ณ ลานด้านหลังตระกูลเสิ่น เสิ่นเสี่ยวเม่ยนั่งอยู่บนรถเข็น กำลังมองไปทางเรือนของเสิ่นเสวียน
เสิ่นเสวียนบอกนางว่าเขากำลังปรุงยา ให้นางรออยู่ด้านนอก
นางเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับนักปรุงยา มันเป็อาชีพที่หายากมากในแผ่นดินนี้ ทั่วทั้งเมืองอวี่ฮว่ามีนักปรุงยาเพียงคนเดียว ซึ่งมาจากตระกูลหาน
แต่ตอนนี้พี่ชายของนางกำลังปรุงยาอยู่ ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
ทันใดนั้น เสิ่นเหวินเทาสวมเสื้อคลุมพญางูสีม่วงทองย่างเท้าเข้ามายังลานเล็กๆ แห่งนี้ เขาไขว้มือสองข้างไว้ด้านหลังด้วยท่าทางมั่นใจ
“เสิ่นเสวียนล่ะ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยหันขวับเมื่อได้ยินเสียง
“เ้ามาทำไม ที่นี่ไม่ต้อนรับเ้า!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยจ้องเสิ่นเหวินเทาเขม็ง อย่าเห็นว่านางมีอายุแค่สิบเอ็ดปี นางไม่กลัวเสิ่นเหวินเทาเลยแม้แต่น้อย
“เหอๆ ข้าคือผู้ดูแลใหญ่แห่งตระกูลเสิ่น ไม่มีที่ใดในตระกูลเสิ่นที่ข้าไปไม่ได้”
ขณะที่กล่าว เสิ่นเหวินเทาค่อยๆ เดินเข้าไปหาเสิ่นเสี่ยวเม่ย จนกระทั่งอยู่ห่างจากนางราวสามฉื่อจึงหยุด เขาก้มตัวลงมองเสิ่นเสี่ยวเม่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าจะบอกเ้าว่าพี่ชายเ้าตายไปนานแล้ว เขาคนนั้นคือตัวปลอม หากเ้าออกมาเป็พยาน ข้ารับรองว่าจะช่วยแก้แค้นให้พี่ชายเ้า”
“เ้าสิตาย! ผู้ดูแลตระกูลอย่างเ้าสามารถดูถูกนายน้อยเช่นนี้ได้หรือ”
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเหวินเทา เสิ่นเสี่ยวเม่ยโกรธจัด แผดเสียงตอบโต้อีกฝ่าย
“เหอๆ นายน้อยตายไปนานแล้ว เขาเป็เพียงตัวปลอมเท่านั้น หากเ้าเป็พยานให้ ข้าจะช่วยรักษาขาของเ้าให้ดีขึ้น ว่าอย่างไร”
เสิ่นเหวินเทายังคงกล่าวพร้อมรอยยิ้มอย่างอดทน
“รักษาขาของข้าให้ดีขึ้น? เ้าเป็คนทำลายขาของข้าอย่างนั้นหรือ”
หลังจากได้ฟังและคิดเชื่อมโยงกับสิ่งที่เสิ่นเสวียนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เหล่าผู้าุโในตระกูลตามหาปรมาจารย์โอสถมามากมายใน่หลายปีก็ยังรักษานางไม่ได้ แต่ตอนนี้เสิ่นเหวินเทากลับบอกว่ารักษาได้!
“ใช่ ข้าเป็คนทำเอง แล้วเ้าจะทำอะไรได้”
เสิ่นเหวินเทาโน้มร่างเข้าหาเสิ่นเสี่ยวเม่ย กล่าวพร้อมรอยยิ้มเหี้ยม เจตจำนงสังหารในแววตาวาวโรจน์ชัดเจน ั้แ่ตอนที่เขาคิดจะกล่าวถึงเื่นี้ จิตสังหารก็พลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว
อีกทั้งที่นี่เป็ที่ของเสิ่นเสวียน เขาสามารถโยนความผิดให้เสิ่นเสวียนได้อย่างสมบูรณ์ นับเป็การยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว
“เ้า!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยได้ยินคำของเสิ่นเหวินเทา กำลังคิดจะซักถามอีกฝ่าย พลันมีแรงกดดันที่แข็งแกร่งพุ่งเข้าปะทะร่างทำให้นางพูดไม่ออก แม้แต่หายใจยังลำบาก
“หากเด็กนั่นไม่ปรากฏตัว เ้าก็ยังใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างสงบสุข ทว่าตอนนี้กลับเป็ไปไม่ได้แล้ว”
เสิ่นเหวินเทาสบตาเสิ่นเสี่ยวเม่ยในระยะห่างเพียงสามฉื่อ ควบคุมเสิ่นเสี่ยวเม่ยจนนางมิอาจขยับเขยื้อน จากนั้นไอพลังต่อสู้ก็ปะทุออกจากฝ่ามือเข้าโจมตีร่างของเสิ่นเสี่ยวเม่ย
ฝ่ามือนี้เพียงพอที่จะปลิดชีวิตของเสิ่นเสี่ยวเม่ย
แต่ขณะนั้นเอง กลางอากาศตรงหน้าของเสิ่นเหวินเทากลับมีจุดพลังปรากฏขึ้น โจมตีใส่จุดเจียนจิ่ง[1] และจุดหยุนเหมิน[2] ของเขาในฉับพลัน
จุดลมปราณทั้งสองจุดนี้ใช้เพื่อโคจรพลังจากร่างกาย ร่างของเสิ่นเหวินเทาเซถอยหลังไปเกือบสิบฉื่อหลังจากโดนโจมตี พลังบนฝ่ามือสลายหายไปทั้งหมด
“ใครกัน!”
เกิดเื่ไม่คาดคิดขึ้นทำให้เสิ่นเหวินเทาใมาก เขามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง หรือว่าที่นี่ยังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นอยู่อีก
แอ๊ด!
ประตูเรือนที่ปิดสนิทอยู่ด้านหลังค่อยๆ เปิดออก มองเห็นเสิ่นเสวียนเดินออกมาจากด้านใน ไอพลังบนร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
พลันร่างของเขาก็หายวับไป และปรากฏขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้าเสิ่นเสี่ยวเม่ย ฝ่ามือข้างหนึ่งทาบลงบนแผ่นหลังของเสิ่นเสี่ยวเม่ย พลังอันบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง ช่วยลดความรู้สึกอึดอัดลงไปได้
“ท่านพี่! เขา...”
“ข้ารู้แล้ว เ้าไปรออยู่ข้างๆ นะ”
เสิ่นเสวียนส่งยิ้มให้เสิ่นเสี่ยวเม่ย จากนั้นก็เข็นนางไปด้านข้าง เพื่อให้มีพื้นที่มากพอสำหรับเขากับเสิ่นเหวินเทา
“เ้า!”
เสิ่นเหวินเทาจ้องเสิ่นเสวียนด้วยแววตาสงสัย จากไอพลังที่แผ่ซ่านออกมา แสดงให้เห็นว่าเสิ่นเสวียนแข็งแกร่งกว่าเมื่อวานนี้มาก เขาฝึกฝนมานานยังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
“ใช้ฐานะของผู้ดูแลใหญ่ตระกูลเสิ่น กล้าลงมือกับคนในตระกูลเสิ่นด้วยความเห็นแก่ตัว เ้าไปเอาความกล้านี้มาจากไหน!”
เสิ่นเสวียนตะคอกใส่เสิ่นเหวินเทา
ยาหลอมรวมจิตระดับสามนับเป็ยาระดับต่ำ ดังนั้นแม้จะยังอยู่ในขั้นไถซี ก็สามารถปรุงยาหลอมรวมจิตได้ไม่ยากนัก
แล้วเขาก็ปรุงยาหลอมรวมจิตสำเร็จเมื่อสักครู่นี้เอง หลังจากกินยาเข้าไปทำให้เขาทะลวงผ่านขั้นไถซีขึ้นไปถึงขั้นปี้กู่ได้สำเร็จ
ไถซีคือการโคจรลมหายใจของตันเถียน[3] ผ่านการเหนี่ยวนำ ส่วนปี้กู่คือการเปิดตันเถียน เมื่อสามารถเก็บรักษาพลังที่ดูดซับไว้ในตันเถียนได้ ก็สามารถใช้พลังเ่าั้เพื่อทะลวงให้ถึงขั้นปี้กู่ได้
เมื่อตันเถียนถูกคลายผนึกออกในระดับหนึ่ง ก็จะสามารถรวบรวมพลังให้กลายเป็ผลึกขึ้นมาได้ และหากทำสำเร็จก็จะเลื่อนไปถึงขั้นแก่นทองคำทันที
ขั้นปี้กู่เทียบได้กับขั้นแม่ทัพของโลกแห่งการฝึกตนนี้ ส่วนพลังยุทธ์ของเสิ่นเหวินเทาคือขั้นแม่ทัพระดับสูงสุด
“ฮ่าๆ จะหลอกอะไรข้าอีก เ้าเป็ใครกันแน่”
เสิ่นเหวินเทาถามเสิ่นเสวียน ตอนนี้เขามองพลังของเสิ่นเสวียนไม่ออกแล้ว จึงไม่กล้าคิดวู่วาม
“ข้าเป็ใคร เ้าไม่รู้หรอกหรือ” เสิ่นเสวียนมองเสิ่นเหวินเทาพลางกล่าวเสียงเย็น
ก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนอาจหวาดกลัวเสิ่นเหวินเทา แต่ตอนนี้เขาไม่กลัวแล้ว แม้พลังยุทธ์จะยังสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่หากต้องสู้กันจริงๆ ใครจะแพ้หรือชนะก็ยังมิอาจบอกได้
“เฮอะ อย่าคิดว่ามีพลังแค่นี้แล้วจะควบคุมตระกูลเสิ่นได้ ข้าจะทำให้เ้าได้รู้ว่า ใครกันแน่คือผู้นำที่แท้จริงของตระกูลเสิ่น”
เสิ่นเหวินเทามิอาจทนเสิ่นเสวียนได้อีกแล้ว ยิ่งอีกฝ่ายดูลึกลับมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกดดันมากเท่านั้น คิดสังหารเขาในตอนนี้คงยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ลงมืออาจเกิดเื่ราวใหญ่โตยิ่งกว่านี้ได้
ขณะที่เสิ่นเหวินเทาเตรียมจะสังหารเสิ่นเสวียนในกระบวนท่าเดียว พลันมีเสียงหนึ่งดังเข้ามา
“ไม่เห็นหัวผู้าุโอย่างข้าเลยหรือ”
เสิ่นล่างไขว้มือสองข้างไว้ด้านหลังพลางก้าวเข้ามายังลานเล็กๆ แห่งนี้ เขาดูเหมือนชายชราอายุหกสิบปี ทว่ามีความโเี้น่าเกรงขามแผ่กระจายออกมา ทำให้เสิ่นเหวินเทาที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกถึงความรุนแรงเป็ทวีคูณ
“คารวะผู้าุโใหญ่”
เสิ่นเหวินเทาแสดงคารวะต่อเสิ่นล่าง แต่แววตากลับเคร่งขรึม เขารู้ว่าหากเสิ่นล่างยังปกป้องตระกูลเสิ่นอยู่ เขาคงไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว
“ทำไม รอไม่ไหวแล้วหรือ”
เสิ่นล่างถามเสิ่นเหวินเทา
“เปล่าเลย เปล่า ผู้าุโใหญ่เข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่มาเยี่ยมเยียนหลานชายเท่านั้น”
“เ้าคิดการสิ่งใดอยู่ ตัวเ้ารู้ดีกว่าใคร จำไว้ หากใครกล้าทำลายผลประโยชน์ของตระกูลเสิ่น อย่าหาว่าข้าไร้ปรานี”
“ขอรับ ขอรับ” เสิ่นเหวินเทาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มประจบ
“ออกไปเถอะ แล้วก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”
“ขอรับ”
เสิ่นเหวินเทาพยักหน้า ปรายตามองเสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกครั้ง แล้วจึงจากไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
เมื่อเห็นเสิ่นเหวินเทาจากไปแล้ว เสิ่นล่างก็เดินเข้าไปภายในลาน มองดูเสิ่นเสวียนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยที่นั่งอยู่บนรถเข็น
“หากข้าไม่มา เ้าจะจัดการอย่างไร”
“สังหารเขา”
เสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่กล่าวเสียงเรียบ
“หืม? สังหารเขา! เ้าน่ะหรือ”
เสิ่นล่างมองเสิ่นเสวียนั้แ่หัวจรดเท้า แม้เสิ่นเสวียนจะแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย แต่ก็ยังมิอาจสังหารเสิ่นเหวินเทาได้
ภายในเมืองอวี่ฮว่า คนที่สามารถสังหารเสิ่นเหวินเทาได้มีอยู่เพียงไม่กี่คน เสิ่นเสวียนไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน
“เขาน่าจะไม่มาหาเื่เ้าอีกสักสองสามวัน ตั้งใจฝึกฝนต่อไป หากมีปัญหาอะไรไปหาข้าได้โดยตรง”
เสิ่นล่างกล่าวกับเสิ่นเสวียน จากนั้นก็ปรายตามองเสิ่นเสี่ยวเม่ยที่นั่งอยู่บนรถเข็นอีกครั้ง เขาส่ายหัวอย่างจนใจแล้วเดินออกไป
อาการของเสิ่นเสี่ยวเม่ยในตอนนี้เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง เหตุเกิดมาจากความเฉยเมยของเขา เสิ่นเสี่ยวเม่ยถึงได้มีอาการรุนแรงเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกละอายใจต่อเื่นี้มาก
หลังจากทั้งสองคนออกไปแล้ว ลานเล็กๆ หลังเขาแห่งนี้ก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
“ท่านพี่ ท่านยอดเยี่ยมมาก!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยกล่าวกับเสิ่นเสวียนทันควัน เมื่อกี้เสิ่นเหวินเทาหน้าเสียไปเลย นางรับรู้ได้
“ฮ่าๆ หลังจากนี้ ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ใครก็มิอาจรังแกเ้าได้ เ้าดูสิว่านี่คืออะไร”
เสิ่นเสวียนยิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจ จากนั้นขวดเล็กๆ ใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ นี่คือยารักษาขาของเสิ่นเสี่ยวเม่ยที่เขาปรุงขึ้นขณะกำลังปรุงยาหลอมรวมจิตระดับสาม เรียกว่า ‘ยาเสริมรากฐานระดับหนึ่ง’
ขาของนางโดนยาพิษกัดกินมานานหลายปีจนสูญสิ้นกำลังดั้งเดิมไป ยานี้จะช่วยสร้างกำลังดั้งเดิมขึ้นมา พร้อมกับถอนพิษออกจากร่าง ทั้งยังฟื้นฟูร่างกายได้ด้วย
“นี่คืออะไร”
“นี่คือยารักษาขาของเ้า กินวันละหนึ่งเม็ด ร่างกายของเ้าจะฟื้นฟูในหนึ่งร้อยวัน”
“ฟื้นฟูในหนึ่งร้อยวัน!”
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียน เสิ่นเสี่ยวเม่ยพลันตื่นใ ั้แ่ที่ขาทั้งสองข้างของตนเองค่อยๆ หมดความรู้สึกไป นางก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้อีก
“มาสิ กินก่อนเลยหนึ่งเม็ด”
เสิ่นเสวียนเทเม็ดยาสีขาวนวลออกมาหนึ่งเม็ดระหว่างที่กล่าว จากนั้นก็ส่งให้เสิ่นเสี่ยวเม่ย นางกินเข้าไปโดยไม่ลังเล
ไม่นาน แสงสีแดงหม่นก็เปล่งประกายออกมาจากภายในร่างของเสิ่นเสี่ยวเม่ย
“เอ๋! นี่คือร่างิญญาเพลิงอย่างนั้นหรือ”
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เสิ่นเสวียนใมาก
...........................................................
[1] เจียนจิ่ง คือชื่อของจุดลมปราณ อยู่ตรงรอยบุ๋มเหนือไหล่บริเวณกึ่งกลางบ่า
[2] หยุนเหมิน คือชื่อของจุดลมปราณ อยู่ตรงหน้าอกส่วนบน บริเวณรอยบุ๋มระหว่างด้านล่างของปลายกระดูกไหปลาร้ากับข้อต่อไหล่ ห่างจากแนวกึ่งกลางหน้าอก 6 ชุ่น (ประมาณ 20 เิเ)
[3] ตันเถียน คือ จุดศูนย์กลางของพลังภายในร่างกาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้