“ข้ามแม่น้ำข้างหน้า! ลงม้าแล้วเข้าป่า!” ฟู่ถิงเย่ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ควบม้าพุ่งตรงไปยังแม่น้ำเบื้องหน้า!
น้ำท่วมมิดท้องม้าในทันที!
หวาชิงเสวี่ยรู้สึกได้ถึงน้ำในแม่น้ำ่ฤดูหนาวอันเย็นเฉียบที่ไหลทะลักเข้ามายังเท้าทั้งสองข้างของตนเอง ชะล้างน่องของนาง เย็นจนทั่วทั้งร่างกายแข็งทื่อไปหมด!
พอม้าข้ามแม่น้ำไปแล้ว เมื่อสายลมหนาวพัดผ่าน นางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกแช่กลายเป็แท่งน้ำแข็งแล้วจริงๆ!
ไม่นานหลังจากม้าข้ามแม่น้ำ ฟู่ถิงเย่ก็ยกเอวของหวาชิงเสวี่ยขึ้นมา ะโพุ่งตัวออกจากหลังม้าในทันที! หมุนตัวกลางอากาศหลายตลบก่อนจะลงสู่พื้นที่ขอบป่า! ใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยใบไม้แห้งหนาแน่น แต่เขาไม่ทิ้งแม้แต่ร่องรอยใดๆ ไว้เลย พาหวาชิงเสวี่ยหลบเข้าไปในป่า ส่วนม้าของพวกเขาก็วิ่งออกไปไกลแล้ว
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ชื่อเหลาไห่ก็มีฝีมือไม่ธรรมดาเช่นกัน ไม่นานนักก็ตามมาสมทบ
ทั้งสามคนซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ กลั้นลมหายใจโดยไม่พูดอะไร
หวาชิงเสวี่ยได้ยินเสียงฝีเท้าม้าของทหารที่ไล่ตามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเอามือปิดปากและจมูกไว้ ด้วยกลัวว่าตนเองจะส่งเสียงดังเพราะความตื่นตระหนก
เพราะต้องซ่อนตัว ฟู่ถิงเย่จึงอยู่ใกล้กับหวาชิงเสวี่ยมาก เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จางๆ จึงอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ๆ อีก...
ร่างกายของนางหอมจริงๆ ...
เหตุใดเขาถึงไม่เคยค้นพบมันมาก่อน?
อ้อ...ถึงแม้จะนอนบนเตียงเดียวกัน แต่ก็อยู่ไกลกันเกินไป ไม่ได้กลิ่นก็ไม่แปลก
ฟู่ถิงเย่คิดฟุ้งซ่าน ไม่ทันรู้ตัวว่าใบหน้าของเขากำลังจะแนบชิดกับใบหน้าของหวาชิงเสวี่ยอยู่แล้ว...
หวาชิงเสวี่ยหันหน้ากลับมา ดวงตากลมโตเบิกกว้าง! นางเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไร ดึงคอเสื้อของตนเองเบาๆ แล้วทำไม้ทำมือเป็ท่าทาง ‘ท่านแม่ทัพ! หนวดของท่านทิ่มข้าอีกแล้ว!’
ฟู่ถิงเย่เห็นท่าทางร้อนใจแต่ไม่กล้าส่งเสียงของนาง จึงคิดในใจ ‘สตรีนางนี้ชอบเขามากจริงๆ ถึงแกล้งทำเป็พูดเหมือนไม่พูดแบบนี้เพื่อยั่วยวนเขา...’
เสียงะโของทหารเหลียวดังใกล้เข้ามา! น้ำในแม่น้ำกระเซ็นเป็ละอองเพราะม้าที่ควบมาด้วยความเร็วสูง!
หวาชิงเสวี่ยหดตัวเล็กลง เกือบจะหดคอหลับตาโดยไม่รู้ตัว! ไม่กล้ามอง!
กองทหารเหลียวผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนลมพายุพัดผ่านเส้นทางเล็กๆ เบื้องหน้า หายไปในความมืดยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว
ฟู่ถิงเย่ลุกขึ้นยืน “พวกเราไปกันเถอะ”
เหลาไห่ตามไปแล้วกล่าวว่า “มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ข้ามูเาพานหลงไป ก็จะถึงค่ายชิงโจวแล้ว”
ฟู่ถิงเย่ก้มลงมองหวาชิงเสวี่ยที่อยู่ข้างเท้า จากนั้นเลิกคิ้ว “เหตุใดไม่ไป?”
หวาชิงเสวี่ยมองเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ “ข้า...ขาชา...”
นั่งยองๆ นานเกินไปแล้ว...
ฟู่ถิงเย่ชะงักไป
เหลาไห่มองฟู่ถิงเย่ด้วยสีหน้าลำบากใจ “ท่านแม่ทัพ ที่นี่อยู่นานไม่ได้ หากทหารเหลียวตามม้าพวกนั้นทัน พวกมันต้องย้อนกลับมาค้นหาตามเส้นทางเดิมแน่”
หวาชิงเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันรีบลุกขึ้นยืน แต่พอจะก้าวขาไปข้างหน้า หัวเข่าที่ชาและปวดก็อ่อนแรงล้มลงไปอย่างควบคุมไม่ได้!
ฟู่ถิงเย่ตาไวคว้านางไว้ได้ท่วงที หวาชิงเสวี่ยจึงล้มลงในอ้อมแขนของฟู่ถิงเย่! ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ!
ฟู่ถิงเย่พอใจกับการ ‘ล้มลงในอ้อมแขน’ ของหวาชิงเสวี่ยครั้งนี้อย่างยิ่ง แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า “หากเดินไม่ได้ก็อย่าฝืน!”
พูดจบก็หันหลัง นั่งยองลง หันแผ่นหลังไปทางหวาชิงเสวี่ย
หวาชิงเสวี่ย: “...”
ฟู่ถิงเย่เร่ง “ยังไม่รีบขึ้นมาอีก?!”
หวาชิงเสวี่ยเม้มริมฝีปาก ปีนขึ้นไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ...
บุรุษผู้นั้นแบกนางไว้ แล้วเดินเข้าไปในป่าลึกทันที ก้าวฝีเท้าว่องไวราวกับโบยบิน
ทิ้งให้เหลาไห่ยืนงงอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบตามไป
เขาพึมพำในใจ ท่านแม่ทัพกับแม่นางหวาผู้นี้...ไม่ธรรมดาจริงๆ ...
...
หวาชิงเสวี่ยซบอยู่บนหลังของฟู่ถิงเย่ ใจของนางร้อนรุ่ม
ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อใด ท่าทีของท่านแม่ทัพที่มีต่อตัวนาง จากที่เคยห่างเหินเ็า กลับกลายเป็...ใจร้อนเหลือเกิน พูดอะไรไม่เห็นด้วยเพียงคำเดียวก็ตะคอก
คงจะรำคาญนางมากแล้วสินะ?
เพื่อช่วยนางออกจากเมือง ต้องเสียเวลาไปหลายวันขนาดนั้น ตอนนี้ระหว่างหลบหนี นางก็ยังมาเป็ภาระใน่เวลาสำคัญแบบนี้...ความอดทนของท่านแม่ทัพใหญ่คงจะหมดลงแล้วสินะ?
“ท่านแม่ทัพ...” หวาชิงเสวี่ยพูดอย่างระมัดระวัง “ขาของข้า...เหมือนจะไม่ชาแล้วเ้าค่ะ...ข้าเดินเองได้หรือไม่?”
เดิมทีก็แค่เพราะนั่งยองๆ นานเกินไป ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว แน่นอนว่าไม่ชาอีกแล้ว
“พูดจาเหลวไหลอะไร?!” ตามคาด ฟู่ถิงเย่พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิทันที “ที่นี่เป็สถานที่ที่เ้าเดินได้หรือ? ต่อให้ปล่อยเ้าลงมา เ้าจะตามฝีเท้าพวกเราทันอย่างนั้นหรือ?”
หวาชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนถูกบีบคอ เสียงของนางยิ่งเบาลงอย่างน่าสงสาร “...ข้าคิดไม่รอบคอบ ทำให้ท่านลำบากแล้ว...”
หากเป็คุณชายผู้อ่อนโยน ตอนนี้คงจะปลอบโยนนางบ้างแล้ว แต่ฟู่ถิงเย่ล่ะ? เขาแบกหวาชิงเสวี่ยไว้บนหลัง มือทั้งสองข้างประคองขาของนาง คลำไปที่ขากางเกงด้านล่างที่เปียกชุ่ม แล้วก็ตะคอกดุนางอีกครั้ง
“เหตุใดเปียกไปหมดแบบนี้? เ้าจะรอให้มันแข็งเป็น้ำแข็งแล้วค่อยร้องไห้หรือ?!”
เหลาไห่ที่อยู่ด้านข้างเร่งฝีเท้าขึ้นอย่างเงียบๆ จงใจรักษาระยะห่างจากพวกเขา ทำเหมือนว่า เื่กุ๊กกิ๊กพวกนี้ ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!
ฟู่ถิงเย่โกรธขึ้นมากะทันหัน หวาชิงเสวี่ยถึงกับงง “ข้า...ข้ารู้สึกว่าไม่เป็ไรนะเ้าคะ...”
อีกอย่าง ตอนนี้กำลังหลบหนีเอาชีวิตรอด ใครจะไปสนใจว่ากางเกงเปียกหรือไม่...เช่นนั้น นางจะไม่ดูเื่มากเกินไปหรือ?
“ไม่เป็ไร?! แข็งไปหมดแล้วนี่!” ฟู่ถิงเย่ใช้แรงบีบเล็กน้อย ถามนางเสียงแข็ง “ข้าบีบเ้า รู้สึกเจ็บหรือไม่?”
หวาชิงเสวี่ยงงงัน เพราะนางพบว่า...เหมือนจะไม่เจ็บจริงๆ
หรือว่าถูกแช่แข็งไปแล้วจริง?
“เหลาไห่!” ฟู่ถิงเย่เรียกคนที่อยู่ข้างหน้า “หลังจากขึ้นเขาไปแล้วหาที่กำบังลมก่อน พักผ่อนหนึ่งคืนแล้วค่อยเดินทางต่อ”
เหลาไห่รับคำ “ขอรับ!”
ูเาพานหลงมีภูมิประเทศที่ซับซ้อน พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เพียงแค่ข้ามยอดเขาไปก็จะเป็เขตของมณฑลชิงโจวแล้ว ทหารเหลียวไม่กล้าเข้ามาง่ายๆ อย่างมากก็ทำได้แค่ค้นหาบริเวณทางเหนือของูเาเท่านั้น
หวาชิงเสวี่ยคิดว่าพอขึ้นไปถึงยอดเขาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรฟู่ถิงเย่ก็คงจะปล่อยนางลงแล้วไม่ใช่หรือ? แต่เขากลับยังคงเดินเหมือนอยู่บนพื้นราบ เดินเร็วมากเสียด้วย!
หวาชิงเสวี่ยรู้สึกสับสนจริงๆ ...
ตัวใหญ่อย่างกับหมีขนาดนั้น เหตุใดถึงเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วเช่นนี้? เหมือนวิชาตัวเบาในนิยายกำลังภายใน! ูเาหินที่สูงชัน และต้นไม้แห้งตายเ่าั้ ไม่เพียงแต่ไม่เป็อุปสรรคต่อฟู่ถิงเย่ กลับกลายเป็จุดที่เขาใช้พยุงตัว! เหมือนกับแมลงปอที่เกาะอยู่บนผิวน้ำ ปีนขึ้นไป้าเรื่อยๆ
หวาชิงเสวี่ยมองอย่างตะลึง เพราะทั้งหมดนี้ขัดกับกฎฟิสิกส์ที่นางรู้จัก เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
หลังจากข้ามูเาไป เหลาไห่ก็พบถ้ำแห่งหนึ่ง หลังจากเก็บกวาดอย่างคร่าวๆ แล้ว เขาก็เก็บหญ้าและกิ่งไม้แห้งมาก่อกองไฟ จากนั้นเดินออกไปนอกถ้ำ หาจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนเพื่อเฝ้ายามตอนกลางคืน
หวาชิงเสวี่ยเห็นเขาออกไป ก็เกิดความสงสัยยิ่งนัก ถามฟู่ถิงเย่ว่า “ท่านแม่ทัพ พี่...พี่ไห่จะไปไหนหรือเ้าคะ?”
นางเป็เพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่สามารถเรียกเหลาไห่ว่าเหลาไห่ตามฟู่ถิงเย่ได้ จึงเลือกคำเรียกที่คิดว่าเหมาะสม เรียกว่าพี่
ฟู่ถิงเย่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่าคำเรียกนี้ไม่ถูกหูเอาเสียเลย “เขาชื่อไห่ซื่อเซวียน เป็รองผู้บัญชาการของข้า เ้าเรียกเขาว่ารองผู้บัญชาการไห่ก็ได้”
“อ้อ...” หวาชิงเสวี่ยถึงบางอ้อ “ที่แท้ก็ท่านรองผู้บัญชาการ”
สำหรับนางแล้วก็เป็ขุนนางเหมือนกัน
หวาชิงเสวี่ยถามต่อ “ท่านรองผู้บัญชาการไปไหนแล้ว? เขาไม่ต้องผิงไฟหรือเ้าคะ?”
ฟู่ถิงเย่รู้สึกไม่ดีเป็อย่างยิ่ง
สตรีนางนี้ไม่ใช่ชอบเขาหรอกหรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงได้เอาแต่นึกถึงเหลาไห่นัก? หรือว่า...นางเปลี่ยนใจแล้ว?
ท่านแม่ทัพใหญ่โกรธแล้ว!
มีแต่ตาแต่ไร้แววหรืออย่างไร?! ไห่ซื่อเซวียนหน้าขาวๆ นั่นมีอะไรน่าสนใจ?! ...เอ่อ ก็ไม่แน่ ผู้หญิงบางคน ก็ดูเหมือนจะชอบชายหนุ่มหน้าหวาน...
เมื่อเห็นสีหน้าของฟู่ถิงเย่ยิ่งดูแย่ลง แววตาก็ยิ่งมืดมนขึ้นเรื่อยๆ ...หวาชิงเสวี่ยจึงหดคอ ไม่กล้าถามอะไรเพิ่มอีก
ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้นี้เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ นางไม่เข้าใจเลยว่าตนเองไปทำให้เขาโกรธตรงไหนอีกแล้ว!
หวาชิงเสวี่ยขยับเข้าไปใกล้กองไฟอย่างเงียบๆ ผิงไฟพลางดึงขากางเกงขึ้นมาตาก
ดวงตาที่น่ากลัวของฟู่ถิงเย่ยังคงจ้องมองนาง!
สายตาที่กดดันของชายหนุ่มราวกับกำลังทรมานนาง หวาชิงเสวี่ยทนไม่ไหว จึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเขาอย่างระมัดระวัง “...ท่านแม่ทัพ? เหตุใดท่านถึงมองมาที่...ข้าอยู่เรื่อยล่ะเ้าคะ?”
ฟู่ถิงเย่ไม่ตอบ เขาเติมฟืนเข้าไปในกองไฟอีกสองสามท่อน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไห่ซื่อเซวียนมีคู่หมั้นคู่หมายที่บ้านเกิดแล้ว”
“...” หวาชิงเสวี่ยกะพริบตาปริบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
เปลี่ยนเื่เร็วเกินไป จนนางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ!
“อ้อ...ก็ดีแล้วนี่เ้าคะ” สุดท้ายนางก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก
ดวงตามืดมนของฟู่ถิงเย่สว่างเป็ประกายขึ้น สายตามองนางอย่างลึกซึ้ง “่ไม่กี่ปีมานี้ชายแดนมีศึกาเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ผู้น้อยมัวแต่วุ่นวายกับราชการ จึงยังมิได้แต่งงาน”
“หา?” คราวนี้หวาชิงเสวี่ยมีการตอบสนอง นางพูดอย่างประหลาดใจ “ดู...ไม่เหมือนเลย...”
ฟู่ถิงเย่มีหนวดเคราเฟิ้ม ดูเหมือนจะอายุสามสิบกว่าแล้ว คนสมัยก่อนไม่ได้แต่งงานกันเร็วมากหรอกหรือ? ลูกของเขาอาจจะโตพอที่จะวิ่งเล่นได้แล้วด้วยซ้ำ!
ฟู่ถิงเย่ก็มองหวาชิงเสวี่ยด้วยความตกตะลึงแบบเดียวกัน!
เขาอาจจะมีความฉลาดทางอารมณ์ต่ำ แต่ความฉลาดทางสมองยังสูงอยู่ คิดทบทวนไปมา ก็เข้าใจในไม่ช้า สตรีนางนี้ ไม่ชอบที่เขาดูแก่?!
ที่แท้นางชอบผู้ชายหน้าหวานจริงๆ หรือ?!
“ถอดกางเกงออก!” ฟู่ถิงเย่ตะคอกด้วยความโกรธ “ตากแบบนี้เมื่อไหร่จะแห้ง?”
หวาชิงเสวี่ยใกับความโกรธโดยฉับพลันของเขา เอามือทั้งสองข้างปิดที่เอวโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าแดงก่ำ “แบบนี้...ไม่เหมาะสมกระมัง?”
ฟู่ถิงเย่ไม่พอใจ
เ้าก็รู้ว่าไม่เหมาะสม?!
ตอนที่ยั่วยวนข้าขึ้นเตียงเตา เหตุใดเ้าไม่คิดว่ามันเป็เื่ไม่เหมาะสม?!
ท่านแม่ทัพใหญ่คว้าห่อผ้าที่อยู่ข้างๆ เทสิ่งของกระจุกกระจิกที่อยู่ข้างในออกมาทั้งหมด เหลือเพียงผ้ากันน้ำผืนใหญ่ แล้วโยนไปที่ข้างๆ หวาชิงเสวี่ยอย่างหยาบคาย
“เปลี่ยนเร็วเข้าสิ! นวดขาตัวเองด้วย แล้วก็อย่าลืมทายาแก้แผลเปื่อย”
แม่ทัพสั่ง ลูกน้องต้องทำตาม ถึงหวาชิงเสวี่ยจะไม่ใช่ลูกน้องของเขา แต่นางก็ยังใกับอำนาจของเขา จึงใช้ผ้ากันน้ำผืนนั้นปิด่ล่าง แล้วค่อยๆ ดึงกางเกงข้างในลง...
นางก้มหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ รู้สึกอายอย่างยิ่ง ทั้งยังรู้สึกงุนงงด้วย
บุรุษผู้นี้เมื่อก่อนยังระมัดระวังเื่ระหว่างบุรุษและสตรีเป็สำคัญ แม้แต่อยู่ในห้องเดียวกันก็ยังถึงขั้นรู้สึกอึดอัด ตอนนี้กลับสั่งให้นางถอดกางเกงอย่างหน้าตาเฉย...
เมื่อครู่นางใมาก ตอนนี้ได้สติแล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ยิ่งรู้สึกแปลก
ที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือ นางกลับเชื่อฟังเขาจริงๆ แล้วถอดกางเกงออก!
หวาชิงเสวี่ยกำลังคิดฟุ้งซ่าน ทันใดนั้นก็มีเงาบังอยู่เบื้องหน้า
ไม่รู้ว่าฟู่ถิงเย่เดินเข้ามาั้แ่เมื่อใด แย่งกางเกงผ้าฝ้ายและกางเกงชั้นในที่เปียกชุ่มไปจากมือของนาง แล้วนำไปแขวนไว้บนไม้ที่ตั้งพิงไว้กับกองไฟ
ไห่ซื่อเซวียนที่กำลังเฝ้ายามอยู่นอกถ้ำหันกลับมาพอดี เห็นภาพนี้ ก็ถึงกับตกตะลึง!
โอ้โห...
แม้แต่กางเกงก็ถอดออก ท่านแม่ทัพช่างเก่งกาจ...