เมื่อชูโคมไฟขึ้นมองแล้ว ผู้ที่อยู่บนหลังม้าคืออวี๋ซานจริงๆ
อวี๋ซานควรจะถูกกักบริเวณอยู่สิ เหตุใดถึงมาหนานอี๋ได้
เฮ้อ การกักบริเวณของบ้านเ้าเมืองอวี๋ออกจะแย่เกินไปแล้วจริงๆ เฉิงชิงคิดไปว่า กว่าอวี๋ซานจะได้ออกมา อย่างน้อยก็ต้องหลังจากที่การสอบระดับอำเภอเสร็จสิ้นสิ!
เ้าหน้าที่ทั้งสองเองก็ใใหญ่ “นายน้อยสาม เหตุใดจึงมาได้ล่ะขอรับ?”
พวกเขาเป็ผู้ที่เ้าเมืองอวี๋ส่งตัวมา ย่อมต้องรู้จักอวี๋ซาน
เฉิงชิงเอือมระอา “ท่านทั้งสอง ข้าและนายน้อยอวี๋ซานมีความแค้นกันขอรับ”
ฟังแล้วยิ่งกระวนกระวายยิ่งกว่าเฉิงชิง
ผู้ใดไม่รู้บ้างเล่าว่าสองคนนี้มีความแค้นกันอยู่!
นายน้อยสามเลือกมาในเวลานี้ คงจะไม่ใช่ว่า้าจะทำลายการสอบระดับอำเภอของเฉิงชิงหรอกกระมัง?
ไม่ได้ พวกเขาไม่อาจมองนายน้อยสามกระทำความผิด การสอบเข้ารับราชการเป็รากฐานนโยบายแห่งแคว้นของราชสำนักในการคัดเลือกผู้มีความสามารถ อย่าว่าแต่บุตรชายของท่านเ้าเมืองเลย แม้แต่ตัวท่านเ้าเมืองเองก็ไม่อาจทำลายได้... หากเฉิงชิงเป็ผู้เข้าสอบทั่วไปก็ช่างเถิด ดันเป็ผู้ที่ถูกจับตามองอยู่ในระดับสูงมาก ตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ กว่าเก้าในสิบส่วนเป็ของเฉิงชิงแล้ว ยามนี้หากเกิดเื่ นายน้อยสามย่อมหนีไม่รอดเป็แน่!
เ้าหน้าที่ทั้งสองคุ้มครองเฉิงชิง รับประกันทุกหนทางว่าจะส่งเฉิงชิงถึงสนามสอบอย่างปลอดภัย
พวกเขาทำเช่นนี้ไม่เพียงทุ่มเทปกป้องเฉิงชิง แต่ยังเป็การป้องกันไม่ให้อวี๋ซานหุนหันทำความผิดใหญ่หลวง กล่าวได้ว่าพวกเขาทั้งสองตื่นตัวขึ้นสิบสองส่วน ความเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตามอย่างลมพัดใบหญ้าไหวล้วนหนีไม่พ้นสายตาของพวกเขา
อวี๋ซานเห็นเฉิงชิงทำราวกับพบศัตรูคนสำคัญก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
“เ้าเองก็ไม่เท่าไรนี่ เ้าคนขี้ขลาด!”
เฉิงชิงหันศีรษะไปอีกทาง วันนี้คือวันสอบระดับอำเภอสนามสุดท้าย ผู้ใดก็ตามที่พยายามขัดขวางนางจากการได้รับตำแหน่งบัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ... เฉิงชิงล้วนเลือกที่จะอดทนเอาไว้
การเยาะเย้ยเพียงเล็กน้อยนับว่าเป็อันใดได้ ถึงมีคนชี้หน้าด่านาง ก็ต้องรอให้สอบสนามสุดท้ายเสร็จก่อนนางถึงจะสามารถเอาคืนได้!
เฉิงชิงและเ้าหน้าที่สองนายเดินนำอยู่ด้านหน้า อวี๋ซานขี่ม้ากุบกับๆๆ ตามอยู่ด้านหลัง เ้าหน้าที่ต่างอกสั่นขวัญแขวนตลอดทาง ยังโชคดีที่ถึงแม้อวี๋ซานจะทำหน้าชั่วร้าย สุดท้ายแล้วก็ไม่ทำอะไรเฉิงชิงจริงๆ จนเมื่อห่างจากสนามสอบอีกครึ่งถนน พวกเขาต่างคิดว่าวันนี้จะส่งมอบภารกิจนี้อย่างราบรื่นแล้ว จู่ๆ ก็มีคนวิ่งออกมาจากในตรอกจำนวนหนึ่ง——
“เฉิงชิง เ้าทำให้ลูกข้าตกระกำลำบาก!”
“เ้าไม่กลัวกรรมตามสนองหรือ…”
“ฮือๆๆ”
เหล่าเ้าหน้าที่ขนลุกซู่ ชักดาบข้างเอวออกจากฝัก เมื่อจ้องมองกลับเป็เด็กและสตรีที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งไม่กี่คน หญิงชราบ้านนอกที่เดินง่อนแง่น หญิงสาวและเด็กสองคนที่หน้าตามอมแมมผมเผ้ายุ่งเหยิง คนที่เล็กสุดยังใส่กางเกงเปิดก้นอยู่เลย คนไม่กี่คนนี้ขวางทางเดินของเฉิงชิง จะไม่ให้เหล่าเ้าหน้าที่ตกตะลึงพรึงเพริดได้อย่างไร?
สตรีอ่อนวัยผู้นั้นผลักเด็กสองคนไปที เด็กทั้งสองก็กอดเท้าเฉิงชิงซ้ายขวาคนละข้างร้องไห้จ้า
เฉิงชิงได้ป้องกันเหตุไม่คาดฝันทุกรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้นได้แล้ว เพียงแต่ไม่มีแบบที่เกิดขึ้นตอนนี้
เด็กทั้งสองร่างกายสกปรกมอมแมม กอดขากางเกงนางไม่ปล่อย เช็ดน้ำมูกบนกางเกงนางแล้ว—— นี่นางถูกเล่นเล่ห์แล้วหรือ?
เฉิงชิงมองน้ำมูกเหลืองที่เปียกขากางเกงแล้วในใจก็พะอืดพะอม
กางเกงตัวนี้เป็ของที่พี่สาวคนรองทำให้กับมือ เพิ่งซักได้ครั้งเดียว ดูท่าแล้วหลังจากนี้ไม่สามารถใส่ได้แล้ว
นางสามารถทนทุกข์ทรมานได้ แต่ไม่อาจทนความสกปรก
ทนทุกข์ทรมานเป็เพียงเื่ชั่วคราว นางช้าเร็วก็สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
นิสัยรักสะอาดเป็สิ่งที่บ่มเพาะมาั้แ่ยังเล็ก ด้วยเงื่อนไขครอบครัวของนางก่อนหน้าที่จะทะลุมิติมา ไม่ว่าเวลาใดก็ไม่เคยสวมเสื้อผ้าสกปรก โอเคไหม! เฉิงชิงเป็คนคลั่งความสะอาด นางมายังราชวงศ์เว่ยก็อดทนอย่างสุดความสามารถแล้ว มักจะเห็นมูลของปศุสัตว์บนถนนของอำเภอเป็ครั้งคราว เข้าห้องน้ำไม่มีชักโครก ตอนฤดูหนาวซักผ้าไม่สะดวก กลิ่นบนตัวคนส่วนใหญ่ยากที่จะอธิบายเป็คำพูดสั้นๆ ได้ สิ่งเหล่านี้นางทนได้อยู่ บางครั้งคราวก็เกือบจะทนไม่ไหวแล้ว!
หากที่กอดเท้านางอยู่ไม่ใช่เด็กน้อยสองคน เฉิงชิงคงจะใช้เท้าเตะจนลอยไปนานแล้ว
แต่เพราะเป็เด็กเล็ก นางถึงอดทนเกร็งตัวเองอยู่ไม่เตะออกไป
เด็กเล็กแค่นี้จะไปรู้เื่อะไร ทำเื่ที่ผิดก็เป็เพราะผู้ใหญ่สอน
“ท่านเ้าหน้าที่!”
เหล่าเ้าหน้าที่ฟื้นคืนสติ เก็บดาบข้างเอวคืนฝัก พยายามอุ้มเด็กออกไป หญิงชรานางนั้นล้มลงบนพื้นไม่ยอมลุก ะโว่าคนของทางการตีคนแล้ว หญิงสาวที่หน้าตามอมแมมผมเผ้ายุ่งเหยิงก็ทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย ถ่มน้ำลายใส่ เด็กที่โตกว่าหน่อยนั้นก็ใช้ความคมของฟันและปากให้เป็ประโยชน์ กัดเข้าที่มือของพวกเขาอย่างเต็มปาก
เ้าหน้าที่ทั้งสองโมโหในทันใด
“คนเ้าเล่ห์จากไหนกันถึงกล้าขวางทางคุณชายเฉิงไปสอบ ไม่เห็นกฎหมายในสายตา ข้าจะจับพวกเ้าเข้าคุกเฆี่ยนตีให้เกลี้ยง!”
ตรงนี้ห่างจากสนามสอบครึ่งถนน เป็ถนนที่ผู้เข้าสอบที่เข้าร่วมการสอบระดับอำเภอต้องผ่านเป็จำนวนมาก
เฉิงชิงเจอเื่วุ่นวายเข้าแล้ว ผู้เข้าสอบมากมายล้วนหยุดฝีเท้าชม
หากเป็สถานการณ์อื่นก็ยังมีผู้อื่นช่วยพูดให้ แต่เมื่อพิจารณาผู้ที่ขวางทางเป็เด็กและสตรีที่น่าสงสารอย่างยิ่ง เหล่าผู้เข้าสอบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไหนเลยจะกล้าสอดมือเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า?
หากพวกเขาถูกคนไม่กี่คนเช่นนี้มาพัวพัน วันนี้ก็ไม่ต้องคิดที่จะสอบสนามสุดท้ายของการสอบระดับอำเภอแล้ว
เมื่อเ้าหน้าที่กล่าวว่า้าจะจับคนไปเฆี่ยนตี มีผู้เข้าสอบสองคนที่ทนไม่ได้อย่างยิ่ง
“ทั้งครอบครัวนี้ไม่ว่าจะมาจากที่ใด ล้วนทนการเฆี่ยนตีของที่ว่าการไม่ได้หรอกกระมัง?”
“ไม่สู้สอบถามให้กระจ่างว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่…”
“ควรให้เกียรติผู้ชราดั่งบิดามารดาชราของตน เมตตาเด็กเล็กดั่งบุตรของตน นี่เป็คำกล่าวของท่านปราชญ์เมิ่ง[1]!”
เ้าหน้าที่ทั้งสองถูกเหล่าบัณฑิตกล่าวมัดมือมัดเท้าทำอะไรไม่ได้
บัณฑิตเื่มากนี่มีเยอะจริงหนอ
มือของพวกเขายังไม่โดนหญิงชรา หญิงชราก็ล้มลงบนพื้นลุกไม่ขึ้น ะโว่าคนของทางการตีคนแล้ว หญิงสาวนางนั้นก็ถ่มน้ำลายใส่หน้าพวกเขา ทั้งยังถูกเด็กเวรกัดอีก ในใจหงุดหงิดเป็อย่างมาก
คนเ้าเล่ห์เช่นนี้กล้าให้เ้าหน้าที่ลงมือ ถ้าจะกล่าวว่าเื้ัไม่มีคนหนุนหลัง ผู้ใดเล่าจะเชื่อ?
พวกเขาเป็กังวล หากครอบครัวนี้เป็นายน้อยสามจัดหามา พวกเขาควรจะจัดการเช่นไรดี!
เฉิงชิงปล่อยให้เด็กน้อยทั้งสองคนกอดเท้าร้องไห้โหวกเหวก สายตาตวัดมองไปยังอวี๋ซาน
นี่คือลูกไม้ของอวี๋ซานหรือ?
ช่างเป็ผู้ที่ชั่วร้ายจริงๆ แต่ก็ค่อนข้างมีประโยชน์
อวี๋ซานที่ขี่อยู่บนม้าประสานสายตากับเฉิงชิง เขาอยากเห็นเฉิงชิงตกตะลึงและโกรธเกรี้ยว แต่เฉิงชิงกลับขมวดคิ้วไม่เอ่ยคำ ยอมให้หญิงชราร้องไห้และหญิงสาวประณาม ไม่เอ่ยแก้ตัวให้ตนเองโดยสิ้นเชิง
เฉิงชิงสุขุมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
เมื่อประสานสายตากันแล้ว อวี๋ซานก็ร้อนตัวอย่างไร้สาเหตุ
คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่เขาจัดหามา เขาเพียงคิดถือโอกาสดูเื่ตลกเท่านั้น!
ในใจคิดเช่นนี้ ร่างกายกลับลงจากม้าอย่างควบคุมไม่ได้
อวี๋ซานจับคอเสื้อของเด็กทั้งสองข้างละคน ดึงเด็กๆ ให้ลุกขึ้น
“บิดาข้าเป็เ้าเมืองที่ดูแลเมืองเซวียนตู หากพวกเ้าได้รับความอยุติธรรมก็สามารถเล่าให้ข้าผู้เป็นายน้อยฟังได้ หากเฉิงชิงทำเื่ที่ผิดกฎหมาย ข้าก็จะเป็คนแรกที่ไม่ละเว้นเขา!”
เป็อวี๋ซาน!
สหายร่วมเรียนห้องเรียนติงเก้าหลายคนรีบเดินเข้ามาปกป้องเฉิงชิง
แววตาที่มองอวี๋ซานไม่เป็มิตร ตัดสินไปแล้วว่าอวี๋ซานเล่นลูกไม้เพื่อขัดขวางเฉิงชิงในการเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอสนามสุดท้าย
อวี๋ซานช่างต่ำช้า ไม่้าให้เฉิงชิงได้ตำแหน่ง ‘บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ’ ถึงขนาดใช้ลูกไม้สกปรกเช่นนี้
“เฉิงชิงถูกใต้เท้าอวี๋ขังไว้ที่ตรอกหยางหลิ่วตลอดเวลา จะสามารถทำเื่ผิดกฎหมายได้อย่างไร?”
“อยากใส่ความใครล้วนมีข้ออ้างได้เสมอ!”
“เฉิงชิง รีบเข้าสนามสอบไปกับพวกข้า ไม่ต้องสนใจคนเหล่านี้ รอสอบเสร็จแล้วค่อยมาจัดการเื่ทั้งหมดนี้ อย่ามาติดกับแผนร้ายของผู้อื่น!”
อวี๋ซานแจ้งสถานะของตนเองแล้ว หญิงชราที่ร้องไห้โวยวายไม่หยุดพลันเงียบเสียงลง
หญิงสาวที่กล้าถ่มน้ำลายใส่เ้าหน้าที่ สุดท้ายก็ไม่กล้าถ่มนเลายบนตัวคุณชายของท่านเ้าเมือง
เด็กน้อยทั้งสองเมื่อถูกอวี๋ซานยกคอเสื้อก็ได้แต่ดิ้นเหมือนลูกเจี๊ยบ ไม่อาจดิ้นหลุดจากฝ่ามือพันธนาการของอวี๋ซานไปได้โดยสิ้นเชิง
[a1]
ละครตลกฉากนี้เริ่มต้นอย่างแปลกประหลาด ทว่าหยุดกลางคันได้แปลกประหลาดยิ่งกว่า
ก่อนที่จะเข้าสนามสอบ เฉิงชิงที่ถูกสหายร่วมเรียนคุ้มกันเหลือบไปเห็นบุรุษผมกระเซิงวิ่งออกมาจากในตรอก ะโว่า “ข้าต่างหากที่เป็อั้นโส่ว” ้าที่จะบุกเข้าสนามสอบ ไม่ต้องให้เ้าหน้าที่ที่ประกบเฉิงชิงลงมือ ก็ถูกผู้ดูแลผู้เที่ยงธรรมด้านนอกสนามสอบเตะกลิ้งในทันที จากนั้นก็จับใส่ตรวนจองจำ
“คนบ้าจากไหนกัน กล้าดียังไงบุกเข้าสนามสอบอันเป็สถานที่ที่สำคัญ!”
เป็คนบ้าหรือ?
คุ้นตาอย่างแปลกประหลาด
เหล่าสหายร่วมเรียนปลอบโยนนาง ให้นางทำใจตอบคำถามให้สบายก่อน รอให้หลังสอบเสร็จแล้วค่อยไปคิดจุกจิกกับอวี๋ซาน
เฉิงชิงเห็นต่างในใจ
——เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้อวี๋ซานเป็คนทำหรือ? ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกนัก หากอวี๋ซานลงมือจริง นอกจากจะถูกทุกคนก่นด่าอีกรอบก็ไม่ได้ประโยชน์อื่นใดเลยแม้แต่น้อย!
[1] เมิ่งจื่อหรือเม้งจื๊อ (372 - 289 ก่อนคริสตกาล) คือปราชญ์นักคิดคนสำคัญแห่งยุคจ้านกั๊วของจีน
[a1]
