็ต้องทะลวงชีพจริญญาหกเส้นก่อน ไม่เช่นนั้นก็ได้แต่หยุดอยู่ที่ขั้นฐานจิตชั่วชีวิต ดั่งนี้ จึงต้องมีการแบ่งแยกความสามารถของผู้ฝึกปรือวิชาบู๊
จำแนกเป็ขั้นฐานจิต ขั้นสร้างปราณ ขั้นแรกกำเนิด ขั้นตานฟ้า ขั้นเสวียนฟ้า ขั้นเสวียนเต๋า ขั้นยุทธ์์ ขั้นดารา์ และขั้นเทพ์ รวมเก้าขั้น แต่ละเขตขั้นแบ่งเป็เก้าชั้นฟ้า แต่ละชั้นฟ้ายังแบ่งเป็ระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูงสุด รวมสามระดับ และเมื่อเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นสร้างปราณแล้วจึงถือว่าได้เหยียบย่างเข้าสู่ธรณีประตูของผู้ฝึกปรือวิชาบู๊
แน่นอนว่าเมื่อมีผู้ฝึกวิชาย่อมต้องมีเคล็ดวิชา และเพื่อความสอดคล้องกับการให้ผู้ฝึกปรือวิชาบู๊ฝึกฝน ย่อมต้องมีการแบ่งระดับขั้นด้วยเช่นกัน แบ่งเป็ขั้นนิล ขั้นดิน ขั้นฟ้า ขั้นเหนือฟ้า ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ขั้นอภิญญา รวมหกขั้น
ยามนี้เซียวเฉินเห็นตำราสีทองในการรับรู้ของตนเอง ดวงตาฉายแววตื่นตะลึง เนื่องจากคลื่นที่ตำราสีทองเล่มนั้นแผ่กระจายออกมาทำให้เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งสุดเปรียบปานจนบรรยายไม่ถูก
“นี่เป็เคล็ดวิชาขั้นใดกันแน่? คิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งปานนี้?” เซียวเฉินเอ่ยพึมพำ เขาถึงกับเกิดความสนิทชิดเชื้อกับเคล็ดวิชาแขนงนี้อย่างบอกไม่ถูก เสมือนเชื่อมโยงไว้ด้วยสายโลหิตดุจญาติคนหนึ่ง จึงทำให้เขาตัดใจไม่ได้
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เซียวเฉินมีสีหน้าตกตะลึง
เบื้องหน้าปรากฏเงาร่างงามพิลาสในบัดดล ดวงตาอดชื้นนิดๆ ไม่ได้ ราวกับเงาร่างสายนี้เรียกความทรงจำในอดีตของเขาขึ้นมา
“เคล็ดวิชานี้คือสิ่งที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้าหรือ?” เซียวเฉินเอ่ยพึมพำ ยื่นมือไปลูบหยกประดับของตนเองแล้วอดแย้มยิ้มไม่ได้
“ท่านแม่ ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี ขอบคุณท่านแม่ที่ปกป้องข้ามาตลอด ขอบคุณท่านแม่ที่มอบเคล็ดวิชาให้ข้า นับจากวันนี้ไป เฉินเอ๋อร์จะโตเป็ผู้ใหญ่ ข้าจะแก้แค้นที่ตระกูลเนี่ยหยามเกียรติพวกเรา”
เซียวเฉินกำหยกประดับไว้ในมือแน่นและเอ่ยอยู่ในใจเงียบๆ
“แต่ว่า ท่านแม่เป็ใครกัน?” เหตุใดจึงมีพลังแห่งการสืบทอดและเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งปานนี้ ยามตนเองยังเยาว์วัย ท่านแม่ไม่เคยเผยความสามารถมาก่อน เป็เพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
เซียวเฉินไม่ได้คิดมากนัก ทว่าเขาใช้การรับรู้เข้าไปสำรวจในคัมภีร์หงสาานิรวาณทันที แค่ดูแวบเดียวก็ทำให้เขานิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ดวงตาทอแววพรั่นพรึง
“คัมภีร์หงสาานิรวาณถึงกับเป็เคล็ดวิชาขั้นศักดิ์สิทธิ์!”
ความปีติยินดีในน้ำเสียงของเซียวเฉินนั้นยากจะปิดบัง คัมภีร์หงสาานิรวาณรวมไว้ทั้งรุกและรับ อานุภาพแกร่งกร้าว ทั้งหมดมีเก้าขั้น แต่ละขั้นล้วนมีเคล็ดวิชาต่างๆ นานาสำรองไว้ หากบรรลุถึงขอบเขตขั้นเก้า ถึงขั้นสามารถหยั่งรู้อภิญญาหงสา ไม่ตายไม่ดับสูญ
ไม่ตายไม่ดับสูญ...
แค่สี่อักษรสุดท้ายก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของตำราเล่มนี้ได้อย่างชัดเจน
มนุษย์ทุกคนล้วนมีเกิดมีดับ ใครบ้างสามารถไม่ตายไม่ดับสูญได้?
หากฝึกได้ถึงนิรวาณขั้นเก้าจริง แม้มิอาจไม่ตายไม่ดับสูญ แต่ก็ต้องแกร่งกร้าวสุดขีดเป็แน่
เซียวเฉินคิดในใจแล้วเริ่มฝึกปรือ
ความสามารถของเขาในปัจจุบันเมื่อเทียบกับตระกูลเนี่ยแล้วยังไม่มีค่าให้เอ่ยถึง แน่นอนว่าเขาไม่โง่เขลาถึงขั้นบุกไปหาตระกูลเนี่ยโดยตรง สิ่งที่เขาต้องทำคือก่อนที่ตนเองจะมีความสามารถในการโค่นล้มตระกูลเนี่ยได้อย่างเบ็ดเสร็จ เขาต้องปกป้องตนเองให้ปลอดภัย หรือไม่เขาก็จำเป็ต้องแข็งแกร่ง
มีเพียงแข็งแกร่ง จึงมีต้นทุน
เซียวเฉินวาดฝ่ามือ ผลึกเสวียนหลายสิบก้อนปรากฏขึ้นบนพื้นดิน จากนั้นมุมปากของเขาก็หยักยิ้มเป็การอยู่ในภาวะฝึกปรืออย่างบ้าคลั่ง
เวลาผ่านไปทีละน้อย พริบตาก็ครึ่งเดือน เซียวเฉินดูดซับพลังเสวียนของผลึกเสวียนได้ห้าสิบก้อนแล้ว ความสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นแรกกำเนิดสี่ชั้นฟ้าระดับกลาง ส่วนบนร่างของเขาก็มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย บนพลังเสวียนดั้งเดิมถึงกับแฝงเปลวเพลิงร้อนระอุ ดุจถูกเพลิงเผาผลาญเป็ผุยผง
ส่วนร่างกายของเซียวเฉินก็มีสิ่งปนเปื้อนสีดำไหลออกมาเนื่องจากถูกเปลวเพลิงหล่อหลอมอย่างต่อเนื่อง นี่คือประสิทธิภาพของนิรวาณขั้นแรกในคัมภีร์หงสาานิรวาณ ชำระแก่นล้างไขกระดูก หล่อหลอมกายเนื้อ
ในเวลาครึ่งเดือนนี้ เซียวเฉินจมอยู่กับการฝึกปรือมาโดยตลอด
เขาต้องบรรลุนิรวาณขั้นแรกในครึ่งเดือน
“วิ้ง วิ้ง!”
ร่างของเซียวเฉินเกิดเสียงวิ้งๆ จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นฉับพลัน กลางม่านตายังมีเปลวเพลิงอันงดงามเต้นระริก ต่อมามีเสียงดังตูมในร่าง ชีพจรทั้งหมดทะลุทะลวงในพริบตา กระทั่งชีพจริญญาทะลวงเพิ่มขึ้นหลายแห่ง
บัดนี้ ชีพจริญญาสิบแปดเส้นของเซียวเฉินทะลวงได้สิบสองเส้นแล้ว
หลังจากเซียวเฉินบรรลุนิรวาณขั้นหนึ่ง เขาก็ทะลวงขั้นแรกกำเนิดสี่ชั้นฟ้าเหยียบย่างเข้าสู่ห้าชั้นฟ้าในพริบตา
หลังจากหยั่งรู้นิรวาณขั้นหนึ่งแล้ว ในขณะเดียวกันเซียวเฉินก็ฝึกเคล็ดวิชาขั้นนิลสามแขนงสำเร็จ
สำหรับเซียวเฉินแล้วไม่แตกต่างอันใดกับพยัคฆ์ติดปีก ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ หากทอดตามองไปในรุ่นหนุ่มสาวตระกูลเนี่ย คนที่ขัดขวางเขาได้มีเพียงตนเองและเนี่ยอวิ๋นเหอ น้องชายที่อยู่ขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้าผู้นั้น
เซียวเฉินไปจากถ้ำ เขาเตรียมกลับไปยังเมืองอวิ๋นไห่ ในเมื่อคนตระกูลเนี่ยอยากให้เขาตายขนาดนี้ แล้วเขาจะยอมให้คนพวกนั้นสมปรารถนาได้อย่างไร? และการกลับไปครานี้เขายังมีอีกเป้าหมายหนึ่ง นั่นคือเข้าร่วมการคัดเลือกของสถานศึกษาห้าแห่งที่สามปีจะมีหนึ่งครั้ง
คราวนี้เขาจำเป็ต้องเข้าสถานศึกษาแห่งหนึ่งในห้าแห่งนั้น มีเพียงการทำเช่นนี้เขาจึงจะสามารถเติบโตและมีความสามารถมากพอที่จะเผชิญหน้ากับตระกูลเนี่ย จากนั้นก็โค่นล้มมันเสีย
ส่วนเื่ที่เซียวเฉินไม่รู้ นั่นคือ ใน่เวลาสั้นๆ ที่เขาฝึกวิชาอยู่ในถ้ำ เนี่ยอวิ๋นเหอส่งนักฆ่ามาล่าสังหารเขาอีกครั้ง เนื่องจากสองพี่น้องตระกูลลู่ถูกฆ่า จึงทำให้เนี่ยอวิ๋นเหอยิ่งอยากกำจัดเขาโดยเร็ว เพราะเขาดึงดูดความสนใจของเนี่ยอวิ๋นเหอขึ้นมา
ความสามารถขั้นฐานจิตฆ่ายอดฝีมือขั้นแรกกำเนิด!
จำต้องบอกว่าผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้เนี่ยอวิ๋นเหอเริ่มมองเซียวเฉินใหม่
“เนี่ยเฉิน เ้าทำให้ข้าต้องมองเ้าใหม่จริงๆ” ณ ตระกูลเนี่ย เนี่ยอวิ๋นเหอยิ้มแย้มด้วยสายตาเป็ประกาย เพียงแต่รอยยิ้มนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บสุดขีดดุจร่วงหล่มน้ำแข็ง
ก่อนหน้านี้พวกลู่เหิงสองพี่น้องไปสังหารเนี่ยเฉิน เดิมทีนึกว่าสำเร็จแน่นอน คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายสิ่งที่หามกลับมาคือศพของพวกเขาทั้งสองคน จุดนี้ เนี่ยอวิ๋นเหอคาดไม่ถึงเด็ดขาด ถึงอย่างไรก็เป็ขั้นแรกกำเนิดสังหารขั้นฐานจิต คงกระทำได้อย่างง่ายดาย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันกับเนี่ยเฉิน
แววตาของเนี่ยอวิ๋นเหอเปล่งประกาย เนี่ยเฉินสามารถหนีรอดจากเงื้อมมือของผู้เข้มแข็งขั้นแรกกำเนิดทั้งสองคนมาได้ ทั้งยังฆ่าพวกเขา นี่มิใช่โชคดีและความบังเอิญเด็ดขาด คิดถึงตรงนี้เงามืดในดวงตาของเนี่ยอวิ๋นเหอยิ่งลึกล้ำ
“เนี่ยเฉิน ข้าอยากรู้นักว่าเ้าจะยังโชคดีต่อไปได้อีกหรือไม่”
......
บนหน้าผา เซียวเฉินเพิ่งออกมา ก็รู้สึกได้ว่ามีปราณสังหารปรากฏขึ้นจำนวนมาก
สายตาของเซียวเฉินเย็นเยียบ
เนี่ยอวิ๋นเหอถึงกับส่งนักฆ่ามาสังหารตนอีกครั้ง! ท่าทางเขาคิดจะจัดการตนให้ตายจริงๆ แม้แต่พี่น้องร่วมสายโลหิตก็ไม่ใส่ใจ
เซียวเฉินยิ้มหยัน
ช่างเถอะ คราวนี้มาเท่าไรก็ฆ่าเท่านั้น
“เนี่ยเฉิน เศษสวะอย่างเ้ายังไม่ตายจริงๆ เสียด้วย” ในเวลานี้มีเสียงท้าลมดังมาจากสี่ทิศ จากนั้นมีเงาร่างสี่สายปรากฏขึ้น เป็ผู้เข้มแข็งขั้นแรกกำเนิดเหมือนกันทั้งหมด
คนทั้งสี่ต่างคลุมหน้า ทว่าเซียวเฉินกลับยิ้มแย้ม ในโลกนี้ สถานที่เดียวซึ่งรองรับตนเองไม่ได้คือตระกูลเนี่ย ท่านพ่อแท้ๆ ของตนเอง น้องชายร่วมสายเื และยังมีมารดารอง...
การซ่อนเร้นของพวกเขา ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
“ข้าไม่ตายจริงๆ นั่นล่ะ แต่วันนี้พวกเ้าคงไม่รอด” ระหว่างที่เอ่ยวาจา เซียวเฉินเพิกเฉยต่อความสามารถของอีกฝ่าย สืบเท้ามาก้าวหนึ่ง ต่อยหมัดออก เปลวเพลิงม้วนตลบ เผาไหม้ทุกสิ่ง ทุกคนตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงของเซียวเฉิน เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร? ถึงกับเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นแรกกำเนิด อีกทั้งอานุภาพยังเหนือล้ำกว่าพวกเขา? เขา...มิใช่เศษสวะที่ตระกูลเนี่ยขับไล่หรือ? ขณะที่ทุกคนยังตกตะลึง การโจมตีของเซียวเฉินก็บรรลุถึง ครู่ถัดมามีเสียงอุทานอย่างเ็ปดังขึ้น ผู้เข้มแข็งขั้นแรกกำเนิดคนหนึ่งถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ แค่ไม่กี่นาทีก็ตาย
“อย่าเลินเล่อ เนี่ยเฉินแข็งแกร่งมาก พวกเราบุกพร้อมกัน ล้อมสังหารเขา!” ผู้นำขบวนคำรามลั่น คนที่เหลือล้วนเข้าประชิดตัวแล้วล้อมเซียวเฉินไว้ ต่อมาปลดปล่อยพลังเสวียน ะเิเซียวเฉินให้ตาย
ตูม!
ร่างของเซียวเฉินขยับหลบหลีกการจู่โจมเป็ชั้นๆ เงาร่างดั่งภูติพราย ทำให้คนมองเห็นไม่ชัด จากนั้นทำมุทราซ่อนเป็ชั้นๆ อย่างต่อเนื่องเข่นฆ่าออกมา เปลวเพลิงปานมหรรณพถาโถมใส่
“ได้ทดลองอานุภาพของคัมภีร์หงสาานิรวาณพอดี” เซียวเฉินคิดในใจ สองมือเปี่ยมพลังเสวียน แสงิญญาปรากฏ สร้างเป็หงสาาตัวหนึ่งบนนภากว้าง ส่งเสียงกู่ร้องแฝงเปลวเพลิงไม่สิ้นสุด พุ่งดิ่งลงมาตรงเข้าหานักฆ่าสามคนนั้น
“อัคคี์หงสาา!”
เปลวเพลิงลุกโชติ่
เซียวเฉินตวาดลั่น เปลวเพลิงไร้ที่สิ้นสุดประหนึ่งดาวตกร่วงจากฟ้า ะเิใส่มือสังหารสามคน ความกว้างของรัศมีส่งผลกระทบห่อหุ้มคนทั้งสามไว้หมด ทำให้พวกเขาไม่มีทางหนีรอด ได้แต่ฝืนรับการโจมตีอันน่ากลัวนี้ไว้
“อ๊า...” มีเสียงร้องอย่างอนาถดังขึ้นติดๆ กัน และคนทั้งสามก็พ่นโลหิตสดออกมาในเวลาเดียวกัน ร่างกายได้รับาเ็สาหัส ต่อให้รู้ว่าเซียวเฉินในปัจจุบันแข็งแกร่ง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพลังของสามคนรวมกันยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเหมือนเดิม
เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ั้แ่เมื่อใด?
“ใครให้พวกเ้ามาฆ่าข้า?” เซียวเฉินมองคนทั้งสาม เอ่ยเสียงเ็า คนทั้งสามสบตากันแวบหนึ่ง ดวงตาทอแววพรั่นพรึง เผชิญหน้ากับความตาย ไหนเลยพวกเขาสามคนยังมีท่วงท่าของผู้เข้มแข็งขั้นแรกกำเนิดสักนิด ทุกคนคุกเข่ากับพื้นร้องขอความเมตตา
“คุณชายใหญ่ ละเว้นชีวิตด้วย พวกเราได้รับคำสั่งให้มาทำ” ดวงตาของคนทั้งสามเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิงวอน ในใจเซียวเฉินอดยิ้มหยันไม่ได้ เมื่อครู่ยังจะเอาชีวิตตนอยู่เลย ตอนนี้เห็นสู้ไม่ได้ก็คุกเข่าขอความเมตตา
“ตอบข้ามา” เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ ทว่าน้ำเสียงกลับแฝงความน่าเกรงขาม ไร้โทสะก็ทรงอำนาจเองตามธรรมชาติ ทำเอาคนทั้งสามสั่นสะท้าน รีบสารภาพตามความจริง เซียวเฉินหัวร่อเ็าแล้วปลิดชีพพวกเขา
“จริงเสียด้วย...”
เซียวเฉินหันกายไปจากที่นี่ ยามนี้สายตาของเขามีประกายเ็าไร้ความรู้สึกวาบขึ้น ลึกล้ำราวกับเป็เครื่องจักรสังหาร ได้เวลากลับเมืองอวิ๋นไห่ไปเจอน้องชายร่วมสายโลหิตของเขาแล้ว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้