จวินจิ่วเฉินใช้มือข้างหนึ่งจูงกูเฟยเยี่ยน มืออีกข้างหนึ่งประลองกำลังกับไป๋หลี่ิชวน
ไป๋หลี่ิชวนล่าถอยลงเรื่อยๆ จวินจิ่วเฉินไล่บีบขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ประลองกำลังไปหลายรอบ ทั้งสองคนก็นับได้ว่ามีฝีมือที่ไล่เลี่ยกัน
ไป๋หลี่ิชวนหาโอกาสถอยเว้นระยะไปไกลจึงมีโอกาสในการนำพัดพับออกมา พัดพับอันนี้คืออาวุธประจำตัวของเขา หน้าพัดมีสีม่วงอ่อนขาวที่ไม่มีตัวอักษรกับภาพวาด ด้ามพัดทำมาจากไม้จันทน์ม่วงที่ล้ำค่าและมีชื่อเสียงโด่งดัง โดยมีการเจียระไนอย่างวิจิตรบรรจง
เขาโบกสะบัดพัดเบาๆ เพื่อปิดบังใบหน้าแล้วอมยิ้มเล็กน้อย การกระทำนี้ให้ความสง่างามกว่าหญิงสาวเสียอีก ทว่าหาได้มีความอ่อนโยนละมุนละไม ตรงกันข้ามกลับมีเสน่ห์แห่งความชั่วร้ายอย่างยิ่ง
“เหอะๆ จวินจิ่วเฉิน ไม่คิดเลยว่าเ้าจะเป็เ้านายที่ปกป้องคนรับใช้เช่นนี้! ”
จวินจิ่วเฉินไม่พูดไม่จา แต่จ้องมองพัดของไป๋หลี่ิชวนด้วยความระมัดระวัง เขารู้ว่าพัดนี้มีความลึกลับ
กูเฟยเยี่ยนรังเกียจความพิลึกกึกกือของไป๋หลี่ิชวนอย่างยิ่ง นางจึงจิกกัดกลับไป “เหอะๆ คิดไม่ถึงเลยว่าองค์ชายสามแห่งอาณาจักรว่านจิ้นจะเป็หัวขโมยยาสมุนไพร! ”
ไป๋หลี่ิชวนไม่โกรธ “เสี่ยวเยี่ยนเอ๋อร์ นอกจากทักษะยาสมุนไพรของเ้าแล้ว เปิ่นหวงจื่อยังชอบปากของเ้าอีกด้วย! ”
ในขณะที่ไป๋หลี่ิชวนพูดเขาก็ได้สะบัดพัดพับหุบเข้าหากันด้วยความสง่างาม ในขณะเดียวกันเข็มทองมากมายก็พุ่งทะยานออกมาจากตัวพัดพับแล้วตรงมายังจวินจิ่วเฉิน
จวินจิ่วเฉินที่เตรียมตัวป้องกันไม่ได้หลบออก แต่ทำการยกดาบขึ้นมาฟาดเข็มทองทั้งหมดกลับไปหาไป๋หลี่ิชวน เนื่องด้วยแรงของพละกำลังกับความรวดเร็วจึงทำให้ไป๋หลี่ิชวนเกิดความยากต่อการป้องกันเล็กน้อย
ไป๋หลี่ิชวนเอนถอยไปด้านหลัง เข็มทองมากมายแทบจะพุ่งทะยานแนบชิดใบหน้าเขาไป จวินจิ่วเฉินไม่รอช้าเพราะเขาได้ฉวยโอกาสนี้เข้าจู่โจม ไป๋หลี่ิชวนล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้นแล้วกลิ้งหลบหลีกไปด้านข้างด้วยความรวดเร็ว ใน่เวลาเดียวกันก็ยิงเข็มลับจู่โจมใบหน้าด้านข้างของจวินจิ่วเฉินกับกูเฟยเยี่ยน
“เหอะๆสมกับเป็จิ้งหวาง เป็คู่ต่อสู้กับเปิ่นหวงจื่อได้! ”
“เ้าไม่คู่ควร! ”
ในขณะที่จวินจิ่วเฉินเตะโต๊ะด้านข้างมาบดบังเข็มทอง เขาก็เตะโต๊ะไปทางไป๋หลี่ิชวนอย่างรุนแรงเช่นกัน ทว่าไป๋หลี่ิชวนหลบออกได้อย่างง่ายดายแล้วเตะเก้าอี้ตัวยาวกลับมาแทน “ไม่รู้จักให้เกียรติกันเลย! ”
“แน่นอน! ”
โดยปกติแล้วจวินจิ่วเฉินจะลงมือโดยไม่พูดไม่จา ครั้งนี้เป็ข้อยกเว้น!
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงสู้กันโดยไม่มีที่สิ้นสุด ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็ทำลายโต๊ะและเก้าอี้ในโรงเตี้ยมพังเละไม่มีชิ้นดี ทว่าก็ยังยากที่จะหาตัวผู้ชนะได้ ในส่วนของกูเฟยเยี่ยนนั้นยังหาโอกาสในการวางยาพิษไม่ได้เสียที
กูเฟยเยี่ยนร้อนใจมาก นางมองออกว่าตนเองเป็ตัวถ่วงของเตี้ยนเซี่ยอย่างเห็นได้ชัด การที่เตี้ยนเซี่ยปกป้องนางแล้วยังมีฝีมือไล่เลี่ยกับไป๋หลี่ิชวน แสดงว่าถ้าเตี้ยนเซี่ยปล่อยนางออกเขาจะกลายมาเป็ผู้นำอย่างแน่นอน
อีกทั้งการที่เตี้ยนเซี่ยพะว้าพะวังนาง จะทำให้สิ้นเปลืองแรงมากกว่าไป๋หลี่ิชวนอย่างเห็นได้ชัดเจน หากยังเป็แบบนี้ต่อไปจะกลายเป็การแข่งขันพละกำลังความอดทน! เตี้ยนเซี่ยจะเสียเปรียบอย่างยิ่ง!
นางกระซิบแ่เบา “เตี้ยนเซี่ย ไม่ต้องเป็ห่วงนู๋ปี้ นู๋ปี้มียาพิษปกป้องตัวเอง ท่านปล่อยนู๋ปี้ออกก่อน”
จวินจิ่วเฉิงไม่พูดอะไรออกมา
กูเฟยเยี่ยนจึงโน้มน้าวอีกครั้ง “เตี้ยนเซี่ยเพคะ เป้าหมายของเขาคือตัวนู๋ปี้ การที่ใช้นู๋ปี้เป็เหยื่อล่อ ถึงจะทำให้พวกเราจบการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว! ”
จวินจิ่วเฉินจะให้นางมาเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร ในที่สุดเขาก็พูดด้วยความไม่พอใจ “อย่าพูดมาก! ”
น้ำเสียงนี้ทำให้กูเฟยเยี่ยนขนลุกทันที นางรู้สึกว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยดุกว่าครั้งไหนๆ เสียอีก ทว่านางไม่ได้หุบปาก “เตี้ยนเซี่ย ไม่อย่างนั้นท่านช่วยนู๋ปี้หาโอกาส ขอเพียงแค่เข้าใกล้เขาได้นู๋ปี้ก็สามารถวางยาพิษได้! ”
เนื่องด้วยหวางเป่าติงหยุดทำงานมาหลายต่อหลายครั้ง การเดินทางออกมาในครั้งนี้กูเฟยเยี่ยนเรียนรู้ที่จะเป็เด็กดีว่านอนสอนง่ายแล้ว นางทำการแบ่งสันยาพิษบางส่วนซ่อนไว้บนร่างกายเพื่อสำรองใช้ และในครั้งนี้นางวางแผนที่จะใช้พิษที่คล้ายคลึงกับพิษหยินหยาง แต่สรรพคุณรุนแรงกว่าเดิมอีกทั้งไม่มียาถอนพิษด้วย วิธีการเดียวที่ใช้ได้คือต้องทำเื่อย่างนั้นถึงจะถอนพิษได้ ต่อให้ไป๋หลี่ิชวนอดทนได้อีกครั้งแต่จิตใจก็จะได้รับผลกระทบ เมื่อถึงเวลานั้นหากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย้าจะสังหารเขา มันก็จะเป็เื่ที่ง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ!
จวินจิ่วเฉินทราบดีกว่ากูเฟยเยี่ยนว่าไม่สมควรที่จะสู้กันเป็เวลานาน หลังจากที่เขาลังเลชั่วครู่ก็ตอบตกลงกูเฟยเยี่ยนไป
ในบรรดาศิลปะการต่อสู้มากมายบนโลกใบนี้มีเพียงความเร็วเท่านั้นที่หาวิธียับยั้งไม่ได้ อันที่จริงจากความชำนาญในการต่อสู้ของเขาแล้ว หากใช้วิชาเคลื่อนไหวดั่งเงาก็จะสามารถจู่โจมเอาชนะการป้องกันของไป๋หลี่ิชวนได้อย่างง่ายดาย และกลายมาเป็ความได้เปรียบ
แต่น่าเสียดายที่วิชาเคลื่อนไหวดั่งเงาเกี่ยวข้องกับความทรงจำวัยเด็กของเขาที่หายไป ไม่ว่าต่อหน้ากูเฟยเยี่ยนหรือต่อหน้าไป๋หลี่ิชวน เขาก็ไม่อยากจะเปิดเผยอย่างง่ายดาย
จวินจิ่วเฉินฟาดดาบปะทะเข็มทองของไป๋หลี่ิชวนอย่างรุนแรงจนเข็มทองตกลงพื้นอีกครั้ง และในขณะเดียวกันเขาก็ได้ใช้ความเร็วเข้าประชิดตัว
ไป๋หลี่ิชวนเ้าเล่ห์และระมัดระวังมาโดยตลอดจึงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติทันที ชายหนุ่มไม่อาลัยอาวรณ์ในการต่อสู้ เขายังคงใช้กลยุทธ์การป้องกันเป็หลักและยอมล่าถอยด้วยเหตุผลทางยุทธศาสตร์ เขาหลบไปด้านข้างแล้วเว้นระยะห่างกับจวินจิ่วเฉินอีกครั้งพร้อมกับยิงเข็มลับออกไป
แต่อย่างไรก็ตามจวินจิ่วเฉินเป็คนที่เฉลียวฉลาดและมีความเด็ดขาด ในคราวนี้เขาฟาดเข็มลับกลับไปอีกครั้ง ด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่งถึงกับทำให้เข็มลับทั้งหมดสะท้อนไปบนกำแพงแล้วเด้งกลับไปที่แผ่นหลังของไป๋หลี่ิชวนอย่างรวดเร็ว
ถ้าไป๋หลี่ิชวนไม่หลบหนีมาด้านหน้าก็ต้องหลบหลีกอยู่ที่เดิม เขาไม่มีเวลาลังเลจึงตัดสินใจเลือกแบบหลังอย่างเด็ดขาดแล้วเอนกายลง และในวินาทีนี้เองจวินจิ่วเฉินก็ถือดาบเข้ามาประชิดตัว
ดาบของจวินจิ่วเฉินพุ่งจู่โจมหัวใจของไป๋หลี่ิชวนด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ในขณะเดียวกันเข็มทองที่สะท้อนกำแพงกลับมาก็ประชิดตัวจวินจิ่วเฉินกับกูเฟยเยี่ยน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที ความรวดเร็วนี้ทำให้ไม่สามารถครุ่นคิดได้
ไป๋หลี่ิชวนแปลกใจมากเพราะคิดไม่ถึงว่าจวินจิ่วเฉินจะทำเช่นนี้! จวินจิ่วเฉินไม่กลัวว่าเหล่าเข็มทองที่สะท้อนกลับมานั้นจะทำอันตรายตัวเขากับกูเฟยเยี่ยนหรือ?
แต่อย่างไรก็ตามใน่เวลาที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้นจู่ๆ จวินจิ่วเฉินก็ปล่อยไป๋หลี่ิชวนแล้วฟาดดาบไปที่เข็มทองมากมาย วินาทีนั้นกูเฟยเยี่ยนก็อ้อมมาอยู่ด้านหน้า
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะวางยาพิษ ทว่าในเวลานั้นก็มีเสียงดุเดือดดังขึ้นมาจากด้านข้าง “หยุดให้หมดเดี๋ยวนี้นะ!”
ในเมื่อความสำเร็จใกล้จะมาถึงแล้ว ต่อให้เป็กษัตริย์ผู้มีอำนาจมากูเฟยเยี่ยนก็จะไม่สนใจ นางไม่ลังเลที่จะสาดพิษลงบนใบหน้าของไป๋หลี่ิชวน แต่ใครจะไปทราบว่าเกือบจะ่เวลาเดียวกันจู่ๆ ก็มีคนที่อยู่ด้านข้างพุ่งทะยานเข้ามาเตะไป๋หลี่ิชวนออก
น้ำพิษสีดำเขียวขวดใหญ่ของกูเฟยเยี่ยนจึงหกลงบนขาของคนๆ นั้นจนหมด
วินาทีนั้นทุกคนล้วนเกิดความใ
ผู้ที่โผล่ออกมากลางคันไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็เถ้าแก่โรงเตี้ยมหนานซาน!
เถ้าแก่ล้มนอนบนพื้นโดยมองไปที่ไป๋หลี่ิชวน ก่อนจะมองไปที่จวินจิ่วเฉินกับกูเฟยเยี่ยนด้วยความโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ “หากพวกเ้าลงมืออีกก็ไสหัวออกไปให้หมด! ไม่ว่าจะเป็จดหมายแนะนำจากใครข้าก็ไม่รับ! ”
กูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินตระหนกใพลางหันมองไปที่ไป๋หลี่ิชวน ในตอนนี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าที่แท้ไป๋หลี่ิชวนก็คือคนที่จะเข้าไปในเขาเพื่อพบแพทย์พร้อมกับพวกเขา!
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยออกมาอย่างคาดไม่ถึง “ที่แท้ก็เป็เ้า! ”
ไป๋หลี่ิชวนมองพวกเขาอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน “พวกเ้ามาขอยาให้เฉิงอี้เฟย? ”
เื่ของเฉิงอี้เฟยได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองจิ้นหยางแล้ว ไป๋หลี่ิชวนยังคงมีหูมีตาอยู่ในเมืองจิ้นหยาง ดังนั้นเขาจึงรับรู้ เพียงแต่แพทย์ซ่อนเร้นบนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงคนเดียว เขาจึงคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาหาที่นี่ เขาคิดว่าการที่ได้พบกับจวินจิ่วเฉินกับกูเฟยเยี่ยนนั้นคาดว่าวันพรุ่งนี้คงจัดการได้ยากแล้ว
กูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินเกิดความสงสัย บนโลกใบนี้นอกจากคนของหุบเขาเสินหนงแล้ว ยังมีใครที่มีเส้นสายเขียนจดหมายแนะนำให้ไป๋หลี่ิชวนได้? ใครที่สามารถทำให้ไป๋หลี่ิชวนมาขอร้องแพทย์ซ่อนเร้นด้วยตนเองกัน บุคคลท่านนั้นคือใครกันแน่?
กูเฟยเยี่ยนเกิดความกังวลใจเพราะไม่ทราบว่าแพทย์กู้ท่านนั้นมีอุปนิสัยใจคออย่างไร การที่ได้พบกับคู่ต่อสู้อย่างไป๋หลี่ิชวนทำให้ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น!
กูเฟยเยี่ยน จวินจิ่วเฉินและไป๋หลี่ิชวนต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้กันและกัน พวกเขาทั้งสามล้วนมีความสับสนและคิดแผนการอยู่ในใจ
ทว่าบริเวณขาของเถ้าแก่เกิดความร้อนแผดเผาและคันจนยากที่จะทนไหว ในที่สุดเขาก็อดะโออกมาไม่ได้ “อีนังหนู สิ่งนี้ของเ้าใช้ยาพิษหรือไม่? ยังไม่รีบนำยาถอนพิษออกมาอีก! ข้าจะบอกอะไรให้นะหากขาของข้ามีอันเป็ไป เ้าก็อย่าได้หวังว่าจะออกไปจากเขาแห่งนี้ได้! ”
ในตอนนี้เองที่กูเฟยเยี่ยนหันมามองเถ้าแก่ด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก…