แค่โจวทงคิดว่าจะต้องไปเข้าแถวที่ยาวเฟื้อยเช่นนี้ สีหน้าจึงกลายเป็สีเขียวคล้ำทันที
เห็นเขาไม่ตอบสนอง จ้าวจื้อฉีตวาดใส่เขาด้วยโทสะว่า “หูหนวกหรือไร? ยังไม่รีบไปอีก”
โจวทงถูกเสียงตวาดทำให้ใจนสะดุ้งโหยง ไหนเลยจะกล้าอิดออดอีก เขารีบพาลูกสมุนสองคนวิ่งทั้งล้มลุกคลุกคลานไปยังประตูที่อยู่ตีนเขา
ระหว่างที่วิ่งออกไป คนทั้งสามวิ่งชนกันเองจนเกือบจะล้มลง
ถังไน่ไน่เห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะออกมาพรืดหนึ่งและอารมณ์ดีขึ้นเป็กอง
จ้าวจื้อฉีหันกลับมาเปลี่ยนสีหน้ายิ้มแย้มแล้วสนทนากับพวกเขา ทั้งยังพูดจากับถังเจิ้นอวี่ด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ “คุณชายถัง ที่จริงท่านไม่จำเป็ต้องเข้าแถวที่นี่...”
ถังเจิ้นอวี่ตัดบท “ขอบคุณความปรารถนาดีของอาจารย์จ้าว! หากข้าใช้ฐานะของครอบครัวตนเองแทรกแถวตามอำเภอใจหรือใช้อภิสิทธิ์ของตนเอง เช่นนั้นข้าจะมีอะไรแตกต่างกับโจวทง”
จ้าวจื้อฉีจนปัญญาที่จะคัดค้าน ผู้คนรอบๆ ต่างมองถังเจิ้นอวี่ด้วยแววตาเลื่อมใส รู้สึกดีกับเขามากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
จ้าวจื้อฉีเห็นเขาตัดสินใจแน่วแน่ จึงไม่ได้ฝืนใจเขาอีก เมื่อกำชับอะไรอีกเล็กน้อยแล้วจึงเดินออกไป
ฉินมู่ชวนตามออกไปด้วย ก่อนจากไปยังหันมามองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาเ้าคิดเ้าแค้น แววตานั้นราวกับแววตาของอสรพิษอย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนรู้สึกหนาวเยือก
เฟิ่งเฉี่ยนเพียงแต่ยิ้ม
บนโลกนี้คนที่เห็นนางขัดลูกหูลูกตามีมากเหลือเกิน เขานับเป็คนที่เท่าใดกัน?
“อาจารย์ ต้องให้ท่านมาเข้าแถวกับพวกเราด้วย ขออภัยจริงๆ!” ถังเจิ้นอวี่พูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะไม่ถือสา “เ้าทำถูกต้องแล้ว! หากทุกคนล้วนใช้ฐานะของครอบครัวตนเองมาแทรกแถว เช่นนั้นพวกเราที่ไม่มีฐานะครอบครัวเท่าเทียมกันย่อมต้องเข้าแถวตลอดกาลหรือ?”
ถังเจิ้นอวี่หัวเราะเบิกบานใจ “บิดาของข้ามักจะพูดเสมอว่า ใต้หล้านี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียเงิน ในขณะที่เ้ากำลังมีความสุขจากอภิสิทธิ์ของเ้า เ้าย่อมต้องจ่ายเงินในราคาที่ทัดเทียมกัน ดังนั้น ปฏิเสธการใช้อภิสิทธิ์ก็เท่ากับการลดการสูญเสียเช่นกัน!”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดอีกว่า “อาจารย์จ้าวปฏิบัติต่อพวกเราเป็พิเศษเช่นนี้ ก็เพียงแค่อยากให้สกุลถังของพวกเราบริจาคเงินให้กับสำนักศึกษาเทียนหงมากขึ้นเท่านั้น เงินทองของสกุลถังของพวกเราไม่ได้ลอยตามน้ำมาสักหน่อย คิดจะมาหาเงินจากข้า ไม่มีทางเสียหรอก!”
อุ๊บบบ เฟิ่งเฉี่ยนประหลาดใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าถังเจิ้นอวี่จะเป็คนเช่นนี้!
ถังไน่ไน่ปิดปากแอบหัวเราะ “พี่หญิงเฟิง ท่านคงไม่รู้กระมัง พี่สามของข้านั้นเป็คนตระหนี่ที่ขึ้นชื่อของสกุลถังเชียว! ขี้งกที่สุด! คิดอยากได้เงินจากเขายากยิ่งกว่าขึ้น์เ้าค่ะ!”
ถังเจิ้นอวี่พูดด้วยท่าทีเป็การเป็งาน “นี่ข้ากำลังสืบทอดวัฒนธรรมอันดีงามของบรรพบุรุษของสกุลถัง เ้าคิดว่าสกุลถังของพวกเราร่ำรวยขึ้นมาได้อย่างไร? มิใช่อาศัยบรรพบุรุษของพวกเราเก็บหอมรอมริบมาทีละอีแปะหรอกหรือ!”
เฟิ่งเฉี่ยนตบไหล่เขาแล้วชื่นชม “เ้าหนุ่ม เ้ามีอนาคตไกล!”
ไม่ไกลออกไปนัก ฉินมู่ชวนหน้าดำทะมึน คิดจะเดินเข้าไปด้วยโทสะที่พลุกพล่าน ทว่ามีคนขวางเขาเอาไว้
“ศิษย์พี่ฉิน ยังจำข้าได้หรือไม่?”
ฉินมู่ชวนเงยหน้าขึ้นมองแล้วจำอีกฝ่ายได้ทันที “ศิษย์น้องหญิงหลัน?”
หลันเยว่หรูยิ้มบางๆ ด้วยท่าทีเยือกเย็น “เื่เมื่อสักครู่ ข้าเห็นหมดแล้ว ศิษย์พี่ฉินคิดจะสั่งสอนสตรีนางนั้นสักหน่อยหรือไม่?”
ฉินมู่ชวนตกตะลึง “ศิษย์น้องหญิงหลันรู้จักนาง?”
หลันเยว่หรูสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น “แค่เพียงรู้จักที่ไหนกัน? นางเกือบจะทำให้ข้าต้องเสียโฉม!”
ฉินมู่ชวนกล่าวเสริมด้วยโทสะ “นางถึงกับเหี้ยมโหดเช่นนี้? สตรีผู้นี้จิตใจเหี้ยมโหดที่สุด ประโยคนี้ไม่เกินเลย”
หลันเยว่หรูแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ข้ามีวิธีทำให้นางร้องไห้ แต่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากศิษย์พี่ฉิน”
ฉินมู่ชวนดวงตาเป็ประกาย “รีบบอกมา!”
การเข้าแถวเพื่อร่วมเข้าสอบเป็ไปอย่างเชื่องช้า เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชาแถวยาวเฟื้อยนั้นเพิ่งจะเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เฟิ่งเฉี่ยนถามถังเจิ้นอวี่เกี่ยวกับกฎระเบียบการเข้าสอบ “เ้ารู้รายละเอียดของการสอบหรือไม่?”
ถังเจิ้นอวี่ตะลึงงันเล็กๆ “อาจารย์ ท่านคงไม่ได้มาโดยไม่ไต่ถามอันใดแล้วตรงมาเข้าสอบกระมัง?”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้ายอมรับ
ถังเจิ้นอวี่หัวเราะเสียงขื่น “ท่านทำตัวตามสบายเกินไปแล้วกระมัง ข้าบอกกับท่านได้เลยว่าการสอบครั้งนี้ยากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเป็สิบเท่า! ปีนี้สำนักศึกษาเทียนหง้าเลือกเฟ้นศิษย์ออกไปร่วมการแข่งขันของแคว้นทั้งห้า สำนักศึกษายึดนโยบายรับศิษย์จำนวนน้อยแต่เน้นศิษย์มีคุณภาพ จึงคัดเลือกรับเฉพาะศิษย์ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น รวบรวมอาจารย์ทั้งหมดมาอบรมฝึกฝนศิษย์ใหม่ ดังนั้นการสอบจึงยากกว่าครั้งไหนๆ หลายเท่า”
เฟิ่งเฉี่ยนรู้เื่การแข่งขันของแคว้นทั้งห้า และรู้ว่าทุกปีแคว้นเป่ยเยียนตกรั้งท้ายขบวน สำนักศึกษาเทียนหงจึงมีความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเช่นนี้ ซึ่งนับเป็เื่ดี
“แล้วสอบอะไรกันบ้าง?”
ถังเจิ้นอวี่อธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน “รายละเอียดของการสอบแบ่งเป็สามส่วน ลำดับแรกคือการทดสอบพร์และวรยุทธ์ พร์จะต้องอยู่ในระดับ 60 ขึ้นไป พลังการสู้รบและพลังชีวิตต้องอยู่ในระดับ 300 ขึ้นไป จึงจะมีสิทธิ์ผ่านการสอบ”
ถังไน่ไน่กล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค “ปีที่ผ่านมาขอเพียงพลังการสู้รบและพลังชีวิตอยู่ในระดับ 200 ขึ้นไปก็ได้แล้ว แต่ปีนี้ยกระดับขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง จะต้องเป็เทพยุทธ์ขั้นสามขึ้นไปเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติเข้ามาเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาได้ เคราะห์ดีที่ก่อนหน้านี้พักหนึ่งข้าเพิ่งจะก้าวข้ามขั้นมาเป็เทพยุทธ์ขั้นสามสำเร็จ หาไม่แล้ว เกรงว่าด่านแรกก็คงสอบไม่ผ่านเ้าค่ะ ใช่แล้วพี่หญิงเฟิง วรยุทธ์ของท่านอยู่ในระดับใดแล้วเ้าคะ?”
“ข้าหรือ?” เฟิ่งเฉี่ยนลูบจมูกของตน “พลังการสู้รบและพลังชีวิตของข้าห่างจาก 100 อีกเยอะเลยล่ะ”
ถังเจิ้นอวี่และถังไน่ไน่เกือบจะเป็ลม
“ไม่ถึง 100?”
“อาจารย์ ท่านมิได้กำลังล้อพวกเราเล่นกระมัง?”
คนทั้งสองหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เฟิ่งเฉี่ยนกะพริบตาปริบๆ “ข้าไม่รู้กฎเกณฑ์ในการเข้าสอบแม้แต่น้อย และไม่มีใครบอกกับข้านี่นา”
มู่ชิงเซียวเพียงบอกกับนางว่าทั้งหมดได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงนางมาสำนักศึกษาเทียนหงก็สามารถเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงได้ ดังนั้นนางจึงมิได้ไปสืบถามอะไรอีก
ถังไน่ไน่พูดด้วยน้ำเสียงเป็กังวล “เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวทำอย่างไรดี? การสอบวรยุทธ์ไม่อาจโกงได้ พวกเราเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ หากท่านสอบไม่ผ่านด่านแรก สองด่านหลังก็ไม่ต้องสอบแล้วเ้าค่ะ”
ถังเจิ้นอวี่ถอนใจกุมขมับ “รู้เช่นนี้แต่แรกควรจะยอมรับข้อเสนอของอาจารย์จ้าว ไม่เข้าแถวแต่ตรงเข้าไปสอบเลย ไม่แน่ว่าอาจจะอาศัยหน้าของสกุลถังพาท่านเดินทางลัดได้”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะแล้วตบไหล่เขา “ขอบคุณเ้ามาก! ที่ยอมละทิ้งอุดมการณ์ของเ้าเพื่อข้า แต่เ้าวางใจเถิด ในเมื่อข้ามาแล้ว ก็ต้องมีความมั่นใจสิบส่วนแน่นอนว่าข้าจะเข้ามาเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงได้”
ถังเจิ้นอวี่หัวเราะเสียงขื่น ไม่รู้ว่านางเอาความมั่นใจมาจากที่ไหน ในทางตรงข้ามเขากลับเป็กังวลเหลือเกิน!
พลันมีศิษย์คนหนึ่งก้าวออกมาในตอนนี้ และพุ่งตรงเข้ามาเฟิ่งเฉี่ยน “ขอถามว่าท่านคือแม่นางเฟิง เฟิงเฉี่ยน หรือไม่?”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้าด้วยความประหลาดใจ “ข้าเอง!”
คนที่มาพูดด้วยท่าทีเกรงใจ “ข้าเป็ศิษย์ของท่านาุโ ได้รับคำสั่งจากท่านาุโให้มาเชิญท่านไปที่เรือนจินเฟิง เขาได้จัดให้ท่านเข้าสอบเพียงลำพัง เพราะท่านเป็คนที่ท่านาุโรับรอง ขอเพียงท่านไปสอบที่นั่นก็ได้แล้ว”
ได้ยินเช่นนั้นถังไน่ไน่ยินดียิ่งยวด “พี่หญิงเฟิง ที่แท้ท่านมีท่านาุโรับรองหรือ มิน่าเล่าท่านจึงได้มั่นใจเช่นนี้”
ถังเจิ้นอวี่พูดเสริมเช่นกัน “แม้ท่านาุโจะทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลหอตำรา แต่เป็บุคคลที่ได้รับความนับหน้าถือตาและน่าเชื่อถือของสำนักศึกษา มีเขารับรอง การสอบของอาจารย์น่าจะไม่มีปัญหาอันใด”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะ “เช่นนั้นข้าไม่เข้าแถวเป็เพื่อนพวกเ้าแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะกลับมาหาพวกเ้า ขอให้พวกเขาประสบความสำเร็จเช่นกัน”
ถังไน่ไน่ยิ้มตาหยี “ขอให้พี่หญิงเฟิงประสบความสำเร็จเช่นกันเ้าค่ะ!”
ถังเจิ้นอวี่ไม่พูดอะไรอีก เขาได้แต่มองส่งด้วยรอยยิ้ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้