“ค่ายกลมหาเบญจธาตุการเกิดและดับสูญแตกแล้วจริงๆ ดูแล้วตู๋กูเช่อทำสำเร็จแล้ว ประตูนี้สมควรเป็ประตูทอง” เสวียนเสวียนจื่อทอดสายตามองดูรอยร้าวสีทองงดงามตระการตา ยิ่งใหญ่ทรงพลังดุจประตู์ กล่าวขึ้น
“โอกาสวาสนาในที่นี้ พวกเรามาดูโชคลาภของแต่ละคนเถิด ศิษย์พี่เสวียนเสวียน ข้าล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่งแล้ว…”
“ศิษย์น้องเหยียนเต้า ความเร็วของข้าก็มิได้ช้ากว่าเ้า” พูดพลาง เสวียนเสวียนจื่อพร้อมกับตัวประหลาดเฒ่าหลายคนทะยานร่าง พุ่งเข้าประตูทองขนาดใหญ่ก่อน ตามมาติดๆ ด้วยวิหคกระจอกเกล็ดเขียว กล่าวถึงที่สุดแล้วมันเป็สัตว์ปีกจิติญญาที่บินได้ จึงได้เปรียบในด้านความเร็ว
เห็นมีคนเข้าไปข้างใน บนมหาสมุทรยิ่งวุ่นวายสับสนแล้ว กลุ่มอำนาจหลักต่างๆ รีบเดินขึ้นบันไดหินสีทองไปอย่างรวดเร็ว
“ตูมมม…โครม โครม…” เสียงอุทานและเสียงร้องน่าอนาถนับมิถ้วนดังมาจากประตูใหญ่สีทอง
“ประตูนี้มีผนึกต้องห้าม!” มีคนอุทานเสียงต่ำ เงาร่างจำนวนมากบินขึ้นไปบนที่สูงของขั้นบันไดหินตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับเม็ดฝน ภาวะไร้น้ำหนักกะทันหัน ทำให้หลายคนตอบสนองไม่ทัน ร่วงหล่นกระแทกบนขั้นบันไดหินแข็ง
ผู้เคราะห์ร้ายบางคนเพราะอิริยาบถที่ล้มฟาดลง ศีรษะเหมือนเช่นเปลือกไข่กะเทาะแตกก็มิปาน บนขั้นบันไดถูกโลหิตสดๆ สาดกระเซ็น แปดเปื้อนเต็มไปหมด
บรรพบุรุษผู้เฒ่าเสวียนเสวียนและคนอื่นๆ ก็เกือบพลาดท่าเช่นกัน แต่กล่าวถึงที่สุดแล้วพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็ชนชั้นสุดยอด การตอบสนองจึงรวดเร็วกว่าอยู่บ้าง พวกเขารีบลดความสูงลงมาอย่างรวดเร็ว กลับบินเข้าไปในระดับความสูงที่ลดต่ำลงมา เขตแดนต้องห้ามของประตูนี้ การสะกดข่มพลังผู้บ่มเพาะไม่รุนแรงมากนัก
เห็นตัวประหลาดเฒ่าหลายคนบินเข้าไป ดวงตาของทุกคนเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก
“นั่นคือจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ เป็ไปได้อย่างไร ฐานบ่มเพาะของพวกเขายังอยู่ในระดับจักรพรรดิา…”
“พวกเขามีสมบัติวิเศษจิติญญาประจำสำนักปกป้องตนเอง พอจะฝืนต้านทานการสะกดข่มจากเจตจำนงคุนเผิงได้บ้าง…” มีคนอุทานขึ้น
วิหคกระจอกเกล็ดเขียวค่อนข้างโชคร้ายหน่อย ร่างถูกกระชากร่วงหล่นลงมา กระแทกลงบนพื้นจนขนนกปลิวว่อน ดีที่กายเนื้อมันแข็งแกร่ง จึงไม่เป็อะไรมาก กางปีกแล้วบินเข้าไปในระดับต่ำลงมา ไม่ช้าก็ไล่ตามเข้าใกล้เสวียนเสวียนจื่อและคนอื่นๆ แล้ว ผู้ฝึกฌานคนอื่นๆ หลังจากทำความเข้าใจผนึกข้อห้ามบันไดแล้ว ได้แต่เดินก้าวตามขั้นบันไดปีนขึ้นยอดเขา้าไปทีละก้าวๆ
“สถานที่นี้เป็แดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าสมุทร ล้วนต้องหลีกทางให้กับข้า!” ขณะทุกคนกำลังกระตือรือร้นและเร่งรีบกัน พลันบนมหาสมุทรเดือดพล่านขึ้นมาแล้วทันใด
“นั่นคือสิ่งใด?” ทุกคนมองไปยังแหล่งที่มาของเสียง บนขั้นบันไดหินสีทอง บรรดาผู้คนและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนตกตะลึง พากันรีบเร่งหลีกออกเป็เส้นทางสายหนึ่ง
ในมหาสมุทรสีครามอันกว้างใหญ่ไพศาล ละอองไอน้ำคล้ายก้อนเมฆคล้อยต่ำบนท้องฟ้า จากท้องฟ้าเชื่อมถึงมหาสมุทร หมอกสีขาวพลิ้วไหวปั่นป่วนเป็ระลอกคลื่น หนาแน่นเหมือนหมอกควัน ดุจดั่งเมฆาจาก์เก้าชั้นฟ้า ครอบคลุมมหาสมุทรกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด กลางมหาสมุทร สีแดงเข้มเช่นกระแสน้ำขึ้นมุ่งหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็วอย่างไม่ลดกำลังลง มหาสมุทรคล้ายดั่งใกล้จะถูกนึ่งจนเหือดแห้งแล้ว น้ำทะเลแปรเปลี่ยนกลายเป็ละอองหมอก สิ่งมีชีวิตสีแดงเพลิงแถบหนึ่งวิ่งขึ้นบันไดหินไป
“นี่ก็คือปลาเปลวเพลิงแกนปฐี…ในตำนานเล่าขาน!” สิ่งมีชีวิตในทะเลใอุทานขึ้น
ฝูงปลานี้มีความยาวไม่เท่ากันั้แ่หลายฟุตจนถึงหลายวา ลำตัวเป็สีแดงสดทั่วทั้งตัว ร้อนแรงสุดเปรียบปาน กระโจนพรวดเข้ามาเช่นนี้ เหมือนเช่นูเาไฟใต้ดินปะทุขึ้น
สิ่งมีชีวิตที่ใกล้ฝูงปลารู้สึกแค่ว่าปาก ลิ้นและลำคอแห้งผาก เหมือนดั่งถูกนึ่งจนสูญเสียน้ำไป ผู้คนใจนพากันทยอยหลีกลี้หนีห่าง มิมีใครกล้าขวางฝูงปลา
ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ทุกครั้งที่ปรากฏตัวจำนวนร่วมหลายหมื่นทุกรอบ หลอมรวมเชื่อมต่อกับธาตุไฟโดยธรรมชาติ มีพลังธาตุไฟั้แ่อยู่ในครรภ์โดยกำเนิด อานุภาพพลังน่าพรั่นพรึงสะท้านขวัญ
สมัยา เคยมีปลาเปลวเพลิงแกนปฐีบรรลุขอบเขตสำเร็จเป็ผู้นำสูงสุด ้าแย่งชิงอำนาจกับเหล่าเทพเ้าสมุทรหลายคน เปิดศึกากันขึ้นจนแต่ละเขตของน่านน้ำในมหาสมุทรต้องตื่นตระหนกกันถ้วนหน้า สุดท้ายรบพ่ายแพ้ ทั้งเผ่าพันธุ์ถูกปิดผนึกโดยผู้ยิ่งใหญ่ คิดไม่ถึงว่าวันนี้กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีก
“เปรียะ เปรียะ…”
เกิดเสียงดังแว่วมา ฝูงปลาเปลวเพลิงแกนปฐีคล้ายดั่งลูกธนูหลุดจากแล่ง ะโทะยานพรวด ขึ้นบันไดหินสีทองไป ใช้หางแตะััพื้น แหวกว่ายสัญจรเดินทาง ฝูงปลาใหญ่มากมายมหาศาลขนาดนี้ มีจำนวนร่วมกว่าแสนตัวเลยทีเดียว รวมเป็กลุ่มเข้าด้วยกันช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ทุกแห่งที่ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีผ่านไป ทุกสิ่งถูกแผดเผากลายเป็เถ้าถ่าน
ถ้านี่มิใช่ขั้นบันไดหินที่คุนเผิงทิ้งไว้ เปลี่ยนเป็สถานที่ใดๆ ล้วนต้องหลอมละลายเป็หินหนืดเดือดปุดๆ เช่นลาวาูเาไฟไปแล้ว คุนเผิงมีฐานะเป็ผู้นำสูงสุดของแผ่นดินพั่วเหยียนเมื่อกว่าหมื่นปีที่แล้ว สถานพำนักของมันมีชื่อเสียงสมคำเล่าลือจริงๆ
มีคนสงสัยเช่นกันว่าสิ่งที่เรียกว่าสถานพำนักของคุนเผิงมิได้ถูกทิ้งไว้โดยคุนเผิง แต่เป็อาณาเขตเร้นลับที่ถูกปิดผนึกไว้แห่งหนึ่ง ต่อมาถูกคุนเผิงค้นพบและได้รับไป กลายเป็สถานที่พำนักของมัน สิ่งนี้เองทำให้คุนเผิงที่อยู่ในแผ่นดินนี้ ซึ่งไม่อาจรับพลังแก่นแท้จิติญญา สามารถทะลวงด่านบรรลุเหนือเทพเ้าาเป็ผลสำเร็จ
บริเวณเขตแดนที่ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีผ่านไป สรรพสิ่งมีชีวิตล้วนหลีกทางให้ มิกล้าเผชิญหน้าด้วย แม้แต่ตัวประหลาดเฒ่าเ่าั้ก็มิกล้ากระทำการโดยประมาทเลินเล่อ ถึงแม้ภายในตัวปลาเปลวเพลิงแกนปฐีแต่ละตัวล้วนสามารถสกัดพลังแก่นแท้จิติญญาคุณสมบัติไฟออกมาได้ส่วนหนึ่ง สำหรับผู้บ่มเพาะที่ไม่สามารถััได้ถึงพลังแก่นแท้จิติญญาได้เลยในแผ่นดินนี้ ถึงแม้จะเป็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็หาได้ยากยิ่งนักเช่นกัน
ถ้าสามารถจับได้สักพันตัว พลังแก่นแท้จิติญญาที่หลอมสกัดออกมา เทียบได้กับพลังของลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาลูกหนึ่งแล้ว แต่ถึงจะทราบดีว่าคุณค่าของปลาฝูงนี้หายากแค่ไหน กลับมิมีผู้ใดหาญกล้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมัน
เนื่องจากทุกคนล้วนทราบดี ในน่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้ที่ถูกเจตจำนงคุนเผิงสะกดข่ม ต่อให้อาศัยสมบัติวิเศษจิติญญาปลดปล่อยพลังของจักรพรรดิาออกมา แต่เผชิญหน้ากับฝูงปลาขนาดใหญ่จำนวนมหาศาลขนาดนี้ ก็จะถูกแผดเผาเหลือเพียงเถ้าถ่านเช่นกัน
ถึงแม้เสวียนเสวียนจื่อและคนอื่นๆ มองดูปลาเปลวเพลิงแกนปฐีเหล่านี้แล้วรู้สึกละโมบ กลับมิมีความคิดที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมันเช่นกัน แต่ความเร็วของเสวียนเสวียนจื่อและตัวประหลาดเฒ่าอื่นๆ รวดเร็วยิ่งนัก ทั้งยังออกเดินทางเร็วกว่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐี ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็คนกลุ่มแรกที่เข้าสู่สถานพำนักของคุนเผิง แล้วตามมาติดๆ ด้วยปลาเปลวเพลิงแกนปฐีที่คล้ายฝูงตั๊กแตนกำลังข้ามพรมแดนก็มิปาน
……
“คิดไม่ถึงว่ากลางมหาสมุทรกลับยังมีสิ่งมีชีวิตชนิดนี้อยู่อีก เพียงตัวเดียวอาจไม่น่ากลัว แต่เมื่ออยู่รวมตัวกันเป็ฝูงแล้ว ผู้ใดจะสามารถเป็ศัตรูได้อีก?” ตู้เยว่ิพูดกับตัวเอง
เขามองน่านน้ำมหาสมุทรไกลๆ คราหนึ่ง ยังคงไม่เห็นร่องรอยของจ้านอู๋มิ่ง คิดอยู่สักครู่หนึ่ง พูดอย่างอับจนปัญญาว่า “ดูแล้วพวกเราได้แต่เข้าไปสถานพำนักของคุนเผิงก่อนแล้ว ไม่ทราบว่าศิษย์น้องอู๋มิ่งจะมาถึงเมื่อใดเช่นกัน ขืนรอต่อไป เกรงว่าพวกเราจะไม่ได้สิ่งใดเลย!”
“ศิษย์น้องฉลาดเลิศล้ำขนาดนั้น จะต้องทราบว่าพวกเราเข้าไปสถานพำนักของคุนเผิงก้าวหนึ่งก่อนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ต้องตามไปสมทบกับพวกเราในสถานพำนักของคุนเผิง พวกเราเข้าไปก่อนเถิด ไม่รู้ว่าในนั้นจะมีสิ่งใดบ้าง…” ฉินเฮ่าหรานเห็นด้วย
“เอาล่ะ ทุกคนระวังตัวด้วย โดยเฉพาะชนเผ่าสมุทรพวกนั้น!” ตู้เยว่ิเตือนขึ้น นำหน้าก้าวขึ้นบันไดหินสีทองไป
ทุกคนรีบเร่งขึ้นบันไดไป พลันรู้สึกสับสนอยู่บ้าง สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขามิใช่สมบัติโบราณคุนเผิงชนิดต่างๆ บินว่อนไปรอบทิศทางตามที่จินตนาการ แต่เป็สถานที่ว่างจนโล่งเตียนแห่งหนึ่ง ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้น มีแต่หมอกควันวนไปรอบๆ แสงตะวันดุจซ่อนเร้น ดุจปรากฏ มองเห็นไม่ชัด คล้ายดั่งมีคลื่นลึกลับชนิดหนึ่งกำลังแผ่ขยาย
“นี่มิใช่สถานพำนักของคุนเผิง!” มีคนกระซิบเบาๆ
ตอนอยู่นอกผนึก ฟ้าดินที่ทุกคนเห็น กว้างขวางกว่าผาหินในตอนนี้มากมายนัก ที่นี่ไม่เหมือนแผ่นดินผืนหนึ่ง กลับเหมือนหน้าผาระหว่างทางแห่งหนึ่งมากกว่า
“เป็ค่ายกลขนส่งสมัยโบราณแห่งหนึ่ง!”
คนที่ขึ้นมาทีหลังพบว่า คนกลุ่มแรกที่ขึ้นมาหลังจากเหยียบหน้าผาขาดแห่งนี้แล้ว ก็สูญหายไปจนหมดสิ้นแล้ว
“กลับมีค่ายกลขนส่งสมัยโบราณดำรงอยู่จริงๆ? ค่ายกลนี้จะต้องเปิดทำงานด้วยพลังแก่นแท้จิติญญาอันทรงพลัง เห็นได้ชัดเจนว่าค่ายกลใหญ่ตรงหน้าเราไม่ขาดพลังแก่นแท้จิติญญาสนับสนุนเลย ดูแล้วสถานพำนักของคุนเผิงแห่งนี้จะไม่ง่ายดายแล้วจริงๆ” บางคนทอดถอนใจ
เฉพาะพลังขนส่งที่ต้องใช้สำหรับปลาเปลวเพลิงแกนปฐีนับแสนตัวนั้นก็มากมายมหาศาลแล้ว
“สถานที่แห่งนี้ที่คุนเผิงอาศัยอยู่ มีความเป็ไปได้มากที่จะเป็พื้นที่มิติของตัวเอง พื้นที่มิติแห่งนี้ไม่ขาดพลังแก่นแท้จิติญญา”
และแล้ว ทุกคนที่เข้าสู่ขั้นบันไดหินไม่ลังเลอีกต่อไป ทยอยก้าวขึ้นไปบนหน้าผาขาดแห่งนั้น
ตู้เยว่ิเข้าสู่หน้าผาขาดอย่างรวดเร็วพร้อมกับศิษย์ของสำนักบริบาลเดรัจฉาน คล้ายดั่งก้าวเข้าสู่แดนมายาก็ปาน รูปร่างเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ตกลงบนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง เกาะเล็กๆ ที่หน้าตาเหมือนกันมีอยู่จำนวนไม่น้อย กระจัดกระจายออกไปอยู่ตามที่ต่างๆ ในมหาสมุทร ทั้งหมดล้วนกำลังเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ สีสันล้วนแตกต่างกัน เจิดจ้าพร่างพราวตายิ่งนัก
แต่ละเกาะล้วนมีสิ่งมีชีวิตมากมาย พวกเขาถูกค่ายกลขนส่งส่งไปยังสถานที่แตกต่างกัน
สถานที่นี้พลังเหนือธรรมชาติเข้มข้นเป็ที่สุด สูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง ร่างกายราวกับจะลอยขึ้นมา ้างอกปีก โบยบินขึ้นสู่์ กลายเป็ะก็ปาน ทำให้ผู้คนผ่อนคลายไร้กังวลและมีความสุขยิ่งนัก น้ำในมหาสมุทรนอกเกาะใสกระจ่าง ไม่มีลมและไร้ระลอกคลื่น หมอกหนาทึบเพิ่มพูนมากขึ้น ถึงกับเป็พลังเหนือธรรมชาติของฟ้าดินทั้งสิ้น
“อยู่ที่นั่น รังของคุนเผิง…” มีคนชี้ไปยังโขดหินสูงตระหง่านอยู่ไกลๆ ในน่านน้ำมหาสมุทรแถบนั้น พบแนวโขดหินเพียงแห่งเดียว สูงตระหง่านโดดเด่น เหมือนเช่นราชันแห่งหมู่เกาะต่างๆ บนเกาะมีรังนกขนาดใหญ่มหึมาแห่งหนึ่ง ต้นไม้เก่าแก่สูงพาดผ่านฟ้า กิ่งก้านแตกแขนงอุดมสมบูรณ์ เปี่ยมกลิ่นอายความเป็สิริมงคลเข้มข้น
เวลานี้ทุกคนจึงได้ทราบว่า ลำแสงที่พวกเขามองเห็นนอกสถานพำนัก ก็คือแสงที่มาจากรังขนาดใหญ่มหึมารังนั้นเอง
ยามนี้ บนเกาะเกิดการต่อสู้กันขนานใหญ่แล้ว สับสนสนอลหม่าน ผู้คนพากันแห่ไปที่แนวโขดหินโดดเดี่ยวห่างไกลอย่างบ้าคลั่ง จุดประสงค์ของพวกเขาคือถ้ำคุนเผิง ภายในรังจะต้องหลงเหลือสมบัติล้ำค่ามากประโยชน์ของคุนเผิงอยู่ ได้รับหนึ่งชิ้นในจำนวนนั้น ก็อาจมีความสามารถปกครองใต้หล้า
“ศิษย์น้องอู๋มิ่ง…” ตู้เยว่ิอุทานขึ้น เขาเห็นเงาร่างคนผู้หนึ่ง เร่งรีบทะยานข้ามน่านน้ำมหาสมุทร มุ่งหน้าตรงไปที่ถ้ำคุนเผิง กำลังวิ่งนำหน้าทุกคน
“เกิดอะไรขึ้น?” ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานประหลาดใจอย่างยิ่ง พวกเขาแน่ใจยิ่งนักว่าไม่ได้เห็นจ้านอู๋มิ่งเข้าสู่ประตูสีทอง ไฉนจ้านอู๋มิ่งถึงวิ่งอยู่แถวหน้าสุดแล้ว? แม้แต่บรรพบุรุษเฒ่าเสวียนเสวียนของสำนักิญญาเร้นลับก็ยังกินฝุ่นอยู่ด้านหลังเขาเช่นกัน
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกขุ่นข้องหงุดหงิด เดิมเขาเพียง้าหาโชคลาภความมั่งคั่งเท่านั้น ดังนั้นจึงกวาดสิ่งของทุกอย่างภายในถ้ำจนหมดเกลี้ยง เหยียนชิงชิงและสื่อรั่วหนาน สองสาวชื่นชอบพืชพรรณต่างๆ บนเกาะนั้นยิ่งนัก เหมือนสาวน้อยขึ้นูเาไปเก็บดอกเห็ดก็ปาน ทิศตะวันออกครั้งหนึ่ง ทิศตะวันตกครั้งหนึ่ง ขุดพืชสายพันธุ์แปลกใหม่ จ้านอู๋มิ่งได้แต่รอคอย แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเขานำหินทองคำจิติญญาระดับเทพซึ่งผนึกตาค่ายกลใหญ่ของเกาะออกไป ค่ายกลจึงล่มสลาย เกาะก็จมลงสู่มหาสมุทร
่เวลาที่เกาะจมลงและค่ายกลใหญ่พังทลายนั้น พลังแก่นแท้จิติญญาฟ้าดินวุ่นวายปั่นป่วนยิ่งนัก จ้านอู๋มิ่งและพวก้าบินก็บินไม่ได้แล้ว ไม่สามารถแม้แต่จะรวบรวมพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้บนร่างกาย และแล้ว คนทั้งสี่ถูกกระแสน้ำวนขนาดใหญ่กลืนกินไป ถ้ามิใช่เพราะการตอบสนองอย่างรวดเร็วของจ้านอู๋มิ่ง รีบพาหญิงสาวสามคนเข้าไปในสมบัติวิเศษพื้นที่มิติของตนเอง พึ่งพาร่างกายที่แข็งแกร่งของตน ต้านทานการกระแทกของก้อนหินและสิ่งของที่ถล่มลงมา เกรงว่าหญิงสาวเ่าั้คงจะถูกทับจนเสียชีวิตหมดสิ้นแล้ว
สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งคาดคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อค่ายกลใหญ่พังทลาย กระแสน้ำวนขนาดใหญ่นั้นกลับมุ่งตรงไปยังสถานพำนักของคุนเผิง ดังนั้น เขาก็ไม่ได้เดินผ่านประตูสีทองเช่นกัน แต่เข้ามายังพื้นที่มิตินี้โดยตรงจากทางประตูหลัง
ตอนแรก เขายังตะลึงกับพื้นที่มิติแห่งนี้ แต่เมื่อเขาเห็นถ้ำขนาดใหญ่มหึมาของคุนเผิง เขาก็ก้าวขามุ่งหน้าวิ่งไปที่ถ้ำนั้นทันทีโดยไม่คิดอะไร
เสวียนเสวียนจื่อและตัวประหลาดเฒ่าอื่นๆ จะปล่อยให้จ้านอู๋มิ่ง เด็กน้อยตัวเล็กๆ ตัดหน้าได้อย่างไร เสวียนเสวียนจื่อไล่ตามอยู่พักหนึ่ง พบว่าแม้ว่าตนจะสามารถรักษาพลังการต่อสู้ของจักรพรรดิาขั้นต้นได้ ยามกะทันหันกลับติดตามจ้านอู๋มิ่งไม่ทัน แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ จ้านอู๋มิ่งไม่ได้วิ่งไปที่ถ้ำคุนเผิง เขากลับวิ่งไปยังที่แห่งหนึ่งบนเกาะแนวปะการังที่อยู่เคียงข้างถ้ำคุนเผิงแทน
สถานที่นั้น พลังธาตุวายุที่คุ้นเคยอย่างยิ่งของจ้านอู๋มิ่งผันผวนอยู่ที่นั่น พลังเหนือธรรมชาติเข้มข้นจนแทบจะกลายเป็ของเหลว กันเป็แม่น้ำสายหนึ่ง ไหลออกจากสถานที่นั้นอย่างช้าๆ
จ้านอู๋มิ่งคิดถึงสิ่งของชิ้นหนึ่ง นั่นก็คือเขาอยู่ภายในทะเลสาบลึกบนเกาะแห่งแรกในน่านน้ำมหาสมุทรคุนเผิง ได้เจอั์ตาลูกนั้นของคุนเผิง ที่จ้านอู๋มิ่งได้รับคือั์ตาธาตุวารีลูกหนึ่ง ดวงตาธาตุวายุของคุนเผิงไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด เวลานี้ ธาตุวายุในร่างกายของเขาผันผวนผิดปกติ ในมหาสมุทรแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังธาตุวารีทุกแห่งหน ความเป็ไปได้ที่ธาตุวายุปั่นป่วนผิดปกติจะมีเพียงหนึ่งเดียว สถานที่นั้นต้องมีสมบัติวิเศษพลังลมที่ทรงพลังอย่างยิ่งนั่นเอง
