ตอนที่ 99 สิ้นปัญหา
“เ้าดูสภาพตอนนี้สิ บ้านช่องไม่เหมือนบ้าน! เ้าสาม ครั้งนี้เ้าก็ควรสำนึกผิดเสียบ้างได้แล้ว แก่จนอายุหกสิบแล้ว อย่าเอาความโง่เขลาลงไปในหลุมฝังศพเลย!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ใช่แล้ว เดิมทีบ้านเราก็อยู่กันดีๆ แต่พอเ้ารองกลับมา… ท่านว่า เ้ารองอยู่ในเมืองหลวงสุขสบายดีอยู่แล้ว เหตุใดเขาจึงต้องกลับมาสร้างความวุ่นวายด้วยเล่า?”
อวิ๋นเจียหรงทนฟังต่อไปไม่ไหว ชี้นิ้วใส่ผู้เฒ่าอวิ๋นอย่างเหลืออด “เ้า หัวจิตหัวใจของเ้าไปไหนหมด? หรือเ้ามันไม่มีหัวใจกันแน่? ยังกล้าโทษเ้ารองอีก! โส่วจงเป็ลูกชายที่ดีเพียงใด คนอื่นอิจฉาแทบตาย แต่เ้านี่นะ เื่อะไรก็โทษเขาไปหมด!”
“อะไรที่เรียกว่าเดิมทีก็อยู่กันดีๆ โส่วจงกลับมาแล้วทุกอย่างก็พังพินาศ? เ้าหมายถึงเื่แยกบ้านใช่หรือไม่? เ้าสาม ข้าไม่ได้จะว่าเ้าหรอกนะ ก่อนที่พวกเ้าจะแยกบ้านกัน ลองดูบ้านเ้าใหญ่กับลูกๆ สิ ว่าพวกเขาทั้งสี่คนมีสภาพเป็เช่นไร?”
“เสื้อผ้าก็ไม่มีสักตัวที่ดูดี มีแต่รอยปะชุนเต็มไปหมด เ้าหูหนวกตาบอดหรือไร? ไม่รู้หรือว่าพวกชาวบ้านเขาพูดถึงเ้าว่ายังไง? พูดลับหลังเ้าว่ายังไง? นี่แยกบ้านกันนานเท่าไรเอง? สีหน้าของทุกคนในบ้านเ้าใหญ่ก็เปลี่ยนไป ฉี่ชิ่งกับฉี่เสียงสองพี่น้องก็มีเนื้อมีหนังขึ้น แถมยังได้สวมเสื้อผ้าที่ไม่มีรอยปะชุนอีกด้วย!”
“เ้าสาม มโนธรรมของเ้าล่ะ? เ้าลองถามใจตัวเองดูเสียบ้าง สิ่งใดเ้าก็ตามใจเถาซื่อ ไม่เห็นหรือไงว่านางกดขี่ข่มเหงลูกๆ จากภรรยาเดิมของเ้าเช่นไร? ลองดูเ้าสามสิ เขาก็เกิดจากเถาซื่อมิใช่หรือ?”
“แล้วทำไมเ้าสามของเ้าถึงต้องแยกบ้านด้วย? ยอมสละทุกอย่าง ขอเพียงแยกบ้านออกไป? เ้าลองพูดมาสิ ตอนที่พวกเ้าแยกบ้านกัน บ้านเ้าใหญ่กับบ้านเ้าสาม นอกจากที่ดินสองหมู่แล้ว เคยแบ่งข้าวไปจากเ้าสักเม็ดหรือน้ำมันสักหยดไหม? พูดตามตรงเถอะเ้าสาม ไม่ว่าจะเป็บ้านเ้าใหญ่หรือบ้านเ้าสาม ต่างก็ทำงานถวายชีวิตให้เ้ามาหลายปี เ้าแบ่งสมบัติแบบนั้น คนอื่นเขายังอายแทน”
“ยิ่งไปกว่านั้น เ้ายังกดดันให้ลูกชายทั้งสามคนส่งเงินเลี้ยงดูให้เ้าปีละสิบตำลึงเงิน! เ้าสาม ในหมู่บ้านก็มีแต่เ้านี่แหละที่ได้เช่นนี้! เ้ายังจะเอาอะไรอีก? ลูกๆ แยกบ้านออกไปมีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีขึ้น เ้าไม่พอใจหรือ? เ้าไม่คิดจะยินดีกับพวกเขาบ้างหรือไร? เ้าอย่าตามใจเถาซื่ออีกเลย!”
หัวหน้าตระกูลอวิ๋นกล่าวจบ ก็รินน้ำชาให้ตัวเองหนึ่งถ้วยแล้วดื่มรวดเดียว เขาตัดสินใจแล้ว หากครั้งนี้อวิ๋นเจียชางไม่ฟังคำแนะนำของเขา ต่อไปนี้เขาก็จะไม่สนใจอีก ปล่อยให้มันตายไปเถอะ!
ปรากฏว่าผู้เฒ่าอวิ๋นเป็อย่างที่คิดจริงๆ เอ่ยปากขอว่า “พี่ใหญ่ ท่านพาเถาซื่อกลับมาเถิด หลายปีมานี้นางอยู่กินกับข้า ลำบากมามาก แถมยังให้กำเนิดลูกๆ ให้กับข้า… เถาซื่อไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ปากเสียไปบ้างเท่านั้น นางไม่มีเจตนาร้ายหรอก”
ผู้ใหญ่บ้านทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้านเสียเลย เดิมทีเขาก็อยากช่วยอวิ๋นเจียหรงเกลี้ยกล่อมผู้เฒ่าอวิ๋นอยู่หรอก แต่สุดท้ายเล่า จะเกลี้ยกล่อมอะไรอีก คนเช่นนี้พูดอะไรไปก็ไม่ฟัง
อวิ๋นเจียหรงโกรธจนพูดไม่ออก เขาเคาะโต๊ะเสียงดังปัง พูดว่า “ดี ดีนัก เถาซื่อไม่มีเจตนาร้าย ข้ามีเจตนาร้ายเอง! เช่นนั้นข้าจะพาเถาซื่อกลับมา เื่ของเ้าต่อไปนี้ข้าจะไม่สนใจอีกแล้ว!”
กล่าวจบ อวิ๋นเจียหรงผู้เป็หัวหน้าตระกูลก็เดินออกไป ผู้เฒ่าอวิ๋นเห็นเขาดูโกรธก็ตื่นตระหนก รีบเอ่ยปาก “พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะ…”
แต่อวิ๋นเจียหรงไม่ยอมฟังเขาอีกแล้ว ก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตาก็หายลับไป
จากนั้น ลูกชายคนที่สามของผู้ใหญ่บ้านก็ถือยาเข้ามา วางยาไว้บนโต๊ะข้างๆ แล้วขอตัวกลับ ปล่อยให้ผู้เฒ่าอวิ๋นที่ไร้เรี่ยวแรงนั่งถอนหายใจอยู่ในห้องเพียงลำพัง
ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูลออกจากบ้านผู้เฒ่าอวิ๋นก็พากันไปที่บ้านอวิ๋นโส่วจง พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่บ้าน แถมยังไม่มีใครเก็บกวาดบ้านช่อง จึงรู้ว่าทั้งครอบครัวไม่อยู่บ้าน จึงพากันไปที่บ้านของอาจารย์ตั่ง
พอไปถึงหน้าบ้านอาจารย์ตั่งก็เห็นรถม้าจอดอยู่หนึ่งคัน พร้อมกับเ้าหน้าที่ทางการอีกหลายนายที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าบ้าน
“ท่านพี่ นี่มัน…”
ผู้ใหญ่บ้านรู้จักกับเ้าหน้าที่ทางการ พอเจอหน้ากันก็เอ่ยทักทายอย่างสุภาพ เมื่อเห็นว่าเขาถาม เ้าหน้าที่นายหนึ่งจึงตอบ “ท่านนายอำเภออยู่ด้านในน่ะ!”
ทั้งสองคนได้ยินก็ใ เหตุใดนายอำเภอถึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง หรือว่าเป็เพราะเื่นั้น หรือเป็เพราะอวิ๋นโส่วจู่สร้างเื่อีกแล้ว?
ผู้ใหญ่บ้านจึงรีบถามต่อ “ท่านพี่ แล้วท่านนายอำเภอมาทำอะไรที่นี่หรือ?”
เ้าหน้าที่ทางการผู้นั้นยักไหล่บอกเป็นัยว่าไม่รู้เื่ “พี่จาง ท่านนายอำเภอจะมาทำอะไร ข้าน้อยจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า?”
เมื่อถามอะไรไปก็ไม่ได้ความ พวกเขาสองคนจึงได้แต่รออยู่ข้างนอก ทำอะไรไม่ได้ ร้อนรนใจไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้พวกเขาก็เข้าไปไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งสองคนไม่ต้องกังวลใจนานนัก ก็เห็นอาจารย์ตั่งและคนอื่นๆ เดินออกมา
เพียงแต่พอเห็นนายอำเภอเดินตามหลังอาจารย์ตั่งด้วยท่าทางนอบน้อม พวกเขาก็รู้สึกงุนงงขึ้นมาทันที อวิ๋นโส่วจงอุ้มอวิ๋นเจียว ทั้งครอบครัวเดินตามหลังอาจารย์ตั่ง อยู่ห่างจากนายอำเภอไปหนึ่งก้าวเท่านั้น
เมื่อเห็นดังนั้นผู้ใหญ่บ้านจางต้าไห่และอวิ๋นเจียหรงหัวหน้าตระกูลอวิ๋นก็รีบตามไป “โส่วจง เกิดเื่อันใดขึ้นหรือ?” ผู้ใหญ่บ้านดึงแขนเสื้ออวิ๋นโส่วจงเบาๆ แล้วเอ่ยถาม
อวิ๋นโส่วจงเพียงแต่ส่ายหน้า ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เมื่อเห็นเช่นนั้นจางต้าไห่ก็รู้ทันทีว่าอวิ๋นโส่วจงคงไม่รู้เื่เช่นกัน จึงไม่ได้ถามอะไรต่อ ได้แต่เดินตามไปดูสถานการณ์ให้รู้แน่ชัด
ตอนนี้ชาวบ้านที่กลับไปทำงานในไร่นาต่างก็งุนงงเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นนายอำเภอมาก่อน แต่พวกเขาดูออกว่าเป็ชุดขุนนาง!
คนที่เดินตามหลังอาจารย์ที่ตระกูลอวิ๋นเชิญมา สวมชุดขุนนางของแคว้นต้าเยี่ยของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลังของเขายังมีเ้าหน้าที่ทางการอีกสี่นาย คนโง่ก็ยังดูออกว่านั่นคือนายอำเภอ!
แต่พอเห็นท่าทางระมัดระวังและใบหน้ายิ้มแย้มของนายอำเภอแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่ได้มาหาเื่อวิ๋นโส่วจง
ในทางกลับกัน คนที่มองออกก็รู้ทันทีว่าเขากำลังเอาใจอาจารย์ตั่ง เอ้า แปลกเสียจริง! พวกชาวบ้านจึงวางงานในมือ แล้วเดินตามมาดูอยู่ไกลๆ ตามไปตามมาก็มาถึงหน้าบ้านอวิ๋นโส่วจง
“ท่านซีหยวน ข้าน้อยขออภัยด้วย! เป็ความผิดที่ข้าน้อยดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ดี…”
เมื่อเห็นว่าในบ้านรกไม่เป็ท่า เตียวซวี่อันก็เหงื่อแตกพลั่ก รีบประสานมือขอโทษอาจารย์ตั่ง แม้อาจารย์ตั่งจะเป็ขุนนางที่เกษียณอายุราชการแล้ว แต่ตำแหน่งของเขาก็สูงส่ง ยศขุนนางขั้นหกเชียวนะ!
ส่วนเขามียศขุนนางเพียงขั้นเจ็ดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ตั่งยังเป็จิ้นซื่อสองบัญชี มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่นักปราชญ์ แม้ทั้งชีวิตจะอยู่ในกรมโยธาไม่ได้เลื่อนขั้นไปไหน แต่อย่างไรก็เป็ขุนนางในเมืองหลวง สายสัมพันธ์ของคนเ่าั้ เขาไม่อาจเทียบได้เลย
หากรู้ก่อนหน้านี้ว่าอาจารย์ตั่งมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับอวิ๋นโส่วจง เขาไม่มีทางยอมรับปากอูอี๋เหนียงมาหาเื่ครอบครัวของอวิ๋นโส่วจงเป็แน่
เตียวซวี่อันรู้สึกเสียใจ แต่เขาไม่รู้เลยว่าเื่ที่ทำให้เขาต้องเสียใจและสิ้นหวังยิ่งกว่านั้นกำลังจะเกิดขึ้น
อาจารย์ตั่งแค่นเสียง สะบัดแขนเสื้อพลางพูดว่า “ใต้เท้าเตียวมีอำนาจบารมีเช่นนี้ ข้าเป็เพียงตาแก่บ้านนอกคนหนึ่ง จะรับไหวได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ท่านควรจะขอโทษพวกเขา พวกเขาเป็ผู้เสียหาย ไม่ใช่ข้า!”
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของเตียวซวี่อันก็ดูลำบากใจ เขาเป็ขุนนาง การที่เขายอมคำนับขอโทษอาจารย์ตั่ง เพราะอาจารย์ตั่งก็เป็ขุนนางเช่นกัน แถมยศถาบรรดาศักดิ์ยังสูงกว่าเขา
หากต้องขอโทษชาวบ้านธรรมดา แล้วเขาจะเอาหน้าตาไปไว้ที่ไหน? แล้วบารมีของเขาจะเอาไว้ที่ไหน?
เขากระแอมแก้เก้อสองครั้ง อวิ๋นโส่วจงจึงเอ่ยขึ้น “ชาวบ้านเช่นพวกข้า ไยจะกล้าให้ท่านนายอำเภอมาขอโทษ เพียงแต่ขอความเป็ธรรมจากท่านนายอำเภอก็เพียงพอแล้วขอรับ!”