ไทเฮามองหลินชิงเวย สีหน้าของหลินชิงเวยเปลี่ยนไปทันที ไทเฮากลับแย้มริมฝีปากแดงสดออกเป็รอยยิ้ม“เป็สายเืของคนชั้นต่ำจริงๆ นางกล้าออกมาจากตำหนักเย็นด้วยตนเองก็ให้โบยจนตาย”
“เพคะ” นางกำนัลออกไปหาไม้กระบองสำหรับลงโทษโบยทันที ทั้งยังกดซินหรูไว้บนพื้นเตรียมจะลงทัณฑ์
หลินชิงเวยเริ่มดิ้นรนต่อสู้สุดฤทธิ์สายตานั้นนิ่งลึก “หม่อมฉันขอเตือนไทเฮาให้ไตร่ตรองดูให้ดีก่อนตัดสินใจทำจะดีกว่านะเพคะ!”
“คนชั้นต่ำคนหนึ่ง จ้าวกุ้ยเหรินแตะต้องไม่ได้หรือเปิ่นกงเองก็ยังแตะต้องไม่ได้เช่นกัน?” ไทเฮาแค่นหัวเราะเสียงเย็น ค่อยๆโน้มกายลงมาแตะปลายคางหลินชิงเวย “หรือเ้าคิดจะผลักเปิ่นกงลงไปในสระน้ำ? หลินซื่อด้วยเ้าเป็บุตรสาวคนโตของสกุลหลิน เปิ่นกงจึงจำต้องอดทนอดกลั้นต่อเ้าครั้งแล้วครั้งเล่าทว่าตำหนักในแห่งนี้มิใช่เรือนหลังบ้านของครอบครัวเ้าที่เ้าคิดจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้นได้! ยังโง่งมอะไรกันอยู่อีก ลงทัณฑ์เดี๋ยวนี้ โบยนางจนตาย!”ไทเฮาจับปลายคางของหลินชิงเวยให้หันมามองซินหรูที่ถูกลงทัณฑ์ได้อย่างเต็มตา
หลินชิงเวยเม้มริมฝีปากกัดฟันแน่น แววตาค่อยๆ ปรากฏความโกรธขึ้ง
เห็นกับตาว่านางกำนัลนางนั้นเงื้อไม้กระบองนั้นขึ้นสูงเตรียมจะตีลงบนร่างกายของซินหรู ร่างกายของซินหรูอ่อนแอเช่นนั้นจะทนรับได้สักกี่ไม้กัน?
เสียงฟู่ๆ ดังขึ้นสองครั้งปลายลิ้นสีแดงก็แล่บออกมาจากข้อมือขาวราวกับหิมะของหลินชิงเวยราวกับมันรับรู้ได้ถึงความโกรธของเ้าของแม้กระทั่งเสียงที่ส่งออกมาก็กลายเป็เสียงของการเตรียมจู่โจม
ชิงหลันกำลังรอจังหวะจู่โจมอยู่ในแขนเสื้อของหลินชิงเวย
ไทเฮาอยู่ใกล้หลินชิงเวยเกินไปชิงหลันคิดจะโจมตีนางถือเป็เื่ง่ายดายเหลือเกิน
รอเพียงไม้กระบองนั่นแตะลงไปบนร่างของซินหรู รอเพียงคำสั่งจู่โจมจากหลินชิงเวย
้าใช้ไม้แข็งใช่หรือไม่เช่นนั้นค่ำคืนนี้ใครก็อย่าหมายจะเอาตัวรอดไปได้!
ขณะที่ไม้กระบองนั้นกำลังจะตีลงมาบนร่างของซินหรูพลันมีเสียงร้องเรียกจากข้างนอก “ไทเฮา..ไทเฮา...”
สติสัมปชัญญะของหลินชิงเวยพลันผ่อนคลายลงชิงหลันจึงถอยกลับไปอย่างไร้ซุ่มเสียง
คิ้วของไทเฮากระตุกเล็กน้อยนางหันกายกลับไปมองเห็นขันทีผู้หนึ่งวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามาก็ว่าได้เหงื่อโทรมท่วมตัวเขาวิ่งเข้ามาคุกเข่าลงเบื้องหน้า ทางหนึ่งปาดเหงื่อ อีกทางหนึ่งพูดขึ้นว่า “ไทเฮาเหนียงเหนียงฝ่าาทรงฟื้นแล้ว ฝ่าาทรงฟื้นแล้วพะยะค่ะ...”
ไทเฮาตรัสเสียงเย็น “ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วเ้าก็กำเริบเสิบสานส่งเสียงดังโวยวายได้ใช่หรือไม่?”นางถอนสายตากลับมา “รอให้เปิ่นกงจัดการกับเื่ที่นี่ให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วค่อยไปเยี่ยมฮ่องเต้ เ้าถอยออกไปก่อน”
“นี่...” ท่าทีของขันทีลำบากใจอย่างมาก“แต่เวลานี้เซ่อเจิ้งอ๋องรออยู่ที่ตำหนักของฝ่าาเชิญไทเฮาเสด็จไปที่นั่นพะยะค่ะ...”
สีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ความเ็าค่อยๆ เลือนหายไปสุดท้ายจึงสงบนิ่งดังเดิม“ช่างเถิด ในเมื่อเซ่อเจิ้งอ๋องเชิญ เปิ่นกงไปทางนั้นก่อน เด็กๆนำตัวหลินซื่อและคนต่ำช้านั่นไปขังที่ตำหนักเชียนเหอ!”
สุดท้ายหลินชิงเวยถูกหมัวมัวลากตัวไปซินหรูจึงนับได้ว่าเก็บชีวิตกลับมาอีกครั้ง คนทั้งสอง คนหนึ่งถูกลากตัวไปอยู่ข้างหน้าอีกคนหนึ่งถูกลากตัวไปข้างหลัง
หลินชิงเวยแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจเซ่อเจิ้งอ๋องผู้นี้ช่างมาได้เวลาประจวบเหมาะยิ่งนัก ไม่ช้าและไม่สายคิดดูแล้วน่าจะปรารถนาให้นางได้ลิ้มรสของความทุกข์ทรมาน
นางสูดปากอย่างห้ามไม่อยู่เพื่ออดทนอดกลั้นกับความเ็ปยังมีไทเฮานางนั้น พระโอรสฟื้นแล้วกลับไม่ไปดูพระโอรสทันทีกลับ้าจะปลิดชีวิตซินหรูก่อน คำพูดเพียงประโยคเดียวของเซ่อเจิ้งอ๋องทำให้นางเปลี่ยนความคิดได้นางใส่ใจบุตรชายของตนหรือใส่ใจเซ่อเจิ้งอ๋องกันแน่?
ก่อนจากไปไทเฮามองหมัวมัวทั้งสองเพื่อส่งสัญญาณทางสายตาให้พวกนาง
สุดท้ายหลินชิงเวยและซินหรูถูกนำตัวไปขังไว้ในเรือนหลังเล็กที่มืดสนิทหลังหนึ่งในตำหนักเชียนเหอ
ราตรีนี้มืดสนิท ภายในบ้านหลังเล็กนั้นมืดยิ่งกว่าหลินชิงเวยโอบซินหรูนั่งอยู่ด้วยกันทำให้สภาพจิตใจของนางสงบลงบ้าง
ซินหรูขดตัวเป็ก้อนกลมๆ อยู่ในอ้อมกอดของหลินชิงเวยร่างของนางสั่นสะท้าน แม้กระทั่งจะพูดจาก็ยังติดขัด “พี่ พี่สาว...พวกเราพวกเรากำลังจะตายแล้วใช่หรือไม่...”