“โม่หาน?”
องค์หญิงใหญ่รีบเดินเข้าไปหา ส่วนองค์ชายห้าตอนที่เห็นสองคนนั้นรูม่านตาก็หดเข้าหากันพร้อมกำหมัดแน่น
แม้องค์หญิงใหญ่จะเห็นสองคนที่นอนอยู่บนพื้นก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่ง “โม่หาน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เปิ่นหวังพักผ่อนอยู่ในห้องด้านข้างพอดีจึงได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก หลิงชวนก็เลยออกไปตรวจสอบดูแล้วก็เจอสองคนนี้”
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจ โชคดีที่วันนี้จี๋โม่หานก็อยู่ “โม่หาน ที่นี่เกิดเื่เล็กน้อย สองคนนี้บุกเข้ามาในจวนแล้วลวนลามทำเื่ไม่ดี ขอบคุณโม่หานมากที่ยื่นมือมาช่วย”
“ไม่ใช่เื่ลำบากอะไร” จี๋โม่หานพูดจบก็ถูกหลิงชวนเข็นไปด้านข้าง
องค์หญิงใหญ่มองสองคนที่อยู่บนพื้นแล้วพูดเสียงเข้ม “ทหาร เอาพวกเขาไปขังไว้ชั่วคราวแล้วค่อยย้ายไปที่ศาลต้าหลี่”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”
ดวงตาแดงก่ำขององค์ชายห้ามองไปยังสองคนที่อยู่บนพื้น หัวใจก็กระดอนขึ้นมาทันที จ้าวอวี้ถิงที่อยู่บนตั่งก็เริ่มหวาดหวั่น ถึงแม้คนพวกนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับนาง แต่แผนการทั้งหมดล้วนเป็พวกนางวางแผนมาด้วยกัน
ในตอนที่มือขององครักษ์แตะไปโดนคนชุดดำที่อยู่บนพื้น สองคนนั้นก็ร้องเฮือกก่อนจะหันหน้าแล้วพ่นเืสีแดงออกมา
เื่ราวเกิดขึ้นไวมาก ภาพนั้นต่างทำให้ทุกคนใ หลิงชวนที่อยู่ข้างจี๋โม่หานมีปฏิกิริยาไวที่สุดจึงรีบจับคางสองคนนั้นไว้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว คนชุดดำสองคนนั้นตาเหลือก ขากระตุกก่อนจะหมดลมหายใจไป
หลิงชวนคุกเข่าลงข้างเดียวก่อนจะตรวจสอบที่จมูกสองคนนั้น จากนั้นก็หันไปมองจี๋โม่หานแล้วพูด “องค์ชายสาม พวกมันตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ คงจะเตรียมพิษไว้ในซอกฟันอยู่แล้ว”
จี๋โม่หานขมวดคิ้ว ปลายนิ้วเคาะเบาๆ ตรงที่วางแขน ทุกคนต่างถูกเื่น่าใเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าจนทำให้ไม่อาจดึงสติกลับมาได้
มีแค่องค์ชายห้ากับจ้าวอวี้ถิงสองคนเท่านั้นที่ลอบถอนหายใจเงียบๆ
“ยกออกไปเถิด” องค์หญิงใหญ่ยกมือขึ้นนวดขมับอย่างเหนื่อยใจพร้อมออกคำสั่ง
จากนั้นนางก็เดินออกไปยืนบนบันไดมองแขกที่ยื่นคอออกมาดูจากภายในเรือน แล้วเอ่ยเสียงดังฟังชัด “เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ขอให้ทุกท่านโปรดเก็บไว้เป็ความลับ ในเมื่อเกิดเื่ใหญ่ขนาดนี้ในงานเลี้ยง ข้าก็ไม่อาจรั้งให้ทุกท่านอยู่ต่อได้ ในส่วนที่ทำไม่ดีนั้นข้าขออภัยด้วย”
เพียงครู่เดียวแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงก็ทยอยกันออกไปโดยมีพ่อบ้านเป็คนคอยจัดการ ภายในเรือนจึงกลับสู่ความสงบอีกครั้ง เหลือแค่จี๋โม่หานที่อยู่หน้าประตูกับคนไม่กี่คนในเรือน
“คุณหนูจ้าว เื่ที่เกิดในวันนี้เป็ความเลินเล่อของข้าเอง” องค์หญิงใหญ่เดินมาอยู่ตรงข้างเตียง ตอนนี้อารมณ์ของจ้าวอวี้ถิงดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่สีหน้ายังขาวซีดย่ำแย่เท่านั้น
“รอข้าเข้าวังไปกราบทูลเสด็จพ่อก่อน แล้วข้าจะไปบอกกับคุณหนูจ้าวเองที่จวน ส่วนเื่ตัวตนของคนชุดดำข้าเองก็จะสืบหาต่อไป เื่ในวันนี้ข้าขอโทษด้วย”
จ้าวอวี้ถิงไม่ได้พูดอะไร ในหัวตอนนี้ล้วนมีแต่เื่ของซูิเยว่นางชั่วคนนั้น ทั้งๆ ที่น้ำชาใส่ยานอนหลับเอาไว้แล้ว แถมตนก็เห็นนางดื่มเข้าไปเองกับตา เหตุใดนางถึงไม่เป็อะไรเลย
สีหน้าขององค์ชายห้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ในใจมีความสงสัยอยู่มากมาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปสืบหาความจริงเื่นี้
เขาก้าวไปหนึ่งก้าวมององค์หญิงใหญ่แล้วพูดขึ้น “เสด็จพี่ วันนี้เกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ให้ข้าเป็คนพาคุณหนูจ้าวไปส่งนางกลับจวนเถิด ถึงตอนนั้นจะได้ยอมรับผิดกับเจิ้นหนานโหวต่อหน้าด้วย”
องค์หญิงใหญ่มองเขาก่อนจะพยักหน้ารับ “ก็ดี เช่นนั้นก็รบกวนเ้าด้วย”
สาวใช้ของจ้าวอวี้ถิงพยุงเ้านายของตนลงจากเตียงแล้วจัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของเ้านายให้เรียบร้อย จากนั้นก็ตามองค์ชายห้าออกจากประตูไป
วินาทีที่เดินเฉียดไหล่กันนั้น จ้าวอวี้ถิงได้หันกลับมามองซูิเยว่ด้วยความเกลียดชัง ในแววตาคู่นั้นมีความเกลียดชังมากมายจนล้นฟ้า เกลียดจนอยากจะถลกหนังอีกฝ่ายทั้งเป็
หลังจากจ้าวอวี้ถิงกลับไปแล้ว ภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง องค์หญิงใหญ่พิงฉินอี้ด้วยความเหนื่อยใจ นางมองซูิเยว่แล้วพูดขึ้น “คุณหนูซู เื่ในวันนี้ยังขาดความรอบคอบไปเยอะนัก ข้าขอกลับไปจัดการก่อนนะ”
“ไม่เป็ไรเพคะ รบกวนองค์หญิงใหญ่แล้ว”
จากนั้นองค์หญิงใหญ่ก็ออกไปพร้อมกับฉินอี้ ตอนที่เดินไปถึงหน้าประตูก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ง “องค์ชายสาม เช่นนั้นข้าไปจัดการเื่นี้ก่อน”
“อืม ไปเถิด”
รอจนกระทั่งองค์หญิงใหญ่ออกจากเรือนหลังไปแล้ว ตอนนี้ที่นี่จึงเหลือแค่จี๋โม่หานกับซูิเยว่
ซูิเยว่ยืนอยู่ในเรือนครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปด้านนอก เสี่ยวอวี่ที่ยืนรอนางอยู่ด้านนอกมาตลอดก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา นางจับมือของซูิเยว่เอาไว้แล้วมองแผลที่ถูกจ้าวอวี้ถิงข่วน
นางลูบอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม “คุณหนูเจ็บหรือไม่เ้าคะ?”
“ข้าไม่เป็ไร” ซูิเยว่หัวเราะเบาๆ “แค่แผลเล็กๆ ไม่เป็อะไรมากหรอก”
จี๋โม่หานที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็หันหน้าไปทางหลิงชวน คนที่ถูกมองก็เข้าใจแล้วหยิบยาทาแผลออกมาจากอกขวดหนึ่งส่งให้ซูิเยว่ “คุณหนูซู”
ซูิเยว่เห็นขวดยาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย นางมองหลิงชวนสลับกับจี๋โม่หานที่นั่งอยู่บนรถเข็น ในใจลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นไปรับขวดยามา
หากจี๋โม่หานไม่อนุญาต องครักษ์คนหนึ่งก็คงไม่ส่งขวดยาให้กับนางโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ “ขอบพระทัยเพคะองค์ชายสาม”
“ไม่เป็ไร” จี๋โม่หานพูดเสียงเรียบ “เื่ในวันนี้คุณหนูซูเองก็คงใเหมือนกัน”
“หม่อมฉันไม่เป็อะไรเพคะ” ซูิเยว่มองการกระทำที่คาดไม่ถึงของจี๋โม่หานไม่ออก นางจึงทำได้แค่ไหลไปตามบทสนทนาของเขา “เป็พี่อวี้ถิงมากกว่าที่คงขวัญเสีย โชคดีที่องค์ชายสามอยู่และจับคนร้ายได้”
จี๋โม่หานพูดโต้กลับ “แต่คนร้ายก็ตายไปแล้ว จับได้ก็เป็แค่ศพหนึ่งเท่านั้น”
ซูิเยว่ “.....”
ประโยคนี้ของจี๋โม่หานทำให้นางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อไป
ภายในห้องเงียบกริบ จี๋โม่หานพลันหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะใช้น้ำเสียงสบายๆ ถามออกมา “คุณหนูซูกับคุณหนูจ้าวสนิทกันมากหรือ?”
ซูิเยว่ตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองจี๋โม่หานที่อยู่บนรถเข็น ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้ามองออกหมดทุกอย่าง
“ข้ากับพี่อวี้ถิงรู้จักกันมานานแล้วเพคะ จึงสนิทกันมากเป็ธรรมดา”
ซูิเยว่ปรับสภาพจิตใจให้มั่นคงแล้วตอบ “วันนี้พี่อวี้ถิงเจอเื่นี้ ในใจหม่อมฉันก็รู้สึกทุกข์ใจมาก หากเที่ยงนี้ข้าไม่ได้เปลี่ยนห้องกับนาง ตอนนี้ก็คงไม่เกิดเื่แบบนี้ขึ้น”
น้ำเสียงของซูิเยว่เวลาพูดนั้นสั่นเครือราวกับนางเป็ห่วงจ้าวอวี้ถิงจริงๆ
จี๋โม่หานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะใช้น้ำเสียงเหมือนจะหัวเราะพูดเย้า “คุณหนู ที่พูดมาก็ไม่ค่อยมีเหตุผลนะ เื่บางเื่ไม่ใช่คิดอยากจะหลีกเลี่ยงก็สามารถหลีกเลี่ยงได้หรอกนะ”
ซูิเยว่ขมวดคิ้ว มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อเผลอกำเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว นางลองมองสีหน้าของจี๋โม่หานดูว่าจะมองอะไรออกบ้าง แต่เขาเพียงยกยิ้มมุมปากนั่งท่าทางสบายๆ อยู่บนเก้าอี้รถเข็นแล้วหลับตาลง นางมองอะไรไม่ออกเลยสักนิด
“ข้าไม่เข้าใจว่าองค์ชายสามหมายความว่าอะไรเพคะ” ในใจของซูิเยว่รู้สึกระมัดระวังขึ้นมา ตอนที่นางเปลี่ยนห้องเมื่อเที่ยงก็แค่ถูกจี๋โม่หานเห็นเข้าเท่านั้น แต่คงไม่เป็อะไรหรอกกระมัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้