ลมหายใจของบุรุษที่คุ้นเคยเข้าปกคลุมประสาทััของนาง
หัวใจที่ห้อยอยู่ของอวิ๋นอี้ ในที่สุดก็ลงพื้นได้เสียที
โชคดีที่รับนางไว้ได้!
เมื่อครู่ใแทบแย่จริงๆ!
รู้สึกราวกับข้ามเวลามาอย่างบอกไม่ถูก หากจะถูกฆ่าอย่างอธิบายมิได้อีก เช่นนั้น์คงกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว!
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากใผสมกับความซึ้งใจเล็กน้อย เมื่อเท้าทั้งสองเหยียบลงพื้น นางถึงจะกล้าลืมตาขึ้น พลันมองไปยังบุรุษหนุ่มตรงหน้า
หรงซิวผมยุ่ง สีหน้าเคร่งขรึม ริมฝีปากกระชับแน่น นางรู้สึกได้ถึงความโกรธของเขา
เขาหายใจอย่างรวดเร็ว หน้าอกขึ้นๆ ลงๆ แต่เขามิได้สนใจเลย เพียงแค่จ้องมองนางนิ่งๆ ราวกับว่า้าที่จะมองนางให้ทะลุ
อวิ๋นอี้มิมีความกล้าพอ
นางลดสายตาลงเล็กน้อย ดึงมือที่กอดเขาไว้ออกอย่างทำตัวไม่ถูก
คนที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ เมื่อพวกเขาโกรธ ผลที่ตามมานั้นแย่นัก
อวิ๋นอี้อยากจะหนี ทว่ามือของหรงซิวยังจับเอวนางอยู่ นางขยับตัวเล็กน้อย เขาจึงขยับมือแรงขึ้นอีก เจ็บจนนางขนลุก คิดกระไรมิออกเลย
“เบาหน่อยสิเพคะ!” นางพูดอย่างหมดหนทาง “คนอยู่เยอะแยะ ปล่อยก่อนเพคะ...ค่อยคุยกันตอนกลับไป”
หรงซิวมิรู้ว่าได้ยินหรือไม่ ทว่าเขายังอยู่ในท่านั้น ไม่ขยับเลย
อวิ๋นอี้ก้มหน้า คิดมิออกว่าจะพูดกระไร บังเอิญที่กู่ซือฝานและหรงหลินได้ยินเื่ตรงนี้จึงรีบเข้ามา
ทั้งสองต่างเข้ามาอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ทั้งประหลาดใจและดีใจที่ได้พบพวกเขา พลันวิ่งเข้าไปหา “ท่านพี่! พวกท่านมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรเพคะ?”
"กลับไปค่อยคุยเถิด" อวิ๋นอี้มิได้จิตใจแกร่งเช่นนั้น ถูกสายตาจับจ้องมากมายเช่นนั้น ทั้งยังต้องอธิบายเื่ให้พวกเขาฟัง นางจึงลดเสียงลง "เป็เื่เข้าใจผิดกัน!"
"เข้าใจผิดหรือ? ”
“เข้าใจผิดหรือ?”
หรงซิวและกู่ซือฝานพูดพร้อมกัน
“อื้ม” อวิ๋นอี้ตอบไป
หรงซิวหัวเราะเบาๆ “บอกสิว่าที่เ้าคิดสั้นจะฆ่าตัวตายเป็เื่เข้าใจผิด? หากข้าไม่มา เ้าคิดว่าจะยืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างดีหรือ? อวิ๋นอี้เ้าคิดว่าเ้าตายยากหรืออย่างไร?”
“กระไรนะ!" ทันใดนั้นกู่ซือฝานะเิออกมา "ท่านพี่จะฆ่าตัวตาย! ทำไมกัน!"
อวิ๋นอี้เวียนหัวกับคำถามและคำพูดของทั้งสองคน ดาวเต็มหัวไปเสียหมด
นางกุมหน้าผากอย่างช่วยมิได้ รู้ว่าหากไม่พูดให้ชัดเจนคงจากไปมิได้ นางจึงมองไปรอบๆ เพื่อมองหาเด็กผู้ชายคนนั้น ทว่าเมื่อนางหันหลังกลับไป ก็เห็นว่าเด็กน้อยยืนอยู่ด้านหลังอย่างทำกระไรไม่ถูก
เห็นได้ชัดว่าเด็กผู้ชายใกลัว
อวิ๋นอี้ถูกช่วยไว้สักพักแล้ว ทว่าดวงตาของเขายังคงไม่ไหวติง เขายังยืนตัวแข็งทื่อ
“อาเป่า มานี่สิ" อวิ๋นอี้โบกมือให้เขา ทำท่าทีผ่อนคลายพูดกับเขา "ใแย่เลยใช่หรือไม่? ข้าดวงแข็ง มิเป็กระไรหรอก ทว่าหากเ้าไม่มาอธิบายล่ะก็ ข้าจะมีเื่แล้ว"
นางพูดอย่างน้อยใจ พลันขยิบตาให้เด็กน้อย ถึงทำให้เขาได้สติกลับมา
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างงุนงง ใบหน้าของเขาซีด เขาก้มหน้าหยิบว่าวแล้วค่อยๆ ขยับเข้ามา
กู่ซือฝานไม่เข้าใจ กำลังจะถามก็ถูกอวิ๋นอี้ขัดจังหวะไว้ก่อน “เ้าหนูผู้นี้ รู้ว่าเกิดกระไรขึ้น ว่าวของเขาบินตกลงบนต้นไม้ ข้าช่วยเขาหยิบมัน แล้วฝ่าาก็เข้ามาทว่ากลับเข้าใจผิด คิดว่าข้าโกรธจนจะฆ่าตัวตาย ข้าอยากจะอธิบายให้เขาฟัง ทว่าข้าเผลอลื่นล้มลงไป ก็เท่านั้น เื่ทั้งหมดเป็ความเข้าใจผิดกัน อาเป่า บอกพวกเขาสิว่าเื่มันเป็เช่นนี้จริงหรือไม่?”
อาเป่าเป็เด็กไม่กล้าแสดงออก คนเยอะเช่นนี้ ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
เมื่อได้ยินคำถามของอวิ๋นอี้ เขาพยักหน้าอย่างระมัดระวังและพูดด้วยเสียงเบา "ใช่พ่ะย่ะค่ะ ท่านพี่สาวพูดจริง"
ความจริงปรากฏ สีหน้าของหรงซิวยังไม่ค่อยดีนัก
อวิ๋นอี้เพียงอยากจะออกไปเร็วๆ มิอยากเป็จุดสนใจ นางจึงเดินเข้าไปหาเขา ดึงแขนเสื้อเขาอย่างระมัดระวังและลดเสียงลง "อย่าโกรธเลยนะเพคะ ได้หรือไม่? ”
“......”
“ข้ามิได้คิดจะฆ่าตัวตายจริงๆ"
"......"
"ข้าทิ้งท่านไม่ลงหรอก"
"จริงหรือ?” หรงซิวเงยหน้าขึ้น ั์ตาเป็ประกายระยิบระยับและมีความคาดหวังอย่างปกปิดไม่อยู่ในความสงบของเขา
ความรู้สึกของเขาจริงใจจริงจัง ใจของนางััได้
อวิ๋นอี้ถอนหายใจเงียบๆ จับมือเขาพลันเขย่า ตอบอย่างจริงจังว่า "จริงเพคะ"
จริงเสียยิ่งกว่าทอง จริงยิ่งกว่าสิ่งใด
ก็เพราะว่าจากไปไม่ลง แม้จะรู้ว่าท่านเคยมีความรู้สึกกับสตรีผู้อื่น อาจยังมีความรู้สึกที่บอกมิได้หลงเหลืออยู่จึงยอมแสร้งทำเป็มิรู้
เื่วุ่นวายที่เกิดจากความเข้าใจผิด เมื่อทั้งสองจากไป ผู้คนก็พากันจากไปช้าๆ
จากเหตุการณ์นั้น อวิ๋นอี้มิมีอารมณ์เล่นว่าวอีก
พอดีกับที่พระอาทิตย์กำลังย้ายไปทางตะวันตก ต้องใช้เวลาสองสามชั่วยามในการเร่งรีบจากชานเมืองไปยังเมืองหลวง หรงซิวจึงตัดสินใจกลับจวน
ทันทีที่พวกเขาจากไป กู่ซือฝานพลันอยากกลับไปด้วย พร้อมทั้งพาหว่านฉือกลับไปยังเมืองหลวง กลุ่มคนจึงใหญ่ขึ้นทันใด
อวิ๋นอี้เห็นหว่านฉือ เมื่อคิดถึงการสนทนาของพวกเขาในใจก็พลันรู้สึกอึดอัด
นางพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่แสดงออกมาแล้วทักทายหว่านฉืออย่างอ่อนโยนและสุภาพ จากนั้นจึงได้สั่งอาเปาสองสามคำและขึ้นรถไป
รถสามคันเรียงกันไปอย่างเป็ระเบียบ
อวิ๋นอี้และหรงซิวพูดกันในรถ
อารมณ์ของเขามาไปอย่างรวดเร็ว คำสารภาพเมื่อครู่ของนางทำให้ใจของหรงซิวสงบลง เขาอารมณ์ดี ทำตัวสนิทสนมรักใคร่กับนางเป็อย่างมาก
หรงซิวหน้าตาดี ปากหวาน อยากจะเอาใจผู้ใดก็ล้วนง่าย
อวิ๋นอี้รู้สึกขบขันกับคำพูดที่คมคายของเขา ยิ้มมิได้หุบเลยตลอดทาง
หรงหลินและกู่ซือฝานที่ตามหลัง คุ้นเคยกับเสียงหัวเราะนั้น ทว่าสำหรับหว่านฉือที่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงนั้น เสียงหัวเราะของพวกเขายิ่งหวานชื่น ใจของนางก็ยิ่งเ็ป
ผู้ที่นั่งรถม้าเดียวกับหรงซิวสมควรจะเป็นาง
ผู้ที่ถูกหรงซิวพูดเสียงเล็กเสียงน้อยรักใคร่เอ็นดูนั้น สมควรจะเป็นาง
อวิ๋นอี้นำเอาความสุขและความรักของนางไป
และผู้ที่ขโมยของคนอื่นไปกลับยิ้มหวานอยู่ในตอนนี้
หว่านฉือหลับตาลง บีบฝ่ามือแน่น เล็บยาวของนางจิกเข้าไปในเนื้อ มีเืไหลซึมออกมาเล็กน้อย นางกลับมิได้สังเกตเห็นเลย
หากเป็เช่นนี้ต่อไปนางได้เป็บ้าตายแน่
หว่านฉือส่ายริมฝีปากครุ่นคิดแผนการ
นางเคาะหน้าต่างรถ สาวใช้เหลียนเหอที่อยู่ด้านนอกพลันเอนตัวเข้ามา ถามเสียงเบาว่า “คุณหนูมีกระไรเพคะ?”
หว่านฉือเปิดหน้าต่างรถ โน้มตัวเข้ามาใกล้เหลียนเหอ พลันพูดกระไรไม่กี่คำใส่หูนาง จากนั้นจึงบอกว่า "ไปจัดการเถิด"
"แต่ว่า..." เหลียนเหอไม่เห็นด้วย "คุณหนูเ้าคะ เช่นนี้หากเกิดกระไรขึ้น...”
"ไม่หรอก" หว่านฉือส่ายหน้าช้าๆ “ถึงวิธีการจะเสี่ยง แต่ข้ามั่นใจ เ้ารีบไปทำเถิด มิเช่นนั้นจะถึงเมืองหลวงแล้ว”
เหลียนเหอติดตามหว่านฉือมาั้แ่เล็ก นางรู้จักอุปนิสัยของเ้านายดี ทั้งยังเข้าใจความพัวพันของนางกับองค์ชายเจ็ดหรงซิวอย่างลึกซึ้ง บอกตามตรงว่าในตอนที่องค์ชายเจ็ดอภิเษกกับสตรีอื่น นางก็รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับคุณหนูของนาง
ในอดีตคุณหนูป่วย ไม่กล้าไปต่อสู้ ทว่าตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว เหตุใดจะไม่สู้เล่า?
เหลียนเหอตัดสินใจ พยักหน้าให้หว่านฉือแล้วรีบเดินไปที่รถม้าของหรงซิว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้