ขณะที่ชย่าลิ่วอีกำลังเดินทางกลับบ้าน ระหว่างขับรถผ่านไฟแดงแยกที่สอง เขาก็รู้สึกตัวว่ากำลังถูกสะกดรอยตามอยู่
ผู้สะกดรอยเหล่านี้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี พวกเขาใช้รถสองคันสลับกันสะกดรอย คันหนึ่งจะขับตามจนถึงทางแยกหนึ่ง จากนั้นก็จะเลี้ยวออกไป แล้วรถอีกคันหนึ่งก็จะเข้ามาสะกดรอยต่อ ส่วนเหตุผลที่ชย่าลิ่วอีสามารถจับพิรุธได้ในเวลาอันรวดเร็วนั้นเป็เพราะป้ายทะเบียนรถที่ไม่รอบคอบเอาเสียเลย คันหนึ่งลงท้ายด้วยเลข 61 ส่วนอีกคันลงท้ายด้วย R3
ลูกพี่ใหญ่ชย่ารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เมื่อเห็นรถสองคันที่มีป้ายทะเบียนเหมือนป้ายทะเบียนคู่รัก เขาก็โกรธจัด ชย่าลิ่วอีไม่พูดพร่ำทำเพลงหักพวงมาลัยรถพุ่งเข้าชนรถที่มีป้ายทะเบียนลงท้ายด้วย R3 ที่กำลังสะกดรอยตามเขาอยู่ทันที
รถทะเบียน R3 เบรกกะทันหัน มันหักหลบได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะถอยหลังไปสองสามเมตรแล้วหักเลี้ยวอย่างไว มันเร่งเครื่องแซงท้ายรถของชย่าลิ่วอีแล้วขับหนีไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่รถคันนั้นกำลังถอยหลัง ชย่าลิ่วอีก็มองเห็นภายในรถได้อย่างชัดเจน ที่เบาะหน้ามีชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่ ทั้งสองคนเป็คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าสะกดรอยตามหัวหน้าใหญ่ในเขตของแก๊งเซียวฉี แม้เบื้องหน้าชย่าลิ่วอีจะเดินทางมาเพียงลำพัง แต่เื้ัเขามีลูกน้องกลุ่มหนึ่งซุ่มอยู่ใกล้ๆ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทันทีหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ชย่าลิ่วอีจึงหักพวงมาลัยแล้วเหยียบคันเร่งไล่ตามรถคันนั้นไป
สถานการณ์พลิกผันจากปาปารัสซีสะกดรอยตามเสือ กลายเป็เสือไล่ล่ากระต่ายแทนเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มสองคนในรถทะเบียน R3 ถึงกับร้องโอดครวญไม่หยุดเมื่อลูกพี่ใหญ่ชย่าขับรถด้วยทักษะอันดุเดือดไล่ล่าพวกเขาจากจิ่วหลงถั่งขึ้นไปบนถนนวอต่าเหล่า [1] ตลอดทางจนถึงวั่งเจี่ยวโดยไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาคลาดสายตา อีกทั้งระหว่างทางยังหาโอกาสชนท้ายรถของพวกเขาซ้ำจนป้ายทะเบียน R3 เบี้ยว
ยิ่งขับไปข้างหน้ารถก็ยิ่งหนาแน่นขึ้น รถทั้งสองคันส่ายไปมาไล่ล่ากันท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดในย่านใจกลางเมืองโดยไม่สนใจสัญญาณไฟจราจรเลยแม้แต่น้อย เสียงเบรก เสียงแตร และเสียงเครื่องยนต์ดังคำรามกึกก้องไปไกล คนเดินเท้าบนทางม้าลายต่างร้องเสียงหลงแล้วหลบทางให้กันจ้าละหวั่น
การขับรถเร็วเกินกำหนดใน่เทศกาลเช่นนี้ทำให้ประชาชนใเป็อย่างมาก ตำรวจจราจรเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ตำรวจจราจรสองนายที่เห็นการกระทำอุกอาจของรถทั้งสองคันขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามไปติดๆ พร้อมด้วยเสียงไซเรนที่ดังสนั่น รถทะเบียน R3 ปลอมเห็นท่าไม่ดีจึงจอดรถข้างทางอย่างว่าง่าย ชย่าลิ่วอีเห็นดังนั้นก็ค่อยๆ สงบลงแล้วจอดรถตาม
เขาเอนหลังพิงเบาะแล้วหันไปจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ก่อนจะพ่นควันออกมาอย่างสบายอารมณ์ จากนั้นจึงลดกระจกรถลง
“ใบขับขี่” ตำรวจจราจรหนุ่มพูดพร้อมกับชี้ไปที่หมวกของเขา “คุณทั้งสองถูกสงสัยว่าฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด... ชย่าลิ่วอี?!”
ชย่าลิ่วอีคาบบุหรี่ เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เมื่อมองเห็นคนที่เข้ามาตรวจสอบก็แสดงสีหน้าประหลาดใจก่อนจะเปลี่ยนเป็โกรธจัด คนคนนี้เป็นายตำรวจหนุ่มคนเดิมกับที่เขาเคยช่วยไว้แต่กลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็ ‘ชู้รัก’ เมื่อปีที่แล้ว
หากท่านผู้อ่านยังจำได้ เขาคือก็ผู้ตรวจการฝึกหัดคนนั้นที่ถูกชย่าลิ่วอีและชุยตงตงวางแผนถ่ายภาพลับแล้วนำมาข่มขู่เพื่อบังคับให้เขาร่วมมือหลังจากปฏิเสธไม่ยอมให้ความร่วมมือกันในครั้งแรกนั่นเอง แม้ท้ายที่สุดเขาจะยังคงปฏิเสธอยู่ดีก็ตาม ภาพถ่ายลับเ่าั้จึงถูกส่งไปยังสำนักข่าวซุบซิบต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งโต๊ะทำงานของลุงของเขาที่เป็รองผู้บังคับการตำรวจ ด้วยความอับอาย ผู้เป็ลุงจึงทำโทษเขาขั้นรุนแรงด้วยการปลดเขาลงจากตำแหน่งหลายขั้นและส่งไปเป่านกหวีดอยู่ข้างถนนแทน
เขาเข้าใจดีว่าตัวเองตกหลุมพรางของชย่าลิ่วอี เมื่อได้มาเจอกับศัตรูก็ยิ่งรู้สึกโกรธจนอยากจะลากชย่าลิ่วอีออกมาจากรถแล้วจัดการเสียให้หายแค้น ขณะที่ชย่าลิ่วอียังคงสงบนิ่ง เขาคาบบุหรี่แล้วตอบกลับไปว่า “ครับคุณสารวัตร”
อดีตนายตำรวจหนุ่มที่ตอนนี้เป็เพียงตำรวจจราจรโกรธจนเืขึ้นหน้า เขาต่อยกระจกรถอย่างแรงพร้อมกับะโ “เอาบัตรประชาชนมา! ตอนนี้คุณถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการพกพาอาวุธปืน กรุณาลงจากรถเพื่อรับการตรวจค้น เปิดฝากระโปรงหลังรถด้วย!”
ขณะนั้นเอง รถยนต์ที่มีป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลข 61 ก็ขับตามมาถึง คนที่นั่งข้างคนขับลงจากรถแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เซี่ยเจียเป่าหันกลับไป “พี่อาหัว?!”
คนมาใหม่มองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาจึงรีบยืดตัวตรงทำความเคารพ แล้วะโเสียงดังอีกครั้ง “ครับท่าน!”
ชายคนนั้นอายุราวสามสิบกว่าปี สวมชุดสูทที่ดูแข็งทื่อ รูปร่างผอมบาง โครงหน้าดูแข็งกร้าวราวกับถูกสลักจากหิน ใบหน้าซีดเซียวไร้ความรู้สึก ดวงตาดำสนิทจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง บุคลิกโดยรวมเหมือนแผ่นเหล็กที่ไร้ชีวิตชีวา
“รถคันข้างหน้าเป็พวกเดียวกัน” เขาพูดกับเซี่ยเจียเป่าด้วยเสียงเบา แล้วเดินไปทักทายชย่าลิ่วอี “คุณชย่า”
ชย่าลิ่วอีดึงบุหรี่ออกจากปาก มองเขาด้วยสายตาจริงจังอย่างที่หาได้ยาก
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณชย่า” เขาพูด “คุณชย่านี่ฝีมือสมคำร่ำลือ ผมคือเซี่ยเจียหัว ตำรวจาุโจากหน่วย OCTB [2] ครับ”
ชย่าลิ่วอีดีดขี้บุหรี่ทิ้งอย่างอารมณ์ดี แล้วพูดติดตลก “แซ่เซี่ยอีกแล้ว กรมตำรวจนี่เปิดโดยตระกูลเซี่ยของคุณหรือไง? วันตรุษจีนทั้งที คุณเซี่ยยังอุตส่าห์มาหาโดยไม่ได้บอกกล่าวกันก่อนแบบนี้ ช่างน่าประทับใจ คุณกับเพื่อนๆ ไม่ได้อยู่บ้านฉลองปีใหม่กับครอบครัว แต่กลับต้องออกมาคุ้มกันผม แซ่ชย่าคนนี้รู้สึกเกรงใจจริงๆ งั้นผมขอแจกอั่งเปาให้ทุกคนแล้วกัน ไปหาอะไรกินมื้อดึก ดื่มกันสักหน่อย แล้วก็รีบกลับบ้านไปนอนพักผ่อนดีกว่า”
“ไม่ต้องให้อั่งเปาหรอกครับ” เซี่ยเจียหัวพูด “ขอแค่ปีใหม่นี้คุณชย่าทำเื่ผิดกฎหมายให้น้อยลง พวกเราก็จะนอนหลับกันได้อย่างสบายใจขึ้นหน่อยแล้ว”
ชย่าลิ่วอียิ้มออกมาเล็กน้อย “ผมเป็พลเมืองที่เคารพกฎหมายมาโดยตลอด ไม่ต้องเป็ห่วงหรอกครับท่านเซี่ย”
เซี่ยเจียหัวยิ้มออกมาเช่นกัน ราวกับมีสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านใบหน้าที่แข็งกร้าวของเขา แต่สายลมนั้นก็หายไปในพริบตา เขายืดตัวขึ้น ใบหน้าไร้อารมณ์ใดปรากฏ แล้วโบกมือให้เซี่ยเจียเป่า “ไปกันเถอะ”
เซี่ยเจียเป่ารีบเดินตามเขาไปอย่างร้อนใจ แล้วพูดว่า “แต่ว่าพี่ เขา...”
เซี่ยเจียหัวตบบ่าเขาเบาๆ แต่แอบออกแรงให้การตบบ่าที่ดูแ่เบานั้นหนักแน่นขึ้นอีกหน่อย แล้วพูดเสียงเบา “ตอนนี้ยังทำอะไรเขาไม่ได้ ต้องค่อยๆ เป็ค่อยๆ ไป”
เซี่ยเจียเป่าขึ้นมอเตอร์ไซค์ด้วยความคับข้องใจและโกรธเกรี้ยว ไม่นานกลุ่มคนทั้งหมดก็จากไปพร้อมกับเสียงไซเรน ชย่าลิ่วอียังคงอยู่ที่เดิม เขาเพิ่งสูบบุหรี่ไปได้ไม่กี่คำก็มีคนของแก๊งเซียวฉีที่ได้รับข่าวรีบรุดมาคุ้มกันเขา
รถตู้สี่คันจอดอย่างรวดเร็วรอบรถของชย่าลิ่วอี ไอ้หัวบากที่เป็หงกุ้นะโลงมาจากรถพร้อมกับมีดดาบในมือ แล้วะโอย่างร้อนรน “หัวหน้า! ไม่เป็อะไรนะครับ?!”
“ไอ้บ้าตัวไหนวะที่ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ กล้าดียังไงมาแข่งรถกับพี่ใหญ่ของพวกเรา!” เขาด่าพร้อมกับมองไปรอบๆ กล้ามเนื้อของเขาเต้นตุบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน
เสี่ยวหม่าขาดความกล้าไปหน่อย ส่วนเ้าเด็กนี่ขาดสมองไปหน่อย ชย่าลิ่วอีตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นท่าทางแบบนั้นของหงกุ้นเขาก็ยิ่งปวดหัว เลยตบไปทีหนึ่งแล้วพูด “ไปนอนได้แล้ว!”
เขาสตาร์ทรถอีกครั้งแล้วเหลือบมองไปยังเบาะข้างคนขับโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะเห็นว่าซุปของเหอชูซานหกเลอะเทอะไปทั่วเบาะั้แ่ตอนที่ขับรถไล่ล่ากันเมื่อครู่นี้
……
่เทศกาลตรุษจีนของลูกพี่ใหญ่ชย่า ครึ่งแรกผ่านไปอย่างตึงเครียดและเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ทว่าครึ่งหลังกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหงุดหงิด เรียกได้ว่าเป็ตรุษจีนที่เต็มไปด้วยความอึดอัด ไอ้หัวบากเพิ่งอยู่กับเขามาได้ไม่นาน ยังไม่เข้าใจวิธีการเอาใจหัวหน้าใหญ่ รู้แต่เพียงต้องทำตามเขาทุกอย่าง ต้องเดินตามไปทุกที่เหมือนวัว ชย่าลิ่วอีจึงก็หาข้อผิดพลาดของเขาไม่เจอ แถมยังไม่รู้จะหาความสนุกจากตรงไหนได้อีก เลยได้แต่เก็บความหงุดหงิดไว้ในใจ ทนทุกข์ทรมานมาจนถึงวันที่สามของเทศกาลตรุษจีน ในที่สุดเสี่ยวหม่าก็กลับมาจากกวางโจว ลูกพี่ใหญ่จึงได้ที่ระบายอารมณ์เสียที
ชย่าลิ่วอีปิดประตูห้องทำงานแล้วก็เริ่มด่าเสี่ยวหม่าอย่างรุนแรง “ฉันให้แกกับชุยตงตงไปตามหาพวกที่มันหาเื่ในพื้นที่ของฉันแต่หาไม่เจอ กลับไปลากหน่วย OCTB มาให้ฉันแทน วันตรุษจีนแท้ๆ ยังมาทำให้ฉันหงุดหงิดอีก! รีบไปสืบมาเดี๋ยวนี้เลย ไอ้แซ่เซี่ยมันเป็ใคร ทำหน้าซื่อบื้อแบบนั้นให้ใครดู แล้วนี่คิดจะเก็บส่วยเท่าไรถึงจะพอ”
เสี่ยวหม่าที่น้ำหนักขึ้นเยอะในระหว่างหยุดตรุษจีนกุมศีรษะตัวเองแล้วพูดตะกุกตะกัก ก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานด้วยสภาพสะบักสะบอม เขาเตะลูกน้องที่เข้ามาหา “แม่งเอ๊ย! ต้องเป็ไอ้เด็กเหอนั่นแน่ๆ ที่ทำให้ลูกพี่โมโห!”
เสี่ยวหม่ากำหมัดแน่น วางแผนว่าสักวันหนึ่งเขาจะถลกหนังและหักกระดูกของเ้าเด็กแซ่เหอเพื่อล้างแค้นให้สาสม ในขณะที่เ้าเด็กแซ่เหอไม่ได้รู้เื่อะไรด้วยเลย เขากำลังมี่ตรุษจีนที่สงบสุขและมีความสุข ชีวิตของเขายังดีขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย เหอชูซานได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งแรกในเดือนมีนาคม—— จากเด็กฝึกงานเป็พนักงานประจำ—— จากนั้นก็ใช้เส้นสายภายในเล็กน้อยแนะนำเสี่ยวเหอ ‘แฟนสาว’ ของเขาให้ได้เข้ามาทำงานในบริษัทเดียวกันในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ
ความสัมพันธ์ของเขากับเสี่ยวเหอกำลังไปได้สวย ชย่าลิ่วอีก็ี้เีส่งคนไปสะกดรอยตามแล้ว— ส่วนใหญ่เป็เพราะฟังรายงานแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ ฟังแล้วก็มีแต่เื่ที่ว่าเ้าเด็กนั่นทำอาหารอะไรให้เสี่ยวเหอ เสี่ยวเหอถักเสื้อไหมพรมให้เ้าเด็กนั่น... ส่งของไปส่งของมาไม่รู้จักเบื่อกันบ้างหรืออย่างไร!
ชย่าลิ่วอีไม่มีอารมณ์ไปสนใจเื่ของเหอชูซานในตอนนี้เพราะเขาเพิ่งสืบรู้ถึงตัวตนของเซี่ยเจียหัวผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องของเซี่ยเจียเป่าได้อย่างชัดเจน เขาเป็สารวัตราุโ อายุสามสิบเอ็ดปี เป็ลูกชายของรองผู้บัญชาการตำรวจ เขาเกิดในครอบครัวตำรวจและเริ่มเข้ามาทำงานในแผนกอาชญากรรมั้แ่อายุสิบแปดปี
มีคนบอกว่าตอนเขาเริ่มเข้ามางานใหม่ๆ เขาเป็แค่ลูกคุณหนูที่ไม่เอาไหน แต่หลังจากที่เพื่อนสนิทของเขาถูกคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตจับเข้าคุกแล้วถูกฆ่าตายในห้องเย็นระหว่างการสืบสวน เขาก็เปลี่ยนไปเป็คนละคน กลายเป็คนที่มุ่งมั่นในการกำจัดเ้าหน้าที่ที่ทุจริตและเหล่าอันธพาล เขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อความยุติธรรม ใน่หลายปีที่ผ่านมาเขาได้มีส่วนร่วมในการไขคดีสำคัญหลายคดีกระทั่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็สารวัตราุโ
สรุปแล้วคนคนนี้เป็คนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง มีการศึกษาสูง มีประสบการณ์ และไม่หวั่นไหวต่อการติดสินบนหรือการข่มขู่ด้วยกำลัง มีข่าวลือว่าเซี่ยเจียหัวพกป้ายิญญาของเพื่อนเขาติดตัวตลอดเวลา หากบอกว่านี่เป็การคุ้มครองจากผู้ตายอย่างแท้จริงก็คงไม่ผิดนัก เนื่องจากใน่หลายปีที่ผ่านมาเขาถูกเตือน ถูกคุกคาม ถูกโจมตี ถูกลอบฆ่า ถูกบุกสังหารมากกว่า 20 ครั้ง แต่กลับไม่ได้รับาเ็ใดๆ เมื่อสามปีก่อนมีเหตุะเิที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในอพาร์ตเมนต์ของเขา แต่ก็มีเพียงแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับาเ็เท่านั้น และด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้พ่อของเขาซึ่งเป็รองผู้กำกับสั่งให้เขาไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปเรียนปริญญาโทด้านจิตวิทยาอาชญากรรมที่สหรัฐอเมริกาและกลับมายังฮ่องกงอีกครั้งเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
เชิงอรรถ
[1] ถนนวอต่าเหล่า คือ ถนนถนนวอเตอร์ลูของฮ่องกงในภาษาจีน
[2] หน่วย OCTB หมายถึง Organized Crime and Triad Bureau ซึ่งเป็หน่วยงานตำรวจของฮ่องกงที่รับผิดชอบในการสืบสวนและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมและแก๊งอั้งยี่ หน่วย OCTB นี้มีหน้าที่จัดการกับคดีที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม การค้ายาเสพติด การฟอกเงิน และกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งและอาชญากรรมที่เป็ระบบ