ที่สระบัวอวี้จิ่นได้ยินคำสั่งของท่านแม่ทัพอย่างชัดเจน นางหันหลังตั้งใจจะไปตามพ่อบ้านหวังก็พอดีเห็นอีกฝ่ายวิ่งมา
อวี้จิ่นไม่มีเวลาอธิบายกับพ่อบ้านหวังทำได้เพียงบอกกับเขาอย่างร้อนใจว่า “พ่อบ้านหวังเ้าคะฮูหยินบ้านข้าหมดสติอยู่ริบสระบัวนี่มาั้แ่บ่าย ท่านแม่ทัพอุ้มฮูหยินกลับไปแล้ว และสั่งให้ท่านรีบไปตามท่านหมอมาโดยด่วนเ้าค่ะ”
พ่อบ้านหวังได้ยินที่อวี้จิ่นบอกก็ใยกใหญ่ เขาขาสั่นขึ้นมาน้อยๆนึกตำหนิตนเองในใจว่าเหตุใดภายหลังจึงไม่ไปดูว่าฮูหยินกลับไปถึงเรือนแล้วหรือไม่
พ่อบ้านหวังรีบวิ่งไปทางเรือนใหญ่ หมายจะสั่งให้คนงานไปตามหมอมา
เมื่อพ่อบ้านหวังมาถึงเรือนใหญ่แล้ว ในตอนที่กำลังจะสั่งคนงานให้ไปตามหมออยู่นั่นเองก็พอดีเห็นป้าจ้าวในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าออกมาส่งท่านหมอออกจากจวน
ที่แท้วันนี้เป็วันที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะเชิญหมอมาตรวจชีพจรให้นางเป็ประจำทุกเดือน
เพราะฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้วจึงยิ่งทะนุถนอมชีวิตยิ่งกว่าเดิมทุกเดือนแม้ว่าจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ต้องเชิญหมอมาช่วยนางตรวจชีพจร
แม้หั่วอี้จะไม่สนใจเื่รักๆ ใคร่ๆ แต่เขาก็กตัญญูกับฮูหยินผู้เฒ่านักจึงจองตัวท่านหมอจินซึ่งเป็หมอที่ในเมืองพากันโจษจันว่ามากประสบการณ์และมีความชำนาญที่สุดให้แก่นาง
ท่านหมอจินผู้นี้เดิมทีเป็หนึ่งในตัวเลือกของหมอหลวงแต่จนใจที่ไม่ว่าจะเป็ตายเช่นไรเขาก็ไม่ยินยอมเข้าวัง ครั้งนั้นมีข้าหลวงซื้อเส้นสายต่างๆที่ช่วยให้บรรดาพี่น้องของเขาสามารถเข้าไปทำงานในสำนักหมอหลวงไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดบังคับให้ท่านหมอจินเข้าไปทำงานในวังได้เลย
ด้วยเหตุนี้เหล่าขุนนางและคนใหญ่โตในเมืองจึงพากันร่ำลือเื่ฝีมือของท่านหมอจินทำให้เขาเป็ที่้าตัวอย่างมาก
์ช่วยข้าแล้วเมื่อพ่อบ้านหวังเห็นท่านหมอจินก็ดีใจอย่างล้นเหลือ
พ่อบ้านหวังรีบเข้าไปรั้งตัวท่านหมอจินที่กำลังจะก้าวเท้าออกนอกประตูใหญ่เมื่อเขาคิดถึงภาพที่ฮูหยินล้มนอนอยู่กับพื้นเมื่อครู่นี้ก็ไม่มีเวลาจะอธิบายให้ละเอียดได้แต่ดึงตัวอีกฝ่ายเอาไว้ ปากก็พร่ำบอกว่า “ช้าก่อนขอรับท่านหมอจิน ยามนี้มีคนในจวนต้องได้รับการรักษาโปรดตามข้ามาด้วยขอรับ”
พูดจบ พ่อบ้านหวังก็ไม่มีเวลามาห่วงสายตาสงสัยของป้าจ้าวเอาแต่ดึงตัวท่านหมอจินไปทางเรือนหลัก
ป้าจ้าวเห็นพ่อบ้านหวังมีท่าทีเร่งร้อนเช่นนั้นก็ใเห็นพวกเขามุ่งหน้าไปที่หอหั่วเยี่ยนซึ่งเป็เรือนพักของท่านแม่ทัพจึงไม่ได้สนใจจะกลับมาบอกกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือนหากแต่เดินตามหลังพ่อบ้านหวังไปด้วย
ส่วนเรือนหลักในเวลานี้ก็กำลังวุ่นวายกันเสียยกใหญ่เพราะหลังจากท่านแม่ทัพอุ้มหลิ่วจิ้งกลับมาถึงห้องนอนและวางนางลงบนเตียงแล้วไม่ว่าหั่วอี้จะเรียกอย่างไรหลิ่วจิ้งก็ไม่ลืมตา ทว่าหางตาของนางกลับมีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
อิ๋งเหอกับซีชิวที่รีบมาหลังรู้ข่าวก็ยิ่งว้าวุ่นกันหนักเมื่อเช้าฮูหยินยังต่อว่าปนกระเซ้าล้อเล่นกับพวกนางอยู่ดีๆ เหตุใดบัดนี้กลับเอาแต่นอนหมดสติไม่รู้ตัว
ยามมองเห็นใบหน้าซีดเผือดของฮูหยินบ้านตนอิ๋งเหอและซีชิวใจนทำอะไรไม่ถูก พวกนางล้วนไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนแม้จะบอกว่าพวกนางเป็บ่าวที่มักถูกเ้านายดุด่าทุบตีจนเป็เื่ปกติแต่กลับไม่เคยพบเห็นเื่หนักหนาเกี่ยวพันถึงชีวิตเช่นนี้
อิ๋งเหอและซีชิวมองหน้ากันหลายหนพวกนางอยากไปดูฮูหยินที่ข้างเตียง แต่เมื่อเห็นสีหน้าคร่ำเครียดของท่านแม่ทัพ ก็ไม่กล้าทั้งแสดงอาการตื่นเต้นเกินควรหรือเดินเข้าไปจึงได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างร้อนใจ มองท่านแม่ทัพคอยร้องเรียกฮูหยินแม้พวกนางสองคนคิดจะเข้าไปใกล้ๆ แต่ที่สุดแล้วก็ไม่กล้า
ดีที่เรือนหลักห่างจากเรือนหน้าไม่ไกลนักพ่อบ้านหวังดึงตัวท่านหมอจินเดินมาอย่างเร่งร้อน วิ่งเหยาะๆ ไปพลางอธิบายอาการของฮูหยินโดยคร่าวให้ท่านหมอจินฟังไปพลาง
เมื่อท่านหมอจินและคนอื่นๆ มาถึงเรือนหลัก เขาก็พอจะรู้อาการพื้นฐานของคนเจ็บที่ตนต้องรักษาแล้ว
หั่วอี้เห็นว่าแม้ฮูหยินจะยังมีลมหายใจรวยรินอยู่แต่ไม่ว่าตนจะร้องเรียกอย่างไรนางก็ไม่ลืมตาเสียที จึงร้อนใจอย่างหนักรู้สึกเ็ปเหมือนหัวใจถล่มลงมาข้างหนึ่ง
ดีที่พ่อบ้านหวังพาตัวท่านหมอมาได้อย่างรวดเร็วพอหั่วอี้เห็นว่าหมอที่มาคือท่านหมอจินก็ดีใจนัก นั่นเพราะฝีมือแพทย์ของท่านหมอจินเป็ที่สรรเสริญจากทุกผู้ทุกคน
หั่วอี้กำลังจะเล่าอาการของฮูหยินให้ท่านหมอจินฟังอีกฝ่ายกลับโบกมือให้เขาพลางบอกสั้นๆ เพียงคำหนึ่งว่า “ข้ารู้แล้ว”
ท่านแม่ทัพจึงไม่พูดอะไรอีก รีบลุกขึ้นให้ท่านหมอจินเข้ามานั่งในที่ที่สะดวกต่อการวินิจฉัยโรค
ฝ่ายท่านหมอจินเองก็ไม่ได้เกรงใจต่อท่านแม่ทัพเมื่อพยักหน้าให้และถือว่าเป็การทักทายแล้วก็รีบจับชีพจรของหลิ่วจิ้งดู
หั่วอี้ยืนอยู่ข้างๆจับจ้องทุกอิริยาบถของท่านหมอจินด้วยความตึงเครียด เมื่อเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วตอนที่กำลังจับชีพจรเขาก็ยิ่งร้อนใจหนักกลัวว่าคนบนเตียงจะมีอันเป็ไป
ป้าจ้าวที่ตามมาพอเห็นฮูหยินนอนอยู่บนเตียงก็ตื่นใด้วยความที่เป็คนเก่าคนแก่ในเรือน สิ่งแรกที่นางนึกถึงคือถ้าไม่ใช่ฮูหยินใหญ่ก็ต้องเป็อาหนูที่แอบลงมือกับฮูหยินนับั้แ่นางยังเป็สาวและติดตามฮูหยินผู้เฒ่าแต่งงานจนไต่เต้ามาถึงตำแหน่งในทุกวันนี้ก็พบเห็นความสกปรกโสมมในบ้านเรือนใหญ่โตมานักต่อนักแล้ว
ขณะที่ป้าจ้าวกำลังขบคิดอยู่ว่าฮูหยินบ้านใดเป็ฝ่ายลอบลงมือในที่สุดท่านหมอจินก็เก็บมือที่จับชีพจรของหลิ่วจิ้งกลับไป
หั่วอี้เห็นท่านหมอจินตรวจเสร็จแล้วก็อดเอ่ยปากไม่ได้ว่า “ท่านหมอจิน ฮูหยินของข้าเป็อย่างไรบ้าง?”
ได้ยินท่านแม่ทัพเรียกขานสตรีบนเตียงว่าฮูหยิน ท่านหมอจินกลับรู้สึกประหลาดใจจวนแม่ทัพแห่งนี้มีฮูหยินเพิ่มมาอีกคนั้แ่เมื่อใดกัน
แต่ท่านหมอจินเห็นเื่ราวการต่อสู้ภายในบ้านเรือนใหญ่โตมามากจึงสะกดความสงสัยเอาไว้ เขาทราบดีว่ายิ่งตนรู้น้อยเท่าใดก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น
แม้วิชาแพทย์ของเขาจะเป็ที่้าของเหล่าขุนนางและคนใหญ่คนโตแต่ก็ไม่อาจหนีพ้นผลลัพธ์จากการรู้ความลับจนต้องถูกปิดปากในภายหลัง
ด้วยเหตุนี้เอง ทุกครั้งที่ท่านหมอจินไปรักษาที่จวนขุนนางใหญ่ก็จะพยายามฟังให้น้อยเห็นให้น้อยเข้าไว้
“เรียนท่านแม่ทัพฮูหยินได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมาเป็เวลานานล้วนสั่งสมไว้ในใจมิได้ระบายเรื่อยมา จึงมีความเครียดอัดอั้นอยู่ภายในที่นางต้องฝืนทนเก็บไว้แต่เพราะอัดอั้นมานานไม่เคยระบายออก ทำให้เมื่อฮูหยินได้รับความะเืใจซ้ำอีก ก็ไม่อาจทนรับไหวและหมดสติไปขอรับ”
“กระทบกระเทือนจิตใจ…” หั่วอี้ร้องดังขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจไม่เพียงหั่วอี้เท่านั้นที่ไม่เข้าใจ แม้แต่ป้าจ้าวก็ยังมองฮูหยินด้วยสีหน้ากังขา
ต้องมีเื่ทุกข์ใจมากเพียงใดจึงทำให้คนถึงขั้นหมดสติไปได้
หั่วอี้ส่ายหน้า เก็บความสงสัยของตนไว้ก่อน สิ่งสำคัญในยามนี้คือต้องรีบช่วยให้นางฟื้นขึ้นมาส่วนเื่ที่ว่าเหตุใดฮูหยินจึงได้รับความกระทบกระเทือนใจนั้นรอไว้ค่อยสอบถามในภายหลัง
“ท่านหมอจินมีหนทางใดช่วยฮูหยินของข้าให้ฟื้นขึ้นมาโดยเร็วหรือไม่”หั่วอี้มองไปยังท่านหมอจินเป็เชิงขอความช่วยเหลือ
ท่านหมอจินรู้สึกสงสัยในใจแม่ทัพหั่วผู้นี้เห็นสตรีเป็เพียงอาภรณ์มาแต่ไหนแต่ไร รอบกายไม่เคยขาดเหลือสตรีแต่กลับไม่เห็นว่าเขาจะมีใจให้แก่หญิงคนใดมาก่อน
ท่านหมอจินมองฮูหยินที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงปากก็เอ่ยว่า “การจะช่วยฮูหยินมีอยู่สองวิธี หนึ่งคือวิธีเร่งด่วนสามารถทำให้ฮูหยินฟื้นขึ้นในทันที แต่ฮูหยินจะต้องทนทรมานและเ็ปสักหน่อยสองคือวิธีค่อยเป็ค่อยไป ต้องใช้เวลาประมาณสามวันห้าวัน ขอเรียนถามท่านแม่ทัพว่าจะเลือกใช้วิธีใดรักษาฮูหยินขอรับ”
ท่านหมอจินช่างพูดได้ยืดยาวเนิบนาบนักทำให้หั่วอี้ร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว เขาไม่ใช่คนละเอียดอ่อน ตลอดมาล้วนคิดไวพูดไวแล้วจะทนวิธีค่อยๆ พูดจาชนิดเ้าคำข้าคำเช่นนี้ได้อย่างไร
“สิ่งใดคือวิธีเร่งด่วนสิ่งใดคือวิธีค่อยเป็ค่อยไป ท่านหมอจินโปรดเอ่ยออกมาตรงๆ ให้ชัดเจน พูดในสิ่งที่คนฟังแล้วเข้าใจ”
ท้ายที่สุดหั่วอี้ก็ไม่เหลือความอดทนอีกเขาแทบจะเข้าไปกระชากคอเสื้อท่านหมอจินขึ้นมาถามให้รู้เื่
_____________________________