มิรู้เพราะเหตุใด เหนียนยวี่มักจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งค้างคาอยู่ในใจ ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เหนียนยวี่จึงตัดสินอะไรบางอย่าง...
ชิวตี๋ปรนนิบัติรับใช้จัดเก็บของของเหนียนยวี่ และไปห้องครัวเพื่อยกสำรับเช้ามาให้ ทว่ายามที่กลับมา กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเหนียนยวี่แล้ว
เหนียนยวี่ในยามนี้ ก้าวเดินไปยังคอกม้าและนำม้าออกจากจวนองค์หญิงใหญ่ มุ่งหน้าไปยังทางทิศเหนือของเมือง
ณ สุสานโกลาหล แม้นเป็เวลากลางวัน ทว่ายังคงฉายชัดถึงความหนาวเหน็บของสภาพมืดมนและน่าหวาดกลัวของกระดูกสีขาวและร่างไร้ิญญาเ่าั้ หากเป็สตรีธรรมดาเห็นสิ่งนี้ คงจะขลาดกลัวมากเสียจนอกสั่นขวัญหาย ทว่าในชาติก่อน เหนียนยวี่เคยเห็นการฆ่าฟันมามากมาย ร่างไร้ิญญาที่กองเป็ูเา หยาดเืที่ไหลรินเป็สายน้ำ นางเคยประสบมาหมดแล้ว สุสานโกลาหลแห่งนี้สำหรับนางแล้วไม่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย
เหนียนยวี่มองหาบางอย่างในสุสานโกลาหล ทันใดนั้นสายตาของนางพลันมองตกไปยังที่แห่งหนึ่ง เหนียนยวี่ก้าวไปข้างหน้า แม้จะระบุชัดถึงร่างไร้ิญญาในห่อฟางนั้นไม่ได้ ทว่าเหนียนยวี่กลับยังคงรับรู้ได้
อนุตู้!
อนุตู้ในยามนี้ดวงตาทั้งสองข้างของนางเบิกกว้าง ความไม่อยากจะเชื่อและไม่เต็มใจในแววตาคู่นั้นอยู่ในสายตาของเหนียนยวี่ ยามที่สายตาจับจ้องบนแผ่นหลังของอนุตู้ เหนียนยวี่พลันขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
บนแผ่นหลังทิ้งร่องรอยคมมีดอย่างชัดเจน มีดแทงเข้าไปและดึงออกมาอย่างรวดเร็ว จนเสื่อฟางด้านหลังอาบย้อมสีเื...
คนฉลาดเช่นเหนียนยวี่ เพียงพริบตาเดียวก็เข้าใจได้ทันที ยามที่อนุตู้ถูกนำตัวออกมาจากจวนอัครเสนาบดี นางยังไม่ตาย
สุดท้าย อัครเสนาบดีเซี่ยก็ไว้ชีวิตนางอย่างนั้นหรือ?
ครั้นนึกถึงถ้อยคำขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอเมื่อคืนนี้ นางกล่าวว่าระหว่างตำแหน่งอัครเสนาบดีกับอนุภรรยาคนหนึ่ง เขาต้องเลือกที่จะรักษาตำแหน่งอัครเสนาบดีอย่างแน่นอน น้ำเสียงนั้นฟังดูมั่นใจอย่างมาก ทว่าเหตุใด...อัครเสนาบดีเซี่ยยังคงมีความสงสารอีกเล่า?
และกลอุบายของเขาคือ การปิดฟ้าข้ามทะเล[1]!
ทว่าอนุตู้กลับเสียชีวิต นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ผู้ใดสังหารอนุตู้?
เหนียนยวี่รู้ว่า ผู้ที่สังหารอนุตู้ไม่ใช่อัครเสนาบดีเซี่ยอย่างแน่นอน
เป็องค์หญิงใหญ่ชิงเหอหรือ?
การคาดเดานี้ผุดขึ้นในหัวนาง ทว่าเหนียนยวี่รีบปฏิเสธความคิดเช่นนั้นออกไปทันที หากองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ้าฆ่าอนุตู้ นางคงไม่ส่งให้อัครเสนาบดีเซี่ยเป็คนจัดการแน่ เช่นนั้นผู้ใดเป็คนสังหารอนุตู้?
ทันใดนั้น เหนียนยวี่เริ่มรู้สึกว่าเื่นี้ดูจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่ากลับดูน่าสนใจตามไปด้วย
ชีวิตของอนุภรรยาจวนอัครเสนาบดีที่ร่อนเร่ตกอับมาถึงตรงนี้ ยังกีดขวางสายตาของผู้ใดอีก?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว มองไปรอบๆ สายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างที่มีสีขาวบนพื้น ั์ตาของเหนียนยวี่พลันเคร่งขรึม รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเืขึ้นมาทันที เดิมทีผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเป็สีขาวราวหิมะ เป็เพียงผ้าธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ทว่าเหนียนยวี่มองสำรวจคราบเืบนผ้าผืนนั้น ในใจพลันมั่นใจขึ้นมาทันที
คนที่สังหารอนุตู้เป็คนที่ทิ้งผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไว้!
เหนียนยวี่เหลือบมองไปที่ร่างไร้ิญญาของอนุตู้ ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น เก็บไว้ใต้อกเสื้อ จากนั้นก้าวเดินออกไปจากสุสานโกลาหล
ภายในสุสานโกลาหล ความสงบกลับคืนมาอีกครั้ง ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เหนียนยวี่ขี่ม้ามุ่งหน้ากลับไปที่จวนองค์หญิงใหญ่อย่างไม่รีบร้อนไม่เฉื่อยช้า ความแปลกประหลาดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของอนุตู้ยังคงติดอยู่ในหัว ทว่านางกลับนึกไม่ถึงเลยว่า ไม่ไกลจากตรงนั้นจะมีสายตาของบุรุษในชุดสีครามบนหลังม้ากำลังจ้องมองมาที่นาง คราแรกแววตาของเขาเป็ประกายเปี่ยมไปด้วยความสุข ทันใดนั้น ความชั่วร้ายในดวงตาพลันวาววับ ประหนึ่งงูที่กำลังแลบลิ้น
เมื่อคืนนี้ หนานกงฉี่ไปนอนพักที่ร้านข้าวสาร ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง เมื่อเช้านี้เขาเตรียมจะกลับไปที่จวนหนานกงพอดี ทว่าไม่คิดเลยว่าตนเองจะได้บังเอิญพบกับเหนียนยวี่บนถนนในยามเช้าตรู่นี้เช่นนี้
นาง...เป็อย่างที่คิด นางยังไม่ตาย!
ครั้นนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในจวนหนานกง เพราะสถานการณ์ที่น่าอับอายของเหนียนอีหลาน หนานกงฉี่จ้องมองสตรีบนหลังม้า ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
นางขมวดคิ้ว ใบหน้าครุ่นคิด คิดอะไรอยู่กันแน่นะ?
หลังจากที่เฝ้าสังเกตนางมานานถึงเพียงนี้ ทว่านางยังไม่สังเกตเห็นเขาอีกหรือ?
มุมปากของหนานกงฉี่ค่อยๆ ยกยิ้ม เข็มเงินในมือพุ่งออกไป เข็มเงินเล่มนั้นทะลวงผ่านอากาศ ปักลงบนหลังม้าใต้ร่างของเหนียนยวี่
ทันใดนั้นเสียงครวญคร่ำของม้าพลันดังขึ้น กีบเท้าหน้ายกสูง ร่างกายของเหนียนยวี่อึ้งงัน รีบถอนความคิดของตัวเองอย่างรวดเร็ว จับบังเหียนแน่นโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเหนียนยวี่ะโตัวขึ้น จ้องมองบนตัวม้าและะโลงมาด้านข้าง ลงพื้นอย่างมั่นคง ทว่าม้าตัวนั้นใจนวิ่งห้อหนีไปอย่างรวดเร็ว
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว แม้บนถนนในยามเช้าตรู่ผู้คนจะน้อยนิด ทว่าหากในกรณีที่ม้าใกลัวจนทำให้ผู้สัญจรบนถนนได้รับาเ็เข้า...
เหนียนยวี่ไม่คิดทบทวนใดๆ นางหยิบกริชที่ติดอยู่บนน่องออกมา และเล็งไปยังม้าที่กำลังวิ่ง
ชาติก่อน ม้าศึกเป็สหายร่วมรบสนิทสนมของนาง ทว่าม้าศึกของศัตรูกลับเป็ศัตรูที่ไม่ควรมองข้าม นางรู้ดีที่สุดว่าควรทำอย่างไรให้ม้าล้ม
กริชออกจากมือของเหนียนยวี่ ในเวลาเพียงครู่เดียว ม้าที่เดิมทียังวิ่งอยู่พลันหยุดนิ่งและล้มลงกับพื้น
เหนียนยวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางหันหลังกลับไป ทว่านางพลันเหลือบเห็นบุรุษที่นั่งอยู่บนหลังม้าพันธุ์งามไม่ไกลออกไปนัก ใบหน้าในยามนี้ของเขากำลังมองนางด้วยสีหน้าที่ดูเหลือเชื่อ
หนานกงฉี่?
เหตุใดเขาจึงอยู่ที่นี่?
เมื่อครู่นี้ที่ม้าของนางใ...
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว โทสะวาววาบขึ้นในดวงตา
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของหนานกงฉี่ไม่หยุด เขาคิดว่าเมื่อม้าใ เหนียนยวี่จะทำให้ม้าที่ใตัวนั้นเชื่อง เช่นนั้นเขาก็จะได้เห็นงิ้วดีๆ และถือโอกาสสำรวจขีดจำกัดของเหนียนยวี่ หรือไม่หากเหนียนยวี่ตกจากหลังม้า เขาจะรีบเข้าไปช่วยนางจากอันตราย เช่นนั้นก็จะมีโอกาสได้เข้าใกล้นางด้วย
แต่เขาไม่นึกเลยว่า เหนียนยวี่จะเลือกลงจากหลังม้าและฆ่ามัน
การกระทำที่นางเพิ่งทำสำเร็จภายในครั้งเดียว แม้แต่เขายังอดประหลาดใจไม่ได้ เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ สตรีผู้นี้ไม่จัดการตามที่คนส่วนใหญ่ทำ ทั้งฝีมือนั่นก็เช่นกัน...
หนานกงฉี่รู้ว่า เหนียนยวี่ผู้นี้ใช้ชีวิตสิบห้าปีในจวนเหนียนอย่างไร ทว่าทักษะการขี่ม้าของนาง รวมไปถึงฝีมือเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่ามิอาจเทียบเคียงกับคนทั่วไปได้อย่างแน่นอน
“คุณชายรองหนานกงอยากลงมือให้เหนียนยวี่ตาย กลับกันมิจำเป็ต้องอ้อมค้อมเช่นนี้” เหนียนยวี่ก้าวไปข้างหน้า เอ่ยปากอย่างเ็า หลังจากเื่ที่เกิดขึ้นในจวนเหนียนวันนั้น หนานกงเยวี่ยและฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหนานกง ควรจะรู้แล้วว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่ที่เหนียนอีหลานถูกลงโทษ ในเมื่อพวกนางรู้แล้ว คุณชายรองหนานกงผู้นี้เองก็คงรู้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นยามนี้ การอยู่ต่อหน้าหนานกงฉี่ผู้นี้ นางไม่จำเป็ต้องเสแสร้งอีกต่อไป
ทันใดนั้นหนานกงฉี่พลันรู้สึกตัว เขาลงจากม้าและคำนับเหนียนยวี่ “คุณหนูยวี่ปรักปรำข้าเสียแล้ว”
“ปรักปรำ? ม้าตัวนั้นมิใช่คุณชายรองแกล้งทำให้ใหรอกหรือ?” เหนียนยวี่หัวเราะ สบสายตากับดวงตาเฉียบแหลมคู่นั้น นางรู้ว่าคุณชายรองหนานกงที่ดูสง่างามราวบัณฑิตตรงหน้าผู้นี้ ยามโเี้ขึ้นมานั้นโหดร้ายได้ยิ่งกว่าผู้ใด
คำว่า ‘งูพิษ’ สองคำนี้ เหมาะกับการพรรณนาถึงตัวตนเขาเป็อย่างยิ่ง!
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเหนียนยวี่ หนานกงฉี่ไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว มันเป็ความเข้าใจผิดล้วนๆ เมื่อครู่นี้ ข้าเพียงแค่อยากทักทายคุณหนูยวี่เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้ม้าใ ฮ่าๆ เป็หนานกงฉี่ทำไม่ถูกอย่างแท้จริง เอาแบบนี้แล้วกัน ม้าของคุณหนูยวี่ตายไปแล้ว ไม่สู้มาใช้ม้าของข้าจะดีกว่า ข้าจะไปส่งคุณหนูยวี่ยังสถานที่ที่คุณหนูยวี่้าจะไป เอาเป็ว่าถือเป็การไถ่โทษให้คุณหนูยวี่”
เขาจะไปส่งนาง?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ทว่ากลับเห็นแค่หนานกงฉี่พลิกตัวขึ้นหลังม้า จ้องมองเหนียนยวี่จากที่สูง ใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม ประดับเบ่งบานไปด้วยรอยยิ้มอันสดใส ยื่นมือออกไปให้เหนียนยวี่ หว่างคิ้วยากที่จะซ่อนความอิ่มอกอิ่มใจ “คุณหนูยวี่ เชิญขึ้นมาเถิด!”
เชิญ?
เหนียนยวี่เหลือบมองหนานกงฉี่ ท่าทางเช่นนี้ของเขาคือตั้งใจจะให้นางนั่งไปกับเขาเช่นนั้นหรือ?
[1] การปิดฟ้าข้ามทะเล (瞒天过海) คือ กลยุทธ์ที่ทำให้ศัตรูคลายความระมัดระวัง แล้วคอยจนกระทั่งได้จังหวะที่เหมาะสมจึงรุกเข้าโจมตี หรือลงมือตามแผนการที่วางไว้