ทันทีที่สือเจียงหย่วนพูดจบ คังอิงก็นั่งตัวตรง ยืดอกตั้ง ดวงตาเปล่งประกาย จ้องมองสือเจียงหย่วน ท่าทางที่อยากจะเสนอตัวนั้นเด่นชัดอยู่ตรงหน้า ซึ่งดูมีชีวิตชีวามาก
สือเจียงหย่วนรู้สึกคอแห้งผาก จนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ เขายิ้มแล้วพูดว่า “คุณคงไม่คิดจะอาสาเป็ผู้จัดการมืออาชีพให้ผมหรอกนะ?”
คังอิงเพียงแค่รอให้เขาพูดประโยคนี้เท่านั้น เธอรีบพยักหน้าอย่างแรง พลางบอกว่า
“ใช่ค่ะ ฉันคิดแบบนั้นแหละ ถ้าเลือกฉันเป็ผู้จัดการมืออาชีพ คุณจะต้องไม่เสียใจอย่างแน่นอน ฉันรับรองว่าจะทำให้ผลตอบแทนที่คุณลงทุนไปนั้น งอกเงยขึ้นอย่างมหาศาล”
สือเจียงหย่วนได้รับอิทธิพลจากผู้หญิงที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจคนนี้ เขาเป็ลูกหลานตระกูลชนชั้นสูง จึงให้ความสำคัญกับการตอบแทนบุญคุณที่คังอิงช่วยชีวิตและดูแลเขาอย่างดีเพราะหากคืนไม่ได้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตจนได้เห็นดวงอาทิตย์วันนี้หรือไม่
แค่ช่วยคังอิงหาบ้านยังไม่เพียงพอที่จะตอบแทนบุญคุณที่เธอช่วยชีวิตไว้
นับั้แ่วันที่สือเจียงหย่วนได้ยินข้อเท็จจริงเื่การหย่าร้างของคังอิง เขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ยากเพียงใด เธอกลับเป็คนมองโลกในแง่ดี รู้จักเปิดใจกว้าง และไม่ยอมแพ้ สือเจียงหย่วนจึงอยากจะช่วยเหลือเธอ…
ดังนั้นสือเจียงหย่วนจึงเอ่ยขึ้นว่า “เอาสิ ขอแค่คุณศึกษาโครงการลงทุนให้ดี แล้วลองตั้งบริษัทขึ้นมาได้ ผมก็จะจ้างคุณเป็ผู้จัดการมืออาชีพให้ผม”
คังอิงรู้สึกโล่งอก สิ่งที่เธอกังวลก็คือ กลัวว่าสือเจียงหย่วนจะไม่เชื่อมั่นในความสามารถของเธอ แล้วปฏิเสธไป
แต่ถ้าเป็แบบนั้นจริงๆ คังอิงก็คงไม่ผิดหวังมากนัก อย่างมากที่สุดก็แค่หาวิธีอื่น เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะแขวนคอตัวเองไว้กับต้นไม้ [1]
“ตกลงค่ะ ฉันจะพักผ่อนสักวัน พรุ่งนี้ค่อยเข้าเมืองไปสำรวจดูว่ามีอะไรที่น่าลงทุนบ้าง”
เหตุผลที่คังอิงกล้าพูดออกมาแบบนั้น เพราะตอนนี้คือยุค 90 ยุคแห่งโอกาส
ยุคนี้ไม่เหมือน่แรกๆ ของการปฏิรูปและการเปิดประเทศในยุค 80 ที่ผู้คนต่างไม่กล้าทำอะไรมาก พอทำธุรกิจอะไรก็กลัวว่าจะเป็เป้าสายตาคนอื่น และไม่เหมือนกับยุคหลังๆ ที่มีการแข่งขันสูงลิ่ว ทำธุรกิจอะไรก็ต้องแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ฟาดฟันกันให้ตายไปข้างหนึ่ง
ยุคนี้เป็ยุคที่มีโอกาสทางธุรกิจมากมาย ขอเพียงหาจุดเริ่มต้นที่เหมาะสม ก็อาจทำเงินก้อนโตได้
อาชีพที่ทันสมัยที่สุดในตอนนี้ก็คือ การเปิดร้านเป็เ้านายตนเอง ต่อให้เป็แค่ร้านขายของชำก็ยังทำให้คนอิจฉาได้ ไม่ว่าจะคนขับแท็กซี่ เ้าของร้านชำ ผู้ประกอบการบริษัทขนาดเล็กทั้งหลาย ล้วนเป็อาชีพที่รายได้สูงและผู้คนต่างพากันใฝ่ฝัน
คังอิงมีประสบการณ์จากตำราเรียนพร้อมใช้งาน อีกทั้งยังผ่านประสบการณ์ต่อสู้ในสมรภูมิการค้ามาแล้ว การที่เธอจะมองหาโอกาสทางธุรกิจในยุคที่เต็มไปด้วยทองคำเช่นนี้ ในความรู้สึกของเธอนั้นมันไม่ใช่เื่ยากเลย
แน่นอนว่าความคิดทั้งหมดนี้ยังคงเป็แค่ทฤษฎีเท่านั้น คังอิงแทบจะอดทนรอไม่ไหว เธออยากจะลงมือปฏิบัติจริงเสียที
การทำธุรกิจไม่อาจรีบร้อนได้ สือเจียงหย่วนคงไม่บังคับให้คังอิงรีบออกไปสำรวจตลาดแน่ๆ เมื่อคืนวานทั้งคังอิงและเขาก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างดีเท่าที่ควร หนำซ้ำเขายังเสียเืมากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดอีก
สือเจียงหย่วนหาว แล้วพูดกับคังอิงว่า “ผมง่วง” เสียงของเขามีแววเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน
“บ้านของคุณอยู่ไหน? ให้ฉันไปส่งคุณไหม?”
คังอิงยังกังวลใจเื่าแที่หลังของสือเจียงหย่วน ชายหนุ่มขับรถไปมาหลายเที่ยวแล้ว แถมรถแบบนั้นก็ขับยากมากด้วย ถ้าแผลของเขาเผลอปริขึ้นมาจะทำอย่างไร
สือเจียงหย่วนหัวเราะหึๆ แล้วบอกว่า “ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ก่อนหน้านี้น้ารองของผมเตรียมห้องไว้ให้ผมโดยเฉพาะ”
ก่อนที่คังอิงจะได้ตอบอะไร สือเจียงหย่วนก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินลอยชายไปยังห้องด้านข้างทางทิศตะวันออก
ตอนนั้นเองคังอิงถึงรู้ตัวว่า สือเจียงหย่วนจะนอนกลางวันที่นี่ คังอิงคิดว่ามันไม่ค่อยสะดวกนัก เธอเองเป็แค่ผู้หญิงโสดที่เพิ่งหย่าร้าง สือเจียงหย่วนจะอยู่ที่นี่กับเธอไม่ได้ ไม่ควรทำเื่ให้คนพบเห็นคิดไปในทางไม่ดี เธอเองไม่กังวลหรอก แต่สือเจียงหย่วนยังต้องใส่ใจอยู่
ยังไม่ทันที่คังอิงจะเอ่ยปฏิเสธ สือเจียงหย่วนก็เดินเข้าไปในห้องนั้นเสียแล้ว ‘ปัง!’ เขาปิดประตูห้องทันที ท่าทางของเขาราวกับอยู่ในบ้านของตนเอง
ใช่แล้ว เดิมที่นี่ก็คือบ้านของเขา
คังอิงผู้เช่าคนใหม่ไม่อาจทำอะไรกับเ้าของบ้านผู้ไร้ยางอายคนนี้ได้ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากจัดการงานบ้านที่ยังทำไม่เสร็จต่อไป
ตอนที่เธอจัดการงานบ้านเสร็จก็เป็เวลาประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง พอเห็นสภาพของลานบ้านที่สะอาดสะอ้าน คังอิงก็รู้สึกเบิกบานใจมาก คิดว่าต่อไปจะต้องตกแต่งบ้านให้สวยงามกว่านี้ ปลูกดอกไม้และต้นไม้ให้มากขึ้น เพื่อให้ตัวเองอยู่อาศัยได้อย่างมีความสุข
ส่วนเื่ที่จะหาดอกไม้กับต้นไม้มาปลูกนั้น คังอิงไม่ต้องกังวลมากนัก เธอเห็นดอกทานตะวันชูช่อ ลั่นทม และดอกเข็มอินเดียเป็พุ่มเป็กออยู่ในลานบ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งมันสวยมากจริงๆ รออีกสองสามวันจนเธอสนิทสนมกับเพื่อนบ้านแล้ว เดี๋ยวค่อยไปขอให้หักมาสักสองสามกิ่งเพื่อปักชำ
กลางฤดูร้อนเช่นนี้ หลังจากที่คังอิงจัดการบ้านเสร็จ เหงื่อก็ท่วมตัวไปหมด เมื่อรู้สึกว่าเกือบทุกอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยดีแล้ว เธอจึงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ
ดูท่าฐานะทางบ้านน้ารองของสือเจียงหย่วนจะดีมากทีเดียว ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีไม่กี่บ้านที่จะตกแต่งห้องน้ำได้หรูหราอลังการแบบนี้ โดยเฉพาะในห้องน้ำที่ติดเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยแล้ว ทำให้คังอิงรู้สึกแปลกใจและยินดีเป็ที่สุด
ที่บ้านของฟู่ซินหลางไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ฤดูร้อนเขาอาบน้ำเย็น ส่วนในฤดูหนาวถ้าอยากอาบน้ำอุ่น ก็ต้องต้มน้ำที่ห้องครัว แล้วใส่ลงในถังใบใหญ่ผสมกับน้ำเย็น จากนั้นก็ค่อยตักอาบเอา
แม้ว่าที่นี่ไม่อาจเทียบกับห้องอาบน้ำหรูหราในบ้านที่เธอเคยอาศัยอยู่ในชาติก่อนที่มีอ่างจากุซซี่ ทว่าสำหรับครอบครัวในเมืองเล็กๆ ที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้นั้น ถือว่ามีมาตรฐานค่าครองชีพที่สูงกว่าชาวบ้านทั่วไปมาก
ต่อให้เป็่ฤดูร้อน คังอิงก็ยังต้องอาบน้ำอุ่น ดังนั้นการที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำก็ช่วยแก้ปัญหาใหญ่ของเธอได้มาก เธอที่อาบน้ำเสร็จแล้วคิดจะงีบหลับสักหน่อย จึงเปลี่ยนมาใส่ชุดนอนแขนสั้นผ้าฝ้ายตัวหนึ่งแทน
พออาบน้ำเสร็จ คังอิงก็เดินเข้าไปในห้องด้านข้างทิศตะวันตกที่เธอเลือกไว้ แล้วล็อกประตู ก่อนจะนอนลงบนเตียงนุ่มๆ อย่างสบายตัว
ดูเหมือนสือเจียงหย่วนจะเสียเืมากเกินไปจนรู้สึกอ่อนเพลีย ตอนนี้เขายังไม่ตื่นเลย คังอิงฟังเสียงจากห้องของเขาแล้วไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ เธอจึงหลับตาลงอย่างสบายใจ
เมื่อพูดถึงคังอิงแล้ว เธอนับว่าเป็คนที่ใจกว้างมาก สือเจียงหย่วนเป็ผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก เขานอนอยู่ห้องข้างๆ แต่เธอกลับไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด
เหตุผลหลักก็เพราะคังอิงไม่มีความคิดฟุ้งซ่านเห็นแก่ตัว ชาติก่อนนั้นแม้เธออายุสามสิบแปดแล้ว ก็ยังไม่ได้แต่งงานเลย แต่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยมีความรัก เพียงแต่ด้วยเหตุผลนี้ เธอจึงไม่อยากฝากความหวังไว้ที่ผู้ชาย เธอรู้สึกว่าผู้หญิงที่พึ่งพาตนเองได้น่าจะปลอดภัยกว่า
ดังนั้นคังอิงจึงไม่คิดอะไรเกินเลยกับสือเจียงหย่วนเลยสักนิด แถมเธอยังมีสถานะผู้หญิงที่หย่าร้างเป็เกราะกำบัง คังอิงจึงหลับได้อย่างสบายกายและสบายใจยิ่ง
เท่าที่ดูสือเจียงหย่วน เขาน่าจะยังไม่ได้แต่งงาน เขาใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีสีมีสันได้อย่างไร้ข้อแม้
คังอิงผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการธุรกิจมาสิบกว่าปี ดังนั้นเธอย่อมมีวิจารณญาณในการดูคนอยู่บ้าง บุคลิกของสือเจียงหย่วนไม่ใช่บุคลิกของคนที่แต่งงานแล้วแน่นอน
พอมั่นใจว่าชายหนุ่มยังไม่ได้แต่งงาน คังอิงก็รู้สึกสบายใจยิ่งกว่าเดิม เพราะว่าต่อให้เป็่ยุค 90 ก็ตาม แต่ใน่สองสามทศวรรษให้หลัง หากผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงานคนหนึ่งจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หย่าร้างแล้ว ย่อมต้องถูกผู้คนรอบข้างเยาะเย้ยและวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะการได้รับความยินยอมจากครอบครัวของฝ่ายชายนั้น นับว่าเป็เื่ยากเสียยิ่งกว่ายาก
ด้วยเงื่อนไขเบื้องต้นเหล่านี้ ทำให้คังอิงรู้สึกว่าตนเองปลอดภัยมากตอนที่อยู่ต่อหน้าหนุ่มโสดอย่างสือเจียงหย่วน นอกจากการล็อกประตูตามความเคยชิน คังอิงก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรต้องกังวลใจอีก
เชิงอรรถ
[1] คนที่ยึดติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้