ฉันแปลกใจมากก่อนหน้านี้เสวียนเย่ยังด่าแม่สาวสุนัขจิ้งจอกคนนั้นอยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้เธอถึงมาอยู่ที่นี่
พอผู้หญิงคนนั้นเห็นเสวียนเย่ออกมาเธอกระตุกยิ้มร้ายขึ้นมา " องค์หญิงเสวียนหนี่พอใจไหมคะ"
"อือ" เสวียนเย่มองเธอด้วยตาที่เยือกเย็นปานน้ำแข็ง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาผู้หญิงคนนั้นก็หยิบโทรศัพท์ของตังเองออกเช่นกันโทรศัพท์สองเครื่องนั้นเลื่อนมากระทบกันนิดเดียวและฉันก็ได้ยินเสียงที่เหมือนกับเงินเหรียญดังขึ้น ถ้าเป็อะไรที่เกี่ยวกับเงินนี่ฉันมีความรู้สึกไวมากเลยนะฉันเบิกตาโตขึ้นมาทันที ตอนนี้ฉันอยากจะได้กล้องส่องทางไกลมาก จะได้เห็นอะไรชัดๆ
ฉันพยายามที่จะมองจำนวนเงินที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ให้ชัดๆแต่ฉันอยู่ไกลเกินไปที่จะมองเห็นได้ชัดเจน มองเห็นแค่รางๆ ว่าเป็ตัวเลขสี่หลัก
เสวียนเย่มองเธออย่างเ็า "ครั้งหน้าจะเพิ่มเงินให้"
"เข้าใจค่ะ" ผู้หญิงคนนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาและมองกะพริบตาให้เสวียนเย่ "ดีใจที่ได้ร่วมงานค่ะ"
พูดจบเธอก็เดินจากไปเสวียนเย่ยกมือขึ้นปัดไปตามตัวด้วยสีหน้ารังเกียจ แถมยังเช็ดโทรศัพท์อีกราวกับว่าแม่สาวสุนัขจิ้งจอกนั่นได้ทิ้งกลิ่นสาบของสุนัขจิ้งจอกไว้บนร่างกายเธอเธอยังคงดมดูร่างกายตัวเองจากนั้นจึงหมุนตัวหายกลับเข้าไปในมุมมุมหนึ่ง
นี่ฉันรู้สึกเหมือนได้เห็นการนินทาครั้งยิ่งใหญ่ที่สั่นะเืทั้งมหาลัยเทพและปีศาจแห่งนี้เลย
"ฟึบ" เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแผ่นหญ้าที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของฉันลอยกลับมาที่เดิมร่างของเซวียนหยวนเฉินยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แผ่นหลังเ็านั้นนั่งอยู่ตรงหน้าฉันทำให้ฉันเห็นแค่ผมที่ยาวและดกดำของเขา "เห็นอะไร"
"เห็น..." ฉันหยุดคำพูดนั้นไว้ "ฉันว่าอย่าพูดเลยจะดีกว่า"
"หึ" เขาพลิกเปิดหน้าหนังสืออย่างเอื่อยเฉื่อยพร้อมกับยิ้มนิ่งๆ " อยากได้ค่าจ้างว่างั้น"
"อ้อ! นายทำให้ฉันนึกขึ้นได้เลย" ทำไมฉันถึงคิดไม่ได้นะฉันนี่โง่จริงๆ "ยังทันไหมล่ะ"
"ปึก!" เขาวางหนังสือลง แผ่นหลังนั้นแผ่รังสีของความอาฆาตออกมาทันทีฉันรีบพูดขึ้นมา "ฉันเห็นเสวียนเย่ให้เงินผู้หญิงคนนั้น" พูดจบฉันก็ออกแรงเช็ดกระจกต่อ ฉันเช็ดหน้าต่างจนมันสะอาดยิ่งกว่ากระจกแล้ว
เขาไม่พูดอะไร จากนั้นจึงยกมือขึ้นมาเท้าคางด้วยท่าทางที่เหมือนกับพ่อของเขาไม่มีผิดราวกับครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้น ผมนั้นทั้งยาวทั้งตรง
ฉันเครียดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกจะฆ่าปิดปากฉันไหมเนี่ย
ปวดหัวชะมัดมหาลัยปีศาจนี่มันอยู่ยากจริงๆ
เขาค่อยๆ เดินออกมายืนอยู่ที่หน้าเก้าอี้หมุนตัวกลับมายืนอยู่ตรงด้านหน้าหน้าต่างที่ฉันเช็ดกระจกอยู่เลนส์แว่นนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเ็า "เซี่ยเสี่ยวหลัน เธอดูฉลาดกว่าหน้าตานะ"
อะไรคือฉลาดกว่าหน้าตาหรือว่าหน้าตาฉันมันเหมือนคนโง่งั้นเหรอ
ฉันค่อยๆ มองเขาอย่างหวาดระแวง "นาย...จะไม่บล็อกชื่อฉันใช่ไหม"
"หึ..." เขายกยิ้มขึ้นมาแต่รอยยิ้มนั้นกลับเย็นะเืขึ้นมาเพราะสายตาเ็าคู่นั้น "เธอเชื่องซะขนาดนี้ ฉันจะทำได้ยังไง"
ฉันมองเขาด้วยความระแวดระวังอยู่สักพักจากนั้นจึงเบือนหน้าหนี "ครั้งหน้าถ้ามีเื่แบบนี้อย่าเรียกฉันได้ไหมพวกนายเป็เทพกันแท้ๆ มีหูทิพย์ ตาทิพย์กันไม่ใช่เหรอ..."
"เธอเป็คนธรรมดาจะได้รับการปกป้องเป็พิเศษในการอยู่ที่นี่ ดังนั้นตอนนี้เธอเลยเป็คนที่อ่อนแอที่สุด เลยจะไม่ค่อยถูกสงสัยมากนัก" น้ำเสียงของเขาทำให้ฉันเข้าสู่โหมดใไปแล้วที่แท้ก็เพราะว่าฉันอ่อนแอที่สุดก็เลยจะไม่ถูกคนอื่นสงสัย เพราะอย่างนั้นเขาเลยให้ฉันไปแอบฟัง "หลังจากนี้ สิ่งที่เธอได้เห็นหรือได้ยินจากที่นี่ พูดได้แค่กับฉันเท่านั้นฉันไม่อนุญาตให้เธอแพร่งพรายให้คนอื่นรู้แม้แต่คำเดียว"
หลังจากนี้...
เขากำลังบอกว่าฉันยังมาเช็ดหน้าต่างที่นี่ได้อีก!
แต่ว่า...
ฉันเริ่มจะสงสัยแล้วนะนายเ้าชายเ็าคนนี้ระบุชัดเจนว่าจะให้ฉันเป็คนคอยดักฟังแบบเมื่อครู่นี้แบบนี้มันดีแล้วจริงๆเหรอ เซี่ยเสี่ยวหลันคนนี้ต้องเป็คนที่ซื่อสัตย์นะ
แบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร ไม่ค่อยดีเลย...
"ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอขัดสนเื่เงิน"
นายเ้าชายเ็าพูดขึ้นมาอีกแล้วเขาพูดได้จี้ใจดำมาก แต่ท่าทางที่ดูเย่อหยิ่งแบบนั้นมันทำให้ฉันไม่ชอบ!
ฉันไม่มองหน้าทำเพียงแค่เช็ดหน้าต่างต่อ "รุ่นพี่ไป๋อิ่งเคยบอกว่านายแยกแยะเื่งานกับเื่ส่วนตัวได้ฉันแค่อยากจะทำงานของฉันให้ดี ส่วนเื่อื่น ฉันไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วม" ฉันแอบมองเขา สายตาที่เ็าของเขายังคงสงบเรียบนิ่งไม่มีรังสีอาฆาตแผ่ออกมา ฉันพูดต่อ "พวกนายเป็ลูกหลานของพวกเทพพวกปีศาจ เจอหน้ากันก็ยังเป็เพื่อนกันได้ ฉันแค่คนธรรมดาตัวเล็กๆแค่พวกนายจับบีบนิดเดียวก็ตายแล้ว"
ฉันรู้มาตั้งนานแล้วมหาลัยกับมัธยมปลายไม่เหมือนกันหลังจากที่เข้ามาเรียนในมหาลัยจะต้องเรียนรู้การเข้าสังคม มหาลัยก็เหมือนกับถังย้อมสีถังเล็กๆในสังคม มีการแข่งขันสูงระหว่างเพื่อนร่วมชั้นเรียนแม้แต่สหภาพนักศึกษาก็ยังมีการแข่งกันเช่นกัน
"ดีงั้นฉันจะดูว่าเธอจะเช็ดหน้าต่างนี่ได้สะอาดแค่ไหน" น้ำเสียงเ็าเห็นได้ชัดว่าการที่ถูกฉันปฏิเสธทำให้เขาไม่สบอารมณ์เอามากๆ เขาเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานอีกครั้งพร้อมกับหยิบหนังสือขึ้นมา
ตอนนี้คนที่อ่านหนังสือจากหนังสือจริงๆมีน้อยมากแล้ว เพราะทุกคนพากันไปอ่านในอินเทอร์เน็ตและในโทรศัพท์กันหมดบางครั้งศิลปินผู้หญิงก็จะมีชานมสักแก้ววางอยู่ข้างๆ อะไรทำนองนั้น ซึ่งมันเป็สไตล์ที่ดูโดดเด่นมาก
แสงแดดส่องทะลุผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่ฉันเช็ดจนสะอาดส่องลงไปบนแผ่นหลัง ราวกับมีแสงสีทองเป็ชั้นๆ ปกคลุมไปทั่วร่างของเขาถึงแม้ว่าโม่ิจะบอกว่าที่นี่มีอยู่กันเจ็ดคนแต่ปราสาททั้งหลังกลับเงียบสนิทอย่างเห็นได้ชัด คนอื่นๆ น่าจะมีเื่ที่ต้องไปจัดการแล้วก็ยังมีนายกวางเฉินที่นอนหลับอยู่ข้างบนชั้นสาม
"เอี๊ยด เอี๊ยด..." ฉันเช็ดกระจกจนสะอาดหมดแล้ว แต่ก็ยังคงเช็ดต่อไปจนเกิดเสียง
เขาเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือช้าๆเส้นผมสีดำนั้นพลิ้วไหวราวกับน้ำตก เสียงนั้นดังขึ้นมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ "อย่าให้มีเสียง"
ฉันยู่ปากจากนั้นจึงเริ่มเช็ดหน้าต่างอีกบานหนึ่งพลางเหลือบสายตาขึ้นมองเขา "เหล่าเทพแบบพวกนายทำไมถึงโบราณคร่ำครึกันจังเลยล่ะยังมีการจับคู่อะไรนั่นอยู่อีก พวกฉันล้วนแต่มีอิสระที่จะมีความรักทำไมพวกนายถึงไม่พัฒนากันเอาซะเลย..."
เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสองมือนั้นยังถือหนังสือออยู่ "หวังซือชงจะขอเธอแต่งงานไหม"
"ไม่..." ฉันตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองหลงกลเขาเข้าแล้ว
"หึ..." ใช่จริงๆ ด้วย เขายิ้มด้วยความถือดี "เธอตอบคำถามของตัวเองแล้วนิ"
"แต่หวังซือชงเขายังต้องถูกจับคู่ด้วยเหรอ" ฉันไม่ยอมที่ต้องรู้สึกว่าเขากำลังเป็ต่อ "ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก"
"ข้อหนึ่งคือต้องสวย" เขาพูดตอบกลับมา
"..." เหมือนถูกเขาจี้ใจดำอีกแล้ว
เขาก้มลงแล้วค่อยๆ พลิกหน้าหนังสืออย่างเอื่อยเฉื่อยอีกครั้ง"ฉันไม่อยากถูกจับคู่แต่เธอคิดว่าฉันจะชอบซินเดอเรลล่าไหมล่ะ"
"ไม่ชอบแน่นอน" คำตอบนี้ฉันเข้าใจดีที่สุดเ้าชายหลงรักซินเดอเรลล่าก็เพราะว่าซินเดอเรลล่ากลายเป็เ้าหญิงที่สวยสง่าแล้วต่างหาก
เขาไม่พูดอะไรออกมาอีกยังคงก้มมองหนังสือในมือตัวเองต่อไป แต่ในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมาเพียงนิดเดียวนั้นฉันกลับเห็นระบายยิ้มอ่อนๆ ที่มุมปากนั้น
"เพราะงั้นนายยังจะต้องพิจารณาข้อเสนอของรุ่นพี่เสวียนเย่อยู่อีกเหรอ ที่จริงแล้ว...นายกับเธอก็เหมะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยนะ"
"หึ เธอรีบฉันไม่ได้รีบนิ"
ฉันครุ่นคิดด้วยความสงสัย "รุ่นพี่เสวียนเย่สวยขนาดนั้นทำไมจะต้องรีบร้อนด้วย"
"เธอสวยเหรอ" เซวียนหยวนเฉินถามกลับ
"แน่นอนสิแล้วอีกอย่างเธอดูเด็กกว่าฉันอีก ทำไมจะต้องรีบขนาดนั้น" ผู้หญิงที่สวยขนาดนั้น ทำไมจะต้องรีบหาแฟนด้วยต้องมีคนที่ชอบเธอเข้ามาเรื่อยๆ อยู่แล้ว อย่างรุ่นพี่เสวียนเย่นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยป๊อบปูล่าสุดๆ
"หึ..." เสียงหัวเราะเยาะนั้นอีกแล้ว เขาค่อยๆ พลิกหน้าหนังสืออีกครั้ง "ใครกันที่บอกว่าอยากจะสนใจแค่งานของตัวเอง"
"..." ฉันรู้สึกว่าฉันจะถูกดักคอไว้อีกครั้งไม่พูดแล้ว!
ฉันจดจ่ออยู่กับการเช็ดหน้าต่างในที่สุด ฉันก็เช็ดหน้าต่างเสร็จหมดทุกบานแล้วกระจกหน้าต่างสะอาดจนมองเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง เพอร์เฟกต์! ฉันมองเซวียนหยวนเฉินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆฉันเคลื่อนตัวไปอยู่ตรงหน้าต่างบานข้างๆ ในตอนที่หันกลับไปมองเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปทางหน้าต่าง ไม่ได้การล่ะ หัวหน้าจะตรวจงานฉันต้องรีบกลับไป
ตรงด้านหลังกำแพงที่อยู่ด้านข้างมีหน้าต่างอยู่อีกสองสามบานในขณะที่ฉันเตรียมตัวจะเช็ดกระจก ฉันก็เห็นว่าข้างในนั้นคือห้องน้ำหรูห้องหนึ่งและมีอ่างน้ำร้อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้าฉันพอดี ในอ่างนั้นมีฟองสบู่อยู่เต็มอ่างเอ่อ...คงไม่ใช่ว่ามีคนจะอาบน้ำหรอกนะ
"กุ๊กกุ๊ก" มีบางอย่างโผล่หัวขึ้นมาท่ามกลางฟองสบู่ ฉันเห็นว่ามันเป็สีเหลืองฉันมองอยู่อีกสักพัก ก่อนจะเห็นว่ามันเหมือนกับลูกเป็ด ที่แท้ก็ลูกเป็ดนี่เอง
ในตอนที่ฉันเพิ่งจะรู้สึกว่ามันคือลูกเป็ดเ้าตัวนั้นก็หมุนตัวกลับมา และทันใดนั้น ตาของฉันก็สบเข้ากับดวงตาของมันทันทีนั่นมัน เ้าลูกไก่นั่น!
"เฮ้ยยยยยยย"
"เฮ้ยยยยยยย"
เ้าตัวนั้นร้องออกมาก่อนและฉันก็ร้องตามมัน
"เฮ้ยยยยยยย!"
"เฮ้ยยยยยยย!"
"เฮ้ยยยยยยย!"
"เฮ้ยยยยยยย!"
"เธอมันยัยผู้หญิงลามก" เ้าลูกไก่นั่นยกปีกสีเหลืองขึ้นมาปิดร่างกายเอาไว้ฉันหยิบผ้าขี้ริ้วขึ้นมาแล้วโยนเข้าไปข้างใน "นายก็แค่ถอดเปลือกไข่ออกไม่ใช่รึไงฉันจะไปมองเห็นอะไรล่ะ"
ผ้าขี้ริ้วผืนนั้นคลุมอยู่บนตัวของเขาเขาจ้องมองฉันั้แ่หัวจรดเท้าด้วยความโกรธเคือง"นี่เธอ! เธอกล้าโยนผ้าขี้ริ้วสกปรกนี่ใส่ฉันงั้นเหรอฉันจะฆ่าเธอ...ฟู่..." และทันใดนั้นเขาก็อ้าปากกว้างและฉันก็เห็นลูกไฟสีฟ้าพุ่งออกมาจากปากนั่น!
ฉันรู้สึกเหมือนถูกไฟครอกเข้าที่หน้าจากนั้นฉันก็ถูกคลื่นความร้อนนี้อัดกระแทกเข้าใส่จนร่างกายลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศฉันมองเห็นเซวียนหยวนเฉินกำลังยืนตรวจดูกระจกอย่างจริงจังแล้วยังพยักหน้าด้วยความพอใจอีก
ให้ตายเถอะนี่นายไม่เห็นรึไงว่าฉันกำลังจะตายอยู่แล้ว นี่นายเป็โรคชอบส่องกระจกรึไงเนี่ย
ฉันรู้ว่าตัวเองจะต้องตกลงไปจนร่างกายแหลกละเอียดแน่ๆแต่จู่ๆ ก็มีร่างผมสั้นสีเทาลอยพุ่งผ่านหน้าฉันพร้อมกับโอบเอวฉันไว้เขาจับตัวฉันเอาไว้ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ลอยลงสู่พื้นด้านล่างนิ่งๆ
ฉันจับไหล่เขาเอาไว้เพื่อพยุงตัวและในตอนนั้น ฉันถึงเห็นสายตาที่วาวโรจน์ของเซวียนหยวนเฉินเพ่งมองที่คนข้างๆ ตัวฉันไม่ดีแล้วสิ นี่ฉันแย่งผู้ชายเขาเข้าแล้ว!
ก่อนหน้านี้นักเรียนขี้นินทาพวกนั้นเคยบอกว่า เซวียนหยวนเฉินอยากได้ตัวโม่ิมาโดยตลอด เอ่อ...ไม่ใช่สิ อยากเป็เ้านายของโม่ิต่างหาก โอ๊ย! ใครสนกันล่ะ ไม่แน่นะอาจจะเป็เพราะว่าเซวียนหยวนเฉินชอบโม่ิก็ได้ อ๋อ~~~ เพราะงั้นฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบเสวียนเย่คนสวยคนนั้นที่แท้ความจริงก็อยู่ตรงนี้นี่เอง วินาทีฉันเข้าใจกระจ่างแจ่มแจ้งขึ้นมาทันที
ดูจากที่เขาจ้องโม่ิด้วยสายตาที่ลุกเป็ไฟนั้นสิน่ากลัวสุดๆ ไปเลย!
เอ๊ะ? นี่ฉันจะไปรู้อะไรล่ะเนี่ย