เมื่อผ่านวันปีใหม่ไปได้เปลี่ยนแปลงจากปี 83 เป็ ปี 84 ภายในเวลาไม่กี่เดือนวิธีการสื่อสารภายในประเทศยังไม่มีการพัฒนามากเท่าไรนักไม่มีตู้โทรศัพท์สาธารณะที่สามารถเห็นได้ทุกหนแห่งยิ่งไม่ต้องพูดถึงโทรศัพท์มือถือ โดยทั่วไปการส่งข่าวสารยังอาศัยกำลังคนเป็หลักเหตุการณ์ั้แ่ทะเลาะวิวาทกันจนคนจำนวนหนึ่งถูกพากลับสถานีตำรวจเป็เวลาราวสองชั่วโมงกว่าเลขาโหวจะได้รับข่าวคราว—ฟ้าถล่มคงจะประมาณนี้หัวหน้ามอบคนให้เขาดูแล วันแรกก็เกิดเื่ในซางตูเสียแล้ว
เลขาโหวรู้จักเส้ากวงหรงดี เขาไม่ถือว่าตนเองเป็ยอดชายหนุ่มผู้พรั่งพร้อมด้วยห้าเน้นสี่งาม [1] แต่เขาก็ไม่ใช่คุณชายเ้าสำราญที่จองหองบ้าอำนาจเวลานี้เหล่าลูกหลานของข้าราชการค่อนข้างสมถะเป็ปกติไม่มีทางะโเสียงดังก่อนทะเลาะวิวาทว่า ‘พ่อฉันคือ XX’ เส้ากวงหรงขยันเปลี่ยนแฟนสาว แต่มิใช่คนแกว่งเท้าหาเสี้ยน
ต่อให้เส้ากวงหรงเป็คนก่อเื่เลขาโหวก็ไม่สามารถเห็นแก่เหตุผลอย่างเดียวโดยไม่ช่วยเหลือได้
คนขับรถคือทหารปลดประจำการ และเป็ผู้ช่วยคนสนิทที่ติดตามหัวหน้ามาหลายปีเลขาโหวไม่กลัวว่าเส้ากวงหรงจะเสียเปรียบขณะวิวาท แต่เขาเกรงว่าพอทุกคนถูกพากลับไปยังสถานีตำรวจเส้ากวงหรงกับคังเหว่ยจะเจอปัญหา
เวลานี้เ้านายกำลังประชุมอยู่ เลขาโหวบอกตนเองว่าต้องทำใจให้สงบไว้พลางกักตัวคนส่งสารแล้วบึ่งไปยังสถานีตำรวจ
สถานีตำรวจไม่อนุญาตให้คนขับรถใช้โทรศัพท์ติดต่อคนอื่น คนขับรถจึงจ้างคนส่งสารด้านหน้าประตูเขาบอกให้ไปสถานที่ใดที่หนึ่งตามหาเลขาแซ่โหว จากนั้นนำเงินมอบให้คนคนนั้นด้านสถานีตำรวจมีท่าทางเกรงใจเขามาโดยตลอดก็เพราะคนขับรถขับรถยนต์ที่มีทะเบียนของเซี่ยงไฮ้นั่นเอง
ยุคนี้คนธรรมดามีปัญญาขับรถเก๋งหรือ?
รถยนต์ล้วนถูกจัดสรรให้ใช้สำหรับหน่วยงาน ไม่ใช่ผู้บริหารย่อมไม่ได้ขับ
ในซางตูคนทำธุรกิจอิสระยังไม่นิยมซื้อรถยนต์นัก ทว่าเถ้าแก่กระเป๋าเงินหนักในเมืองติดชายฝั่งทะเลมีรถส่วนตัวกันแล้ว
ก่อนที่เลขาโหวจะไปสถานีตำรวจได้ติดต่อถึงผู้บังคับบัญชาของสถานีมันต้องเป็เช่นนั้นอยู่แล้ว หากไปถึงสถานีตำรวจบอกว่าตนคือเลขาของใครตำรวจชั้นผู้น้อยจะรู้จักหรือ? คุยโวโอ้อวดไม่สำเร็จแถมยังอาจโดนหักหน้ากลับมาเลขาโหวไม่มีทางทำความผิดพลาดระดับล่างแบบนี้เด็ดขาด
ในขณะเดียวกัน บ้านจูก็ได้รับข่าวนี้แล้วเช่นกัน
คนของเซี่ยเสี่ยวหลานทำร้ายร่างกายกลุ่มแนวร่วมป้องกันจนเข้าโรงพยาบาล
ติงอ้ายเจินไม่อยากจะเชื่อ หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าช่างงี่เง่าน่าขบขันนัก
“เป็คนชนบทต่ำต้อยอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย”
จากนี้ไปเธอไม่ต้องสนใจอีกแล้ว สมาชิกแนวร่วมป้องกันพวกนั้นจะไม่ปากเปราะตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานอาจถูกพิพากษาจำคุก เดิม้าสร้างปัญหาให้แก่เธอทำให้เธออยู่ในซางตูต่อไปไม่ได้ แต่ถ้าจำคุกได้สักสองสามปีก็เป็วิธีที่ลงแรงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ต่อให้จูฟ่างโวยวายกับครอบครัวก็ไร้ประโยชน์ โทษทัณฑ์ตามกฎหมายเกี่ยวอะไรกับตระกูลจูกันเล่า?
ติงอ้ายเจินอดโทรศัพท์หาสามีไม่ได้ “โง่งมเสียจริงโชคดีที่ไม่ยอบรับให้เธอแต่งเข้าบ้าน”
นอกจากมีรูปลักษณ์สวยสดงดงาม ยังมีจุดเด่นอะไรอีก?
ได้ยินว่าค้าขายเก่งไม่เบาไม่ใช่เพราะใช้ใบหน้านั่นล่อลวงผู้ชายพวกนั้นจนจ่ายเงินหรือ?
ติงอ้ายเจินอารมณ์เบิกบานยิ่งนัก เซี่ยเสี่ยวหลานหาเื่ใส่ตนเองเข้าแล้วหากเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เช่าหน้าร้านถนนเอ้อร์ชีเลขที่ 45 อยู่ๆ โรงงานก็คงไม่มีโควตาจัดสรรบ้านเพิ่มตั้ง 10 หลัง และเพราะโควตาที่ได้มาจากการเช่าร้านของเซี่ยเสี่ยวหลานนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจจึงได้ทำการยึดโควตาจัดสรรบ้านไว้กับตนเองเสียเลย 2 หลัง จนทำให้เกิดเื่น่ารำคาญของครอบครัวเจิ้งจงฝูขึ้นติงอ้ายเจินได้ยินคำซุบซิบนินทามาบ้างว่ากันว่าที่ลูกชายเจิ้งจงฝูพิการก็เป็ความผิดของเธอ... เกี่ยวอะไรกับเธอกัน? ลูกชายเจิ้งจงฝูไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดการทำงานเองแท้ๆมือถึงติดเข้าไปในเครื่องจักรแบบนั้น
อย่างไรเสียเซี่ยเสี่ยวหลานก็คือดาวเคราะห์นำพาลางร้าย
บิดาจูฟ่างรำพันกับตนเองอยู่สักพัก “จำไว้ว่าให้จูฟ่างเรียนอีกหลายๆวันหน่อย ส่วนคุณก็อย่าทำเื่จนเกินสมควร ถูกขังคุกปีสองปีถือว่าให้บทเรียนแก่เธอแล้ว”
สามีภรรยาสนทนากันอย่างดิบดี
หากเซี่ยเสี่ยวหลานถูกจำคุกสักปีสองปีจริง มีคดีติดตัวการสอบมหาวิทยาลัยนั้นคือความเพ้อฝัน คนสะสวยอย่างเธอนี้อยู่ในเรือนจำจะโดนทำลายได้เร็วยิ่งขึ้นใช่หรือไม่?
สมาชิกแนวร่วมป้องกันยืนกรานว่าไปตรวจสอบแผงลอยของเซี่ยเสี่ยวหลานพวกเขายังมีหลักฐาน เสื้อไหมพรมสีเหลืองอ่อนหนึ่งตัวแขนเสื้อทั้งส่วนหลุดออกมาแล้ว
แถมมีเ้าทุกข์เสียด้วย สตรีผู้มีสายตาวอกแวก
เซี่ยเสี่ยวหลานจำอีกฝ่ายได้ลูกค้าผู้หญิงที่มาซื้อเสื้อไหมพรมั้แ่เช้าตรู่สีเหลืองอ่อนไม่เหมาะกับสีผิวของอีกฝ่ายเป็อย่างมากเซี่ยเสี่ยวหลานเลยแนะนำให้เธอเลือกอีกสีหนึ่งผลปรากฏคือลูกค้าหญิงผู้นี้กล้าหาญยิ่งนัก ซื้อเสื้อไปโดยไม่ต่อราคาด้วยซ้ำ
ตอนเช้าหลี่เฟิ่งเหมยยังกล่าวว่าเป็นิมิตหมายอันดีวันนี้ต้องค้าขายราบรื่นแน่
ช่างเป็นิมิตหมายอันดีเสียจริง นั่นอธิบายว่าทำไมไม่จุกจิกความจริงแล้วคือนกต่อที่คนอื่นส่งมา!
จั๋วเว่ยผิงพินิจเสื้อไหมพรมตัวนั้นอย่างละเอียด ก็สังเกตว่าไม่ได้เสียหายตามปกติวิสัยเหมือนมีใครตัดเส้นไหมบริเวณรักแร้มากกว่าชายเส้นด้ายที่ขาดจากกันเป็ระเบียบเรียบร้อย
“อธิบายโดยซื่อสัตย์ มันเกิดอะไรขึ้น!”
เมื่อหญิงคนนี้เห็นว่าจั๋วเว่ยผิงอายุยังน้อยก็แสยะยิ้มเ้าเล่ห์ออกมา
“คุณตำรวจ เสื้อที่ฉันซื้อมันชำรุด ผู้หญิงคนนี้หลอกลวงเงินจากประชาชนจะปล่อยเธอไปไม่ได้นะ”
จั๋วเว่ยผิงยังคงนิ่ง แล้วสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของหญิงคนนี้ั้แ่ชื่อแซ่ถึงที่อยู่ และช่องทางติดต่อกับครอบครัวพอถามจบจั๋วเว่ยผิงก็ฟาดสมุดลงบนโต๊ะ
“คุณคือญาติของกัวเฮ่า!”
กัวเฮ่าก็คือหนึ่งในสมาชิกแนวร่วมป้องกันที่สร้างความวุ่นวายแก่เซี่ยเสี่ยวหลานในคราวนี้ญาติกัวเฮ่าเกิดอาการจิตใจไม่สงบเพราะกลัวความผิดเล็กน้อย
“อย่างไรเสียสินค้าที่ฉันซื้อมานั้นมันชำรุดหลานชายฉันทำงานกับแนวร่วมป้องกันพอดี ฉันจึงเล่าให้เขาทราบ และก็ไม่้าให้คนอื่นตกหลุมพรางเหมือนกันกับฉันใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้โหดร้ายเสียจริง ทำร้ายพวกแนวร่วมป้องกันด้วย! คุณตำรวจ คุณต้องจับกุมเธอไว้นะ!”
จั๋วเว่ยผิงคิดว่านี่คือละครตบตาฉากหนึ่งเท่านั้น
ไม่ต้องใช้ทักษะสอบสวนอาชญากรรมอะไรเลยใช้สมองพื้นฐานครุ่นคิดดูสักหน่อยก็รู้ว่าเป็การวางกับดักใส่ร้าย นี่คือวิธีการสร้างปัญหาของพวกอันธพาลท้องถิ่นคิดไม่ถึงว่ามันจะถูกใช้กับหญิงชนบทอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานโดยกลุ่มแนวร่วมป้องกัน
ข่มเหงคนเกินไปแล้ว
จั๋วเว่ยผิงเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่าง และรู้ว่าควรจะรายงานอย่างไร
เธอกำลังจะจับหญิงคนนี้กลับเห็นเพื่อนร่วมงานาุโคนหนึ่งของสถานีตำรวจโบกมืออยู่ตรงหน้าต่าง
“เสี่ยวจั๋ว เธอมานี่หน่อย”
จั๋วเว่ยผิงตบโต๊ะอย่างแรง “คุณนั่งตรงนี้ดีๆล่ะ คิดให้ดีว่าจะอธิบายปัญหาของตนอย่างไร!”
ผู้หญิงคนนี้หดคอด้วยความหวาดหวั่น แต่พอเห็นคนที่อยู่นอกหน้าต่างก็ยืดอกขึ้นอีกครั้ง
จั๋วเว่ยผิงวิ่งออกไปแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานโพล่งโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คุณรู้จักติงอ้ายเจินหรือว่าจูเฉิงชุนหรือไม่? หรือจะเป็คนอื่นๆในตระกูลจู... คุณรู้หรือไม่ ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นต้องนอนคุกนะ”
หญิงคนนี้ไม่สะทกสะท้าน
แต่เธอก็ไม่โง่เขลาถึงขั้นพูดว่าตนเองถูกส่งมาโดยใครเธอจ้องเซี่ยเสี่ยวหลานพลางยิ้มแย้ม
“เธอสนใจตัวเองก่อนเถอะ มีคนยอมวิวาทเพื่อเธอ แล้วจะยอมจำคุกเพื่อเธอไหม?”
คังเหว่ยผู้หุนหันพลันแล่นลุกขึ้นด่าทอในบัดดลคนของสถานีตำรวจยั้งคังเหว่ยไว้ กระบองตำรวจกดตัวเขาไม่ให้ขยับเขยื้อน
หญิงคู่กรณีส่งเสียงไม่พอใจอย่างเอาเป็เอาตาย
“หญิงร้ายชายเลวมีความสัมพันธ์มั่วซั่วจับพวกเธอไว้แล้วไปนั่งในเรือนจำเสีย!”
----------------------------------------
“เสี่ยวจั๋ว มาทำความรู้จักกับหัวหน้ากัวของแนวร่วมป้องกันสิ”
จั๋วเว่ยผิงเพิ่งย้ายมาซางตู อายุงานน้อย ทางสถานีมีงานอะไรที่ต้องใช้ขาวิ่งล้วนตกเป็หน้าที่ของเธอเธอถ่อมตัวรักการเรียนรู้ เคารพต่อเพื่อนร่วมงานที่าุโกว่าทุกคนต่างเรียกเธอเสี่ยวจั๋วบางคนถือว่าตนเองาุโก็คิดว่าสามารถเป็หัวหน้าของจั๋วเว่ยผิงได้
ความจริงแล้วทุกคนอยู่ในระดับเดียวกัน ตัวอย่างเช่นเพื่อนร่วมงานผู้จะทำหน้าที่คนกลางตรงหน้า
“หัวหน้ากัว?”
มีความคล้ายคลึงบางส่วนกับกัวเฮ่าที่ก่อเื่ในครั้งนี้เป็ไปได้ว่าคือเครือญาติสายตรงของเธอ
จั๋วเว่ยผิงรู้สึกสะอิดสะเอียนเหลือเกินหัวหน้ากัวจะจับมือทักทายเธอก็ไม่ยอม เพื่อนร่วมงานดึงจั๋วเว่ยผิงไปอีกทาง
“เสี่ยวจั๋ว ความชำนาญงานของเธอยอดเยี่ยม อนาคตไกลภายภาคหน้าไม่อาจทำงานในระดับล่างไปตลอดชาติแน่นอนเป็คนของหน่วยรักษาความปลอดภัยสาธารณะก็ไม่ได้แปลว่าต้องเลือกที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายมีสหายรายล้อมย่อมมีหนทางมากมาย เื่นี้ควรจัดการอย่างไร ใจเธอรู้ดีดูสิฉันพูดมากอีกแล้ว เดิมทีนี่เป็คดีที่มีหลักฐานชัดเจนเธอเพียงรับมืออย่างยุติธรรมก็พอแล้ว”
จั๋วเว่ยผิงรู้สึกระแวงสงสัย หัวหน้าของแนวร่วมป้องกันคนหนึ่งข่มขู่มวลชนทั่วไปได้ ทว่าไม่น่าจะถึงขั้นสามารถข่มขวัญเพื่อนร่วมงานาุโจนมีน้ำใจไมตรีขนาดนี้หรือเปล่า?
แต่ไม่ว่าใครจะยืนอยู่เื้ั ในฐานะสตรีเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานทำให้จั๋วเว่ยผิงเกิดความรู้สึกเดียวกัน
“ฉันจะจัดการอย่างยุติธรรมแน่นอนค่ะ!”
จั๋วเว่ยผิงหันหลังกลับไปโดยไม่เกรงใจ หัวหน้ากัวสีหน้าไม่สบอารมณ์มาก
“คนหนุ่มสาวไม่มีประสบการณ์อะไรนัก ฉันว่าเปลี่ยนคนทำคดีดีกว่านะ”
เชิงอรรถ
[1]五讲四美 ห้าเน้นสี่งาม คือ คติในการปฏิบัติตนของเยาวชนรุ่นใหม่ประกอบด้วยสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ 5 อย่าง ได้แก่เป็ผู้เจริญ มารยาท สะอาด ระเบียบวินัย คุณธรรม และความงาม 4 อย่าง ได้แก่ จิติญญา วาจา พฤติกรรม สภาพแวดล้อม
