ผู้ฝึกตนทั้งสี่ล้วนเป็ผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์ ผู้ฝึกตนที่พุ่งเข้ามาโจมตีถังเหล่ยเป็ถึงผู้ทรงยุทธขั้นห้า
จากพลังของถังเหล่ยในขณะนี้ ทำให้เขาตระหนักได้ว่าการกระทำของตนโหดร้ายเกินไป สภาพศพของผู้ฝึกตนที่กองอยู่เบื้องหน้าช่างน่าสมเพชยิ่งนัก
ถังเหล่ยเดินเข้าไปตรวจสอบร่างกายของผู้ฝึกตนที่ถูกเขาเตะเมื่อครู่ก็พบว่ากระดูกที่อยู่ภายในร่างกายของคนผู้นี้แหลกละเอียดไปแล้ว เขาจึงเก็บแหวนมิติของผู้ฝึกตนทั้งสี่มา
ถังเหล่ยรู้สึกตกตะลึงกับพลังของตนเอง เขาจึงลองปล่อยหมัดไปที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า ต้นไม้ที่อยู่ด้านหน้าของเขามีขนาดใหญ่เกินสามคนโอบ แต่หมัดที่ราวกับใบมีดของเขาสามารถพุ่งทะลุผ่านต้นไม้ต้นดังกล่าวไปได้อย่างน่าสะพรึงกลัว
“พลังของข้า... เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า!” ถังเหล่ยพึมพำกับตัวเองขณะที่จ้องมองไปยังมือ แม้แต่เขาเองก็ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เพราะการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่มีเค้าลางเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่แท้จริงนั้นเป็เพราะถังเหล่ยอยู่ในหมอกโลหิตพลังของเขาจึงเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า
ในขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ถังเหล่ยรู้สึกสับสนเป็อย่างมาก เสียงที่กำลังเรียกเขาอยู่มาจากหนแห่งใดกันแน่ แม้แต่ตัวของเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนกับูเาซวงเฟิงแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร หากเขา้าคำตอบสิ่งเดียวที่จะตอบเขาได้ก็คือต้องไปถึงต้นกำเนิดของเสียงให้ได้
ถังเหล่ยถอนหายใจและตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังต้นเสียงอีกครั้ง เขาได้สำรวจหมอกโลหิตไปพร้อมๆ กัน ระหว่างทางนั้นเขาได้เจอกับผู้ฝึกตนบางส่วนกำลังต่อสู้กันเอง การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่การปล้นชิงสมบัติแต่เป็การต่อสู้ที่หวังจะสังหารฝ่ายตรงข้ามโดยตรง
ในขณะที่ถังเหล่ยจับตามองจากระยะไกล เขาก็พบว่าผู้ฝึกตนเหล่านี้มีความผิดปกติอยู่ในร่างกายราวกับว่ากำลังโดนสิ่งที่มองไม่เห็นควบคุมอยู่
ดวงตาของพวกเขาล้วนแดงฉานราวกับสัตว์อสูร!
อย่างไรก็ตามภายในส่วนลึกที่มีหมอกโลหิตหนาแน่นปกคลุมอยู่ไม่ได้มีแค่ผู้ฝึกตนเท่านั้น แต่ยังเป็ที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่งอีกด้วย
ถังเหล่ยเคยเห็นสัตว์อสูรระดับสามสองตัวฉีกร่างของผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์ถึงสี่คนเป็ชิ้นๆ ราวกับว่าป่าแห่งนี้้าเื แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสับสนก็คือเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เมื่อเข้ามายังูเาแห่งนี้พลังการต่อสู้ของเขากลับเพิ่มมากขึ้นเสียอีก
ในเวลาเดียวกันด้านนอกูเาซวงเฟิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองซวงเฟิงต่างพากันเตรียมตัวออกจากเมือง เพราะในขณะนี้หมอกโลหิตได้ขยายวงกว้างออกไป เดิมทีหมอกโลหิตจะปกคลุมเพียงบริเวณูเาเท่านั้น และเมืองที่อยู่ใกลู้เาก็คือเมืองซวงเฟิงแห่งนี้
หมอกโลหิตค่อยๆ ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ และในขณะนี้หลายพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกโลหิตจางๆ ในเวลาเดียวกันก็ปรากฏกลุ่มคนมากกว่าร้อยคนที่ชานเมือง
ผู้คนส่วนใหญ่ขี่ม้าอัสนีสีฟ้า ส่วนผู้นำของพวกเขาขี่สัตว์อสูรระดับสองและสวมใส่ชุดเกราะสีเงินแวววาวสะดุดตา สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงก็คือพลังที่แผ่ซ่านออกมาของพวกเขา บนไหล่ของผู้นำของคนกลุ่มยังมีวิหคเกาะอยู่อีกด้วย
วิหคตัวนี้คล้ายคลึงกับิญญายุทธ์ของตี้เชียนเสวี่ย แต่ร่างของวิหคตัวนี้ไม่ใช่ภาพธรรม แต่เป็ร่างจริง
เขาคือยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ยุทธ์!
ส่วนทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขามากกว่าครึ่งเป็ถึงผู้ฝึกตนระดับยอดยุทธ์ แม้ว่าพวกเขาจะเป็เพียงผู้ฝึกตนระดับยอดยุทธ์ แต่ด้วยจำนวนมากมหาศาลจึงทำให้ผู้ที่พบเจอต้องหวาดผวากันถ้วนหน้า
“ใต้เท้า จากรายงานคุณหนูใหญ่กับคุณชายอยู่ภายในูเาแห่งนี้จริงๆ!”
ที่ด้านข้างของผู้นำมียอดยุทธ์คนหนึ่งกำลังกล่าวด้วยความเคารพ
“สร้างแต่ปัญหาจริงๆ คงเป็เพราะท่านอ๋องที่คอยให้ท้ายพวกเขา ูเาซวงเฟิงไม่ใช่ที่ที่จะเข้าไปได้ง่ายๆ”
ผู้นำผู้นี้มีนามว่าตี้ม่อ เขาคือหัวหน้าองครักษ์ของอ๋องเหยียนแห่งจักรวรรดิซือฉี การมาทีู่เาซวงเฟิงในครั้งนี้ก็เพื่อตามหาตัวตี้เชียนเสวี่ยกับตี้ชิง แต่ในขณะนี้หมอกโลหิตเกิดความผิดปกติอย่างมากและกำลังกระจายออกมารอบนอก แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปในทันที
“ส่งคนกลับไปรายงานสถานการณ์ของที่นี่กับท่านอ๋อง ส่วนคนที่เหลือรออยู่กับข้าที่นี่!”
ในขณะนี้ตี้ม่อทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ภายในหมอกโลหิตอันตรายจนไม่สามารถจินตนาการได้ ในเวลานี้เขาจึงทำได้เพียงส่งคนกลับไปรายงานสถานการณ์กับท่านอ๋อง และรอฟังคำสั่งอีกครั้ง
…
อีกด้านหนึ่งตี้ชิงได้สติกลับมาแล้ว ตี้เชียนเสวี่ยคอยดูแลอย่างใกล้ชิด พื้นที่บริเวณที่พวกเขาอยู่ยังมีผู้ฝึกตนจำนวนมากอีกด้วย
“พี่สาว เกิดเื่อะไรขึ้นหรือ?” เมื่อตี้ชิงเห็นผู้ฝึกตนมากมายกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่ก็ััได้ถึงความผิดปกติทันที จึงเกิดความสงสัยขึ้นภายในใจ
ผู้ฝึกตนต่างพากันเข้ามายังูเาซวงเฟิงเพื่อหาสมบัติ เดิมทีการค้นหาสมบัติต้องเว้นระยะห่างกันไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมารวมตัวกันเช่นนี้?
“ูเาซวงเฟิงถูกหมอกโลหิตปิดกั้นทางออกเอาไว้ ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดสามารถออกไปได้” ตี้เชียนเสวี่ยกล่าวและถอนหายใจ
ตี้เชียนเสวี่ยรู้สึกเศร้าใจ นางรู้สึกผิดที่พาน้องชายออกจากบ้านมาเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ แต่ความจริงแล้วไม่มีผู้ใดรู้ว่าูเาซวงเฟิงแห่งนี้จะเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น
“แล้วพี่ชายท่านนั้นล่ะ?” ตี้ชิงกล่าวและกวาดสายตาไปรอบๆ ไม่เห็นแม้แต่เงาของถังเหล่ย
“เขาจะไปตายที่ไหนแล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับข้า?” ตี้เชียนเสวี่ยพึมพำกับตัวเอง
แต่ความจริงแล้วภายในใจของนางรู้สึกเสียใจ หากนางรู้ว่าสถานการณ์จะเป็เช่นนี้นางคงร่วมเดินทางไปกับถังเหล่ยแล้ว อีกอย่างพลังของนางก็ไม่ได้ถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอีกด้วย นางตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายสามารถแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ตลอดซึ่งแตกต่างจากผู้ฝึกตนคนอื่นเป็อย่างมาก
หากถังเหล่ยรู้ว่าตี้เชียนเสวี่ยประเมินฝีมือของเขาไว้สูงเช่นนี้ เขาคงรู้สึกดีไม่มากก็น้อย
ตรงกันข้ามถังเหล่ยในเวลานี้ถูกสัตว์อสูรระดับสี่จำนวนห้าตัวไล่ล่าอยู่!
โชคดีที่ถังเหล่ยได้รับพลังจากหมอกโลหิต หมอกโลหิตทำให้เขามีพลังเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า ไม่เช่นนั้นเขาคงกลายเป็อาหารของสัตว์อสูรไปแล้ว
เหตุการณ์ก่อนหน้าถังเหล่ยโจมตีสัตว์อสูรตัวหนึ่งและเอาแก่นอสูรออกมาจากศีรษะของมัน แต่ยังไม่ทันได้ดีใจสัตว์อสูรระดับสี่ตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้นถังเหล่ยทำได้เพียงหนี ในเวลาเดียวกันเสียงฝีเท้าของเขานั้นดึงดูดสัตว์อสูรที่อยู่รอบบริเวณ ดังนั้นสัตว์อสูรที่ไล่ล่าเขาในขณะนี้จึงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
“เหตุใดต้องเป็ข้า พวกเ้าไม่คิดจะต่อสู้กันเองบ้างเลยหรือ?” ถังเหล่ยพึมพำกับตัวเองและเร่งฝีเท้าให้เร็วมากขึ้น
ถังเหล่ยไม่สนว่ากำลังวิ่งไปทิศทางใด ตอนนี้เขาทำได้เพียงพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น ในเวลาเดียวกันสัตว์อสูรที่วิ่งไล่หลังอยู่ก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะหยุดแม้แต่น้อย สัตว์อสูรเ่าั้ให้ความรู้สึกราวกับว่าไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายสิบปี
การวิ่งหนีสัตว์อสูรของถังเหล่ยทำให้เขายิ่งถลำลึกเข้าไปภายในูเามากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันเสียงเรียกในใจก็เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ไม่กี่ลมหายใจต่อมาดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง พื้นที่ด้านหน้าไม่มีหมอกโลหิตเลยแม้แต่น้อย เขาสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมด้านหน้าได้โดยไม่มีสิ่งใดบดบังสายตา
ทันใดนั้นก็ปรากฏยอดเขาสีขาวสองลูกตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าราวกับเป็เสาค้ำ์สูงเสียดฟ้า หมายความว่าสิ่งที่บริกรผู้นั้นกล่าวคือความจริง ยอดเขาสองยอดนี้มีสีขาวราวกับหยกจริงๆ
ในขณะนี้ด้านหลังของถังเหล่ยยังคงมีสัตว์อสูรสี่ตัวไล่ตามเขามาอย่างบ้าคลั่ง เขาจึงตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังพื้นที่โล่งด้านหน้า
ทันใดนั้นหางตาของถังเหล่ยก็เหลือบไปเห็นหมอกโลหิตที่อยู่ด้านหลังของสัตว์อสูร พวกมันรวมตัวกันอย่างหนาแน่น ปรากฏเป็ภาพธรรมคล้ายฝ่ามือขนาดใหญ่
ไม่กี่ลมหายใจต่อมาฝ่ามือขนาดใหญ่ก็ตบลงมายังสัตว์อสูรทั้งสี่ตัว ตอนนี้พวกมันกลายเป็เพียงเศษเนื้อเท่านั้น ฉากอันน่าสะพรึงกลัวนี้เกือบทำให้ถังเหล่ยเสียสติ
ในเวลาเดียวกันร่างกายของถังเหล่ยก็พุ่งออกไปด้านหน้า เขาพยายามออกห่างจากหมอกโลหิตให้ได้โดยเร็วที่สุด
หลังจากที่ถังเหล่ยออกจากพื้นที่อันตรายได้สำเร็จ หมอกโลหิตด้านหลังก็สั่นไหวและปรากฏร่างของมนุษย์คนหนึ่งก้าวออกมา ร่างสีเืนี้ปรากฏออกมากลางอากาศแสดงความเคารพต่อเขาอย่างนอบน้อม
“ข้ารอท่านมานานแล้ว”
……