หมู่บ้านเล็กๆ บนูเายามรุ่งสาง มักได้ยินเสียงนกนานาชนิดขับขานเป็ท่วงทำนองไพเราะเสนาะหู
อาเหลยวิ่งนำอยู่ด้านหน้า เดี๋ยวก็เด็ดดอกไม้ป่า เดี๋ยวก็เอามือล้วงเข้าไปในโพรงไม้ ริมฝีปากขยับตลอดเวลา
เซวียเสี่ยวหรั่นสะพายกระบุงบนหลังเดินอยู่ข้างกายเหลียนเซวียน
วันนี้เธอสวมเสื้อสีงาช้างกับกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งตัดเสร็จใหม่ๆ สีอ่อนเรียบง่ายขับเสริมให้เรือนร่างบอบบางแลดูคล้ายดอกบัวงามพิสุทธิ์
เหลียนเซวียนก็สวมอาภรณ์ตัวยาวที่ตัดใหม่เช่นเดียวกัน อาภรณ์เนื้อนุ่มสีเขียวอมเทา ทำให้เรือนร่างสูงโปร่งแลดูสูงศักดิ์และสง่างามขึ้นอีกหลายส่วน
"หน้าร้อนสวมเสื้อผ้าสีอ่อนแลดูงดงาม เห็นแล้วสบายตา" เซวียเสี่ยวหรั่นสะพายกระบุงบนหลัง มือยกชายกระโปรง เดินขึ้นเขาด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
พวกเขาตื่นแต่เช้า ล้างหน้าบ้วนปากแล้วก็ออกมาเลย
อูหลันฮวาอยากตามมาด้วย แต่เหลียนเซวียนบอกให้นางอยู่เฝ้าบ้าน นางจึงได้แต่ทำตาปรายมองคนทั้งสองเดินไปทางหลังเขา
"ถ้าชอบ วันหลังก็ตัดเพิ่มอีกสักสองชุดสิ" เหลียนเซวียนถือไม้เท้าเดินไปข้างหน้าอย่างเป็ธรรมชาติ แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะช้า แต่ก็มั่นคงมาก
เสียงทุ้มต่ำวนเวียนอยู่ในป่า เซวียเสี่ยวหรั่นเกาหูเบาๆ รู้สึกคล้ายถูกขนนกปั่นในรูหู
น้ำเสียงไพเราะเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหล ใบหูของเธอเริ่มแดงโดยไม่รู้ตัว
"แฮ่ม เสื้อผ้ามีพอสวมใส่ก็ใช้ได้แล้ว ตัดเยอะเกินไปสัมภาระก็ยิ่งมาก วุ่นวายเกินไป"
บัดนี้พวกเขาต่างมีอาภรณ์คนละสามชุด เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่าพอแล้ว
เหลียนเซวียนมองมาปราดหนึ่ง "เอาไว้มีที่พักเป็หลักแหล่ง อยากตัดเพิ่มสักกี่ชุดก็ย่อมได้"
"แหม ดูพูดเข้า ราวกับเศรษฐีบ้านนอกใส่ทองเต็มตัวได้อย่างนั้นแหละ ฮ่าๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างมีความสุข
นกน้อยที่กำลังร้องเพลงขับกล่อมพงไพรต่างใบินหนีพรึ่บพรั่บ
เศรษฐีบ้านนอกใส่ทองเต็มตัว? เหลียนเซวียนละเหี่ยใจ
สมองของแม่นางผู้นี้มักชอบวกไปในทิศทางที่น่าประหลาดใจเสมอ
เซวียเสี่ยวหรั่นเริงร่าอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าเขาคร้านจะสนใจตนเองแล้ว ก็ค่อยๆ เงียบลงอย่างเก้อเขิน
"จะว่าไปแล้ว ได้ยินน้องมู่เซียงบอกว่า การเดินทางไกลต้องมีใบผ่านทาง ท่านมีของที่ว่านี้หรือเปล่า? แต่ข้าไม่มีหรอกนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นแบมือสองข้าง
เขาย่อมไม่มีอยู่แล้ว เหลียนเซวียนเฉยเมยยิ่ง
"ไม่มีปัญหา ่ก่อนหน้านี้แคว้นหลีสู้รบกันบ่อยครั้ง แผ่นดินวุ่นวาย คนเร่ร่อนตั้งตัวเป็โจรออกปล้นสะดมก่อความวุ่นวายก็มีมากมาย แค่ยัดเงินให้คนเฝ้าประตูเมืองจะไปที่ไหนล้วนได้ทั้งสิ้น"
ต่อให้สถานการณ์่สองปีมานี้จะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ทหารเฝ้าประตูเมืองก็ยังคงคุมเข้ม ถึงเวลาค่อยหาซื้อใบผ่านทางใต้ดินก็ไม่ใช่เื่ยากอันใด
"อ้อ อย่างนี้นี่เอง การเดินทางครั้งนี้คงต้องยัดเงินให้ทหารเฝ้าประตูเมืองไม่น้อยทีเดียว"
หรือว่าที่เหลียนเซวียน้าขึ้นเขาล่าสัตว์ ด้วยเกรงว่าเงินเพียงแค่นี้ ไม่อาจอยู่ได้จนไปถึงอาณาเขตแคว้นฉี
เหลียนเซวียนหัวเราะ บอกนางว่าอย่าวิตกเื่เหล่านี้
เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาปราดหนึ่ง เอาเถอะ เื่เหล่านี้มีจอมยุทธ์เหลียนออกหน้าอยู่ เธอในฐานะผู้มาจากภายนอก ก็ไม่ควรก้าวก่ายตามอำเภอใจ
แต่หากมีใบผ่านทางอะไรนั่น ภายหน้าจะไปไหนมาไหนก็สะดวกขึ้น
เซวียเสี่ยวหรั่นดีดลูกคิดวางแผนในใจ
นางไม่อาจบากหน้าตามหลังเหลียนเซวียนตลอดไป รอถึงแคว้นฉีเมื่อไร ค่อยหาเมืองที่เหมาะแก่การลงหลักปักฐานสักแห่ง
่นี้เธอลอบซักไซ้ไล่เลียงเื่ราวมากมายเกี่ยวกับยุคสมัยนี้จากซีมู่เซียง
หลังจากนั้นก็ได้รู้เื่สำคัญอย่างหนึ่ง
ขอแค่ในบ้านมีบุรุษ แม้สตรีจะไม่ออกเรือนชั่วชีวิตก็สามารถทำได้ อย่างมากก็แค่ตกเป็ที่ติฉินนินทาของผู้คน ตราบใดที่สามารถทนต่อสายตาประหลาดของผู้อื่น จะแต่งงานหรือไม่ก็ตามแต่ใจตนเองปรารถนา
ข่าวนี้ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นมีความหวังมากขึ้น
ความหมายของบุรุษในบ้านก็คือ เธอต้องมีน้องชายหรือพี่ชายสักคน
วิธีการเช่นนี้ ในทางปฏิบัติก็ไม่ยากนัก
พี่ชายคงหาลำบาก น้องชายน่าจะหาง่ายกว่า รับเลี้ยงเด็กถูกทอดทิ้งสักคนเป็น้องชาย แค่นี้งานใหญ่ก็สำเร็จลุล่วง
เพราะข่าวนี้ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นเต้นดีใจตลอดเวลา
แต่เธอไม่กล้าแสดงออกชัดเจนเกินไป
เหลียนเซวียนหูไวยิ่ง พวกนางคุยอะไรกันบ้างในห้องโถง เขาล้วนได้ยินหมด
แต่เื่นี้ เซวียเสี่ยวหรั่นอาศัยจังหวะระหว่างที่ซีมู่เซียงจะกลับบ้าน ลอบสอบถามเพื่อหลบเลี่ยงจากเหลียนเซวียน
ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงกลัวเหลียนเซวียนจะรู้แผนการของตนเอง
แม้ยามอยู่ในป่าจะคุยกันตลอดเวลา แต่หลังจากูเาแล้ว ทั้งสองต่างมีหนทางเป็ของตัวเอง และต้องต่างคนต่างไป
แต่ยามนี้ดวงตาของเหลียนเซวียนยังมองไม่เห็น เธอจะทอดทิ้งเขาลงคอได้อย่างไร
อีกอย่างเธอเป็สตรีตัวคนเดียว ตอนนี้มีหลันฮวามาเพิ่ม แต่ถ้าไม่มีบุรุษให้ความคุ้มครอง พวกเธอจะไปได้ไกลแค่ไหนกันเชียว
หลังจากใช้ดุลยพินิจแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นตัดสินใจว่าหลังจากติดตามเหลียนเซวียนไปถึงแคว้นฉีซึ่งมีเสถียรภาพและสงบสุขมากกว่า ค่อยวางแผนอย่างละเอียดภายหลัง
ถึงที่นั่นแล้วรับเลี้ยงน้องชายที่เชื่อฟังสักคน ให้เขาใช้แซ่เซวียของเธอ ต่อไปสกุลเซวียก็มีทายาทสืบสกุลแล้ว ฮ่าๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นอารมณ์ดีจนแทบจะโบยบิน ฝีเท้าก็ก้าวเร็วขึ้น
"อาเหลย เ้าอย่าเอาแต่ล้วงแมลงในโพรงมากินสิ กลับไปข้าจะทำของอร่อยให้"
เธอวิ่งไปข้างหน้าอุ้มอาเหลยซึ่งปีนขึ้นต้นไม้ไปล้วงแมลงในโพรงลงมา
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยจ้องตาแป๋ว ไม่เข้าใจความหมายของเธอ
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบไปบนขนชี้ฟู พอได้กลิ่นตุๆ บนตัวของมัน ก็ย่นหัวคิ้ว กระตุกมุมปากอย่างรังเกียจ "อาเหลย เ้าควรอาบน้ำได้แล้วกระมัง"
นางจำได้ว่าลิงชอบอาบน้ำ ในทีวีมักมีถ่ายภาพลิงแช่ในบ่อน้ำพุร้อนอยู่บ่อยครั้ง
นางเพิ่งสังเกตกลิ่นตัวของลิงได้เดี๋ยวนี้เองหรือ เหลียนเซวียนมุมปากกระตุกน้อยๆ
อาเหลยนอนในห้องเขา ทำเอาภายในห้องมีแต่กลิ่นสาบลิง
ทุกวันเขาต้องเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท กลิ่นถึงจะลดน้อยลงไปบ้าง
"เอาล่ะ อีกประเดี๋ยวกลับไปหลังกินข้าวเสร็จ ก็อาบน้ำ อย่างอแงเชียวล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวของมัน
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยไม่รู้สาเหตุ แต่มันมักเพลิดเพลินกับการถูกคนลูบััตัว
สองคนกับหนึ่งลิงเดินไปทางป่าลึก ไม่เจอสัตว์ใหญ่สักตัว ลูกหมูก็ไม่ได้ราคา ไม่จำเป็ต้องเสียเวลาไปล่ามา ครั้นแล้วพวกเขาก็เดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งฟ้าสว่างมากแล้ว ในที่สุดก็พบแพะูเาฝูงหนึ่งที่เนินเขาสูงชัน
ทางเดินค่อนข้างชัน เหลียนเซวียนเดินไม่สะดวก ปีนขึ้นไปไม่ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นอยากปีนเข้าไปใกล้ตำแหน่งที่พวกมันอยู่ แต่เหลียนเซวียนไม่ยอม
เห็นแพะตัวอ้วนพีกินหญ้าอยู่สันเขา แต่กลับได้แต่มองดูเฉยๆ เซวียเสี่ยวหรั่นคับข้องใจยิ่ง
"อาเหลย เ้าไปหยิบท่อนไม้แล้วต้อนแพะูเาให้มาทางนี้ได้หรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นมองอาเหลยที่ะโโลดเต้นอยู่ข้างกาย ดวงตากลอกครั้งหนึ่ง แล้วลองสื่อสารกับมัน
ลิงเป็สัตว์ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบท่อนไม้มา แล้วอธิบายกับมันอย่างอดทน
หลังจากอธิบายรอบหนึ่ง รอบสอง และรอบสามแล้ว อาเหลยก็รับท่อนไม้จากมือเธอ แล้ววิ่งขึ้นเขาไป
"อาเหลย จำไว้ ต้องต้อนแพะมาทางนี้ให้ได้เลยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่วางใจ เอ่ยกำชับซ้ำสองสามประโยค
เหลียนเซวียนได้ยินนางอธิบายให้ลิงฟังก็อมยิ้มขบขัน
แม่นางผู้นี้มีความคิดผิดแผกจากคนทั่วไปมากโขทีเดียว
