เมื่อถูกหนุ่มรูปงามอย่างซูชิงเฟิงจ้องมอง หลินหร่านพลันรู้สึกกังวล
เขาหาที่พึ่งโดยมองไปทางอวี้ฉู่จาวที่อยู่ข้างกายทันที
อวี้ฉู่จาวก้าวเข้ามาโอบไหล่เขาก่อนเอ่ยถามซูชิงเฟิง “เป็อย่างไร”
มีอวี้ฉู่จาวมายืนอยู่ข้างๆ แม้หลินหร่านจะกังวลนิดหน่อย แต่เมื่อเทียบกับสายตาของซูชิงเฟิงที่จ้องมองมาแล้ว เขารู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
พอซูชิงเฟิงเห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็บังเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจ จึงกล่าวพลางหัวเราะ “ร่างกายของคุณชายน้อยไม่น่ากังวล กระหม่อมจะให้ยาทา อาการาเ็เหล่านี้คงไม่ทิ้งแผลเป็ อีกเื่คือร่างกายขาดสารอาหาร จำเป็ต้องดูแลให้ดี บำรุงเยอะๆ ก็จะดีขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่างนั้นก็เทียบยาเถิด” อวี้ฉู่จาวพยักหน้าแล้วหันมาให้ความสนใจบนร่างกายหลินหร่าน ตรวจสอบว่ามีอาการเ็ปตรงไหนอีกบ้าง
ซูชิงเฟิงยิ้มมุมปากพลางเดินไปทางโต๊ะหนังสือที่อยู่ไม่ไกล หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเทียบยาลงไป ก่อนนำไปให้พ่อบ้านหยางซานที่หน้าประตู “ข้ารบกวนด้วยแม่ทัพหยาง”
“ท่านหมอซูอย่าได้เกรงใจขอรับ” หยางซานรับใบเทียบยาแล้วออกไป
หยางซานเคยเป็แม่ทัพมาก่อน เขาเป็ทหารคนสนิทของอวี้หนานถัง หรือก็คือเสด็จอาของอวี้ฉู่จาว หลังจากเสด็จอาออกจากตำแหน่งก็กลับวัง จึงได้ให้ทหารคนสนิทของตนอยู่ในความดูแลของอวี้ฉู่จาว
คนสนิทของอวี้หนานถังอย่างหยางซานนั้นยังมีอีกหลายคน แต่เนื่องด้วยอายุที่มากแล้ว จึงทำได้เพียงช่วยเหลืองานเล็กๆ น้อยๆ ในตำหนักของอวี้ฉู่จาวเท่านั้น และชาติก่อนเขาก็เป็ขุนศึกกลุ่มแรกที่ถูกตัดหัว
ซูชิงเฟิงยกยิ้มมองทั้งสองคนที่อยู่เบื้องหน้า เขาไม่ได้เห็นอวี้ฉู่จาวอ่อนโยนเช่นนี้มานานเท่าไรแล้วนะ
“อืม~” ซูชิงเฟิงส่งเสียงเรียกความสนใจ ให้อวี้ฉู่จาวหันมามอง
สุดท้ายอวี้ฉู่จาวกับหลินหร่านต่างเงยหน้าขึ้นมาทั้งคู่
“ท่านอ๋อง คุณชายผู้นี้คือ…”
หลินหร่านก็อยากรู้ว่าท่านอ๋องจะแนะนำตัวเขาว่าอย่างไร
“หลินหร่าน บุตรชายคนเล็กของแม่ทัพฮวาเวย เป็ชายาในภายภาคหน้าของเปิ่นหวัง” อวี้ฉู่จาวบอกอย่างตรงไปตรงมา
“ชายาของท่านอ๋อง?” ซูชิงเฟิงไม่เข้าใจ อวี้ฉู่จาวเพิ่งจะมีงานอภิเษกมิใช่หรือ
“คืนวาน ชายาองค์ใหม่สิ้นพระชนม์แล้ว”
ซูชิงเฟิงเบิกตากว้างด้วยความใ
มันจะเป็เพราะท่านอ๋องของพวกเขาชะตาเลวร้าย อาภัพชายาอย่างนั้นหรือ ชายาของตนเองเพิ่งเสียไป กลับพบเจอคนถูกใจแล้วหรือไร
ขณะที่ซูชิงเฟิงกำลังตกอยู่ในความสงสัย อวี้ฉู่จาวก็นึกเื่อื่นขึ้นมาได้
เมื่อนึกถึงเื่นี้ อวี้ฉู่จาวจึงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว เขารีบให้คนไปตามหยางซาน
“ท่านอ๋องทรงมีรับสั่งอันใดพ่ะย่ะค่ะ” หยางซานโค้งศีรษะ
“อีกเดี๋ยวเปิ่นหวังต้องกลับเมืองหลวง คุณชายหลินหร่านจะพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ ฝากพวกเ้าดูแลด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“คงต้องรบกวนหมอซูให้ช่วยดูแล่นี้” อวี้ฉู่จาวหันไปไหว้วานซูชิงเฟิง เขาเป็หมอที่ฝากชีวิตไว้ได้
“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย” ซูชิงเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ่นี้เขาไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ให้ดูแลพระชายาของเทพเ้าแห่งาไม่ใช่เื่ที่ทำไม่ได้
อวี้ฉู่จาวหันไปมองหลินหร่านพร้อมกำชับ “่นี้เ้าพักให้สบายเถิด ข้าขอกลับไปจัดการเื่ที่วังหลวงสักหน่อย หากมีเวลาจะกลับมาหาเ้า ตำหนักของข้าก็เหมือนตำหนักของเ้า หยางซานเป็คนดูแลที่นี่ เ้า้าอะไรให้บอกเขา”
หลินหร่านพยักหน้า แต่มือจับชายเสื้อคลุมของอวี้ฉู่จาวแน่น
แต่ไหนแต่ไรเขาเป็คนขี้ขลาด อีกทั้งวันนี้ต้องมาอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นชิน จึงรู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย
“อย่ากังวลเลย ข้าจะรีบกลับมา” แม้จะพูดแบบนั้น แต่อวี้ฉู่จาวยังไม่ค่อยวางใจ
จากนั้น อวี้ฉู่จาวก็หาคนมาตัดเสื้อคลุมให้หลินหร่าน จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยค่อยกลับเข้าวังหลวง
หลินหร่านออกไปส่งอวี้ฉู่จาวที่ประตูด้วยตนเองแล้วถึงกลับเข้ามาในห้อง เชื่อฟังคำสั่งของท่านอ๋อง ดูแลตัวเองเป็อย่างดี
หลินหร่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ของพระชายาอย่างสงบ รอคนต้มยานำยามาให้
แต่แล้ว พอมีคนคอยจ้องมองอยู่ข้างๆ จึงทำให้เขารู้สึกอึดอัด ใจเต้นรัวราวกับกลอง
ซูชิงเฟิงคงรู้สึกแปลกใจกับเื่ของเขาไม่น้อย แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรแน่ชัดไปกว่าท่านหมอซู
ครู่ต่อมา ซูชิงเฟิงจึงเอ่ยปากถาม “เ้าชื่อหลินหร่านหรือ”
“ขอรับ”
“หลินหร่าน ลูกชายคนเล็กของแม่ทัพฮวาเวย” ซูชิงเฟิงพึมพำกับตนเองก่อนพูดขึ้นมาอีกครั้ง “อ๋อ เื่ของคนโชคร้ายที่เล่าลือกันในเมืองหลวง คนที่...ฟื้นจากความตายขึ้นมาในงานศพเมื่อหลายปีก่อนใช่หรือไม่?”
“...ไม่ผิดขอรับ” หลินหร่านตอบเสียงเบา
“เ้าคงรู้สึกไม่พอใจ” ซูชิงเฟิงคิดว่าตนเองพูดไม่ถูกต้อง จึงประสานมือคำนับขออภัย
“ไม่เป็ไร ไม่ใช่ความลับอะไรขอรับ”
ซูชิงเฟิงเห็นใบหน้าห่อเหี่ยวของหลินหร่าน จึงคิดว่าอีกฝ่ายคงได้รับความลำบากเพราะเื่นี้มาไม่น้อย
“ตอนนี้มีท่านอ๋องคุ้มครองเ้าอยู่ ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่”
ซูชิงเฟิงรู้ดี เขาไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเื่ส่วนตัวของท่านอ๋อง รวมถึงนี่ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ท่านอ๋องน่าจะคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว
“ขอรับ” หลินหร่านก็คิดเช่นนั้น
แม้วันนี้อวี้ฉู่จาวจะปรากฏตัวฉับพลัน ทั้งยังปฏิบัติต่อเขาดีจนไม่น่าเชื่อราวกับไม่ใช่ความจริง แต่ท่านอ๋องผู้นี้ทำเพื่อชาวเมืองจนทำให้ทั่วทั้งจิ่วโจวเชื่อมาแล้ว แล้วเหตุใดเขาจะไม่เชื่อกันล่ะ
ทว่า เื่ของหลินหร่านที่ไม่มีใครรู้ก็คือ เื่ที่เขาข้ามภพมาที่แห่งนี้
หลังจากนั้นมันเป็เื่ของโชคชะตา โลกแห่งนี้เขายังคงเป็คนต้อยต่ำราวกับโคลน คอยให้ผู้อื่นเหยียบย่ำ
ถูกขับไล่ออกจากจวนแม่ทัพ ไม่มีใครที่สามารถไว้ใจได้
แต่ว่าตอนนี้เขาสบายใจขึ้นแล้ว เขาจะไม่ฆ่าตัวตายเพราะความเศร้าและความสิ้นหวังในชีวิตอีกต่อไป
ตัวเขานั้นเกิดมาเป็คนอ่อนแอ โกรธใครได้ไม่นาน แม้จะเกลียดชังใครก็ยังทำไม่ได้
ถึงกระนั้นตอนนี้ ตัวเขากลับหาความหวังและศรัทธาที่จะทำให้ใช้ชีวิตต่อไปได้พบ นั่นคืออวี้ฉู่จาว
เมื่อเขาได้ยินเื่ราวของอวี้ฉู่จาวครั้งแรก เขารู้สึกนับถือชื่นชม อยากเอาท่านอ๋องเป็แบบอย่าง
จากการพบพานครั้งแรกของเขา
เขาถูกดึงดูดด้วยความสมบูรณ์แบบของคนผู้นั้น ชื่นชมจนยากที่จะสงบ
ทั้งสองชาติภพหลินหร่านไม่เคยััถึงการมีความรัก เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีให้อวี้ฉู่จาวเปรียบดั่งอะไร เขาแค่อยากทำตามหัวใจ เดินตามหัวใจของตนเอง
เพราะอย่างนั้น อวี้ฉู่จาวคือคนที่หลินหร่านชื่นชม รู้สึกเหนื่อยกับชีวิตก็แอบไปที่โรงน้ำชา ฟังท่านหมอซูพูดเกี่ยวกับเทพเ้าแห่งาคล้ายกับเติมพลัง แม้หลายครั้งเ้าของโรงน้ำชาจะให้คนมาจับเขาโยนออกจากร้านบ่อยครั้ง แต่เขาก็รู้สึกสนุกไปกับมัน
ความรักก็อย่างนี้แหละ
.........
อีกด้านหนึ่ง หลังจากอวี้ฉู่จาวกลับไปถึงเมืองอวี้อัน ท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว แต่ความครึกครื้นในเมืองยังคงอยู่
‘พระชายาของจ้านหวังสิ้นพระชนม์กะทันหันอีกครั้งในคืนวันแต่งงาน’
ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วถนนและตรอกซอยของเมือง
ขณะที่อวี้ฉู่จาวผ่านถนนสายเล็ก เขาได้ยินผู้คนกระซิบกระซาบ
หลังอวี้ฉู่จาวกลับถึงตำหนักในวังหลวง เขาได้รับราชโองการจากฮ่องเต้ฉงเต๋อให้เข้าวัง
เื่ราวของชาติก่อนก็เป็เช่นนี้ แต่ชาติก่อนเขาไม่ได้ไปหาหลินหร่าน เขาเข้าวังหลวงไปทันที
ชาติก่อนภายหลังเข้าวังหลวง ฮ่องเต้มิได้ตำหนิเขา อีกทั้งยังเอ่ยปลอบใจ ฮองเฮาก็ยังคงเป็มารดาจิตใจงาม สัญญาว่าจะหาพระชายาที่เหมาะสมมาให้
ในชาตินี้ เขามาช้าไปหนึ่งวัน ก็ไม่รู้ว่าเื่ราวจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด
----------------------------------