ซูเปอร์มาร์เก็ตภายในฝันนั้น ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าเป็แค่ความฝัน แต่ตอนนี้นางยังไม่ทันนอนหลับ ซูเปอร์มาร์เก็ตกลับปรากฏอยู่เบื้องหน้านางขึ้นมาจริงๆ
เคอโยวหรานไม่กล้าเชื่อสิ่งเหล่านี้จึงหยิบลูกกวาดหนึ่งเม็ดภายในซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างขอไปที นึกไม่ถึงว่าภายในมือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มจะกำลังกำได้ลูกกวาดหนึ่งเม็ดเข้าจริงๆ
จากนั้นเมื่อนางวางมันกลับไป ลูกกวาดภายในมือก็พลันเลือนหาย เป็เช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง! พิสูจน์ว่าตนมิได้กำลังฝันไป
ฮ่าๆๆ! เหตุใดจึงเหมือนฝันถึงเพียงนี้?
ฮ่าๆๆๆ! หรือว่านี่ก็คือสิทธิพิเศษของนางเอก คือดัชนีทองคำของการทะลุมิติ?
ความน่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว จะน่ายินดีเกินไปแล้วกระมัง?
ทันใดนั้นเคอโยวหรานก็ไม่อยากนอนเสียแล้ว นางเปิดเปลือกตาขึ้น หยัดกายออกห่างจากอ้อมอกของต้วนเหลยถิง ปีนลงจากขอบเตียงแล้วสวมใส่รองเท้าด้วยการเคลื่อนไหวอันฉับไว
ต้วนเหลยถิงพลันถามด้วยความไม่เข้าใจ “เ้าจะไปทำอันใด? เพิ่งได้รับาเ็มา เหตุใดไม่นอนพักเล่า?”
เคอโยวหรานเอ่ยพลางเผยยิ้มบาง “หลังกินยาก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อยเ้าค่ะ ท่านพ่อของข้าทึ่มทื่อ มารดาอ่อนแอ ส่วนน้องสาวก็ยังเล็ก ในเรือนจะรื้อสร้างใหม่ ข้าต้องไปดูสักหน่อยเ้าค่ะ”
ขณะกล่าว นางก็กำลังจะก้าวออกจากประตู จู่ๆ นึกบางสิ่งขึ้นได้จึงหันกลับมาถามว่า “ท่านอยู่ที่นี่คนเดียวได้หรือไม่เ้าคะ? จะให้พี่ใหญ่กับพี่รองมาอยู่เป็เพื่อนท่านหรือไม่?”
ต้วนซานหลางส่ายหน้า ก่อนทอดมองขาของตนเองด้วยสายตาหม่นแสงเล็กน้อย “มิต้อง ข้าอยู่คนเดียวได้ เ้าระวังตัวสักหน่อย หากร่างกายรู้สึกไม่สู้ดีให้รีบกลับมาโดยเร็ว”
“เ้าค่ะ!” เคอโยวหรานขานรับแล้วหันหลังหมายจะออกประตู แม้ข้างนอกจะหนาวมาก แต่เมื่อมีคนเป็ห่วง ภายในใจของนางพลันรู้สึกอบอุ่น
ทว่า เมื่อเปิดประตูก็ยังคงอดสั่นสะท้านเพราะความหนาวเย็นมิได้
ต้วนเหลยถิงมองร่างเล็กบอบบางของนางสั่นสะท้านเมื่อเผชิญลมหนาว หวนนึกถึงดวงตากลมโตเป็ประกาย รวมถึงรอยยิ้มบางแสนอ่อนโยนเมื่อครู่ของนาง จากนั้นทอดมองขาที่มิอาจขยับเขยื้อนทั้งสองข้างของตน ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงระลอกหนึ่งพลันก่อเกิดขึ้นมา
เื่เหล่านี้ ผู้ที่เป็สามีเช่นเขาควรจะเป็คนไปจัดการ มิใช่ให้สตรีบอบบางผู้หนึ่งเผชิญหน้าเพียงลำพัง
ในเมื่อแต่งนางแล้ว ก็ควรแบกรับครอบครัวนี้ จะปล่อยให้ภรรยาของตนออกไปวิ่งเต้นได้อย่างไร?
ภายในอกของต้วนเหลยถิงรู้สึกกลัดกลุ้ม เขากำหมัดทั้งสองข้างพลางขบกรามแน่น ปิดเปลือกตาหนึ่งคู่ลงแล้วเอนพิงขอบเตียงด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ถึงขีดสุด
เคอโยวหรานเพิ่งผ่านพ้นประตูได้ไม่นาน ก็พบกับไป๋ซื่อผู้เป็สะใภ้รองที่หอบฟืนออกมาจากห้องครัว
ใบหน้ารูปไข่งามประณีตน่าเอ็นดู ทว่าคงเพราะต้องอพยพมาตลอดทาง ผิวพรรณจึงค่อนข้างหยาบกร้าน แต่กลับมิอาจบดบังความงดงามบนใบหน้าของสตรีผู้นี้ได้
ครั้นเห็นเคอโยวหรานออกมาจากในห้องก็อดมิได้ที่จะถามด้วยความเป็ห่วง “ภรรยาซานหลาง เหตุใดเ้าจึงออกมาเล่า? าเ็สาหัสถึงเพียงนี้ รีบกลับเข้าไปนอนในห้องเถิด”
เคอโยวหรานมองสตรีตรงหน้าที่แสดงความเป็ห่วงตนด้วยความงุนงงเล็กน้อย เหตุใดนางจึงลืมเื่นี้ไปเสียสนิท?
ต้วนเอ้อร์หลางติดพิษประหลาด หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนพิษจะกำเริบ สตรีจิตใจงดงามที่อยู่ตรงหน้าจึงต้องขายกำไลหยกที่ตกทอดจากบรรพบุรุษแล้วเดินทางเข้าตัวเมืองเพื่อซื้อยา
เนื่องจากพบกับอันธพาลที่เข้ามาขวางทาง จึงสูญสิ้นความบริสุทธิ์ไปในยามนั้น ภายหลังยังลากร่างกายอันบอบช้ำกลับมาเพื่อส่งยา
สุดท้ายมิอาจกล้าเผชิญหน้ากับผู้เป็สามี นางรู้สึกอัปยศอดสูเหลือทน จึงแขวนคอปลิดชีพตนเอง
ต้วนเอ้อร์หลางราวกับถูกมีดกรีดหัวใจ โอบกอดร่างของสะใภ้รองสกุลต้วน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมดื่มยา จนในที่สุดพิษก็กำเริบจนสิ้นใจ
เคอโยวหรานจำได้ว่าเพื่อข่มพิษของต้วนเอ้อร์หลางเอาไว้ จำต้องใช้หวงจิง [1] อายุสามร้อยปีและเถี่ยผีสือหู [2] อายุห้าร้อยปี ช่างประจวบเหมาะนักที่โรงหมอภายในตัวเมืองมีสมุนไพรสองชนิดนี้พอดี
แต่เพราะมันมีราคาสูงลิ่ว แม้ภรรยารองสกุลต้วนจะขายกำไลที่ตกทอดจากบรรพบุรุษก็ยังหามาได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น
ครั้นเห็นเคอโยวหรานไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงยืนมองนางอย่างนิ่งงันอยู่ที่เดิม ภรรยารองสกุลต้วนพลันยกมือขึ้นตบหน้าผาก ก่อนเอ่ยด้วยความกระดากอายว่า
“ดูข้าสิ เช้าวันนี้เ้ายังมิได้ยกน้ำชาให้ท่านแม่จึงยังไม่ทันได้แนะนำตัว ข้าคือภรรยาของเอ้อร์หลาง เ้าเรียกข้าว่าพี่สะใภ้รองเป็พอ”
ขณะกล่าว นางล้วงหยิบถุงเงินที่เย็บปักอย่างประณีตออกมาใบหนึ่งแล้วยัดใส่มือของเคอโยวหราน “นี่คือของขวัญแรกพบที่พี่สะใภ้รองมอบให้เ้า หวังว่าเ้ากับซานหลางจะเป็สามีภรรยาที่รักใคร่ให้เกียรติกันและรีบมีบุตรโดยเร็ว”
เคอโยวหรานมองถุงเงินซึ่งเย็บปักอย่างประณีตในมือตน ภายในอกเกิดกระแสความอบอุ่นไหลผ่าน นี่คือของขวัญชิ้นแรกที่นางได้รับจากทั้งชาติก่อนและชาตินี้
นางสูดหายใจเข้าลึกพลางกำถุงเงินเอาไว้แน่น เห็นทีคงต้องรีบหาเงินเสียแล้ว มิอาจปล่อยให้พี่สะใภ้รองไปเสี่ยงอันตรายในเมือง และต้องนำยามาไว้ในมือภายในหนึ่งเดือนให้จงได้
“ขอบพระคุณพี่สะใภ้รองเ้าค่ะ ข้าไม่เป็อันใด เพียง้าไปดูจวนเก่าสักหน่อย อีกประเดี๋ยวจะรีบกลับมาเ้าค่ะ”
กล่าวจบก็เดินออกจากจวนสกุลต้วน ทว่านางมิได้มุ่งหน้าไปทางจวนเก่าซอมซ่อแต่อย่างใด เพราะมีผู้ใหญ่บ้านเฉินคอยดูแล นางจึงรู้สึกวางใจเป็อย่างยิ่ง
ภายในความทรงจำชาติก่อนของเ้าของร่างเดิม ผู้ใหญ่บ้านเฉินคือผู้นำสกุลที่แข็งแกร่งซื่อตรง ไม่ยอมประจบสอพลอผู้ใดอย่างยากพบเจอ
ดังนั้นนางจึงมุ่งตรงไปทางูเาต้าชิง หาสถานที่ไร้ผู้คนเพื่อทดสอบดัชนีทองคำซึ่งติดตัวมา
ยามนี้อยู่ในต้นเดือนสอง บนูเาต้าชิงซึ่งอยู่ไกลออกไปยังคงปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนที่ไม่ละลาย
เคอโยวหรานเดินมาไกลยิ่งนัก ก่อนหยุดฝีเท้าลงเมื่อมั่นใจว่าบริเวณนี้จะไม่มีผู้ใดผ่านมา ทั้งยังแน่ใจว่าไม่มีมูลของสัตว์ดุร้ายเช่นฝูงหมาป่าหรือหมูป่า
นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ปลอดภัยเป็อย่างยิ่ง
นางลองพยายามเข้าสู่ซูเปอร์มาร์เก็ต ผลสุดท้ายหลังจากทดลองอยู่หลายครั้งก็ยังมิอาจสำเร็จ
แต่นางสามารถควบคุมสิ่งของภายในซูเปอร์มาร์เก็ตได้ตามใจชอบ ทั้งยังเคลื่อนย้ายสิ่งของจากภายนอกเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตได้ด้วยเช่นกัน
นางดีใจยิ่งนัก เป็เช่นนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว นางไม่โลภมากอย่างแท้จริง
เคอโยวหรานครุ่นคิด ในเมื่อสถานที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใด มิสู้ทำอาหารเลี้ยงฉลองให้ตนเองสักมื้อ ร่างกายนี้ของนางซูบผอมจนเกินไป จำต้องกินให้มากจึงจะแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ
ร่างกายคือต้นทุนของการปฏิวัติชะตาชีวิต ซูบผอมและอ่อนแอจนแค่ลมพัดก็ล้มเช่นนี้ คงทำอันใดมิได้สักอย่างกระมัง
นางไม่สะดวกจะใช้ข้าวของภายในห้องครัวสกุลต้วน หากมารดาสกุลต้วนรู้ว่าข้าวของภายในครัวมีเครื่องปรุงที่ยุคนี้ไม่มี เช่นนั้นควรอธิบายเยี่ยงไรจึงจะดี?
ที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใด เหมาะแก่การแสดงความสามารถได้อิสระ ถือเสียว่าเป็การหุงหาอาหารกลางแจ้งครั้งแรกในยุคโบราณเป็พอ
เคอโยวหรานนำไก่แช่แข็งที่เชือดแล้วจำนวนห้าตัวออกมาและฉีกถุงสุญญากาศ
ถึงอย่างไรผู้ที่ต้องบำรุงร่างกายก็มิได้มีแค่นาง แต่เป็คนทั้งสกุลเคอและสกุลต้วน เดิมทีนางยังกลัวว่าไก่ห้าตัวจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำ
ทว่าเมื่อทบทวนดูแล้ว คนทั้งสองครอบครัวนี้มีชีวิตความเป็อยู่ยากจน น้ำย่อยในกระเพาะมีน้อยจนเกินไป หากชดเชยจำนวนมากในคราเดียวอาจทำให้ระบบย่อยอาหารเสียหายได้ ดังนั้นนางจึงหยิบออกมาเพียงห้าตัว
นำถาดเครื่องปรุงที่จัดสัดส่วนของต้นหอม ขิง และกระเทียมเอาไว้เรียบร้อยออกมา รวมถึงเครื่องเทศชนิดต่างๆ จากนั้นยัดใส่ลงในท้องไก่จนเต็มตามอัตราส่วนผสม
จัดการก่อกองไฟห้ากอง ตั้งตะแกรงปิ้งย่างอย่างง่ายแล้ววางไก่ลงบนนั้น
ตามด้วยเปิดสุราขาวดีกรีสูงสองขวด สาดลงบนกองฟืนแล้วใช้ไฟแช็กจุดไฟ หลังส่งเสียงดังพึ่บ เปลวเพลิงพลันทะยานขึ้นสูงภายใต้ความช่วยเหลือของสุรา
หากผู้อื่นมาเห็นเข้า ย่อมต้องร้องบริภาษว่านางล้างผลาญเป็แน่ นี่คือสุราราคาหลายร้อยหยวนเชียวนะ นึกไม่ถึงว่าจะเอามาก่อไฟเช่นนี้?
เคอโยวหรานกลับไม่แยแส เพราะถึงอย่างไรนางก็ดื่มสุราไม่เป็ แค่สุราขาวไม่กี่ขวดเท่านั้น บนชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ตมีมากมายจนเกินพอ นอกจากนี้นางยังใช้ชนิดที่ราคาถูกที่สุดบนชั้นวาง ใช้เพียงสองขวดก็ไม่นับว่าเป็อันใด
เมื่อมีสุราขาวเป็เชื้อเพลิง ผลลัพธ์ก็ต่างออกไปดังคาดจริงๆ
เคอโยวหรานนำขวดสุราขาวและถุงสุญญากาศทั้งหมดโยนลงใส่ถังขยะในซูเปอร์มาร์เก็ต มิอาจปล่อยให้สิ่งของที่ไม่มีอยู่ในโลกนี้ก่อมลภาวะให้สภาพแวดล้อมได้
อีกเหตุผลหนึ่ง คือหากถูกผู้อื่นพบว่ามีสิ่งของเหล่านี้คงไม่ค่อยดีนัก
นอกจากยัดต้นหอม ขิง กระเทียม และเครื่องเทศใส่จนเต็มท้องไก่แล้ว เคอโยวหรานยังทาน้ำมันถั่วลิสงกับซอสบาร์บีคิวลงบนตัวไก่มือเป็ระวิง
ไม่นานนัก ไก่ย่างก็ส่งเสียงฉ่าๆ พลางเผยประกายมันวาว จากนั้นเพื่อปรับรสชาติให้กลมกล่อม นางยังเพิ่มไวน์สำหรับทำอาหารอีกเล็กน้อย ส่งกลิ่นหอมอย่าบอกใครเลยทีเดียว...
กลิ่นหอมลอยอบอวลท่ามกลางอากาศภายในป่า ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ล่องลอยไปไกลถึงสิบลี้...
“แม่นางน้อย ไก่ย่างนี้ของเ้าจะกินได้เมื่อใดหรือ?”
“ใช่แล้ว! แม่นางน้อย ตาเฒ่าเช่นข้ายังได้กลิ่นสุราบริสุทธิ์อีกด้วย ใช่สุราหรือไม่? เ้าคงนำไปซ่อนแล้วกระมัง?”
หืม? นี่มันสถานการณ์อันใดกัน?
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หวงจิง 黄精 หมายถึง สมุนไพรจีนที่มีรสหวาน มีฤทธิ์กลาง เข้าสู่เส้นลมปราณม้าม ปอด และไต มีสรรพคุณช่วยบำรุงชี่ของไต เสริมอิน ทำให้ปอดชุ่มชื้น
[2] เถี่ยผีสือหู 铁皮石斛 หมายถึง ยาสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ภาษาแต้จิ๋วเรียกว่า ‘คังฮก’ คือก้านของพืชวงศ์กล้วยไม้สกุลหวาย ช่วยบำรุงปอด บำรุงไต ขับร้อน ทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำ ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและเสริมสร้างฮอร์โมนได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้