“ผู้อำนวยการหยางครับ ถ้าเรากู้เงินจากธนาคารมา มันจะส่งผลเสียต่อบริษัทเราได้นะครับ” จ้าวเถิงกล่าวด้วยความเป็ห่วง “แต่ถ้าร่วมมือกับบริษัทบันเทิงอื่นๆ ก็อาจจะเป็ไปได้ แต่ผมคิดว่ามันอาจจะเกิดข้อพิพาทเื่ลิขสิทธิ์ได้ บางทีมันอาจจะทำเราไปสู่การฟ้องร้องใหญ่โตด้วยนะครับ”
หยางเฉินส่ายหน้าเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “พวกคุณไม่จำเป็ต้องห่วงเื่ความร่วมมือและการลงทุนจากภายนอก ผมจะติดต่อคุณและหวังจี้ในเื่นี้อีกที สบายใจได้เลย เดี๋ยวผมจะจัดการกับเื่การลงทุนภายนอกเอง”
หยางเฉินกล่าวอย่างสบายๆ เขารู้ว่าเฉียงเวยจะต้องเขามาลงทุนกับเขาอย่างแน่นอน เนื่องด้วยเธอเองก็้าสร้างอิทธิพลในโลกบนดินขึ้นมา อีกทั้งเธอเองก็ไม่ได้สนับสนุนกิจการผิดกฎหมายอยู่แล้ว ทำให้แก๊งหนามแดงสามารถขยายอิทธิพลออกมายังโลกบนดินได้ผ่านทางอวี้เหล่ย อีกทั้งการลงทุนครั้งนี้ยังได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายด้วย
การลงทุนด้านภาพยนตร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ก็เหมือนกับการลงทุนด้านสถานประกอบการ วิธีการลงทุนที่ดีที่สุดก็คือการฟอกเงินนั่นเอง
หวังจี้และจ้าวเถิงยังคงรู้สึกสงสัย แต่พวกเขาก็ตื่นเต้นเช่นเดียวกันที่หยางเฉินสามารถหาเงินลงทุนจากภายนอกเข้ามาได้ หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ปรึกษากันถึงเื่การจัดตำแหน่งงานภายใน จ้าวเถิงรับผิดชอบด้านการรับสมัครคนเข้ามาและการสัมภาษณ์งานต่างๆ ส่วนหวังจี้รับผิดชอบด้านการเจรจากับบริษัทภายนอกและบริษัทบันเทิงอื่นๆ
นี่เป็ขั้นตอนแรกที่มีการดำเนินการเป็ชิ้นเป็อัน หยางเฉินได้ยินหวังจี้บ่นเื่การจัดหาคนที่มีความสามารถด้านการแสดง คนที่เก่งๆ เ่าั้มักจะมีราคาค่าตัวสูงเกินไป หยางเฉินจึงแนะนำเธอว่า “ในตอนนี้พวกที่ค่าตัวแพงไปก็ถือว่าไม่อยู่ในตัวเลือกของอวี้เหล่ย เรายังสามารถฝึกฝนและสร้างนักแสดงของเราขึ้นมาเองได้”
“ท่านประธานกำลังหมายถึง... การออดิชั่น?” หวังจี้มองมาที่เขาอย่างรวดเร็ว
“ใช่ แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันยังไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร พวกเรายังต้องจัดการเื่อื่นๆ อีกมาก ผู้หญิงผู้ชายในประเทศก็อาจจะยังไม่มาออดิชั่นกันใน่นี้นัก ฤดูกาลนี้เราควรจะเตรียมตัวให้พร้อมหลังจากปีใหม่ ซึ่งเป็่ที่อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น เราก็จะสามารถดำเนินการได้อย่างเป็ทางการแน่นอน” หยางเฉินกล่าวกับพวกเขา
จ้าวเถิงขมวดคิ้ว “ผู้อำนวยการหยางครับ จริงอยู่ที่เราสามารถหานักแสดงได้โดยการออดิชั่น แต่ผมคิดว่าเรายังไม่จำเป็จะต้องทำถึงขนาดนั้นเพราะโปรแกรมที่วางเอาไว้บางส่วนอาจจะต้องกระชับเข้ามาอีก นอกจากนี้ถ้านักแสดงไม่พอรวมทั้งโฆษณาภาพยนตร์ไม่ดี มันก็อาจจะเป็เื่ยากที่เราจะได้รับกำไรจากเื่นี้นะครับ”
“คุณไม่จำเป็จะต้องห่วงเื่นั้น เชื่อผมสิ” หยางเฉินหัวเราะขึ้นมา ในหัวใจของคนเราบางทีก็มักจะกังวลกันจนเกินกว่าเหตุ แต่อย่างว่าคนเหล่านี้เป็นักธุรกิจจะกังวลกันไปบ้างก็เป็เื่ธรรมดาอยู่แล้ว
หวังจี้และจ้าวเถิงตอบรับคำของหยางเฉินราวกับต้องมนตร์ พวกเขาคิดว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่ออกมาจากปากของหยางเฉินแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูง่ายดายไปหมด ทำให้พวกเขาสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วทันที
หลังจากที่ประชุมกันจนติดลม หยางเฉินก็เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว
หยางเฉินจึงเอ่ยถามทั้งสองคนขึ้น “พวกคุณหิวหรือยัง ไปทานข้าวเย็นกับผมเถอะ”
หยางเฉินคิดว่ามันคงจะเป็เื่ที่ดี หากเขาสามารถเลี้ยงตอบแทนทั้งสองคนได้ นอกจากนี้มันยังเป็ตัวช่วยให้เขาสามารถสนิทกับทั้งคู่ได้มากขึ้นด้วย ในเมื่อเ้านายชวนทานอาหาร แน่นอนว่าหวังจี้และจ้าวเถิงไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว
พวกเขาคิดว่าการพูดคุยกับหยางเฉินนั้นดูผ่อนคลายและเป็กันเองมาก ผู้บริหารหนุ่มมือใหม่ผู้นี้แทบจะไม่แสดงความเป็ใหญ่หรือเย่อหยิ่งราวกับผู้สูงส่งออกมาแม้แต่น้อย
นั่นทำให้ทั้งคู่ยอมรับในตัวของหยางเฉินได้อย่างรวดเร็ว
หยางเฉินนำทั้งคู่ออกจากสำนักงาน ระหว่างทางเขาก็ยังพูดคุยกับพนักงานไปด้วย ทำให้เหล่าพนักงานทั้งหลายต่างรู้สึกดีที่มีหัวหน้าที่เอาใจใส่ลูกน้องเช่นนี้ หยางเฉินไม่ได้นำทั้งคู่ไปยังที่จอดรถ เขาเดินตรงไปยังรถ BMW สีขาวที่จอดรออยู่
หลังจากที่เดินตามหยางเฉินมา หวังจี้และจ้าวเถิงก็เห็นรถราคาหลักล้านของหยางเฉิน ทำให้ทั้งคู่ต่างรู้ว่าพื้นเพของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน จะมีหนุ่มสาวที่ไหนบ้างที่สามารถเป็ประธานบริษัทได้ั้แ่อายุยังน้อยและยังมีรถยนต์ราคาแพงขนาดนี้ขับอีก?
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาเห็น เป็เพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่หยางเฉินได้รับมาจากภรรยาคนสวยของเขา
จ้าวเถิงและหวังจี้ต่างคิดไม่ถึงว่าที่ที่หยางเฉินพามาจะไม่ใช่ร้านอาหารหรูหราแสนเงียบสงบ หากแต่เป็ร้านสุกี้ริมทางที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ในร้านนั้นมีพนักงานที่สวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆ อยู่ แต่หยางเฉินก็ไม่ได้นึกใส่ใจแต่อย่างใด
เขาเดินนำทั้งคู่เข้าไปนั่งในร้าน เนื่องจากการแต่งกายของทั้งสามคน ทำให้ลูกค้าคนอื่นภายในร้านต่างประหลาดใจที่เห็นคนระดับนี้มานั่งกินข้าวข้างทาง โดยเฉพาะกับหวังจี้ครอบครัวของเธอไม่เคยพาเข้ามาในร้านแบบนี้แม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต
แต่เธอก็อายที่จะปฏิเสธคำเชิญของหยางเฉิน เธอจึงเดินไปเลือกที่นั่งที่ดูสะอาดที่สุดก่อนจะขมวดคิ้วไม่พูดอะไร
หยางเฉินเริ่มสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว เขาสั่งมามากมายจนหวังจี้และจ้าวเถิงถึงกับตาโตเป็ไข่ห่าน
“ผู้อำนวยการหยาง นี่มันมากเกินไป... ผมคงกินไม่หมด...” จ้าวเถิงกล่าว
หยางเฉินโบกไม้โบกมือตอบ “กลัวอะไรกัน? ถ้าน้อยกว่า 1000 หยวน ผมเลี้ยงได้อยู่แล้ว สบายใจได้ กินให้เต็มที่เลย!”
จ้างเถิงแทบจะร้องไห้ เพราะต่อให้ราคาแค่ครึ่งหยวนเราก็ไม่กล้ากิน!
“หรือนายอยากจะดื่มด้วย เหล้าพื้นเมืองที่นี่อร่อยนะ ลองดูสักสองขวดเป็ไง?” หยางเฉินกล่าวอย่างมีความสุข
แค่สิบหยวนก็สามารถซื้อเหล้าพื้นเมืองได้แล้ว? จ้าวเถิงและหวังจี้ต่างไม่เข้าใจกับระดับการกินของคนตรงหน้าอย่างสมบูรณ์
“หรือสองขวดจะไม่พอ งั้นสามขวด ไม่ก็เอามาครึ่งกิโลเลยก็ได้ เหล้าที่นี่ไม่เกิน 50 ดีกรีอยู่แล้ว อย่าห่วงไปเลย ผมรับรองได้เลยว่ารสชาติมันดีแน่นอน!” หยางเฉินพูดขึ้นขณะตระเตรียมอาหารและเครื่องดื่มที่ข้างหน้าของเขา
จ้าวเถิงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเคร่งเครียด “ผู้อำนวยการหยางครับ ผมกับหวังจี้ไม่ได้อยู่แผนกประชาสัมพันธ์ แค่ดื่มนิดหน่อยก็เมาแล้วครับ”
“ผ่อนคลายเถอะ เดียวผมจะช่วยคุณดื่มเอง น่าเสียดายออกถ้าสั่งมาแล้วเราไม่ได้ดื่มน่ะ” หยางเฉินกล่าว
ในที่สุดหยางเฉินก็เริ่มเตรียมทำการปิ้งย่างเนื้อบนหม้อ เขาโยนเนื้อและเืเข้าไปใบกระทะอย่างชำนาญ กลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยออกมาแตะจมูกเขาทำให้หยางเฉินรู้สึกอารมณ์ดีเป็พิเศษ
จ้าวเถิงและหวังจี้ดูอึดอัดเล็กน้อย นี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาเข้ามากินร้านอาหารข้างทางที่ดูไม่ค่อยถูกสุขอนามัยนัก ถ้าพวกเขาไม่หิวจริงๆ ก็คงไม่กล้ากินอาหารเหล่านี้แน่นอน
หยางเฉินหยิบเอาจานเล็กด้านข้างออกมาและลงมือคีบเนื้อใส่จานตัวเองทันที นี่เป็ครั้งแรกที่จ้าวเถิงและหวังจี้เห็นเ้านายเขากล้าหาญถึงขนาดเริ่มกินก่อน!
“โรงแรมหรูส่วนใหญ่ไม่ให้ผมสูบบุหรี่ เลยออกจะน่าเบื่อเล็กน้อย” หยางเฉินกล่าวขณะที่หยิบเอามวนบุหรี่ออกมาจุด
“กินสุกี้ต้องกินหน้าหนาวแล้วก็สูบบุหรี่ไปด้วย มันดูออกจะมีชีวิตชีวาจะตาย นอกจากนี้ยังได้ดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ ด้วย เพราะเหตุนี้ผมก็เลยชวนพวกคุณมาไง”
จ้าวเถิงฝืนยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มที่นัก “ถ้าท่านประธานรู้สึกเช่นนั้นก็ดีครับ แค่กๆ” ควันบุหรี่ทำให้จ้าวเถิงสำลัก แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น หวังจี้ปิดปากกับจมูกของเธอ
“ผมรู้” หยางเฉินกล่าว “ที่ผมพาพวกคุณมากินอาหารวันนี้ก็เพราะอยากจะให้พวกคุณรู้ว่า ผมไม่ได้มีพื้นเพระดับสูงมาั้แ่เกิดเช่นเดียวกับพวกคุณ รสนิยมผมก็ค่อนข้างจะเชยนิดๆ อีกอย่างหนึ่งถึงแม้ผมจะทำงานอยู่ในระดับเดียวกับคนเก่งๆ ที่เป็ผู้บริหารเ่าั้ แต่ผมก็ยังไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย ผมแตกต่างตรงที่ผมมาจากทางตะวันออกของเมือง ผมเป็พ่อค้าขายแพะย่างที่นั่น อย่างน้อยผมก็ยังมีใบปริญญาจากฮาร์วาร์ดอยู่ แต่ตอนนั้นผมภูมิใจที่ได้ขายเนื้อแพะย่างมากกว่านะ”
จ้าวเถิงและหวังจี้รับฟังหยางเฉินพูดอย่างตั้งใจ จนในที่สุดหยางเฉินก็รินเหล้าให้กับทั้งสองคนจนเต็มแก้ว “มาๆ ดื่มให้กับผมที่โง่ขายแพะย่างเลี่ยงภาษีมานาน ถ้าผมต้องกลับไปขาย ผมก็ยังจะวิ่งหนีเ้าหน้าที่เก็บภาษีอยู่ดีนั่นแหละ! ใครมันจะไปจ่าย!”
จ้าวเถิงและหวังจี้ยิ้มออกมาให้กับเขา พร้อมทั้งยกแก้วขึ้นถึงแม้ว่าเหล้านี่จะแรงกว่าไวน์ แต่พวกเขาก็ดื่มมันในที่สุด ของเหลวร้อนไหลลงไปตามลำคอจนทำให้ทั้งคู่แทบจะรู้สึกว่ากำลังถูกเผาไหม้ ทำให้พวกเขาไอออกมาอย่างต่อเนื่อง
หยางเฉินรู้สึกสงสารปนตลกกับทั้งสอง เขายื่นน้ำเย็นให้ทั้งคู่ได้ดื่มคลายความร้อนทันที
“ครั้งหน้าถ้าไม่ดื่มก็บอกผมตรงๆ ก็ได้นะ ให้ผมเป็เ้านายขี้เมาคนเดียวก็ได้” หยางเฉินกล่าว
จ้าวเถิงตอบเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าผมไม่ดื่มนะครับ แต่เหล้าของผู้อำนวยการหยางแรงไปต่างหากล่ะ”
ทั้งสามคนเริ่มพูดคุยกันเล็กๆ น้อยๆ จากนั้นก็ลงมือกินสุกี้หม้อร้อน แต่จ้าวเถิงและหวังจี้ก็ไม่ได้กินมากนัก มีเพียงแค่หยางเฉินเท่านั้นที่ซัดเอาซัดเอาอย่างรวดเร็วจนทั้งคู่ตกตะลึง
นี่เป็ครั้งแรกที่ทั้งสองเห็นกองจานที่วางเรียงอยู่ว่างเปล่า ส่วนอาหารเ่าั้ถูกหยางเฉินสวาปามลงท้องของเขาเป็ที่เรียบร้อย
ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ทั้งคู่ต่างรู้สึกทึ่งในตัวของหยางเฉินมากยิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าเ้านายคนนี้จะมีเื่ราวมากมายที่พวกเขายังไม่รู้ และพวกเขาเองก็ยังอยากจะรู้เื่ราวเ่าั้ของเ้านายผู้ต่างจากปกติคนนี้เอามากๆ
“ผู้อำนวยการหยาง เราดื่มกันมาขนาดนี้คงขับรถกลับไม่ได้หรอกครับ บางทีคงต้องนั่งรถแท็กซี่กลับไป?” จ้าวเถิงกล่าวต่อ “หรือไม่ก็คงต้องให้คนในบริษัทมารับเรากลับไปแทน”
หยางเฉินหัวเราะขึ้นมา “กลัวอะไรกับอีแค่ตำรวจ ผมเข้าออกที่นั่นยิ่งกว่าที่บ้านเสียอีก เดี๋ยวผมขออาสาไปส่งพวกคุณเอง”
จ้าวเถิงแล้วหวังจี้ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าประธานบริษัทของพวกเขาจะเป็พวกแก๊งมาเฟียมาก่อน อีกทั้งยังอาสาพาไปส่งถึงบ้านในขณะที่ตัวเองยังเมาอยู่ด้วย!
ในตอนนั้นเองขณะที่เขากำลังจะพาทั้งคู่ไปส่ง หยางเฉินก็เห็นใครบางคนที่ดูคุ้นเคยเดินผ่านไป
หยางเฉินยิ้มขึ้นมาครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับทั้งสองคน
“พวกคุณช่วยรออยู่ตรงนี้สักสิบนาทีนะครับ เดี๋ยวผมกลับมา”
โดยไม่รอให้ทั้งสองคนได้ถาม หยางเฉินรีบก้าวออกจากร้านสุกี้แล้วหายลับเข้าไปในซอยทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้