ถ้าหรงจิ่งคือนายน้อยของร้านยาถงอัน เช่นนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เป็เื่ที่เข้าใจได้ เพราะว่าเขาสำคัญมากพอ
ความหมายของนายน้อยในบรรดาตระกูลใหญ่โตมากมายก็คือทายาทผู้สืบทอดรุ่นต่อไป
ต้องเข้าใจว่าตระกูลใหญ่โตไม่ได้ขาดคนรุ่นหลังที่ไม่เอาถ่าน แต่ขาดคนรุ่นหลังที่มีความสามารถ มีเพียงคนรุ่นหลังที่มีความสามารถที่จะนำพาให้ตระกูลเจริญรุ่งเรืองเท่านั้นที่จะถูกเรียกว่าเป็นายน้อย
ตอนที่ซ่งอวี้รู้ตัวตนที่แท้จริงของหรงจิ่งก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ถ้าไม่มีตัวตนนี้ของหรงจิ่ง คนพวกนั้นที่อยู่ด้านนอก ก็คงไม่มีใครลดตัวลงมาหาเขาเช่นนี้หรอก
“ข้าไม่ได้สนใจฐานะของท่าน ขอแค่ท่านยืมคนสองคนให้ข้าก็พอ เมื่อครู่พวกเราตกลงกันแล้ว” ซ่งอวี้ด้วยพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ
หรงจิ่งพยักหน้า แล้วขอพู่กันกับซ่งอวี้ เขาเขียนคำว่า 'อู่อัน ห้ามอ่าน' จากนั้นประทับตราของตัวเอง ก่อนจะยื่นให้ซ่งอวี้
“แม่นางเอาจดหมายนี้ไปให้ท่านจ้าวเถอะ จากนั้นบอกเขาว่าข้า้าคนสองคนให้มาเป็ผู้อารักขาใกล้ชิดของข้า ทางที่ดีที่สุดให้เลือกคนที่ฉลาดหลักแหลมเสียหน่อย ถึงเวลาให้ตามแม่นางกลับมา”
ซ่งอวี้พยักหน้า จากนั้นจู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ท่านไม่กลับไปหรือ?” นางยังนึกว่าเมื่อพูดความจริงกระจ่างแจ้งแล้วหรงจิ่งก็จะกลับไป สุดท้ายดูจากท่าทางของเขาตอนนี้เหมือนว่าจะอยู่ที่นี่ระยะยาว
หรงจิ่งยักไหล่แล้วมองนางอย่างไร้เดียงสา “ข้าก็อยากกลับไป แต่แม่นางแน่ใจหรือว่าจะให้ข้าเดินออกจากประตูเรือนเ้า? แม่นางก็พูดแล้วว่ามีคนมาหาข้าที่หมู่บ้านเสี่ยวหนิวทุกวัน คนพวกนั้นไม่ใช่ข้ารับใช้ของข้า ถ้าเกิดอีกฝ่ายเห็นว่าข้าออกจากเรือนของแม่นาง แผลบนร่างกายของข้าก็ดีขึ้นแล้ว แม่นางคิดว่าพวกเขาจะตอบแทนแม่นางอย่างไร”
อืม เหตุผลนี้ดีมาก ไม่มีอะไรน่าสงสัย
ซ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนที่หรงจิ่งอธิบาย คิดว่าตอนนี้หรงจิ่งยังออกไปไม่ได้จริงๆ
พวกนางทั้งบ้านล้วนเป็สตรี มีเพียงเด็กชายที่ยังไม่ครบสิบสองขวบ ถ้าฝ่ายศัตรูของหรงจิ่งรู้เข้าอาจจะมาเคียดแค้นพวกนางก็ได้ เช่นนั้นก็คงจะตายจริงๆ
ฉะนั้น หรงจิ่งไม่เพียงแค่จากไปไม่ได้ แต่นางยังต้องซ่อนเขาไว้ดีๆ ไม่ให้ใครหน้าไหนรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่...
ซ่งอวี้เม้มปากอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย คำพูดที่หรงจิ่งเอ่ยเมื่อครู่นี้เหมือนว่ากำลังข่มขู่นาง
ซ่งอวี้เม้มปากอย่างไม่พึงพอใจ “ไหนๆ ท่านก็จะอยู่ต่อที่นี่ เช่นนั้นข้าก็ต้องตั้งกฎสักหน่อย”
ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นคิดร้ายกับตัวเองเป็ความรู้สึกที่ไม่ดีเอาเสียเลย ซ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย ตัดสินใจไม่ให้หรงจิ่งอยู่อย่างมีความสุข อยู่บ้านนางแล้วยังจะคิดร้ายกับนาง จะเอาเปรียบเกินไปหรือเปล่า ต้องให้เขาเจอดีบ้างถึงจะถูก
“แม่นางว่ามาเถอะ” หรงจิ่งไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร รอฟังกฎที่ซ่งอวี้จะตั้ง
“ข้อที่หนึ่ง ห้ามออกจากประตูบ้าน โดยเฉพาะตอนที่บ้านมีแขกมาเยือน เพื่อความปลอดภัยของท่าน คงไม่ติดปัญหาอะไรใช่หรือไม่”
ด้านนอกอันตรายเช่นนั้น ไอ้หนุ่ม เ้าอยู่บ้านดีๆ เถอะ
หรงจิ่งพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
เขาไม่ใช่คนที่อยู่ไม่นิ่งอยู่แล้ว ไม่ออกไปไหนก็ไม่เป็ไร สำหรับแขกพวกนั้นที่ซ่งอวี้เอ่ยถึงล้วนเป็เพียงชาวบ้านธรรมดา เขาก็ไม่มีเหตุจำเป็ต้องเจอคนพวกนั้นจึงเห็นด้วยกับข้อนี้
“ข้อสอง ไม่ว่าคนมากมายเพียงใดมาปกป้องท่าน แต่นี่เป็เรือนของข้าก็ต้องทำตามความ้าของเ้าของเรือน ไม่ว่าตระกูลหรงของพวกท่านจะมีกฎระเบียบอะไร อยู่นี่ก็ต้องฟังข้า”
นางไม่อยากช่วยชีวิตคนแล้ว จู่ๆ ก็มีบรรพบุรุษมากมายเข้ามาในเรือน ข้อนี้อย่างไรก็ต้องบอกให้ชัดเจน จะได้ป้องกันไม่ให้หรงจิ่งพาคนมาวุ่นวายในเรือน ไม่ต้องทำให้นางมาทนรับอารมณ์ของใคร
หรงจิ่งก็ยังพยักหน้า พลางทำท่าทางเชื่อฟังคำสั่ง ไม่ได้เสนอความเห็นใดๆ ในเงื่อนไขที่ซ่งอวี้กำหนด
พอเห็นว่าเขาให้ความร่วมมือเช่นนี้ ความไม่สบอารมณ์ในใจของซ่งอวี้ก็จางลงไม่น้อย น้ำเสียงของนางอ่อนโยนขึ้น “ข้อที่สาม ข้ายังไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดี รอให้ข้าคิดได้ค่อยมาบอกอีกที แต่ห้ามผิดศีลธรรม ทำได้หรือไม่?”
กฎระเบียบนี้คือสิ่งที่นางคิดขึ้นมากะทันหัน แล้วจะคิดได้ครอบคลุมทั้งหมดได้อย่างไร ทำได้เพียงพูดในสิ่งที่นึกได้ก่อน ถ้ายังมีปัญหาอะไรในภายหลัง ค่อยเพิ่มก็พอ
“กฎที่แม่นางพูด ข้าตกลงทั้งหมด แม่นางว่าอย่างไรบ้าง?” หรงจิ่งพูดด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ดูเหมือนเป็คนที่นิสัยดีมาก
ซ่งอวี้ตอบรับเสียงเรียบ รู้สึกค่อนข้างปวดหัว ไม่อยากสนใจหรงจิ่งอีก
ความหวังดีเพียงชั่ววูบของตัวเองกลับช่วยชีวิตไอ้จอมปัญหาเอาไว้ หากย้อนเวลากลับไปได้นางอาจจะไม่สนใจเขาจริงๆ
อย่างไรสิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่าความปลอดภัยของตัวเอง
วันนี้เป็วันที่เกวียนวัวในหมู่บ้านเข้าไปในเมือง ซ่งอวี้มองเวลา คิดว่ายังต้องไปอีกรอบจึงบอกอาฝูแล้วมุ่งหน้าไปยังร้านยาถงอันทันที แม้แต่เสี่ยวหมานก็ไม่ได้สั่งให้ติดตามไปด้วย
ตัวตนของหรงจิ่งไม่ธรรมดาเช่นนี้ ทั้งยังมีคนจ้องจะเล่นงานเขา แปลว่าศัตรูของหรงจิ่งก็ต้องมีฐานะที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ซ่งอวี้คิดไปคิดมาก็รู้สึกไม่ปลอดภัย อย่างไรก็ต้องส่งข่าวให้อาจารย์รู้ก่อนถึงจะรู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย
ความเร็วของเกวียนเร็วกว่าเดินเท้ามาก ผ่านไปแค่ครึ่งชั่วยาม ซ่งอวี้ก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูร้านยาถงอันแล้ว ลูกศิษย์ที่ตาไวเห็นซ่งอวี้ก็รีบเข้ามาต้อนรับ พานางเข้าไปในห้องโถง พริบตาแรกที่เข้าไปด้านใน นางก็เห็นท่านจ้าวนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่นิ่งๆ
ลูกศิษย์ผละออกไปเองอย่างมีไหวพริบ ภายในห้องโถงจึงเหลือเพียงซ่งอวี้และท่านจ้าว
ซ่งอวี้เรียกท่านจ้าวสองสามครั้ง เขาถึงหลุดจากภวังค์แล้วเรียกให้นางนั่งดื่มชาด้วยกัน
“อาจารย์ ยังไม่ต้องดื่มชาหรอก ่นี้ท่านเอาแต่ขมวดคิ้วเป็ปม ตามหานายน้อยหรงจิ่งแห่งร้านยาถงอันเจอหรือยังเ้าคะ?” ซ่งอวี้ตรงไปตรงมากับคนสนิทเสมอ มีอะไรก็พูดออกมา ฉะนั้นครั้งนี้นางก็พูดถึงประเด็นที่มาเยือนวันนี้ตรงๆ
แววตาที่เมตตากรุณาของท่านจ้าวดูเยือกเย็นขึ้นมาในพริบตาเดียว “เ้ารู้ได้อย่างไร?”
การหายตัวไปของหรงจิ่งมีเพียงคนสำคัญในร้านยาถงอันเท่านั้นที่รู้ ดูเหมือนว่าแม้แต่ลูกศิษย์ที่คอยเฝ้าอยู่หน้าร้านก็ไม่รู้เื่ด้วยซ้ำว่าในร้านยาถงอันเกิดอะไรขึ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซ่งอวี้
หรือว่า...ซ่งอวี้เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายน้อย? ท่านจ้าวมองแววตาของซ่งอวี้ก็ค่อยๆ รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
ซ่งอวี้เห็นสายตานั้นเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าท่านจ้าวกำลังคิดไปไกล
“หรงจิ่งให้ข้ามา ดังนั้นท่านอย่ามาคุยแผนชั่วร้ายอะไรกับข้าเลย ข้าเป็เพียงสาวบ้านนอกตัวคนเดียวเท่านั้น ไม่อยากจะเข้าไปพัวพันกับแผนชั่วร้ายนี้”
แค่คนพวกนี้เล่นงานกันขึ้นมาก็เอากันถึงตาย แล้วนางจะเอากี่ชีวิตไปสู้ได้
ซ่งอวี้เอาจดหมายที่หรงจิ่งเขียนเองกับมือออกมาจากอกเสื้อ “นี่เป็จดหมายที่หรงจิ่งเขียนเอง เขายังประทับตราประทับของตัวเอง ถือว่าเป็เครื่องยืนยันตัวตน อาจารย์ท่านลองพิสูจน์ดู”
ท่านจ้าวรีบดึงจดหมายไปทันที จังหวะที่เห็นตัวหนังสือ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่อาจบดบังได้อีกต่อไป “ใช่ นี่เป็ลายมือและตราประทับของนายน้อยจริงๆ ”
เขามองซ่งอวี้ด้วยความซาบซึ้งใจ เสียงสั่นเพราะความตื่นเต้น “นายน้อยล่ะ ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด? เหตุใดเ้าถึงมีจดหมายฉบับนี้?”
ซ่งอวี้หัวเราะอย่างจนปัญญาในใจ
ถ้านางรู้ฐานะของหรงจิ่งั้แ่แรก ไม่แน่นางอาจจะไม่ยุ่งเื่นี้เลยก็ได้ นางไม่ใช่คนมีศีลธรรมขนาดนั้น สามารถทำเป็มองไม่เห็นคนที่อาจรอดชีวิตตายไปต่อหน้าต่อตาได้
“นี่...อาจารย์แน่ใจหรือว่าจะให้ข้าพูดตรงนี้?” สายตาของซ่งอวี้กวาดมองไปยังหน้าประตูใหญ่ สื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ปลอดภัย ไหนๆ หรงจิ่งก็สำคัญมากเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่หาที่ลับตาที่ปลอดภัยกว่านี้ แล้วค่อยบอกที่ซ่อนตัวของเขาล่ะ?
ประมาทเช่นนี้ได้จริงๆ หรือ?