ไป๋เจินจูได้วิทยุไปจำนวน 100 เครื่องทำกำไรได้ 600 หยวน
เฉินซีเหลียงคนเดียวได้วิทยุ 230 เครื่อง ได้กำไรมากที่สุดคือ 13800 หยวนเต็มๆ
ศิษย์พี่หลี่ก็พึงพอใจเช่นกัน ลงขัน 900 หยวนชั่วพริบตาได้กำไรถึง 600 หยวนมีเพียงศิษย์พี่ว่านที่คิดไม่ตก สุดท้ายไม่ได้ขายวิทยุให้แก่สหายของเฉินซีเหลียงเขาอยากขายปลีกด้วยตนเอง! วิทยุเพียง 10 เครื่อง ไม่ได้รับซื้อก็คือไม่เป็อะไร สหายของเฉินซีเหลียงไม่ได้รู้สึกอารมณ์เสียแต่อย่างใดทั้งสามคนจึงแบ่งวิทยุจำนวน 490 เครื่องที่เหลืออยู่ตามจำนวนที่แต่ละคน้า
ชำระบัญชีค่าสินค้าเสร็จ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
เฉินซีเหลียงทำกำไรได้หนึ่งหมื่นกว่าหยวนไปอย่างงุนงงแววตาที่มองเซี่ยเสี่ยวหลานแสดงออกว่าได้ยกย่องเธอเป็เทพแห่งโชคลาภแล้ว
“คุณผู้หญิงเซี่ย คราวหน้ามีเื่ดีๆ แบบนี้ต้องตามฉันอีกนะ!”
แม้ตระหนกอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน ทว่ากำไรนี้ช่างน่าใยิ่งนักเฉินซีเหลียงยังอยากได้อีกสักครั้งอย่างเห็นได้ชัด
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเข้าใจดีว่าเมื่อไรควรหยุด ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็โชคชะตาอะไรจริงๆแต่เงินที่ทำเอาหวั่นเกรงก็ได้มาเพียงพอแล้ว ตอนนี้เธอมีต้นทุนสำหรับร่วมหุ้นกับไป๋เจินจูเพื่อทำอย่างอื่นแล้ว
“ใช่แล้ว พี่เขยคุณมาเมื่อตอนเช้า บอกว่าหากคุณกลับมาก็รีบไปหาเขาเสีย”
เฉินซีเหลียงสีหน้าเปลี่ยน ไม่ทันอวดโอ้ก็รีบร้อนจากไป
พอเหลือแค่พวกเซี่ยเสี่ยวหลานสี่คนแล้ว เธอถึงกล่าวกับศิษย์พี่ทั้งสอง
“ฉันจะนั่งรถเที่ยวไวที่สุดกลับซางตู รบกวนทั้งสองส่งฉันไปสถานีรถด้วยเถอะ”
ศิษย์พี่ว่านยังถือวิทยุสิบเครื่องอยู่ในมือ จึงต้องกลับบ้านไปก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจรอทั้งสองคนที่บ้านไป๋เจินจูไป๋เจินจูไม่ได้พูดถึงเื่ของศิษย์พี่สองคนเหมือนกันเวลาของเซี่ยเสี่ยวหลานล้ำค่านัก สิ่งที่ไป๋เจินจู้าสนทนาคือธุรกิจที่พวกเธอจะร่วมลงทุนกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ปิดบัง “ฉันอยากเปิดร้านขายวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งภายในสักแห่งส่วนรายละเอียดเฉพาะต้องรอหลังเดือนกรกฎาคมน่ะ”
ถ้าหลิวหย่งจะทำโครงการตกแต่งภายใน เขาควรไปซื้อวัสดุตกแต่งภายในจากที่ไหน?
การเลือกกระเบื้องที่สมใจอยากไม่ใช่เื่ง่ายดวงไฟตกแต่งก็ยากเย็นไม่แพ้กัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเลือกเครื่องใช้ที่เหมาะสม การตกแต่งภายประกอบด้วยอุปกรณ์ติดตั้งและอุปกรณ์ตกแต่งอุปกรณ์ติดตั้งไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น ไม้ปูพื้น ฝ้าเพดาน ผนังประตูหน้าต่าง ส่วนอุปกรณ์ตกแต่งก็เกี่ยวกับเครื่องเรือน ภาพประดับเครื่องกระเบื้อง ม่านมู่ลี่ โคมไฟ และไม้ดอกไม้ประดับ
จากการตกแต่ง ‘หลานเฟิ่งหวง’ คราวก่อน เซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้เข้าใจในความยากลำบากของการหาซื้อวัสดุสำหรับทำงานตกแต่งภายใน
หากเธอสามารถเปิดร้านแบบนี้สักแห่งมิใช่ว่าสามารถสร้างห่วงโซ่ธุรกิจกับกิจการที่หลิวหย่งกำลังจะทำได้หรอกหรือแม้โครงการตกแต่งภายในของหลิวหย่งจะไม่จำเป็ต้องใช้วัสดุมากมายขนาดนี้แต่ที่นี่คือเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิง อีกหลายปีในอนาคตก็ต้องพัฒนาด้วยความเร็วสูงพื้นที่ที่มีกิจการต่างชาติจำนวนมากเช่นนี้ เผิงเฉิงจะได้รับอิทธิพลจากต่างชาติเป็อันดับแรกอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์แห่งแรกในประเทศก็สร้างเรียบร้อยแล้วผู้คนจะได้รู้จักการตกแต่งภายในภายในอีกไม่ถึงสองปี
ณ ปัจจุบัน ธุรกิจนี้ทำเงินได้ไม่รวดเร็วเท่าธุรกิจเสื้อผ้าอยู่แล้วทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคาดหวังกับอนาคตมากกว่าอย่างไรเสียเงินสองหมื่นหยวนของเธอก็นอนนิ่งเฉยๆ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สนใจดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่มีจำนวนแค่นั้นสู้นำออกมาทำอย่างอื่นไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานคุยกับไป๋เจินจูแล้ว อาจทำกำไรได้ไม่เท่าไรชั่วระยะหนึ่งถ้าเธอจะร่วมลงทุน ก็ต้องครุ่นคิดให้แน่ใจ
“ฉันวางแผนว่าตอนเดือนกรกฎาคมจะลงทุนอย่างน้อย 5 หมื่นหยวน ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำ หากจะทำก็ต้องกลายเป็ร้านวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งภายในที่ใหญ่ที่สุดในเผิงเฉิงฉันถูกใจตึกหลังนั้นที่ตลาดสะพานเหรินหมินเข้าแล้ว หากมีเงินไม่ถึงแสนกว่าหยวนพวกเราก็ทำหน้าร้านใหญ่โตไม่ได้ ฉันยังเตรียมดึงคังเหว่ยคนที่พี่พบคราวก่อนมาร่วมลงทุนด้วยอีกด้วย”
ทุกคนต้องลงทุน 5 หมื่นหยวนต้องมีหนึ่งแสนกว่าหยวนถึงจะค้ำจุนธุรกิจไว้ได้
หากวันนี้ไป๋เจินจูไม่ได้ลาภลอยก้อนโต ทรัพย์สินทั้งหมดของเธอก็คงยังไม่ครบหนึ่งหมื่นหยวนด้วยซ้ำกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคม เธอสามารถหาเงินสำหรับลงทุน 5 หมื่นได้หรือ? ถ้าธุรกิจของเธอราบรื่นเช่นนี้ไปตลอดไป๋เจินจูก็คิดว่าหาได้
แต่พอหาเงินได้หลายหมื่นหยวน ขอบเขตธุรกิจที่เธอสามารถเลือกทำได้ย่อมกว้างขวางมากขึ้น
ไม่จำเป็ต้องขายกางเกงตะวันตก ดั่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าว เธอสามารถขยับขยายจากผู้ค้าปลีกเป็ผู้ค้าส่งได้
มีเงินหลายหมื่นหยวนจะเปลี่ยนจากจำหน่ายเสื้อผ้าเป็สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ย่อมได้
ทำไมต้องนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่อาจทำกำไรไม่ได้ในระยะสั้นเล่า?
หากยึดเหตุผลแล้ว ไป๋เจินจูควรปฏิเสธทันทีแต่เธอคิดเสมอว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางทำเื่ที่ขาดทุนไป๋เจินจูไม่ได้บอกว่าจะร่วมหุ้นหรือไม่ ทว่ากลับถามคำถามซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันแทน
“ทำไมต้องหลังเดือนกรกฎาคมล่ะ ถ้าพวกเราเก็บเงินทุนครบล่วงหน้าเริ่มเร็วกว่าแผนไม่ได้หรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายศีรษะ “ไม่ได้เพราะเดือนกรกฎาคมฉันจะสอบเกาเข่า”
จะอะไรนะ?
ไป๋เจินจูรู้สึกราวกับตัวเองฟังอะไรไม่ชัดเจนไปชั่วขณะ
“จะร่วมการสอบเกาเข่าส่วนกลางทั่วประเทศน่ะ”
รู้จักกับเซี่ยเสี่ยวหลานมาหลายเดือน ทว่าไป๋เจินจูไม่เคยรู้เลยว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยังเป็เพียงนักเรียนเท่านั้น!
เซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนนักเรียนตรงไหน?
กล้าหาญใจเด็ด ทำธุรกิจกำไรเป็กอบเป็กำ อยู่ต่อหน้าผู้นำอันธพาลอย่างเคออีสฺยงผู้นั้นยังพูดจาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้อายุน้อยก็มีความสามารถเช่นนี้มีความเป็ไปได้เพียงเซี่ยเสี่ยวหลานต้องสั่งสมประสบการณ์ในสังคมไว้มาก...เมื่อบอกไป๋เจินจูว่าตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังเป็แค่นักเรียนเตรียมเข้าสอบไป๋เจินจูอ้าปากค้าง และพูดไม่ออกอยู่นาน
โอ้ ที่แท้ระหว่างคนเรานั้นไม่เหมือนกันจริงๆ
สหายไป๋เจินจูผู้ภายนอกหยาบกระด้างและภายในยิ่งหยาบกระด้างกว่าไม่มีสิ่งใดให้เอื้อนเอ่ยเป็ครั้งแรก!
หลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าตนเองเป็นักเรียนเตรียมสอบสายตาที่ไป๋เจินจูมองเธอก็เหมือนกำลังมองแพนด้าเป็ๆ ตัวหนึ่ง
หน้าที่ที่เธอมอบหมายแก่สหายไป๋เจินจูคือ ก่อนเดือนมิถุนายนไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเช่าอาคารที่ตลาดสะพานเหรินหมินหลังนั้นมาให้ได้
“พี่ไป๋ แม้พี่จะไม่ร่วมลงทุน แต่ก็ช่วยฉันหน่อยนะ”
ไป๋เจินจูตกลง “ถ้ามีค้าขายแบบวันนี้อีกเธอจะทำหรือไม่?”
เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า “ฉันรู้สึกว่าจิตใจไม่สงบอยู่เรื่อยเงินประเภทนี้ได้ครั้งเดียวก็พอ โอกาสหาเงินมีถมเถไป พวกเราไม่ต้องรีบร้อนขนาดนี้พี่ไป๋ลองคิดให้ถี่ถ้วนดูสิ เงินที่พวกเราหาได้ในตอนนี้ทำให้ชีวิตสุขสมไม่น้อยแล้วไม่ใช่หรือ?”
ไป๋เจินจูเหม่อลอย
ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเธอไม่ไปเผิงเฉิง ก็คงตั้งร้านผลไม้ที่มีสภาพร่อแร่และกำลังพิจารณาจะเปลี่ยนธุรกิจไปทำอาชีพคนขายเนื้อสัตว์แล้ว
หนึ่งวันเชือดหมูสองตัว หนึ่งเดือนได้เงินมากที่สุดราวพันหยวน
รายได้ต่อเดือนจากการค้าขายเสื้อผ้าราคาย่อมเยาของเธอในทุกวันนี้มากกว่าการเป็คนขายเนื้อหลายเท่าตัวด้วยความเร็วในการหาเงินเช่นนี้ของเธอ ทำให้เธอสามารถเลี้ยงดูคุณย่าที่บ้านได้อย่างไร้กังวลรวมถึงการสะสมเงินสำหรับสู่ขอภรรยาให้พี่ชายก็ยิ่งไม่มีปัญหาเพราะอย่างนั้นเธอจะเสี่ยงอันตรายร้ายแรงไปทำไม! หาเงินจนเสพติดจริงๆเกือบหลงเข้าสู่เส้นทางอันมิชอบไปเสียแล้ว
พอนายว่านและนายหลี่ทั้งสองส่งเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นรถเธอมอบอั่งเปาซองใหญ่ให้ทั้งสองเหมือนเดิม
“ติดตามคุณผู้หญิงเซี่ยไม่มีทางเสียเปรียบ”
ศิษย์พี่ว่านพูดไม่ออก เขาคะนึงถึงวิทยุที่ตนเองเก็บไว้ในบ้านอยู่
ควรขายราคาเท่าไรต่อหนึ่งเครื่อง 200 หยวนหรือควรจะแพงกว่านั้น?
เมื่อมีกำไรของวิทยุ อั่งเปา 300 หยวนที่เซี่ยเสี่ยวหลานมอบให้ก็ไม่เท่าไรแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานรับวิทยุ 150 เครื่องเปลี่ยนมือก็ทำกำไร 9000 หยวน ศิษย์พี่ว่านคิดเพียงว่าวิทยุ 10 เครื่องที่เขาซื้อได้นั้นเป็อานิสงส์จากศิษย์น้องไป๋มากกว่าเื่ขายวิทยุก็เป็ไป๋เจินจูที่ทราบข่าวคราวก่อน... เขาช่างไม่คิดบ้างเลยว่าต่อให้ไป๋เจินจูได้รับข่าวมาหากไม่มีเซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจด่วนตามตัวเฉินซีเหลียงให้ร่วมหุ้นทันทีไป๋เจินจูก็คงควักเงินค่าวิทยุ 500 เครื่องไม่ไหวและทำได้แค่เบิกตามองโอกาสหาเงินนั้นหลุดลอยไป!
เซี่ยเสี่ยวหลานผู้มั่งคั่งไม่เคยตระหนี่ ยังห่างชั้นจากเถ้าแก่ใหญ่แท้ๆทว่ายังคงมอบอั่งเปา 200 หยวนให้สองซองอยู่ดีทั้งสองใกล้กลายเป็ลูกจ้างรายวันแล้ว เดินทางติดตามเซี่ยเสี่ยวหลานสองวันไม่ได้ประสบภัยอันตรายถึงชีวิตอะไรด้วย ศิษย์พี่หลี่คำนวณว่าวิทยุได้กำไร 600 หยวน รวมกับอั่งเปาที่เซี่ยเสี่ยวหลานให้ั้แ่ต้นจนจบสัปดาห์นี้เขามีรายได้ถึง 900 หยวนเลยทีเดียว
ศิษย์พี่หลี่ส่ายหน้าอยู่ในใจ มนุษย์ต่างมีปณิธานทุกคนเรียนรู้วิชาต่อสู้ด้วยกันจนสนิทสนมดุจพี่น้องต่อมาสำนักไม่มีหนทางเลี้ยงชีพตนแล้วแยกย้ายกันไปยาวนานขนาดนี้ย่อมเกิดความเปลี่ยนแปลง
เขามองว่าศิษย์พี่ว่านทะนงตนไม่เบาไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงเซี่ยมีพื้นเพอย่างไร แต่ศิษย์น้องไป๋ก็ยึดถือคุณผู้หญิงเซี่ยเป็หลักอยู่ดีศิษย์น้องไป๋เรียกพวกเขาสองคนมาช่วยได้ ทว่าในวันวานสำนักตระกูลไป๋มีศิษย์พี่น้องตั้งมากมายยังจำเป็ต้องร้องขอศิษย์พี่ว่านอีกหรือ?
คนที่รู้จักสถานะของตนไม่แจ่มแจ้ง อยู่กับใครก็ไม่ยั่งยืนทั้งนั้น!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้