“ฟอกให้ขาว?”
“ถูกต้อง แต่กระบวนการจะฟอกให้มันขาว มันไม่ง่ายเลย” หวูเหวินเซี่ยงพยักหน้าเบาๆ “เพราะมาเฟียหลายคนในวงการ ที่กลายมาเป็นักธุรกิจที่รักชาติ บางคนได้เป็ถึงสมาชิกรัฐสภา รวมไปถึงนักการเมือง ลูกสมุนของพวกเขาก็กลายมาเป็พนักงานที่ถูกกฎหมาย มีบัตรประกันสังคม ดังนั้นกฎหมายจึงไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้”
“คุณหมายความว่า?”
“ฉันหมายความว่า เดินตรงข้ามกับทางเดิม ถ้าจะรอให้เป็มาเฟียใหญ่แล้วค่อยฟอกให้ขาว มันจะดีกว่าไหมถ้าเริ่มทำกิจการที่ขาวสะอาดั้แ่เริ่มต้น การฟอกขาวที่ว่านี้ ไม่ใช่การลงทะเบียนบริษัทที่มีแต่ชื่อเหมือนของฮานซานฉาง แต่เป็บริษัทที่มีการบริหารงานและมีการจัดการภายในองค์กรที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น นายสามารถเอาเงินให้ฮานซานฉางไปจดทะเบียนบริษัทรักษาความปลอดภัย ขอบเขตของการดำเนินกิจการ อาจจะเป็การรับรักษาความปลอดภัยของชุมชนระดับสูงก็ได้ หรืออาจจะรักษาความปลอดภัยให้บ่อนบางแห่งก็ได้ จะไม่เรียกว่า ‘ค่าคุ้มครอง’ แต่จะเป็สัญญา ‘ค่ารักษาความปลอดภัย’ ที่เซ็นยินยอมกันทั้งสองฝ่าย แล้วฮานซานฉางก็ต้องจัดคนไปรักษาความปลอดภัยให้ตามสัญญาด้วย เมื่อผ่านวิธีการนี้ ก็จะกลายเป็ธุรกิจที่ถูกกฎหมายแล้ว หรือในบางโอกาสที่จำเป็ ยังสามารถเซ็นสัญญากับรัฐบาล เพื่อรักษาความปลอดภัยในการจัดงานขนาดใหญ่ได้อีกด้วย ตอนนี้ เธอเข้าใจรึยัง?”
คำพูดพวกนี้ของหวูเหวินเซี่ยง ทำให้ฉินหลางมีวิสัยทัศน์กว้างขึ้นมาก แต่เดิมเขาก็เป็คนฉลาดอยู่แล้ว แต่เขาไม่มีโอกาสได้ัักับสิ่งเหล่านี้เท่านั้น สมแล้วที่หวูเหวินเซี่ยงอยู่ในเกมการเมืองมานาน คำแนะนำของเขา ทำให้ฉินหลางรู้สึกเหมือนอยู่ดีๆ เมฆหมอกก็ถูกแหวกออก จนเห็นท้องฟ้าที่สดใส
ตอนแรก หวูเหวินเซี่ยงไม่มีทางพูดเื่พวกนี้กับเขาแน่ แต่เป็เพราะฉินหลางรักษาแม่เขาจนหายดี และวิชาการแพทย์ที่ทำให้หวูเหวินเซี่ยงตกตะลึง ทำให้เขายอมรับในความสามารถของฉินหลาง เขาถึงได้พูดเื่พวกนี้
“ท่านหวูครับ ถ้าอยู่ในสมัยโบราณล่ะก็ คุณจะต้องเป็กุนซือที่เก่งมากๆ แน่!” ฉินหลางหัวเราะคิกคัก
“าทางการเมืองก็ไม่ต่างอะไรจากสนามรบหรอก ถ้ามีสมองไม่มากพอ ก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้สักก้าวเหมือนกัน” หวูเหวินเซี่ยงพูดเหมือนมีความรู้สึกบางอย่าง “เ้าฉิน ในเมื่อเธอเข้าใจความสัมพันธ์ของมันแล้ว ฉันก็จะไม่พูดมากแล้ว อีกอย่าง ถ้ามองจากในมุมของฉัน ถ้าเธอสามารถทำให้นักเลง อันธพาลในสังคมพวกนี้ไปรวมกลุ่มกัน แล้วดำเนินกิจการที่ถูกกฎหมาย สามารถหารายได้เลี้ยงตัวเองได้ ก็จะทำให้การรบราฆ่าฟันเพื่อแย่งสัมปทานกันหมดไปด้วย ก็ถือว่าเป็การสร้างประโยชน์ให้กับสังคมแล้วเหมือนกัน จะว่าไป ถ้าจัดตั้งเป็บริษัทแล้วจริงๆ พวกเธอยังต้องจ่ายภาษีด้วย”
“ท่านนายกเทศมนตรีหวู ที่แท้คุณคิดถึงเงินส่วนนี้อยู่นี่เอง! ฮ่าๆ!”
ทั้งคู่หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
คำพูดจากใจของหวูเหวินเซี่ยงทำให้ฉินหลางได้ประโยชน์ไม่น้อยเลย ฉินหลางรู้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เขาช่วยรักษาแม่ของหวูเหวินเซี่ยง หวูเหวินเซี่ยงไม่มีทางบอกเื่พวกนี้กับเขาแน่
ระหว่างทางที่กำลังกลับโรงเรียน ฉินหลางคิดทบทวนคำพูดพวกนี้มาตลอดทาง
ยุทธภพอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ฉินหลางก็รู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของตาเฒ่าพิษเหมือนกัน เพียงแต่ ชาวยุทธ์ก็ควรต้องพัฒนาตัวเองให้ทันการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยด้วย หวูเหวินเซี่ยงพูดถูก เอาแต่รบราฆ่าฟันเพื่อแย่งสัมปทานกันมันไม่เหมาะกับยุคสมัยนี้แล้ว ถ้าทำให้รัฐบาลไม่พอใจ ประเทศที่แข็งแกร่งเริ่มขับเคลื่อนกลไกขึ้นมาเมื่อไร แทบจะไม่มีกลุ่มไหนหรือแก๊งไหนที่จะสามารถต้านทานมันได้
ฉินหลางมีความรู้ความเชี่ยวชาญในเื่ของสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ดังนั้นเขาจึงเชื่อประโยคเด็ดในหนังสือเกี่ยวกับการวิวัฒนาการที่ว่า ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเพื่อการอยู่รอด
ตอนนี้ชาวยุทธ์ก็ต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยแล้วเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น ก็จะไม่มีทางดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้
ถึงแม้จะได้คำแนะนำจากหวูเหวินเซี่ยง ฉินหลางก็รู้ว่าถ้าจะฟอกให้ขาวเลยมันไม่ใช่เื่ง่าย ฮานซานฉางกับกระทิง ถ้าจะให้จัดการเื่ในแก๊งสองคนนี้มีความสามารถเหลือเฟือ แต่ถ้าจะให้ดำเนินกิจการในรูปแบบของบริษัท พวกเขากลับมีความรู้ไม่มากพอ ถ้าจะให้เปลี่ยนเป็คนอื่น ฉินหลางก็ไม่ไว้วางใจเช่นกัน
เมื่อฉินหลางกลับมาถึงหอพัก เห็นจ้าวเหว่ยกำลังเล่นเกมอยู่อีกเช่นเคย ฉินหลางจึงพูดขึ้นด้วยความอดไม่ได้ว่า “จ้าวเหว่ย ใกล้จะถึงเวลาต้องสอบเข้ามหาลัยกันแล้ว นายไม่รู้สึกกดดันอะไรบ้างเลยเหรอ?”
“นายยังจะว่าฉันอีก นายก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?” จ้าวเหว่ยกล่าว
“ฉัน? ฉันไม่เหมือนกับนาย” ฉินหลางตอบด้วยรอยยิ้ม “ตอน 3 ทุ่ม ฉันยังต้องไปห้องสมุดอีก อาจารย์เถาจะติวให้ฉันด้วยตัวเอง!”
“จริงด้วย ฉันลืมเื่นี้ไปซะสนิทเลย—แน่มาก เ้าหนู! ดูไปแล้ว ถ้าเป็อย่างนี้ นายกับอาจารย์เถาไม่แน่อาจจะมีโอกาสก็ได้!” จ้าวเหว่ยวางเมาส์ลง จ้องหน้าฉินหลาง “แต่ว่า รั่วปินล่ะ? จริงสิ ยังมีเจียงเสี่ยวฉิงอีกคน! เชี่ย ทำไมสาวสวยที่สุดในชีจง ถึงโดนนายจีบไปหมดแล้ว ช่างเป็ดอกไม้ปักอยู่บนกอง…อะไรนั่นจริงๆ!”
“นายต่างหากที่เป็อะไรนั่น!” ฉินหลางสบถ “ยิ่งไปกว่านั้น รั่วปินกับฉัน ตอนเด็กๆ เราเป็เพื่อนกันแค่นั้น ส่วนเจียงเสี่ยวฉิง กลับเป็แค่คนที่บังเอิญรู้จักเมื่อสองสามวันก่อน ยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น”
“ขอร้องเถอะ! บังเอิญรู้จัก? ผู้ชายที่เจียงเสี่ยวฉิงรู้จักมีเยอะขนาดนั้น ทำไมไม่เคยเห็นเธอเอาผ้าขนหนูไปให้ใครบ้างเลย ต่อให้บนผ้าขนหนูจะไม่ได้ปักรูปเป็ดแมนดาริน แต่การกระทำนี้ก็ชัดเจนมากพอแล้ว ไม่อย่างนั้นรั่วปินจะหึงนายไปทำไม” จ้าวเหว่ยสบถ
“หึง? นายรู้ได้ยังไง?”
“เชี่ย! เขารู้กันทั้งห้อง!” จ้าวเหว่ยพูดอย่างอารมณ์ดี “มีนายคนเดียวแหละที่ไม่รู้? หรือว่ารู้แต่แกล้งไม่รู้ เป็ไง ั้แ่เจียงเสี่ยวฉิงเอาผ้าขนหนูไปให้นายแล้ว รั่วปินก็ไม่ค่อยสนใจนายแล้วใช่ไหม? ฉันจะบอกอะไรนายให้ รั่วปินเป็ผู้หญิงที่รักก็ชัดเจน เกลียดก็ชัดเจนเหมือนกัน เธอไม่ชอบนายแล้ว ก็ี้เีที่จะสนใจนายแล้ว เข้าใจรึเปล่า?”
“เป็อย่างนี้จริงเหรอ?” จู่ๆ สีหน้าฉินหลางก็ดูซีเรียสขึ้นมามาก เขาคิดว่ารั่วปินกลับไปใส่ใจการเรียนเหมือนเดิม ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไร เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะเกลียดเขาไปแล้ว
“ถามพล่อยๆ!” จ้าวเหว่ยหัวเราะฮึๆ “เสียใจแล้วเหรอ? แต่ว่า ถ้าเป็ฉัน เจียงเสี่ยวฉิงยอมเอาผ้าขนหนูมาให้ฉัน ฉันจะต้องรับไว้แน่นอน ดมทุกวัน แค่นั้นก็กระปรี้กระเปร่าแล้ว!”
“ไสหัวไปเลย!” ฉินหลางด่าออกมา รู้สึกหงุดหงิดขึ้นภายในใจ
ดูไปแล้วบุญคุณจากสาวสวยใช่ว่าจะรับได้ง่ายๆ จริงๆ ด้วย โดยเฉพาะบุญคุณจากสาวงามถึงสามคน
“จริงสิ นายเล่นเกมอะไรอยู่? ทำไมไม่ใช่เกมต่อสู้เหมือนทุกวัน?” ฉินหลางสังเกตเห็นว่าเกมที่จ้าวเหว่ยเล่นวันนี้ต่างจากทุกวัน
“อ๋อ นี่เป็เกมออนไลน์ที่มาใหม่ล่าสุด ‘ตำนานลูกพี่ใหญ่’ หัวข้อคือจะหาเงินและจีบสาวยังไง—นายดูสิ สาวสวยที่อยู่ในเกม เลขาสุดยั่วยวน พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ สาวสวยคู่ค้าทางธุรกิจ ดารานางแบบต่างๆ พวกนี้ล้วนสามารถจีบได้หมด แน่นอนว่า ก่อนอื่นนายต้องเปิดบริษัทก่อน เข้าตลาดหุ้นอะไรพวกนี้ หาเงินให้ได้เยอะๆ ก่อน เป็เกมที่ต้องใช้ไอคิวสูง ฉันว่านายก็คงดูไม่รู้เื่หรอก”
“เปิดบริษัทหาเงิน จีบสาว นี่มันก็เหมือนกับในชีวิตจริงเลยไม่ใช่เหรอ” ฉินหลางกล่าว
“ต่างกันมาก” จ้าวเหว่ยทำตาโตใส่ฉินหลาง “ถ้าล้มละลายในนี้ นายไม่ต้องห่วงว่าจะถูกธนาคารมาทวงหนี้ อย่างมากก็แค่ปิดบัญชีก็พอ อีกอย่าง ในเกมนายจะมีเมียสามสนมสี่ก็ไม่ต้องกลัวผู้หญิงมาตัดน้องชาย”
“เอ๋ นายนี่ไม่เลวเลยนะ มีเหรียญทองเยอะขนาดนี้แล้ว” ฉินหลางเหลียวมองพลางพูดขึ้น
“แน่นอน นายก็ลองคิดดูว่าฉันเป็ใคร! ความฝันของฉัน คือการเป็นักกวีผู้ยิ่งใหญ่ที่แสนเ้าชู้ ทั้งสง่างาม ทั้งมีเงิน แล้วยังเ้าชู้ มาดแมน สรุป พูดง่ายๆ เลยก็คือ ฉันจะเป็เศรษฐีหมื่นล้าน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้